Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
2 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ลำพูน

2 มิถุนายน 2557 : วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ลำพูน เป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีระกา (ไก่)

เมื่อวันเสาร์ 31 พฤษภาคม 2557 (ที่ผ่านมา) มีโอกาสแวะไปลำพูน โดยมีทริปบิดมอเตอร์ไซด์ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เพื่อไปตามรอยพระธาตุอินทร์แขวน ลำพูน (ตาม link ข้างล่างนี้)
Unseen in Lamphun พระธาตุอินทร์แขวน ลำพูน

ช่วงตอนเช้านัดหมายเจอะเจอเพื่อนๆ กันที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ลำพูน ช่วงก่อนเพื่อนๆ จะมากันครบ เลยมีเวลาแป๊บๆ เดินเล่นถ่ายภาพภายในวัดมาให้ชมกันครับ


หนนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ตั้งใจพกเลนส์มาเพียงตัวเดียวในการออกทริปถ่ายภาพ กับเลนส์ wide Canon 10-24 mm. เพียงตัวเดียว
และก็เป็นครั้งแรกที่พกเลนส์ตัวนี้มาเที่ยวชมและถ่ายภาพที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ลำพูน


สิงห์คู่ที่ตั้งตระหง่านหน้าซุ้มประตูโขง (ทางเข้าด้านหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร)
สิงห์คู่ตัวใหญ่นี้ มีความสูง 3 เมตร ยืนสง่างามบนแท่นสูง 1 เมตร
สิงห์คู่นี้สร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราชเมื่อปี พ.ศ.1990 คราวเดียวกับการบูรณะองค์พระธาตุครั้งสำคัญ


(ถ่ายภาพสิงห์มาได้เพียงตัวเดียวกับมุมท้องฟ้าที่สวยๆ อยู่ข้างเดียวของวันนั้น)



ซุ้มประตูโขงก่ออิฐถือปูน ประดับปลายปูนปั้นที่อ่อนช้อยสวยงาม เป็นศิลปะทวาราวดี ประกอบด้วยซุ้มจระนำสี่ด้าน แต่ละด้านลดหลั่นขึ้นไปห้าชั้น ประดับด้วยปลายปูนปั้นรูปดอกบัว ยอดซุ้มประตูโขงเป็นปราสาทประดับด้วยเจดีย์ขนาดเล็กห้าองค์

ซุ้มประตู และสิงห์ใหญ่ได้รับการบูรณะล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2499





บานประตูของวิหารหลวง (ถ่ายภาพมาจากประตูบานเดียว)









พระพุทธมหาจักรพรรดิ์ (ปางเปิดโลก)
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุในองค์พระและพระเศียร พระพุทธมหาจักรพรรดิ์ ประดิษฐาน ณ พระวิหารหลวงวัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน ถวายเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2554
คณะศิษย์หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช และบรมวงค์ศานุวงค์ ทุกพระองค์







วิหารหลวง
ตั้งอยู่ด้านหน้าองค์พระธาต สร้างในสมัยพระเมืองแก้วเมื่อปี พ.ศ. 2054 ตัวอาคารเป็นแบบล้านนา แต่วิหารหลังเดิมถูกพายุพัดเสียหายยับเยินเมื่อปี พ.ศ. 2458 ชาวลำพูนจึงร่วมกันสร้างวิหารหลวงขึ้นมาใหม่ เป็นอาคารบนฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยกเก็จด้านหน้า หลังคาซ้อนหลายชั้นลดหลั่นยื่นออกมาด้านหน้าประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับไม้แกะสลักปิดทอง ประดับกระจกสีฟ้ารูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ถัดมาเป็นเทพพนม และสายพฤกษา หน้าต่างและบานประตูเป็นไม้แกะสลักปิดทองรูปเทพพนม
ภายในวิหารหลวงมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย หน้าตักกว้างประมาณ 3 ม. พร้อมสาวก ด้านหน้ามีบุษบกสูงประมาณ 2 ม. ภายในประดิษฐาน พระแก้วขาว หรือพระเสตังคมณีศรีหรุภุญไชย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากแก้วผลึกใส สูงประมาณ 1 คืบ





