|
โขน-รามเกียรติ์ ชุด ศึกพรหมาสตร์ จากงาน "สายธารวัฒนธรรม น้อมนำความเป็นไทย" [Chiang Mai]
20 กรกฎาคม 2553 : โขน-รามเกียรติ์ ชุด ศึกพรหมาสตร์ จากงาน "สายธารวัฒนธรรม น้อมนำความเป็นไทย" [Chiang Mai]
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2553 มีการจัดงาน การแสดงศิลปวัฒนธรรม "สายธารวัฒนธรรม น้อมนำความเป็นไทย" สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม โดย วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ จัดงาน ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่
การจัดงานแสดง "สายธารวัฒนธรรม น้อมนำความเป็นไทย" ครั้งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการแสดงของศิลปินแห่งชาติ ให้คนรุ่นหลังได้รับชม และเกิดความประทับใจในวัฒนธรรมการแสดงของคนไทย จะได้ร่วมกันอนุรักษ์และสืบสานให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมต่อไป
การแสดงประกอบด้วยการแสดงโขน ชุด ระบำอสุรพงษ์ ระบำวานรพงษ์ และชุดพระรามข้ามสมุทร
ต่อด้วยการแสดงของศิลปินแห่งชาติ นายมานพ ยาระณะ ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ในชุดกลองไชยมงคล กลองปู่จา กลองปู่เจ่ การฟ้อนเิจิง ฟ้อนหอก ฟ้อนหลาว ฟ้อนผาง ฟ้อนฉาบ
จากนั้นเป็นการแสดงของนายคำ กาไวย์ ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ในชุดกลองสะบัดชัย กลองมองเซิง ฟ้อนดาบ ฟ้อนกมผัด ฟ้อนโจ้ข้าว
ศิลปินแห่งชาติคนที่ 3 ได้แก่นางขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาิติ พ.ศ. 2539 นำทีมนักแสดงจากภาคกลางมาแสดงการร้องเพลงเกี่ยวข้าว เพลงอีแซว และเพลงลำตัด
ก่อนจะปิดท้ายการแสดงด้วยการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด ศึกพรหมาสตร์.
หลังจากได้นำภาพถ่ายเปิดงานให้ชมกันไปใน blog ก่อนหน้านี้แล้ว
ชุดระบำอสุรพงษ์ (นำเสนอให้ชมไปแล้ว)
ชุดระบำวานรพงษ์ (นำเสนอให้ชมไปแล้ว)
โขน-รามเกียรติ์ ชุด พระรามข้ามสมุทร
มาชมกันในการแสดงชุดสุดท้ายของงาน "สายธารวัฒนธรรม น้อมนำความเป็นไทย" กับ การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกพรหมาสตร์
ตามที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ blog แรกของงานนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่า มีเวลามาถ่ายภาพในงานนี้แบบที่ทำให้ต้องหยุดแว๊บหายไปช่วงหนึ่ง ช่วงที่หายไปก็จะเป็นการแสดงของศิลปินแห่งชาติทั้ง 3 คน รีบกลับมาถ่ายภาพการแสดงโขน รามเกียรติ์ ตอน ศึกพรหมาสตร์ ก็น่าจะเป็นช่วงท้ายการแสดงแล้ว
มาเล่าเรื่องตอนนี้ ในช่วงที่ไม่ได้ถ่ายภาพมาให้อ่านกันก่อน
มังกรกัณฑ์ อดีตชาติคือทรพีมาเกิดเป็นลูกของพญาขรตามคำสาปของพระอิศวร ร่วมทำศึกกับอินทรชิต ให้อินทรชิตไปทำพิธีชุบศรนาคบาศส่วนตนออกไปสู้เพื่อขัดตาทัพไว้ ผลสุดท้ายตายด้วยศรของพระราม
