|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
Inception ภารกิจบันเทิงมีระดับแห่งฮอลลีวู้ดทศวรรษใหม่
อ่านได้ ปลอดภัย เพราะผมไม่เคยสปอยล์ใครครับ
วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม 2553 รอบ 20.30 น. ที่นั่ง M4 โรงภาพยนตร์สกาลา(ป้าดด...ไม่ได้มาแตะบล็อกหน้าวิจารณ์หนังนานจนเกือบจะครบปีแล้วนะเนี่ยเรา)
Inception (n.) = การเริ่มต้น
การตกจากที่สูง คือการหลุดจากความฝัน และกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ...การหลุดจากความฝัน ทำให้ภารกิจและเรื่องราวจบสิ้น ...แต่ความคิด ความทรงจำ และจิตใต้สำนึกบางอย่าง ไม่มีวันจบ
Inception เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปในจิตใจของบุคคลหนึ่งโดยอีกบุคคลหนึ่งผ่านความฝัน เหมือนกับที่หนังอย่าง The Cell ก็เคยมีมาแล้วในปี 2000 ครับ ...ในขณะที่ The Cell ขายความวิจิตรตระการตาวิลิศมาหราผิดธรรมชาติ ที่มาพร้อมกับเรื่องราวแนวสืบสวนสอบสวนอันแสนเข้มข้น Inception กลับใช้ลักษณะกายภาพธรรมดาคุ้นตาที่อาศัยความมหัศจรรย์ของจิตวิทยา วิทยาศาสตร์ และความเหนือจริงเป็นที่ตั้ง คำว่า "อินเซปชัน" เป็นชื่อของภารกิจอย่างหนึ่งที่เหล่าตัวละครกำลังจะต้องเข้าไปทำในความฝัน แต่...จุดเด่น (หลัก) จริงๆ ของหนังไม่ได้อยู่ที่ภารกิจนี้หรือผลลัพธ์สุดท้ายของภารกิจ หากแต่เป็นการวิเคราะห์และอธิบายเรื่องของจิต (ทั้งเหนือและใต้สำนึก) ในแง่ความฝันของมนุษย์ โดยเฉพาะความทรงจำฝังใจของคนๆ หนึ่งว่ามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตแค่ไหน ดังที่สะท้อนออกมาผ่านหนึ่งในตัวละครสำคัญของเรื่องอย่างมอล (รับบทโดยมาริยง โกติญาร์) ผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลนคงต้องศึกษากระบวนการความฝัน และจิตมาอย่างถึงแก่นพอตัวเลยล่ะครับ ถึงหยิบเอาสิ่งที่ทุกคนเคยสัมผัสมาแต่งสีเติมกลิ่นได้สุดโต่ง และเหนือสิ่งอื่นใด..."เนียน" ได้ถึงที่สุดขนาดนี้ ลองนึกถึงคำพูดหนึ่งของตัวละครหลักอย่างคอบบ์ (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) สิครับว่าจริงมั๊ย คำพูดที่ว่า "คุณเคยจำตอนต้นของความฝันได้มั๊ย? คุณแค่จำได้ว่าคุณอยู่ในเหตุการณ์นั้นแล้ว"
ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และ มาริยง โกติญาร์
ถึงแม้แก่นของเรื่องจะทำให้เหมือนว่าหนังเรื่องนี้จับต้องยากก็จริง แต่รับประกันครับว่าดูรู้เรื่องแน่นอน หนังทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกับกำลังฝันอยู่ด้วย ยิ่งเราฝันลงไปลึกเท่าไหร่ ระดับอารมณ์เราจะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ยิ่งเราเห็นภาพความฝันชัดเจนเท่าไหร่ การถูกปลุกให้ตื่นด้วยการตกจากที่สูงในความฝันก็จะยิ่งกระชากระดับอารมณ์เรามากเท่านั้น โนแลนตีความกระบวนการการวิทยาศาสตร์ความฝันเหล่านี้แล้วจับมาอธิบายง่ายๆ เป็นภาพให้เราเห็นผ่านปฏิบัติการของตัวละครของเขา จึงไม่แปลกที่เมื่อเรื่องราวของหนังดิ่งลึกลงไป ความลุ้นระทึกของเราจะเพิ่มตามไปด้วย อย่างไรก็ดีในแง่ของการจัดสรรอารมณ์ของผู้ชม ผมบอกได้แค่ว่าเมื่ออารมณ์เราขึ้นไปถึงยอดภูเขาแล้ว โนแลนเลือกที่จะไม่ให้คนดูตกจากที่สูงเท่านั้นเอง (เหมือนกราฟพาราโบลาคว่ำ)
