》บางช่วงเวลาจะมีตู้สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ 

ตู้จะสีชมพู หนุ่มๆเผลอเข้าไป ระวังจะโดนค้อน

》ที่นั่งแถวท้ายของแต่ละตู้ จะสำรองไว้ให้คนท้อง สว.
คนที่พกอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆในร่างกาย 

ถ้าไม่มีคนข้างต้นก็นั่งได้ แต่ต้องสังเกตด้วย

ถ้ามีเข้ามาเราควรลุกให้นั่งทันที
และควรงดเล่นมือถือบริเวณนั้นด้วย

》ถ้าสะพายเป้หรือมีสัมภาระให้ถือไว้หรือวางบนที่วางเหนือศีรษะจะดีกว่า
เราจะได้ยืนสบายขึ้น

》ก่อนเดินทางต้องรู้ก่อนว่าจะเดินทางโดยรถไฟแบบไหน 

เพราะสถานีใหญ่ๆเช่น โตเกียว ชินจูกุ อูเอโนะ อิเคะบุคุโระ 

จะมีรถไฟหลายประเภทอยู่ด้วยกัน แต่ทางเข้าจะแยกออกจากกัน

》หากจะเดินทางไปgala yuzawa, utsunomiya เพื่อต่อไปnikko
ต้องเข้าสถานีที่เป็นshinkansen จากสถานีโตเกียว

》สำหรับใครที่ไปnikkoแล้วมาขึ้นขบวนjrจากสถานีutsunomiya
ประตูรถไฟของที่นี่สามารถกดเปิดปิดได้เอง(ตราบเท่าที่ขบวนยังไม่เคลื่อนที่)
เพราะหากเปิดประตูค้างไว้ คงจะหนาวมากๆ ดังนั้นถ้าลงมาสถานีแล้วเห็นประตูปิดอยู่ สามารถกดปุ่มเพื่อเปิด(จากด้านนอก)
เมื่อเข้าไปแล้วก็กดปุ่มปิดอีกทีได้(ด้านในมีปุ่มเปิด-ปิดทั้งคู่)

》ที่สถานีutsunomiya ขึ้นชื่อเรื่องเกี๊ยวซ่าถ้ามีเวลาลองแวะทานกันได้
ชื่อร้านมินมิน อยู่ในห้างติดกับสถานีเลย

》ขากลับจากสถานีgala yuzawa
จนท.จะเปิดประตูทางเข้า-ออกก่อนเวลารถไฟออก15นาที
ดังนั้นกะเวลากันด้วยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลามายืนหนาวรอรถไฟ

》แต่ถ้าจะเดินทางด้วยnarita express (n'ex)จากสถานีโตเกียว
ต้องเข้าสถานีที่เป็นjr สังเกตง่ายๆว่าทางเข้าเป็นสีเขียว
แต่ถ้าเป็นสถานีที่สนามบินนาริตะป้ายจะสีแดงซะงั้น

ถ้าเข้าผิดชีวิตเปลี่ยน อาจพลาดขบวนที่ต้องการไปได้จริงๆ

》ตารางเวลารถไฟ เช่น 20.34 นั่นเป็นเวลาที่รถไฟออก
ดังนั้นเราควรมาก่อนเวลานิดนึง
ถ้ามา20.34 เราอาจเห็นรถไฟออกไปต่อหน้าต่อตา

》jr tokyo wide pass, jr nationwide pass
ถ้ามาไม่ทัน ไม่มีการคืนเงืนแน่ เพราะเราไม่ได้จ่ายเงินเพิ่ม

แต่เราสามารถออกตั๋วที่นั่งเที่ยวใหม่ได้
และควรไปยกเลิกตั๋วที่นั่งใบเดิม
เพื่อให้เขาสามารถขายที่นั่งให้คนอื่นได้ค่ะ
แต่ถ้ามาก่อนเวลาแล้วอยากเลื่อนเป็นเที่ยวรถไฟที่เร็วกว่าก็ทำได้เช่นกัน
โดยไม่เสียค่าบริการอะไร
เพียงแต่เอาตั๋วที่นั่งเดิมไปคืนและขอออกตั๋วใหม่

