~::: สึนามิ
.. สอนให้รู้จักการเป็นผู้ให้
. และให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน (ตอนจบ) :::~ เมื่อมาถึงที่บริเวณวัดย่านยาว
. ขณะที่ยังไม่ทันก้าวลงจากรถ
สิ่งที่แรกที่ทำให้อิชั้นเริ่มจะเขว ๆ แล้วก็คือ
กลิ่นค่ะ
คงไม่ต้องบอกว่าขนาดไหน เป็นยังไงนะคะ
. .. เมื่อก้าวลงจากรถและนำศพไปรวมตรงที่เก็บรวบรวม เพื่อรอพิสูจน์ต่อไป . แม้จะแค่ได้กลิ่นที่ไม่มีอะไรมาบรรยายได้ สักพักอิชั้นก็ฮึดสู้ค่ะ .. ไหน ๆ ก็มาถึงขณะนี้แล้ว อีกอย่างเราตั้งใจมุ่งมั่น แน่วแน่มาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมาช่วยจริง ๆ . .. เมื่อเดินเข้ามาด้านใน . วูบแรกที่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า . อิชั้นขาเริ่มสั่น เข่าเริ่มจะอ่อนก้าวต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ . น้ำตาจะไหล . ทำใจไม่ได้ค่ะ .. ทั้ง ๆ ที่เตรียมตัว เตรียมใจมาดิบดี เตรียมมาพร้อมแล้ว . แต่ .. .. แต่ . อิชั้นไม่คิดว่า จะมาเจออะไรที่มากมายขนาดนี้ .. ศพนับพันวางเรียงราย ซ้อน ๆ กันจนแทบจะไม่มีที่ให้เดิน .. อิชั้นทำอะไรไม่ถูกค่ะ . ในใจตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่า . ใครก็ได้ พาอิชั้นกลับบ้านหน่อยเถอะ . ถ้าถามว่ากลัวไม๊ .. บอกตรง ๆ ว่าอิชั้นกลัวมาก ๆ เนื่องจากอะไร ๆ หลาย ๆ อย่าง ทั้งคน ทั้งกลิ่น ทั้งผู้สูญเสีย อิชั้นเห็นแล้วทำใจไม่ได้จริง ๆ มันน่าสลดหดหู่ใจมาก ๆ ถึงมากที่สุด . แบบว่าไม่รู้จะบอกยังไงดี เคยเห็นแต่ในข่าว ตามทีวี หนังสือพิมพ์ มันก็หดหู่มาก ๆ แล้ว แต่นี่ คือภาพจริง เสียงจริง ที่เราสามรถสัมผัสได้ด้วยสายตา และความรู้สึกของกันและกันโดยไม่ได้ผ่านสื่อใด ๆ มันช่างเป็นภาพที่สะเทือนใจ เศร้าใจ จนไม่รู้จะบอกยังไง มันเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว สุดยอดจริงๆ ของทุกความรู้สึกในขณะนั้น .. ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาเจออะไรแบบนี้ ต้องมาเจอสภาพแบบนี้ เวลานั้นเราอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด .. อิชั้นสงสารเค้า ไม่อยากเห็นคนร้องไห้น่ะ เพราะเสียงร้องของเค้ามันแบบว่า . ขนลุกอ่ะ ขนลุกจริง ๆ ใจตอนนั้นมันเหลือนิดเดียวเอง มันเหมือนกับว่า ใจเราจะขาดตามเค้าไปด้วยยังไงยังงั้น . ขณะที่อิชั้นกำลังเริ่มถอย .. จู่ ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมาว่า แล้วถ้าเป็นญาติเราล่ะ . เราก็อยากเจอญาติของเรา แล้วนี่คนอื่นเค้าก็ต้องรอคอย เค้าต้องมีความหวัง ว่าจะได้พบญาติของเค้าเช่นกัน . แต่สภาพตอนนั้น เค้าไม่มีแรง ไม่มีพลังพอที่จะค้นหา เค้าคงฝากความหวังไว้ที่พวกเรา .. .. แล้วเราล่ะ .. เรายังมีแรงกาย และพลังใจ .. ทำไมเราถึงไม่สู้ . ไหนว่าอยากมาช่วยพวกเค้าไม่ใช่หรอ เจอแค่นี้ ก็จะไม่สู้ซะแล้ว . ไหนล่ะ สิ่งที่เราตั้งใจ . เรายังทำมันไม่สำเร็จ ไม่เต็มที่เลย .. .. เมื่อคิดได้ดังนี้ . อิชั้นก็กลับมาฮึดสู้อีกครั้ง . สู้ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะสู้ได้สักแค่ไหน ((ยังไงก็ขอได้ลองก่อนแล้วกัน)) .. จากนั้นก็สูดดดดดดดดดด . สูดให้เต็มปอดอีก 3 -4 เฮือกใหญ่ . .. และเดินไปรอบ ๆ บริเวณวัดย่านยาว . เดินไปในศาลา เดินไปตรงตู้คอนเทนเนอร์ เดินไปรอบ ๆ . ที่เก็บศพ . เดินให้เกิดความคุ้นเคย ให้ชินสายตา สูดกลิ่นให้ชินจมูก แต่ยิ่งสูด ก็ยิ่งแย่ค่ะ เพราะฟอมาลีนเริ่มทำให้แสบจมูก แสบตา จนดวงตาอันอันน้อยนิดของอิชั้นเริ่มหรี่ลง . หรี่ลง น้ำตาพาลจะไหลค่ะ . ฮีโร่ของอิชั้นค่ะ เมื่อเห็นคุณหญิงหมอทำงานแบบไม่ได้หยุด ไม่ได้พักแล้ว อิชั้นจะอยู่เฉยได้ยังไงล่ะค่ะ .. .. แม้ว่าสีหน้าของท่านจะอิดโรย แต่แววตาคุณหญิงยังคงฉายประกายแห่งความหวังและความสุขอย่างเต็มเปี่ยมค่ะ .. พวกเราอยู่ช่วยกันที่วัดย่านยาวจนค่ำ . ตอนนั้นเริ่มปวดท้องหิวข้าว เพราะพวกเรากินกันมาตั้งแต่ตอนเช้าที่มาถึงภูเก็ตแค่นั้น แล้วยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย . .. สักพักทางทีมอาสาด้วยกัน เอาอาหารเจ ที่เป็นโปรตีนเกษตรอบคล้าย ๆ หมู กับข้าวเหนียวมาให้คนละ 1ชุด . แต่ตอนนั้นอิชั้นกินไม่ลงจริง ๆ ค่ะ ไม่ได้รังเกียจเลยนะคะ แต่มันบอกไม่ถูกจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่หิวจนตาลาย . .. เมื่อความมืดเข้ามาเยือน อิชั้นก็ยิ่งอยากร้องไห้กลับบ้านมาก ๆ เลยอ่ะ ใครจะรู้บ้างไม๊เนี่ย ว่าอิชั้นกลัวผีขนาดไหน บอกพี่ชายมันก็ไม่เชื่อ เพราะถ้าคนกลัวผีจริงๆ คงจะไม่เสนอหน้ามาแบบนี้แน่นอน ยิ่งมืดมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้นเท่านั้น . ที่สำคัญมันยิ่งกระวนกระวายและหวาดระแวงหนักเป็นทวีคูณ เมื่อรู้ว่า คืนนี้เราจะต้องนอนกันที่นี่ . ก็แถวที่เก็บศพนี่แหล่ะ ตายล่ะ ตายแน่ ๆ อิชั้นต้องตายแน่ ๆ .. ไม่อาววววว ไม่ไหวจริง ๆ อ่ะ .. ตอนนั้นอิชั้นเหมือนคนวิตกจริตไปแล้วค่ะ หวาดระแวง กลัว กระวนกระวาย กระสับกระส่าย แบบว่ามันรุมเร้ามาก ๆ จนบอกไม่ถูก . รู้แต่เพียงว่า ตอนนั้นอิชั้นรู้สึกไม่ดีแน่ ๆ .. อยากร้องไห้มาก ๆ เลยค่ะ . อิชั้นไม่ได้รังเกียจศพ หรือกลัวศพนะคะ แต่อิชั้นกลัวผีค่ะ กลัวชนิดที่หัวหด ขี้ขึ้นสมองเลยล่ะค่ะ . ใกล้ ๆ กันเป็นโรงเรียนวัดบางม่วง เค้าจะให้พวกอาสาส่วนหนึ่งมาพักอยู่ที่นี่ . แต่ เนื่องจากไฟฟ้าไม่มี . ทุกอย่างมืดตึ๊ดตื๋อ . ห้องน้ำก็ไม่มี . อิชั้นเข้าห้องน้ำครั้งสุดท้ายตอน 9 โมงเช้าในตัวเมืองภูเก็ต จนป่านนั้นเกือบ 5 ทุ่มแล้วค่ะ . ในใจอิชั้นก็กังวลตลอดเวลาว่า เราจะมาเป็นภาระของพวกเค้าเปล่านะ เพราะเป็นผู้หญิงคนเดียว จะทำอะไรก็ไม่สะดวก เราเลยเหมือนกลายเป็นคนเรื่องมาก แบบบอกไม่ถูก . .. 