กราฟพาราโบลาคว่ำ
ด้านโปรดักชันที่เด่นๆ คงหนีไม่พ้นงานจากฝีมือของวอลลี ฟิสเตอร์ ผู้กำกับภาพคู่บุญของโนแลนมาตั้งแต่ Memento และฮานส์ ซิมเมอร์ คอมโพเซอร์ที่เคยฝากงานดนตรีเร้าอารมณ์ให้กับ The Dark Knight และ Batman Begins มาแล้ว ...งานกำกับภาพของฟิสเตอร์ยังมีลูกเล่นน่าสนใจอยู่เสมอครับ และเช่นเคยที่ฟิสเตอร์ใช้ภาพแสงธรรมชาติมากๆ (ที่บางครั้งอาจจะดูหยาบๆ ด้วยซ้ำไป) เพื่อตอบสนองโจทย์ที่โนแลนต้องการให้หนังของเขา "จริง" ที่สุด น่าสนใจมากว่าปีนี้ Inception จะทำให้ฟิสเตอร์เข้าชิงออสการ์สาขากำกับภาพเป็นครั้งที่ 4 ในชีวิตได้หรือไม่ ...ส่วนงานดนตรีของซิมเมอร์ ผมว่ามีส่วนคล้ายกับงานดนตรีของอีกหนึ่งหนังเด่นของลีโอนาร์โดในปีนี้อย่าง Shutter Island ผสมกับงานเก่าของซิมเมอร์เองที่ทำไว้ตอน The Dark Knight ยังไงบอกไม่ถูก
สำหรับลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ผมว่าปีนี้เป็นปีทองของเค้าครับ เพราะนอกจาก Inception แล้ว ดิคาปริโอยังฝากการแสดงที่โดดเด่นมากเอาไว้ใน Shutter Island เมื่อช่วงต้นปีด้วย สิ่งหนึ่งจากหนังเรื่องนี้ที่แตกต่างจากการแสดงของเขาในระยะหลังๆ ก็คือเขาดูนุ่มลงครับ ถึงแม้จะเป็นบทที่ยังต้องใช้อารมณ์มากๆ เหมือนอย่าง The Aviator, The Departed, Revolutionary Road หรือ Shutter Island ก็ตาม ในส่วนของสองสาวเด่นที่เคยกอดคอเข้าชิงออสการ์นำหญิงปีเดียวกันมาแล้วอย่างสาวมาริยง โกติญาร์ และสาวเอลเลน เพจ ดูโดดเด่นทั้งคู่ครับ โดยเฉพาะสาวมาริยงที่เรื่องนี้ เธอออกออร่ามากๆ ผมบอกไม่ถูกครับ แต่รู้สึกได้จริงๆ ...อดสงสัยไม่ได้ครับ ว่าเพลง Non, Je Ne Regrette Rien เพลงดังของอีดิธ เพี๊ยฟ นักร้องผู้อาภัพซึ่งสาวมาริยงเคยเล่นไว้จนได้ดิบได้ดีคว้าออสการ์ และถูกนำมาใช้เป็นเพลงสำคัญในหนังเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับการมารับบทของเธอหรือไม่? อย่างไร? ...สำหรับสาวเอลเลนกับบทแอรีแอ็ดนี ถือว่าเธอรับผิดชอบได้ดีทีเดียว เอาเป็นว่าเด่นพอที่จะไม่โดนคนอื่นๆ กลบ ในขณะที่อีกหนึ่งหนุ่ม (ซึ่งผมว่าหล่อแบบแปลกๆ) โจเซฟ กอร์ดอน-ลิวอิตต์ รายนี้ต้องบอกว่าน่าอิจฉาแทนเพื่อนร่วมจอคนอื่นๆ เลยล่ะครับที่มีฉากต่อสู้เท่ห์ๆ ในหนังให้ผู้ชมได้จดจำกันด้วย
โจเซฟ กอร์ดอน-ลิวอิตต์ กับฉากที่ว่า
ในขณะที่ "อินเซปชัน" ภารกิจฝังความคิดนี้ ปรากฎออกมา (อย่างตรงๆ) เป็นภาพเบื้องหน้าผู้ชมตลอดความยาว 148 นาที ผ่านบทหนังที่รังสรรค์จากไอเดียล้ำโลกของโนแลนเอง ...มาตรฐานอันสูงปรี๊ดที่หนังฮอลลีวู้ดแห่งทศวรรษใหม่เรื่องนึงจะพึงมีก็ถูกบัญญัติขึ้นเช่นกันครับ ไม่ต้องพูดถึงงานชิ้นต่อๆ ไปของโนแลนที่มีได้แค่ ไม่สูงกว่าเรื่องนี้ก็ต้องเท่ากันเป็นพอ!! ผมเชื่อว่า ณ เวลานี้ ความบันเทิงมีระดับแนวใหม่เช่นนี้ถูกฝังลงไปในสมองของผู้ที่ได้ผ่านตากันไปแล้วเรียบร้อย ...10 ปีนับจากนี้คงต้องมี Inception เป็นหนึ่งในไอเดียสุดบรรเจิดสำหรับฮอลลีวู้ด คล้ายๆ กับเมื่อ 11 ปีก่อนที่ The Matrix เคยเปลี่ยนโฉมหน้ามาตรฐานหนังฮอลลีวู้ดมาแล้ว ประโยคที่ว่า "ความคิด (ไอเดีย) เป็นเหมือนไวรัส สามารถระบาด แพร่กระจายได้" คงสะท้อนงานชิ้นนี้ของโนแลนได้เป็นอย่างดี ...ภารกิจ "อินเซปชัน" (อย่างอ้อมๆ) ของนักสร้างหนังผู้นี้สำเร็จลุล่วงแล้วล่ะครับ