ในศึกอินทรชิต พระรามได้ต่อสู้ กับ มังกรกัณฐ์ มังกรกัณฐ์หนีไปซ่อนในกลีบเมฆ และเนรมิตรูปมายาปั้นรูปของตนขึ้นมากมาย พร้อมกับบันดาลให้ฝนเพลิงตกลงมา
พิเภกบอกวิธีสังหารมังกรกัณฐ์ให้กับพระราม
พระรามได้แผลงศรพรหมมาสตร์ไปสังหารตัวจริงตาย รูปมายาก็หายไปหมด
สารัณทูต จึงกลับไปบอกทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์โมโหโกรธาเป็นยิ่งนัก ทศกัณฐ์ได้สั่งให้วิรุญมุข ลูกวิรุญจำบัง ยกทัพไปขัดตาทัพอีก เพื่อไม่ให้พระรามไปทำลายพิธีชุบศรนาคบาศของอินทรชิต
อินทรชิต
พระรามสั่งให้ชามพูวราช ไปทำลายพิธีชุบศรนาคบาศ ซึ่งทำให้การเรียกพิษนาคจึงไม่ต่อเนื่อง อำนาจของศรนาคบาศจึงเสื่อม
ฝ่ายอินทรชิตเมื่อถูกทำลายพิธีชุบศรนาคบาศ ก็ออกไปรบกับพระราม ฝ่ายพระรามให้พระลักษมณ์ออกไปรบอีก พระลักษณ์ถูกศรนาคบาศของอินทรชิต พิเภกแจ้งกับพระรามว่า พระลักษมณ์ต้องศรนาคบาศแต่ยังไม่ตาย ให้พระรามแผลงศรพลายวาตไปเรียกพระยาครุฑมา เหล่าพญานาคก็จะหนีไป พระลักษมณ์และไพร่พลลิงก็ฟื้นมาเป็นปกติ
อินทรชิตกลับไปแจ้งกับทศกัณฐ์ ว่าตนเองถูกฝ่ายพระรามมาทำลายพิธีชุบศรนาคบาศ ทำให้พิธีชุบศรนาคบาสไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่คิดยอมแพ้ ขอกลับไปทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์อีกครั้งหนึ่ง
ทศกัณฐ์ สั่งให้กำปั่น ออกไปรบกับพระราม แต่กำปั่นก็ถูกฆ่าตายอีก โดยฝีมือหนุมาน ทศกัณฐ์ถึงกับโมโห สั่งให้อินทรชิตที่กำลังทำพิธีชุบศรพรมาสตร์อยู่ ออกมารบกับพระรามอีกครั้ง
อินทรชิตเมื่อรู้ว่า กำปั่นตายเพราะฝีมือหนุมาน ก็โกรธ และเป็นผลให้ทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์ไม่สำเร็จ
ช่วงที่เล่าเรื่องด้านบน ยังกลับมาไม่ทัน มาทันถ่ายภาพในช่วงนี้ เกือบจบตอนซะแล้ว
เมื่ออินทรชิตทราบว่า กำปั่นถูกฆ่าตาย ถึงกับโกรธ แล้วก็ทำให้พิธีชุบศรพรหมาสตร์ ไม่สำเร็จ
อินทรชิตได้ออกอุบายที่จะออกไปรบกับพระรามอีกครั้ง โดยอินทรชิตได้แปลงตัวเป็นพระอินทร์ เหล่ายักษ์แปลงเป็นนางฟ้า-เทวดา การุณราชแปลงเป็นช้างเอราวัณ
อินทรชิต ในร่างพระอินทร์
ช่วงนี้อินทรชิตในร่างพระอินทร์ ได้ออกมาร่ายรำอย่างสวยงาม ได้ภาพช่วงนี้มาหลายภาพ (มาชมกันแก้ขัด กับช่วงที่ตัวเองหายไปจากงาน)
ขณะที่อินทรชิตแปลงตัวเป็นพระอินทร์แล้ว
เหล่ายักษ์ได้แปลงตัวเป็นนางฟ้า-เทวดา และการุณราชแปลงตัวเป็นช้างเอราวัณ
ฝ่ายพระลักษมณ์และเหล่าไพร่พลลิง เห็นพระอินทร์ขี่ช้างเอราวัณและเหล่าเทวดาเหาะอยู่บนอากาศ ก็พากันดูอย่างสงสัย
อินทรชิตในร่างพระอินทร์ เฝ้าดูสังเกตการเคลื่อนไหวของกองทัพพระลักษณ์ อยู่ในแดนหลัง และคอยหาจังหวะที่จะแผลงศรใส่กองทัพพระลักษณ์
เหล่าไพร่พลทหาร เสนาลิง ต่างก็ออกไปสนอกสนใจกับนางฟ้าที่ออกมาร่ายรำอย่างสวยงาม จนเกิดการเกี้ยวพาราสีกัน
ในช่วงที่ขณะกำลังชุลมุนวุ่นวาย ระหว่างกองทัพลิง กับการเกี้ยวพาราสี นางฟ้าอยู่นั้น
ฝ่ายอินทรชิตที่อยู่ในร่างพระอินทร์ ได้เฝ้ามองดูท่าทีของพระลักษณ์อยู่ตลอดเวลา