》เมืองKawagoe หรือlittle Edoแห่งจังหวัดไซตามะ

ควรไปวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และเที่ยวเพียงครึ่งวันก็ทั่วถึง

เพราะร้านรวงส่วนใหญ่จะปิดในวันธรรมดา 

ส่วนตัวคิดว่าแทบไม่มีอะไรน่าสนใจเลย

มีเพียงหอระฆังKita inที่พอจะดึงดูดได้บ้าง

》ถ้าจะไปสนามบินนาริตะด้วยรถไฟสกายไลน์เนอร์

ที่สถานีรถไฟใต้ดินอูเอโนะ ให้ออกประตู 6

》เวลาวางแผนการเดินทางแล้วมีการเปลี่ยนขบวนต่อสายรถไฟ
ต้องเผื่อเวลาต่อรถขบวนถัดไปด้วย เพราะถึงแม้จะอยู่สถานีเดียวกัน
แต่อาจต้องเดินไกล700-800เมตร

      เช่น
         เราจะไปขึ้นชินกันเซนที่สถานีโตเกียว
         เราขึ้นต้นทางจากใต้ดินสายtozaiมา
         เมื่อมาถึงสถานีร่วมยังต้องเดินไปสายmarunouchi อีก
         เพื่อต่อไปสถานีโตเกียว เมื่อมาถึงสถานีโตเกียว
         ต้องออกจากสถานีใต้ดินเพื่อมาเข้าสถานีที่เป็นชินกันเซน

         เหล่านี้ใช้เวลาพอสมควร ยิ่งถ้าคุณมีสัมภาระ เด็ก สว.
         เพราะอาจต้องใช้ลิฟต์ด้วย
        ไหนต้องใช้เวลาดูด้วยว่าสายที่จะไปอยู่ชานชาลาใดด้วย

》จงระวังสถานีที่มีหลายชานชาลาอยู่ร่วมกัน

    มากกว่า 4-5ชานชาลาในสถานีเดียวกัน 

    เพราะถ้าเราขึ้นไฟผิดชานชาลา = เราไปจุดหมายที่ผิด
    เราเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ สุดท้ายงมทางหลงไปเป็นชม.

》ก่อนจะก้าวขึ้นรถไฟดูให้แน่ใจก่อนว่า
ขึ้นขบวนไปยังปลายทางที่เราต้องการถูกหรือไม่

      เช่น

        ตอนนี้เราอยู่สถานที่ C6 ต้องการไปC12
        ก่อนลงไปชานชาลาต้องรู้ก่อนว่าสถานีC12
        อยู่ทางซ้ายหรือทางขวาของเรา
        C1-C5ลงทางลงที่1
        C7-C19ลงทางลงที่2
        หมายความว่าเราต้องลงที่ชานชาลาที่ 2 ถึงจะไปยังC12ได้

》เวลาเราลงบันไดมาแล้วเห็นรถไฟกำลังจะออก
อย่าได้รีบพุ่งขึ้นขบวนทั้งที่ไม่แน่ใจว่าใช่ขบวนที่ต้องขึ้นแน่หรือไม่
นอกจากอันตรายแล้ว เราอาจขึ้นขบวนผิดก็เป็นได้

》ในสถานีรถไฟสถานีโตเกียวมีร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกซ่อนอยู่
ในชั้นใต้ดินB1 ลองหาดูจะมีป้ายบอกทาง ใครที่ชอบช้อปปิ้งอย่าลืมทำtax freeก่อน มีเคาน์เตอร์บอกเอาไว้

++++++++++++++++++++++++++++++++++

》เวลาซื้อเบียร์ใน7-11 ตอนคิดเงินพนง.จะให้กดยอมรับว่าอายุเกิน20ปี

สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ เราก็จิ้มคำว่าyesที่หน้าจอตรงแคชเชียร์ได้เลย

》ช่วงหลัง2ทุ่ม อาหารกล่องที่ขายในซุปเปอร์มักจะลดราคา
ถ้าชอบแนวนี้ไปรอได้เลย

》ในกรณีซื้อพวกอาหารกล่อง เขามักจะพูดอะไรสักอย่าง ให้เดาได้เลยว่าเขาถามว่าอุ่นไหม เราก็พยักหน้าหรือส่ายหัวไป