5 ทุ่มกว่า ๆ . อิชั้นก็ทนฝืนความรู้สึกต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ อิชั้นจะบ้าตายแล้วอ่ะ . อิชั้นกลัวผี จนวิตกจริต ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ใครเดินผ่านก็ระแวง สะดุ้งตกใจไปหมด เพราะมันมืดมากจริง ๆ นะ มองไม่เห็นอะไรเลย วังเวงสุด ๆ . อิชั้นเฝ้าร้องขอ อ้อนวอนพี่ชายให้พาอิชั้นออกจากที่นี่หน่อยก่อนที่อิชั้นจะเสียสติ . สุดท้าย .พวกเราจึงต้องอพยพกันลงไปภูเก็ต ตีรถลงไปภูเก็ตอีก 100กว่ากม. เพื่อหาที่อาบน้ำ ที่นอน เพราะเราเหนื่อยกันมาก นี่ขนาดวันเดียวเองนะ . แล้วพวกเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่เค้าอยู่กันมาตั้งแต่แรกล่ะ แบบว่าสุดยอดมาก ๆ เลย . อิชั้นนับถือพวกเค้าจริง ๆ . จิตใจเกินร้อยมาก ๆ ค่ะ .. .ใครไม่ไปเจอ ไม่ไปอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ . อาจไม่เข้าใจหรอกค่ะ .. ถึงตัวเมืองภูเก็ต ตอนตี 1 กว่า ๆ . โรงแรมที่พักเต็มหมด ขับรถวัน ๆ เวียน ๆ หาที่พัก เพียงแค่เพื่อล้างหน้า อาบน้ำอาบท่าก็ยังดี เพราะตอนนั้นพวกเราไม่ได้หวังว่าจะได้นอนแล้วล่ะค่ะ เพราะตี 5 ต้องรีบกลับไปที่เขาหลักอีกครั้ง . เพราะมีงานรอพวกเราอยู่อีกมาก . สุดท้าย . ตัวเลือกที่ดี และเหมาะกะพวกเรามากที่สุดเท่าที่เราหากันได้คือ . ปั๊มน้ำมันค่ะ . ทยอยกันไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันในห้องน้ำของปั๊มนี่ล่ะค่ะ . ดีที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้ .. ตี 5 กว่า ๆ แวะหาอะไรกินกันไปให้พร้อมก่อน . เช้าวันนี้โชคดีมาก ๆ ขณะที่อิชั้นกำลังบ่น ๆ อยู่ว่าอยากใส่บาตรมาก ๆ .จู่ ๆ ก็มีหลวงพ่อรูปหนึ่งมาโปรดสัตว์โลกอย่างพวกเรา ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ . อิชั้นและพลพรรคก็รีบซื้ออาหาร ดอกไม้ ใส่บาตรหลวงพ่อกันยกใหญ่ .. และไม่ลืมอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่สูญเสียกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยล่ะค่ะ มันช่างเป็นเช้าของวันที่สดชื่น แจ่มใส และมีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ .. เสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัว พวกเราก็เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวมกันต่อค่ะ .. เช้านี้ . เป้าหมายต่อไปของพวกเรา คือ บ้านน้ำเค็ม