อินทรชิตได้เห็นว่าท่าทีของพระลักษณ์ผ่อนคลาย และเผลอไปสนใจกับการเกี้ยวพาราสีกันอยู่นั้น
อินทรชิตได้แผลงศรพรหมาสตร์ ออกมาแบบห่าฝน
ศรที่แผลงออกไป ปักร่างของพระลักษณ์
และไพร่พลทหารลิง เสนาลิง องคต สุครีพ และพวกสิบแปดมงกุฏล้มลง เหลือเพียงหนุมาน
หนุมานเมื่อเห็นพระลักษณ์ต้องหอกของพระอินทร์ที่อินทรชิตแปลงร่างอยู่นั้น
หนุมานตรงเข้าไปถอนหอกพรหมาสตร์ที่ปักอกพระราม หนุมานออกแรงดึงเท่าไร ก็ดึงหอกไม่ออก
หนุมานออกมาต่อว่าพระอินทร์ ต่างๆ นาๆ
เหตุไฉนมาแผลงศรใส่พระลักษณ์ด้วยเหตุอันใด
หากท่านคิดเคียดแค้นประการใด ไม่น่าจะถึงกับแผลงศร
หนุมานถึงกับโกรธ และคิดแก้แค้นด้วยการไปทำร้ายหมายบั่นเศียรช้างเอราวัณให้ขาดจากกัน
หนุมานเหาะขึ้นไปต่อสู้ โดยมุ่งหวังเพื่อไปหักเศียรเอราวัณ
การต่อสู้ของหนุมาน เพื่อหมายหักเศียรเอราวัณนั้น ฝ่ายอินทรชิตในร่างพระอินทร์ก็ฟาดศรใส่หนุมาน
ขณะที่หนุมานก็หมายมั่นใช้กำลัง และศาสตราวุธ เพื่อหมายมั่นหักคอ บั่นเศียรช้างเอราวัณให้ได้
หนุมานหักเศียรช้างเอราวัณได้สำเร็จ
แต่ด้วยที่อินทรชิตฟาดศรใส่หนุมานโดนจังๆ อยู่หลายที หนุมานตกลงมาพร้อมเศียรช้างเอราวัณ และล้มลงสลบไป
ข้างฝ่ายอินทรชิตในร่างพระอินทร์ เห็นว่าพลบค่ำแล้ว จึงยกทัพกลับ พร้อมด้วยเหล่านางฟ้า-เทวดา ที่แปลงร่างมา
กล่าวถึงพระราม ที่เห็นกองทัพพระลักษณ์ออกไปจนค่ำแล้ว ไม่ยกทัพกลับมา พระรามจึงยกทัพออกไปตามหาพระลักษณ์
ครั้นเจอ และเห็นพระลักษณ์ต้องศร พร้อมกับไพร่พลทหาร เสนาลิง สิบแปดมงกุฏ หนุมานล้มลงนอนแน่นิ่งอยู่
พระรามรู้สึกเศร้าโศกเสียใจที่พระลักษณ์ต้องศร เศร้าโศกเสียใจจนสลบไป
ฝ่ายพิเภกกับพลลิงกลับจากไปหาผลไม้ และตามหาพระรามไม่พบ จึงออกตามหา
พิเภกรู้ข่าวจากเสนาลิง จึงตามไปที่สนามรบ เห็นหนุมานนอนแน่นิ่งอยู่ พิเภกรู้ว่าหนุมานยังไม่ตาย จึงร่ายเวทย์เป่าลมเข้าปากจนหนุมานฟื้น
(หนุมานได้ชื่อว่าเป็นอมตะ คือ ไม่มีวันตาย เนื่องจากเป็นลูกของพระพาย กับนางสวาหะ ด้วยเหตุนี้ เมื่อหนุมานมีอันตรายถึงตายแล้ว เพียงแค่มีลมพัดมา หนุมานก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ด้วยอำนาจของพระพายผู้เป็นบิดา)
พิเภกเห็นพระลักษณ์โดนศรพรหมาสตร์ปักอก
พิเภกทูลกับพระรามว่า มียาแก้ศรพรหมมาสตร์ของอินทรชิต
ยาแก้ศรนั้นอยู่ที่เขาอาวุธบุพพวิเท่ห์ทวีป แต่มีจักรกรดพัดไม่หยุด หากใครเข้าไป ต้องโดนกรดพัดไม่หยุด บั่นจนร่างขาดออกจากกัน มีแต่หนุมานเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ หากหนุมานเข้าไปเอายาแก้ศร จักรจะหยุดตามที่พระอิศวรกำหนดไว้
พระรามจึงสั่งให้หนุมานรีบไปนำยากลับมาช่วยพระลักษณ์
หนุมานเหาะไปถึง และแจ้งเรื่องราวแก่เทวดา แต่เนื่องจากต้นยานั้น ตัดหรือถอนไม่ได้ตามคำสั่งของพระอิศวร
หนุมานจึงช้อนเขาเหาะกลับมา
เทวดาจึงบอกให้ไปวางไว้ทิศอุดร หนุมานทำตามคำสั่ง
พอลมพัดพากลิ่นสรรพยาบนยอดเขามาถูกพระลักษมณ์และไพร่พลลิงทุกคนก็ฟื้นกลัีบมาเป็นปกติ