》เมื่อเห็นป้ายราคาของที่วางขาย เช่น ตลาด ร้านอาหาร ส่วนใหญ่เป็นราคาที่ยังไม่รวมvat8% อย่าเพิ่งตาโตเมื่อเห็นราคาว่าดูเหมือนจะถูก

》ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่ต้องเอาถุงมาใส่เองหากต้องการถุงพลาสติกต้องเสียเงินเพิ่ม

》ราคาสตรอเบอร์รี่สดแตกต่างกันตามสถานที่ๆขาย เจอแบบถูกจริงๆคือชานเมือง แพงๆคือในซุปเปอร์

+++++++++++++++++++++++++++++++++

》ที่นี่มีการแยกขยะชัดเจน บางทีเวลาทิ้งขวดพลาสติก 

จะมีที่ให้ทิ้งเฉพาะฝาขวดแยกต่างหากด้วย

》เราจะจ่ายเงินโดยวางในถาดพลาสติก และรับเงินทอนจากมือพนง.โดยตรง พนง.จะนับแบงก์ให้ก่อน จากนั้นจะทอนเศษตามมาทีหลัง(ถ้ามี)

》ในร้านอาหารหลายที่ไม่มีกระดาษทิชชู่ มีแต่ผ้าร้อน หรือผ้าเปียกให้
แล้วถ้ากินอาหารเผ็ดๆ เป็นอุปสรรคเลยถ้าต้องสั่งน้ำมูก

》เข้าร้านอาหารช่วงเที่ยง ถ้ามาคนเดียวมีโอกาสได้นั่งเคาน์เตอร์สูงมาก แต่พนง.จะถามก่อนว่านั่งเคาน์เตอร์ได้หรือไม่

》ร้านอาหารส่วนใหญ่มีน้ำดื่มบริการ นอกจากเราจะสั่งอย่างอื่นดื่มเพิ่ม เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ

+++++++++++++++++++++++++++++++++

》ห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่ชักโครกจะปิดฝาไว้ ความหมายคือพร้อมใช้ ถ้าเป็นที่ไทยเจอแบบนี้ คือไม่กล้าเปิดฝาแน่นอน

》ใช้บัตรเติมเงิน suica/pasmoสะดวกดีทั้งการเดินทาง และซื้อของในร้านสะดวกซื้อ รวมถึงร้านหนังสือและร้านเบเกอร์รี่บางแห่ง

》บัตรเติมเงิน suica/pasmoจะมีค่าบัตร500เยน ถ้าเราเติม10,000เยน

หมายความวา่ เราสามารถใช้เงินในบัตรได้ 9,500 เยน

》ถ้าซื้อหนังสือ พนง.จะห่อปกให้เป็นกระดาษทึบไม่ใช่พลาสติกใสแบบบ้านเรา

》คนญี่ปุ่นไม่เดินกิน ถ้าให้ดี...ยืนกินให้เสร็จหรือนั่งกินที่ร้านจะดีกว่า

 เช่น ไอศครีม เครป

》ราคาน้ำดื่มในซุปเปอร์ฯจะถูกกว่าแบบกดจากตู้ 

แต่เจอตู้ทีไรก็กดมากกว่าจะเดินไปซื้อในซุปเปอร์ฯ

》น้ำประปาจากก๊อกดื่มได้(อุณหภูมิปกติ) 

แต่ถ้าตะขิดตะขวงใจ เอาไปต้มในกาต้มน้ำร้อนก่อนได้

》เวลาเดินทางถ้าไม่อะไรมาก พกขวดเปล่าไปกดน้ำดื่มข้างทางกินได้ 

แต่บางทีก็ไม่อยากแบกขวดน้ำ อยากลองกดตู้ ไม่พกก็ไม่ว่ากัน ^^

》google mapช่วยท่านได้ แต่ขึ้นอยู่สถานการณ์แต่ล่ะครั้ง
ครั้งนึงเราให้ช่วยนำทางแต่พาเราเข้ารกเข้าพง 

ทั้งที่จริงๆเดินตรงอย่างเดียวก็ถึงจุดหมายแล้ว เผลอหลงตั้งนาน

แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเรายืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ อย่างน้อยgoogle mapจะพอนำทางให้เราออกไปยังทางที่ถูกต้องได้