ที่ท้ายเหมืองค่ะ เพราะได้รับการประสานงานว่า มีผู้เสียชีวิตอยู่ที่นี่นับพัน แล้วตอนนี้ยังสูญหายอีกนับไม่ถ้วน . พวกเราจึงรีบมุ่งหน้าไปบ้านน้ำเค็มอย่างเร็วที่สุด ระหว่างทาง ถ้าเจอชาวบ้านที่ประสพภัย พวกเราก็จะลงไปแจกเสื้อผ้า ข้าวของที่จำเป็นกันเรื่อย ๆ เพราะเห็นจากสภาพที่เค้าเอามากองกันข้างทางแบบเมื่อวานแล้ว กลัวว่าของบริจาคต่าง ๆ จะไม่ถึงมือผู้เดือดร้อนจริง ๆ ที่บ้านน้ำเค็ม . อิชั้นเจอเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ทั้งสะเทือนใจสุด ๆ และประทับใจสุด ๆ . .. กองเสื้อผ้า ข้าวของที่คนใจดีร่วมกันส่งมาให้ผู้เดือดร้อนค่ะ . กองมหึมามาก ๆ .. ยังมีผู้มาบริจาคสิ่งของ เครื่องใช้อย่างต่อเนื่องค่ะ . น่าดีใจแทนผู้ประสบภัยค่ะ ว่าอย่างน้อยก็ยังโชคดีที่มีผู้ยื่นมือมาช่วยเหลือ . ถึงแม้บางอย่างจะไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่มันก็เทียบกับน้ำใจและความตั้งใจของผู้ให้ไม่ได้เลยค่ะ .. ที่นี่ . รู้สึกว่าจะเดือดร้อนกันมาก ๆ และมีผู้เสียชีวิตที่ยังสูญหายอยู่จำนวนมาก ถึงมากที่สุด . มาถึงที่นี่ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันออกสำรวจและค้นหา ขณะที่อิชั้นเดิน ๆ ลงไป (คิดว่า) กลางทุ่ง กับน้องชาย วัย 17 ปี ที่ตามมาด้วย .. เดินออกไปได้สัก 500 เมตร ก็จะมีแอ่งน้ำขังเเฉะ ๆ ซึ่งตรงนี้ จริง ๆ ไม่ใช่พื้นดิน แต่มันเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ ที่ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ บ้านเรือนจำนวนมากลงมาถมอยู่ในบ่อนี้ จนกลายเป็นพื้นดินธรรมดา .. ขณะที่เดินออกค้นหาอยู่นั้น . ในใจอิชั้นท่องอยู่ตลอดเวลาว่า . ข้าพเจ้ามาดีนะคะ ตั้งใจมาช่วยพวกคุณทุกคนด้วยความบริสุทธิ์ใจนะคะ หากข้าพเจ้าได้ล่วงเกินสิ่งใดไป หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เดินข้าม เดินเฉียด หรือเหยียบพวกท่านไป พวกข้าพเจ้าต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ และพวกท่านโปรดยกโทษให้พวกเราด้วยนะคะ พวกเรามิได้มีเจตนาจะไปลบหลู่ ดูหมิ่นพวกท่านเลยแม้แต่น้อย . พวกเราอยากช่วยพาพวกท่านไปพบญาติค่ะ . อิชันก็จะนึกถึงอยู่แบบนี้ตลอดเวลา .. ที่ก้าวเท้าออกไป เดินผ่านรถแบ็คโฮ ที่กำลังถาก ๆ คุ้ย ๆ อยู่ ก็รู้สึกว่าขนลุกซู่ หวิว ๆ แล้วมีกลิ่นวูบเข้าใส่หน้าอย่างแรงจนผงะ . จึงชะงักแล้วตะโกนบอกน้องชายว่า น้องนัด ชัวร์เลยว่ะ แถวนี้ชัวร์ เจ๊ว่าเจอแน่ ๆ ช่วยกันหาเร็ว . ..อิชั้นกะน้องชายก็ช่วยกัน . สักพักเจ้าน้องชายก็ตะโกนขึ้นว่า .. เจ๊รัตน์นั่น ๆ เหมือนขาคนเลยอ่ะ .. พอให้รถฯ มาตักขึ้น แล้วก็เจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ . อิชั้นดีใจ และตื่นเต้นมาก ๆ เลยค่ะ . พี่เค้าจะได้กลับบ้านแล้วค่ะ . .. อิชั้นจึงโทรไปบอกพี่ชายให้มาช่วยตรงนี้หน่อย . .. วินาทีนั้น . ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งสี แบ่งฝ่ายกันหรอกค่ะ ใครบอกว่าปอฯ กับร่วมฯ มีปัญหากัน ทำงานร่วมกันไม่ได้ จริง ๆแล้วมันไม่ใช่เลยค่ะ . ทุกคน ทุกฝ่ายต่างร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีค่ะ .. . จำนวนชาวบ้านที่มายืนดูนับร้อยนี้ อย่าคิดว่าเป็นไทยมุงนะคะ เพราะตอนแรกอิชั้นก็เข้าใจว่าไทยมุง .แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่หรอกค่ะ พวกเขาเหล่านี้ คือคนที่รอดชีวิตจากที่นี่ และญาติผู้เสียชีวิตที่มาจากที่อื่น เค้าก็มารอญาติเค้าเหมือนกัน .. เค้ามาดูกันว่า ศพที่หาขึ้นมาได้นั้น .. จะใช่ญาติเค้ากันหรือเปล่า .. สักพักยังไม่ทันแบกศพผู้หญิงคนนี้ไปถึงรถเลยมั๊ง ก็เจอศพเด็กอีกแล้ว .. อีกแล้ว . และอีกแล้ว . ((จริง ๆ แล้วมีรูปอีกมากค่ะ แต่เกรงว่าจะไม่เหมาะสม และอาจทำให้สะเทือนใจได้ เลยไม่ลงนะคะ..)) .. ทุกครั้งที่พวกเราพบเค้า มันยิ่งเป็นการเพิ่มกำลังใจ และความมุ่งมั่นของพวกเราเข้าไปอีกว่า . ยังมีคนที่รอพวกเราอยู่ เค้ายังรอให้เรามาพาพวกเค้ากลับบ้าน . .. ช่วงเวลานั้น ลืมหิว ลืมเหนื่อย ลืมร้อน ((ทั้ง ๆ ที่แดดออกเปรี้ยง ๆ )) ลืมเรื่องส่วนตัว ลืมอะไรต่อมิอะไรไปเสียหมดทุกอย่างค่ะ . คิดอยู่อย่างเดียวว่า เราต้องพาเค้ากลับบ้านให้ได้ และให้ได้มากที่สุดค่ะ . .. เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ ก็บาดเจ็บกันบ้างค่ะ . แต่เรื่องแค่นี้มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเราท้อเลยค่ะ . เมื่อเทียบกับผู้ประสบภัยอื่น ๆ . โอ๊ยยยยย ขี้ประติ๋วค่ะ มันไม่ได้ทำให้พวกเรารู้สึกเจ็บ หรือระคายเคืองได้หรอกค่ะ . เจ้าหน้าที่อาสาฯ จะต้องเดินหามกันแบบนี้ ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย ถึงพวกเราจะเหนื่อยกันขนาดไหน ก็ไม่มีใครปริปากบ่นสักคำ แต่พวกเรายังคงมุ่งมั่นช่วยกันค้นหาผู้สูญหายกันต่อไป ยอมรับค่ะว่า คนที่ไม่ดีจริง ๆ ก็มี ที่มาเพื่อหาอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผู้สูญหาย แต่นั่นมันส่วนน้อยจริง ๆ ค่ะ .คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาช่วย เค้ามากันด้วยใจจริง ๆ ค่ะ . มาด้วยศรัทธาอันแรงกล้า มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ .. เหมือนอิชั้น ที่จริง ๆ แล้วจะกลัวผีขึ้นสมอง แต่ด้วยศรัทธาในการอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ . พวกเราจึงต้องทำ และทำให้ได้มากที่สุดค่ะ.. พลังน้ำมันยิ่งใหญ่มหาศาลจริง ๆ ค่ะ แต่ยังไงซะก็ไม่เท่าพลังน้ำใจที่พวกเราคนไทยมีให้กันหรอกค่ะ . ........................................................................ อิชั้นรู้สึกว่าเรื่องมันคงไม่จบง่าย ๆ แน่ค่ะ ถ้าจะให้เล่ากันจริง ๆ เพราะมันหลากหลายรสชาติ หลากหลายอารมณ์ และความรู้สึก หลากหลายเรื่องราวความประทับใจอย่างยิ่งค่ะ ที่อิชั้นมีโอกาสได้ไปเจอะไปเจอ ได้รับรู้ และสัมผัสมา งั้นขอสรุปแบบให้จบแบบรวดเร็วและสวยงามที่สุดเลยละกัน จะได้ไม่เสียเวลา แม้ว่าเรื่องราวทุกอย่างจะจบลงแค่ในนี้ .. แต่อิชั้นรับรอง และยืนยันได้เลยว่า ยังไงซะ เรื่องนี้ มันจะไม่จบลงในความรู้สึกและความทรงจำของอิชั้นอย่างแน่นอนค่ะ ทุกเรื่อง ทุกรส ทุกสัมผัส มันจะยังคงฝังแน่นอยู่ในทุกห้วงเวลาและก้นบึ้งของหัวใจของอิชั้นตลอดไป .. ทุกวันนี้ทุกครั้งที่ได้เห็นและนึกย้อนไปถึงวันนั้น ภาพและเสียงต่าง ๆ ยังวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวอิชั้นตลอดเวลา ยิ่งเวลาเปิดทีวีแล้วเจอเหตุการณ์นี้ ยิ่งทำให้อิชั้นนั่งคิด นอนคิดทบทวน ลำดับเหตุการณ์ ไล่เรียงความรู้สึกทุก ๆ อย่าง ที่มีทั้งน้ำตา และรอยยิ้ม ที่เป็นสุดยอดที่สุดในชีวิต ของผู้หญิงธรรมดาคนนึง.... ที่มีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อเพื่อนมนุษย์บ้าง อย่างที่อิชั้นตั้งใจไว้ . นอกจากความอิ่มเอิบใจ ความภาคภูมิใจ ความประทับใจแล้ว ยังมีผลพลอยได้ทางกายที่เป็นน่าพอใจอีกด้วย .. เนื่องจากกลับมาคราวนี้ น้ำหนักหายไปเกือบ 5 กิโล เจ้าค่ะ ส่วนเกินต่าง ๆ หายไปในบัดดล เพราะอิชั้นกินอะไรไม่ลงอ่ะ บางวันก็ลืมหิวไปเลย และนอนไม่หลับเลย แถมขากลับ ต้องคอยนั่งบอกทางคนขับ เพื่อพาพวกเราทุกคนกลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย .. .. หลังจากผ่านงานนี้ไป อิชั้นรู้สึกว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับอิชั้นอีกแล้ว ((นอกจากกลัวผีเหมือนเดิมค่ะ..เหอ ๆ)) ความกลัวมันเลยเปลี่ยนเป็นความปลง ปลงซะยิ่งกว่าปลงเสียอีก .. .. การที่อิชั้นได้ไปร่วมทุกข์ร่วมสุขครั้งนี้ด้วยกันกับใครหลาย ๆ คน ทำให้อิชั้นได้คิดอะไรได้เยอะแยะมากมายเลยค่ะ .. กลับมาถึงบ้าน . อิชั้นเคยโกรธใคร เคยทะเลาะกับใคร . อิชั้นจึงรีบไปขอโทษเค้าก่อน ((ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของเรา)) อิชั้นกล้าที่จะเอ่ยปากขอโทษ . ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ โดยไม่ต้องลังเล .หรือคิดมากใด ๆ .. สิ่งต่าง ๆ ที่ได้แต่คิด แต่ไม่ได้ลงมือทำสักที อิชั้นก็รีบลงมือทำ เริ่มทำ ทำซะก่อนที่อิชั้นจะไม่มีโอกาสจะได้ทำมันเลยก็ได้ค่ะ .. และอย่างน้อยที่สุดก็คือ . 