พระราม-พระลักษณ์ จึงยกทัพกลับพร้อมไพร่พลทหารลิง สิบแปดมงกุฏ และเสนาลิง
เป็นอันจบตอนรามเกียรติ์ ชุด ศึกพรหมาสตร์ ไว้เพียงเท่านี้
ตอนจบการแสดงโขนทุกครั้งไปมักจะมีการแสดงของลิงขาวและลิงดำให้ชมกัน
ชมโขนจบแล้ว อย่าเพิ่งรีบลุกออกจากที่นั่ง หรือ รีบเก็บกล้องกัน เพราะจะมีลิงขาว ลิงดำ มักจะมาแสดงปิดท้าย ด้วยการตีลังกาหลายตลบ
ที่จริงจำเป็นต้องรีบปรับกล้องรอถ่ายภาพไว้เลย จากที่เคยถ่ายภาพการแสดงก่อนหน้านี้ด้วย speed ปกติ พอถึงฉากลิงขาวลิงดำ อาจจำเป็นต้องปรับ speed เพิ่มกันอีกนิดหน่อย
ปกติผมถ่ายภาพช่วงการแสดงในช่วงเวลากลางคืน ใช้ mode Manual แล้วก็ปรับ speed อยู่ในช่วง 1/200, 1/250, 1/320 ขึ้นอยู่แต่ละการแสดง
แต่กับลิงขาว-ลิงดำ ที่ออกมาตีลังกาหลายตลบนี้ เชื่อว่าคงต้องปรับ speed ให้สูงขึ้นอย่างน้อยก็คงต้องใช้ไม่ต่ำกว่า 1/320
แต่ภาพชุดนี้ พอได้ตำแหน่งถ่ายภาพไกลๆ และไม่ได้อยู่ถ่ายภาพตลอดงาน ชุดลิงขาว-ลิงดำนี้ ก็ไม่ค่อยได้เน้นอะไรมากๆ ถ่ายภาพมาที่ speed 1/250
ขอขอบคุณทุกๆ นักแสดงที่แสดง โขน-รามเกียรติ์ ชุด ศึกพรหมาสตร์ ทุกๆ ท่านที่เป็นแบบถ่ายภาพ ใน blog ชุดนี้ด้วยครับ และขอบคุณกับการแสดงดีๆ ที่นำมาให้ชมกัน และฟรี
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่าย set นี้ด้วยครับ (blog นี้ภาพอาจจะเยอะๆ อีกเช่นเคย มาลงภาพชดเชยในช่วงที่ไม่อยู่ถ่ายภาพด้วย)
Create Date : 20 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2553 13:31:27 น. |
|
16 comments
|
Counter : 9815 Pageviews. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:6:50:27 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:16:47 น. |
|
|
|
โดย: paerid วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:35:37 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:44:26 น. |
|
|
|
โดย: สาวชนบท วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:15:45 น. |
|
|
|
โดย: YUCCA วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:53:16 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:15:16 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:13:39 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:16:20 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:50:45 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:18:29 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:46:13 น. |
|
|
|
โดย: แฟนโด่ง IP: 58.9.41.39 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:14:37 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดียามเช้าค่ะพี่
มาชมกันต่อ
เป็นอะไรที่ชอบจริงๆเลย
แวะไปให้ความรู้เรื่องแสง กับกล้องที่บล็อกดี.หน่อยนะคะ รออ่านค่ะ
แบบว่าตอนดี.ทำจอขาว
ใจหายแว๊บบบบอย่างเดียวเลย