เกร็ดเพิ่มเติม 1) Inception ถือเป็นหนึ่งในหนังรวมดาวออสการ์ที่เยอะที่สุดแห่งปีคล้ายกับเรื่อง Nine โดยรวมนักแสดงที่เคยผ่านเวทีออสการ์มาแล้ว 6 คน (Nine มี 7 คน...เออ แต่ทำไมชื่อเรื่อง Nine??!!) ได้แก่ - ลิโอนาร์โด ดิคาปริโอ (รับบท คอบบ์) เคยเข้าชิง 3 ครั้ง จาก What's Eating Gilbert Grape (สมทบชายปี 1993), The Aviator (นำชายปี 2004) และ Blood Diamond (นำชายปี 2006) - มาริยง โกติญาร์ (รับบท มอล) เคยชนะนำหญิงจาก La Vie en Rose เมื่อปี 2007 - เอลเลน เพจ (รับบท แอรีแอ็ดนี) เคยเข้าชิง 1 ครั้ง จาก Juno (นำหญิงปี 2007) - เคน วาตานาเบ้ (รับบท ไซโตะ) เคยเข้าชิง 1 ครั้ง จาก The Last Samurai (สมทบชายปี 2003) - ไมเคิล เคน (รับบท ไมลส์ พ่อของคอบบ์) เคยเข้าชิง 6 ครั้ง ชนะ 2 ครั้ง จาก Hannah and Her Sisters (สมทบชายปี 1986) และ The Cider House Rules (สมทบชายปี 1999) - พีท โพสเทิลเวท (รับบท มอริส ฟิชเชอร์ ...ฟิชเชอร์ผู้พ่อ เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่) เคยเข้าชิง 1 ครั้ง จาก In the Name of the Father (สมทบชายปี 1993)
2) วอลลี ฟิสเตอร์ เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้ว 3 ครั้งในสาขากำกับภาพยอดเยี่ยม จาก Batman Begins (ปี 2005), The Prestige (ปี 2006) และ The Dark Knight (ปี 2008) ทั้ง 3 เรื่องเป็นงานกำกับของโนแลน
3) ฮานส์ ซิมเมอร์ เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้ว 8 ครั้งในสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และชนะ 1 ครั้งจาก The Lion King ในปี 1994
4) แต่...คริสโตเฟอร์ โนแลน เคยชิงแค่ครั้งเดียวในชีวิต ในสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมเมื่อปี 2001 คู่กับโจนาธาน โนแลน (พี่ชาย) จากเรื่อง Memento
Create Date : 18 กรกฎาคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2553 16:18:15 น. |
Counter : 1522 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แฟนผมฯ IP: 114.128.97.106 18 กรกฎาคม 2553 20:03:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: butbbj 19 กรกฎาคม 2553 12:03:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pop IP: 183.89.45.120 20 กรกฎาคม 2553 0:21:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: butbbj 20 กรกฎาคม 2553 15:43:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: Job IP: 125.25.246.225 21 กรกฎาคม 2553 9:27:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: komyooth 21 กรกฎาคม 2553 15:38:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: phaley13 IP: 115.87.150.247 21 กรกฎาคม 2553 22:27:46 น. |
|
|
|
| |
|
... B E S T A C T O R & B E S T A C T R E S S ...
... B E S T S U P P O R T I N G A C T O R ...
... B E S T S U P P O R T I N G A C T R E S S ...
|
|
|
|
|
|
|
|
ฉากแอ๊คชั่นไร้แรงโน้มถ่วงนี่มันเจ๋งจริงๆครับ บวกกับที่มาที่ไปอันสมเหตุสมผลยิ่งทำให้มันเจ๋งเข้าไปใหญ่ ผมว่าหลังจากนี้เฮียโนแลนทำงานลำบากแล้วล่ะ แต่ทำอะไรก็จะตามไปดูครับ เพราะเรื่องนี้ทำให้ผมกลายเป็นสาวกแกไปเลย