2 พี่น้อง ที่โคจรมาเจอหน้ากันทีไร ก็ทะเลาะกันทุกที ((แม่บอกว่ากัดกันยิ่งกว่าหมา)) หน้ามันอิชั้นก็ไม่อยากจะมอง . แต่จากงานนี้ . เป็นอย่างไร ภาพนี้คงยืนยันได้เป็นอย่างดีค่ะ . .ชีวิตคนเราเกิดมาก็เท่านี้แหล่ะค่ะ จะยาก ดี มี จน หรือจะรวยล้นฟ้าสักแค่ไหน สุดท้ายทุกคนก็หนีไม่พ้นสภาพเน่าเหม็นเเบบนี้ไปได้ .. แต่พวกเราที่มีชีวิตอยู่ตอนนี้ยังโชคดีกว่าคนพวกนั้นอีกมากมายนัก . โชคดีที่เรายังมีเวลาเหลือพอให้คิด ให้ฝัน ให้ทำอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย (ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้หรอกว่าอีกนานเท่าไหร่) เพราะฉะนั้น . เราจะมาโกรธ มาเกลียดกันทำไม อะไรจะเกิดขึ้นอีกข้างหน้า เราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย ดังนั้น เราเอาเวลาที่มีเหลือกันอยู่น้อยนิด มาคิดแต่สิ่งดี ๆ ทำแต่เรื่องดี ๆ รู้สึกดี ๆ ต่อกันดีกว่า ก่อนที่มันจะสายเกินไป และก่อนที่เวลาของเราหมดลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว อิชั้นขอร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์สินามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2548 และผู้ที่สูญเสียทุกท่านค่ะ .. และขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนบนโลกใบนี้ . ให้สู้และเข้มแข็งต่อไปนะคะ ไม่ว่าเหตุการณ์เลวร้ายอะไรก็ตามจะผ่านเข้ามา . ขอให้ทุกคนมีใจพร้อมที่ลุกขึ้นสู้ ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ .. ขอขอบพระคุณ คุณคุณหญิงหมอพรทิพย์ ผู้เป็นฮีโร่ของทุก ๆ คน และผู้ที่เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือครั้งนี้ . และยังเป็นกำลังใจให้เหล่าอาสาฯ ทุกคน มีแรงกายและแรงใจ ที่จะเสียสละ และช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ .. ((สุดจะบรรยายค่ะ)) . รวมถึงทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายด้วยค่ะ และขอขอบคุณทุก ๆ น้ำใจอันงดงามของเหล่าอาสาสมัครทุก ๆ คน อีกทั้งคลื่นน้ำใจของคนไทยทุก ๆคน ที่ได้มีส่วนช่วยเหลือ และมอบสิ่งของให้กับผู้ประสบภัยทุก ๆคน .. อิชั้นก็ไม่รู้จะบอกยังไงอ่ะนะคะ .. เป็นอันว่า . ทุกเหตุการณ์ ทุกเรื่องราว ทุกความรู้สึกที่ผ่านมา . อิชั้นเชื่อว่าทุก ๆ คน สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองค่ะ |
largeface
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] บางครั้ง..... เปรี้ยวอย่างมะนาว.... บางคราว..... หวานปานน้ำผึ้ง.... บางที..... ก็ทะลึ่งอย่าบอกใคร... อิอิ All Blog
Friends Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |