Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
ท่าทุ่มยูโด deashi-barai

เด มาจากความหมายที่ว่ายื่นออกมา

อาชิ แปลว่า ขา

ฮารัย(เขียนตามหลังจะอ่านว่า บารัย) แปลว่า การปัด

แปลตามตัวออกมาก็คือ การปัดขาของคู่ต่อสู้ที่ยื่นออกมา ให้เห็นภาพง่ายๆคือการที่เรา(จับขวา)เอาขาซ้ายของเราไปปัดขาขวาของคู่ต่อสู้ที่ยื่นออกมาท่านี้บางครั้งดูแล้วอาจจะก่ำกึงกันระหว่างท่าโอคุริอาชิบารัย กับท่าโคโซโตการิแต่ตอนนี้พูดเฉพาะเดอาชิบารัยครับ จริงๆแล้วถ้าอ่านครบทั้ง3ท่าก็จะรู้ถึงความแตกต่างครับใครทนไม่ไหวก็ให้รีบไปถามผู้รู้ท่านอื่นครับ (ผมไม่บอกหรอกครับแต่ใครรู้แล้วบอกผมด้วยนะครับ) ขอรวบรัดเข้าจังหวะของท่าเลยละกันครับ


ข้อ1 ปัดในจังหวะที่อุเกเคลื่อนที่มาข้างหน้าด้วยขาขวา

ข้อแรกส่วนใหญ่เป็นเบสิกพื้นฐานครับ หลักของยูโดคือการทุ่มคู่ต่อสู้โดยใช้แรงของคู่ต่อสู้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด(อย่าเพิ่งเบื่อซะก่อนกับประโยคนี้ผมคงได้พูดอีกบ่อยๆครับ) ท่าเดอาชิบารัยคือการล่อให้คู่ต่อสู้ยื่นขาออกมาให้เราปัดจะดึงเค้าออกมาเลยมันทำได้บ้างแต่อย่างที่บอกหลักของยูโด(โดยเฉพาะโคโดกัง)คือการยืมแรงคู่ต่อสู้ออกมาใช้เมื่อรู้แล้วการที่เราจะดึงตรงๆก็เปลี่ยนเป็นดันก่อน เราดันคู่ต่อสู้ถอยลงไป จะดันยังไงก็ได้เอาเป็นว่าขาสุดท้ายของคู่ต่อสู้ที่ก้าวไปด้านหลังคือขาขวาส่วนขาของเราที่ก้าวไปด้านหน้าคือขาซ้าย (จับขวาแต่ขาซ้ายนำมันไม่สมดุลย์นะครับอย่าอยู่นานเดี๋ยวจะโดนเค้าปัดเอาได้ง่ายๆ)

หลังจากที่ขาเราและขาคู่ต่อสู้ลงตัวแล้ว ต่อจากนี้สำคัญนะคร้าบ(ห้ามกระพริบตา)แขนซ้ายที่เราจับบริเวณศอกขวาของคู่ต่อสู้(ปกติของการจับขวาอยู่แล้ว) หยุดแรงผลักและเปลี่ยนเป็นดึงเข้ามาดีที่สุดคือการใช้ข้อมือในการดึง(ตอนดึงอย่าเปิดของศอกเราเยอะนะครับ) พยายามให้ศอกเราอยู่ข้างลำตัวแล้วอาศัยการหมุนตัวของเราสามารถช่วยเพิ่มแรงดึงได้อีกหน่อยครับคู่ต่อสู้ที่ถูกดันจะออกแรงต้านเราก็แค่เสริมแรงนิดหน่อยดึงเพิ่มตามธรรมชาติแล้วขาขวาของคู่ต่อสู้จะก้าวขึ้นหน้าเพื่อรักษาสมดุลย์ของตัวเองถ้าขาขวาคู่ต่อสู้ไม่โผล่ขึ้นหน้าแสดงว่าคุณทำผิดหรือไม่ก็มีจังหวะหรืออะไรบางอย่างที่ผิดธรรมชาติ หรือที่แย่กว่านั้นคือหนังสือเขียนผิดไม่ก็ผมแปลผิด^^;

ระหว่างที่เริ่มดึงก็เริ่มการเข้าท่าไปด้วยจุดนี้เราต้องทำงานหนักกว่าคู่ต่อสู้หน่อยนึงคือนอกจากมือเราทำหน้าที่ดึงแล้วขาเราต้องก้าวให้เร็วกว่าคู่ต่อสู้อีกต่างหากคือเอาขาขวาบิดเข้าไปเก็บหลังข้อเท้าซ้ายของเราตรงจุดนี้ถ้าบิดดีแรงดึงคู่ต่อสู้เข้ามาก็เพิ่มขึ้นอีกหน่อยแถมยังเพิ่มแรงในการปัดขาที่จะตามมาในจังหวะถัดไปอีกด้วย

ขาขวาคู่ต่อสู้ก้าวออกมาแล้ว ปัดซะเบสิคหลักๆของการปัดมีอยู่2ที่คือการปัดไปบริเวณด้านข้าง หรือการปัดบริเวณข้อเท้าด้านหลังของคู่ต่อสู้แต่ว่าต้องปัดไปในทิศทางที่คู่ต่อสู้ก้าวมาและกำลังจะก้าวไปง่ายๆสังเกตุดูนิ้วโป้งขาขวาของคู่ต่อสู้มันชี้ไปทางไหนก็ปัดไปทางนั้นแหละครับ สุดท้ายระหว่างปัดแขนซ้ายที่เราดึงข้อศอกขวาของคู่ต่อสู้เข้ามาให้เปลี่ยนเป็นกดลงล่างเป็นอันเสร็จพิธี

เขียนเองอ่านเองก็ยังงงเอง สรุปคร่าวๆกับหลักสำคัญคือ

1.   1. เราต้องยืนให้มั่นคงในก่อนการปัดและระหว่างปัดในทางกลับกันต้องทำให้คู่ต่อสู้ยืนไม่มั่นคงด้วยการดึงก่อนการปัดและระหว่างปัดอีกอย่างคืออย่าก้มหน้า(เดี๋ยวมันรู้) เพื่อความมั่นคงด้วยครับ

2  2. จังหวะปัดของเราและจังหวะขาขวาของคู่ต่อสู้ เร็วไปไม่ล้ม ช้าไปไม่ได้ เร็วไปคือตอนที่คู่ต่อสู้รับน้ำหนักของตัวเองด้วยขาซ้ายเราเข้าไปปัดขาขวายังไงก็ไม่ล้ม ส่วนช้าไปคือจังหวะที่น้ำหนักของคู่ต่อสู้ถูกส่งผ่านมาที่ขาขวาแล้วคือจังหวะที่ขาคู่ต่อสู้ย่ำลงพื้นอย่างมั่นคงแล้วการจะปัดล้มในจังหวะนี้เราต้องใช้แรงเยอะมากถ้าโชคดียังมีแรงเหวี่ยงจากการดึงเหลืออยู่ก็อาจจะปัดล้มได้แต่ว่าการเอาแรงเข้างัดมันไม่ใช่หลักยูโดครับ

3.   3. ขาซ้ายปัดแขนซ้ายดึงอันนี้ไม่เกี่ยวกับคู่ต่อสู้ อยู่ที่ตัวเราเองล้วนๆถ้าทำให้มันสัมพันธ์กันไม่ได้ก็ปัดไม่ล้ม

หลักประยุกต์ข้อ1.1 ถ้าสามารถฝึกฝนจนชำนาญแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ในจังหวะเดินหน้าถอยหลังสามารถหาจังหวะท่านี้จากการหมุนตัว(ยากนะครับ) การหมุนตัวหมุนไปในทิศทางคล้ายๆกับการหมุนตัวของนาเกโนคาตะในท่าอุจิมาตะเพียงแต่พอจะเริ่มใช้ท่านี้ การดึงก็จะเหมือนกับหลักพื้นฐานด้านบนแหละครับ จุดสำคัญที่เพิ่มมาคือเราหมุนเป็นวงกลมรอบเล็กแต่ว่าเราดึงและบังคับให้คู่ต่อสู้หมุนเป็นวงกลมรอบใหญ่ถึงจุดนี้ดูแล้วมันอาจจะก่ำกึงกันกับท่า โคโซโตการิถ้าดูดีๆถึงจะรู้ว่าแตกต่างกันตั้งแต่ชื่อของท่าแล้วครับเพราะท่านี้คือการบังคับให้คู่ต่อสู้ยื่นหรือก้าวขาขวาออกมาให้เราปัดถ้าบังครับหรือหลอกล่อให้คู่ต่อสู้ขยับขาออกมาได้มันก็คือเดอาชิบารัยละครับ


ข้อ2 ปัดจากการขยับและดึงคู่ต่อสู้ไปด้านข้าง

หลักการจะคล้ายๆกับการขยับในท่า โอคุริอาชิบารัยของนาเกโนคาตะ จะต่างกันก็ตรงที่โอคุริอาชิบารัยปัดขาคู่ต่อสู้2ขาแต่เดอาชิบารัยทางด้านข้างปัดขาคู่ต่อสู้แค่ขาขวาขาเดียวที่ยื่นออกมามันเหมือนจังหวะการเข้าปัดไม่น่าจะทำได้ง่ายๆแต่ถ้าฝึกฝนในข้อ1หลักของการดึงด้วยแขนซ้ายไปบริเวณข้อศอกขวาของคู่ต่อสู้ให้ชำนาญแล้วระหว่างขยับตัวก็สามารถดึงหาจังหวะใช้ท่านี้ได้ครับถ้าดึงจนชำนาญแล้วขาขวาของคู่ต่อสู้จะโผล่ออกมาให้ปัดครับที่เหลือก็อยู่ที่จังหวะการลงเท้าของคู่ต่อสู้ว่ามันสัมพันธ์ไม่เร็วไปหรือไม่ช้าไปกับการปัดของเรา


ข้อ3 การปัดในจังหวะที่คู่ต่อสู้ถอยหลัง

ง่ายๆเลย(แต่ทำยากมาก)คือการดันคู่ต่อสู้ไปทางด้านหลังแล้วจังหวะขาขวาคู่ต่อสู้อยู่หน้าส่วนขาของเราก็ดันพอดีขาซ้ายอยู่หน้าก็เลยปัดกันได้ แต่จะว่าไปไอ้เรื่องพอดีอาศัยโชคมันไม่เกิดหรอกครับถ้าไม่สร้างโอกาสขึ้นมาเองอาจจะโดยการสืบเท้าก้าวเร็วขึ้นกว่าคู่ต่อสู้หน่อยนึงหรือการก้าวก้าวใหญ่กว่าคู่ต่อสู้หน่อยนึงจังหวะมันก็จะเกิดขึ้นเองครับการปัดในข้อ3นี้ไม่เหมือนกับ2ข้อที่ผ่านมาครับ คือเราจะปัดในจังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังเริ่มก้าวเท้าขวาขึ้นมาเพื่อถอยหลังหรือในจังหวะที่น้ำหนักขาขวาของคู่ต่อสู้ยังส่งไปยังขาซ้ายไม่หมด

ถ้าฝึกฝนแค่ข้อ1จนชำนาญแล้วข้อ2-3มันก็ตามมาเองครับคือว่าเราจะรู้จักการจับจังหวะมากขึ้นแล้วจะหมุนเป็นวงกลมหรือเดินไปด้านข้างก็สามารถใช้ได้ครับที่สำคัญท่าเทคนิคขาอันนี้ไม่เกี่ยงน้ำหนักคู่ต่อสู้ด้วยครับเพียงแต่ท่านี้ที่ต้องระวังหน่อยนึง(โดยเฉพาะเจอกับเด็กโคโดกัง)คือเจอสวนกลับด้วยท่าสึบาเมะไคเอชิปกติที่โคโดกังจะซ้อมเดอาชิบารัยทุกครั้งแล้วตามด้วยท่าสึบาเมะไคเอชิทุกครั้งในการวอร์มอัพก่อนการซ้อมท่าอื่นดังนั้นนักเรียนโคโดกังพอเจอท่านี้ปุ๊บจะสวนกลับทันทีด้วยสึบาเมะไคเอชิทันที 

อีกอย่างนึงคือท่านี้ถ้าไปใช้สลับฝั่งกับพวกที่ตบเบาะไม่ชำนาญแถมคนปัดก็ยังไม่ชำนาญอีก ระวังข้อมือหรือข้อศอกพลิกหักได้นะครับ ปกติท่านี้คนจับขวาจะปัดไปที่ขาขวาของคู่ต่อสู้ที่ยื่นออกมา แต่ถ้าจับขวาแล้วดันไปปัดที่ขาซ้ายของคู่ต่อสู้ เพราะคนปัดไม่ได้จับข้อศอกขวาของคู่ต่อสู้แต่ดันไปจับข้อศอกซ้ายของคู่ต่อสู้ การล้มไปในทิศทางนั้น ซวยสุดๆที่โทริหรือคนทุ่มไม่ปล่อยมือขวาของคู่ต่อสู้ให้ตบเบาะก็ก้นกระแทกเจ็บตูดกันไป หรือคู่ต่อสู้กลัวล้มก็อาจจะเอามือซ้ายยันพื้นแทน ไม่ข้อศอกก็ข้อมือละครับที่รับกรรมไป เน้นกันอีกครั้งนะครับ ทุ่มกันด้วยความรักจะทำอะไร ทุ่มกันท่าไหนก็คิดถึงผลที่มันจะตามมาด้วยครับ เดี๋ยวจะไม่มีคู่ซ้อมเหลือให้ทุ่มครับ




Create Date : 29 พฤษภาคม 2555
Last Update : 29 พฤษภาคม 2555 19:17:46 น. 3 comments
Counter : 4723 Pageviews.

 
ทุ่มกันด้วยความรักจะทำอะไร ทุ่มกันท่าไหนก็คิดถึงผลที่มันจะตามมาด้วย.......>>>>>ถีบกันด้วยความรักด้วยรึเปล่า.....


โดย: normalization วันที่: 1 มิถุนายน 2555 เวลา:19:30:53 น.  

 
ขนาดล๊อคคอจนสลบ หักแขนจนหัก ยังทำกันด้วยความรักเลยครับ รักมากก็เจ็บมาก


โดย: ablaze357 วันที่: 1 มิถุนายน 2555 เวลา:23:07:15 น.  

 

ก็น่ากลัวเนอะ....


โดย: normalization วันที่: 11 มิถุนายน 2555 เวลา:18:38:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ablaze357
Location :
Chiba Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




「精力善用」「自他共栄」
Maximum efficient use of energy and mutual prosperity for self and others
New Comments
Friends' blogs
[Add ablaze357's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.