พระธาตุหริภุญชัย
เป็นเจดีย์ทรงล้านนา หุ้มแผ่นทองจังโกทั้งองค์ เมื่อคราวบูรณปฏิสังขรณ์ในปี พ.ศ.2054
สมัยพระเมืองแก้วกษัตริย์เชียงใหม่ โดยคราวนั้นได้มีการสร้างระเบียงหอกทำด้วยทองเหลืองล้อมองค์พระธาตุ
สำหรับองค์พระ์เจดีย์สูง 92 ศอก มีฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ ถัดขึ้นไปเป็นฐานเขียงกลมสามชั้นรับฐานบัว และองค์ระฆังกลม องค์ระฆังกลมหุ้มแผ่นทองจังโก ประทับลวดลายดอกไม้สี่กลีบ และดุนลายเป็นภาพพระพุทธรูปปางถวายเนตร และปางลีลา นักประวัติศาสตร์พบจารึกบนแผ่นทองที่องค์ระฆังด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือพบเป็นอักษรล้านนา ระบุถึงผู้ปฏิสังขรณ์ว่า "พระมหาเทวีผู้เป็นแม่แก่เจ้าพญาทั้งสองพี่น้อง ผู้เป็นอุบาสิกาแก่ฝูงสงฆ์ทั้งหลาย" เดิมเชื่อว่าเป็นพระราชมารดาของพระเจ้ากือนา แต่เมื่อพิจารณาจากพงศาวดารและรูปแบบอักษรแล้ว จึงเชื่อว่าน่าจะหมายถึงพระราชชนนีของพญาแสนภูแห่งนครเชียงใหม่ ถัดจากองค์ระฆังเป็นบันลังก์ย่อมุมและปล้องไฉน ปลียอดเจดีย์ทำเป็นฉัตรเก้าชั้น

















หอไตร หรือ หอธรรม
เป็นหอไตรที่มีความงดงาม มีรูปแบบที่นิยมสร้างในล้านนา เป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ชั้นบนเป็นเครื่องไม้ มีบันไดขั้นทางเดียว โดยหันหน้าเข้าหาองค์พระธาตุ ด้านหลังหอไตรหันไปทางหน้าวัด มีลิงโตประดับที่หัวเสา ส่วนชั้นบนเป็นเครื่องไม้มีบันไดนาคขนาดเล็กตั้งอยู่ตรงทางเข้า ตัวอาคารประดับด้วยไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจก มีมุขทั้งด้านหน้าและหลัง หลังคาลดชั้นประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หลังคามุงกระเบื้องดีบุก จากจารึกซึ่งพบที่วัดระธาตุหริภุญชัย จารึกเมื่อปี พ.ศ. 2043 ระบุว่าหอไตรนี้เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎกครบทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ โดยเป็นคัมภีร์ใบลานทั้งหมด





พระพุทธ พระประธานของวิหารพระพุทธ




ในวิหารพระไสยาสน์ (พระนอน) มีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่

ตามมาไหว้พระสำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร กันด้วยครับ
เรียกว่าหากใครเกิดวันอังคาร และยังเกิดในปีระกา
มาอิ่มบุญ อิ่มใจ สร้างกุศล ได้อย่างแรงกล้าเลยครับ


คัดลอกข้อความประวัติวัดพระธาตุหริภุญชัย มาให้อ่านกันท้าย blog นี้ด้วยครับ

ประวัติวัดพระธาตุหริภุญชัย
วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ในรัชสมัยของพญาอาทิตยราช กษัตริย์แห่งราชวงศ์จามเทวีวงศ์ โดยที่แห่งนี้ เคยเป็นพระราชฐานของพระองค์ซึ่งพระราชทานอุทิศถวายให้เป็นวัดพระธาตุฯ เพื่อเป็นพุทธบูชาหลังจากที่พระบรมสารีริกธาตุได้ปรากฏ ให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรในบริเวณดังกล่าว มวลสารผงจากองค์พระบรมธาตุหริภุญชัยใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา

โบราณสถานที่สำคัญภายในวัด
พระบรมธาตุหริภุญชัย เป็นโบราณสถานอันสำคัญของนครหริภุญชัยที่ พระเจ้าอาทิตยราช เป็นผู้สถาปนาขึ้นในราว พุทธศตวรรษที่ 17 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ อันมี ธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกอก ธาตุกระดูกนิ้วมือ และธาตุย่อยอีกเต็มบาตรหนึ่ง ตามพุทธทำนายลักษณะทางสถาปัตยกรรมขององค์พระธาตุหริภุญชัย ตามที่ปรากฏในหนังสือตำนานพระธาตุหริภุญชัย กล่าวว่า มีลักษณะ เป็นสถูปสี่เหลี่ยมทรงปราสาท ที่มีซุ้มทวาร เข้า- ออกทะลุกันได้ทั้งสี่ด้าน มีปราสาทสี่เหลี่ยมอยู่ตรงมุมละองค์ก่อด้วยศิลาแลงซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีมากอยู่ในเมืองนี้ ภายในเป็นแท่น สำหรับประดิษฐาน พระโกศที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในสมัยของพญาสรรพสิทธิ์ กษัตริย์แห่งราชวงศ์จามเทวีวงศ์ โปรดให้ปฏิสังขรณ์เจดีย์เดิมที่พญาอาทิตยราชทรงสร้างไว้และได้ขุดร่องทวารประตูเข้า-ออก ทั้งสี่เพื่อความปลอดภัย รูปทรงสัณฐานขององค์พระบรมธาตุยังคงเป็นลักษณะเดิม คือ เป็นทรงปราสาทสี่เหลี่ยมที่กว้างใหญ่และสูง เมื่อ พญามังราย ตีเมืองหริภุญชัยได้ โปรดให้ซ่อมแซมดัดแปลงองค์พระธาตุขึ้นใหม่ การปฏิสังขรณ์ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทรวดทรง ขององค์พระธาตุฯ จากทรงปราสาทกลายเป็นทรงเจดีย์ฐานกลมแบบทรงลังกา ในสมัยของพระเจ้าแสนเมืองมาประมาณปี พ.ศ. 1951 โปรดให้มีการปิดทององค์พระธาตุ พ.ศ. 1990 พระเจ้าติโลกราชกษัตริย์องค์สำคัญแห่งเมืองเชียงใหม่ ทรงร่วมกับพระมหาเมธังกรเถระ ก่อพระมหาเจดีย์ให้สูงขึ้นเป็น 92 ศอก กว้างยาวขึ้น 52 ศอก เป็นรูปร่างที่เห็นเป็นอยู่ในปัจจุบัน



ตัวพระบรมธาตุ ประกอบด้วย
ฐานปัทม์แบบฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้นรับฐานบัวซึ่งมีลักษณะคล้าย มาลัยเถาสามชั้นซึ่งตั้งรับองค์ระฆังกลม องค์ระฆังประดับด้วยลวดลายดอกไม้สี่กลีบระหว่างลายดอกไม้สี่กลีบนั้นมีการดุนนูนเป็นภาพพระพุทธรูป รอบองค์ระฆังซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน เหนือขึ้นไปเป็นบัลลังก์ย่อมุม ส่วนบนเป็นปล้องไฉน ปลียอดเหนือสุดทำเป็นฉัตรเก้าชั้น นอกจากนี้พระเจ้าติโลกราช ได้โปรดให้ก่อกำแพงโดยรอบเขตพุทธาวาสเพื่อเป็นการป้องกันรักษาองค์พระธาตุอีกชั้นหนึ่ง ทั้งยังทรงให้ก่อสร้างซุ้มประตูโขงประดับด้วยลวดลายปูนปั้นอย่างงดงามทางประตูด้านทิศตะวันออกหน้าวิหารหลวงทางทิศเหนือและทางทิศใต้และ ทิศตะวันตก ปัจจุบันคงเหลือแต่ซุ้มประตูโขง ทางทิศตะวันออก และทางด้านทิศใต้ปี พ.ศ. 2054 พระเมืองแก้ว กษัตริย์นครเชียงใหม่โปรดให้หุ้มบุองค์พระธาตุ ด้วยแผ่นทองจังโกฐ ที่เป็นแผ่นทองแดง และทรงให้ปิดทองทั้งหมดพร้อมๆ กับโปรดให้สร้างระเบียงหอก ทำด้วยทองเหลืองซึ่งสั่งทำจากเมืองเชียงแสนขึ้นเป็นรั้วล้อมโดยรอบขององค์พระธาตุด้วย โปรดให้สร้างวิหารหลวงทางด้านทิศตะวันออกขององค์พระธาตุหริภุญชัยเป็นศิลปะล้านนา นอกจากนี้ยังสร้างกำแพงเมือง และขุดคูโดยรอบกำแพงเมืองใหม่ขึ้น เป็นการย่นย่อตัวเมืองหริภุญชัยให้มีขนาดเล็กลงเพื่อเป็นการสะดวกที่จะดูแลรักษาองค์พระธาตุให้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งในการสร้างกำแพงเมืองในครั้งนี้ทำให้วัดสี่มุมเมืองที่สำคัญและสร้างขึ้นในสมัยของพระนางจามเทวีกลายเป็นวัดนอกเมืองลำพูนไป ในปี พ.ศ. 2329 ในสมัยของพระเจ้ากาวิละเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้มีพระราชศรัธทาตั้งฉัตรหลวงสี่มุม และยกฉัตรยอดเป็นทองคำเนื้อเจ็ด ฐานฉัตรกว้าง 1 เมตร พระธาตุเจ้าหริภุญชัยเป็นที่เคารพสักการบูชาของชาวลำพูนและชาวเมืองเหนือมาแต่โบราณกาลตราบเท่าทุกวันนี้



สุวรรณเจดีย์หรือปทุมวดีเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือขององค์พระธาตุหริภุญชัย เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะการก่อสร้างแบบเดียวกับ เจดีย์สี่เหลี่ยมหรือเจดีย์กู่กุดที่วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน องค์เจดีย์สร้างด้วยศิลาแลงและอิฐ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทมีฐานสี่เหลี่ยมซ้อนชึ้นไปห้าชั้น แต่ละชั้นประดับซุ้มจระนำทั้งสี่ด้าน ด้านละสามซุ้ม ภายในซุ้มจะประดิษฐานพระพุทธรูปดินเผาประทับยืนประทับอยู่ ซึ่งมีร่องรอยของการลงรักปิดทอง ปัจจุบันเหลือให้เห็นเพียงไม่กี่องค์ ส่วนบนสุดของเจดีย์เป็นกลีบบัวปูนปั้นหุ้มด้วยโลหะแผ่น ส่วนยอดปลายสุดทำเป็นกรวยแหลมเรียวยาวขึ้นไป สุวรรณเจดีย์องค์นี้มีพระพิมพ์ที่สำคัญและมีชื่อเสียงของเมืองลำพูนบรรจุอยู่ภายใน คือ พระเปิม


เจดีย์เชียงยันหรือเจดีย์เชียงยืน เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่นอกกำแพงทางทิศเหนือของพระธาตุหริภุญชัย ตามตำนานกล่าวว่า สร้างขึ้นในสมัยของพญาอาทิตยราช สำหรับเจดีย์ในปัจจุบัน เป็นเจดีย์ที่ได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยพระเจ้าติโลกราช และกรมศิลปากรก็ได้ทำการบูรณะองค์พระเจดีย์ใหม่ด้วยลักษณะทาสถาปัตยกรรมตรงส่วนของฐานล่างเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสซ้อนขึ้นไปสี่ชั้น เหนือขึ้นไปทำเป็นบัวคว่ำและบัวถลาเป็นส่วนรองรับฐานสูง เหนือขึ้นไปเป็นเรือนธาตุ ตัวเรือนธาตุทั้งสี่ด้านทำเป็นซุ้มจระนำ แต่ก่อนคงประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ตรงเหนือ ส่วนของเรือนธาตุขึ้นไปเป็นฐานแปดเหลี่ยมซ้อนขึ้นไปรองรับองค์สถูปที่เป็นทรงระฆังแบบลังกา เหนือเรือนธาตุทำเป็นเจดีย์จำลองทรงสี่เหลี่ยมตรงมุมทั้งสี่ เหนือองค์ระฆังไม่มีบัลลังก์แต่ทำเป็นยอดบัวกลุ่มสลับกับบัวลูกแก้วลดหลั่นกันไปถึงส่วนยอดลวดลายที่ประดับและประกอบซุ้มจระนำ และผนังย่อเก็จประกอบไปด้วยลายบัวคอเสื้อประจำยามและบัวเชิงล่างมีลักษณะเป็นลายดอกเบญจมาศและใบไม้ประดิษฐ์ ล้อมรอบในกรอบเส้นลวดซึ่งเป็นรูปแบบของลวดลายที่นิยมทำกันในสมัยพระเจ้าติโลกราช


หอระฆัง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือขององค์พระธาตุหริภุญชัย เป็นหอสำหรับแขวนระฆังและกังสดาลขนาดใหญ่ สร้างขึ้นโดย พระครูพิทักษ์เจติยานุกิจ (ครูบาคำฟู) เมื่อ พ.ศ. 2481 ด้านบนแขวนระฆังขนาดใหญ่ซึ่งหล่อขึ้นในสมัยเจ้าหลวงดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 7 และชั้นล่างห้อยกังสดาลขนาดใหญ่ซึ่งหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2403 ฝีมือครูบาสูงเม่นโดยกัญจนมหาเถระ เจ้าอาวาสวัดป่าเมืองแพร่ และเจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่ เป็นศรัทธาสร้างหล่อกังสดาลนี้ ในวัดพระสิงห์เมืองเชียงใหม่เพื่อไว้เป็นเครื่องบูชาพระธาตุหริภุญชัย


หอไตรหรือหอธรรม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ขององค์พระธาตุหริภุญชัยจากศิลาจารึก ลพ.15 (ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชยจังหวัดลำพูน) เป็นจารึกอักษรไทยล้านนา จารึกขึ้นในราว พ.ศ. 2043 ซึ่งอยู่ในช่วงรัชกาลพระเมืองแก้ว จารึกหลักนี้ประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระธาตุหริภุญชัย เรื่องราวในจารึกได้กล่าวถึงพระเมืองแก้ว กับพระราชมารดาของพระองค์ได้ร่วมกันบำเพ็ญพระราชกุศล อันยิ่งใหญ่สถาปนาหอไตรปิฎกหรือหอพระธรรมมณเฑียร เป็นสถานที่เก็บรักษาคัมภีร์พระไตรปิฎก ครบทั้ง 85,000 พระธรรมขันธ์ พร้อมทั้งอรรถกถาฎีกาและอนุฎีกา รวมทั้งสิ้นเป็นคัมภีร์ 420 พระคัมภีร์ซึ่งเป็นพระคัมภีร์ใบลานทั้งหมด ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของหอไตรหลังนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับหอไตรของวัดพระสิงห์ และวัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นแบบที่นิยมสร้างกันทั่วไปในดินแดนล้านนา สำหรับหอไตร วัดพระธาตุหริภุญชัยหลังนี้ สร้างเป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ชั้นบนเป็นอาคารเครื่องไม้ ตัวอาคารหอไตร ตั้งอยู่บนฐานขนาดใหญ่ ซึ่งมีบันไดขึ้นทางด้านหน้า สองข้างบันไดมีสิงห์โตหินประดับที่หัวเสา ตัวอาคารหอไตรชั้นล่างที่ก่อด้วยอิฐถือปูนมีประตูทางเข้าทางเดียว ส่วนชั้นบนเป็นเครื่องไม้ทำเป็นบันไดนาคเล็กๆ ตั้งอยู่ด้านหน้าบนประตูทางเข้าชั้นล่าง ตัวอาคารมีการประดับด้วยไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจกอย่างสวยงาม มีมุขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หลังคาลดชั้นประดับด้วยช่อฟ้าใบระกาหางหงส์หลังคามุงด้วยแผ่นดีบุก


วิหารหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกขององค์พระธาตุ สร้างขึ้นในสมัยพระเมืองแก้วกษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2057 เป็นแบบพื้นเมืองทรงล้านนาสวยงามมาก ต่อมาวิหารได้ถูกลมพายุใหญ่พัดปรักหักพังอย่างยับเยิน ในปี พ.ศ. 2458 ท่านเจ้าอาวาสพร้อมด้วยศรัทธาประชาชนชาวเมืองลำพูน ได้ช่วยกันบูรณะขึ้นมาใหม่ ภายในวิหารหลวงเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วขาว พระเสตังคมณีศรีเมืองหริภุญชัย ประทับนั่งอยู่เหนือบุษบกที่แกะสลักลงรักปิดทอง อย่างสวยงาม


วิหารพระละโว้ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือขององค์พระธาตุหริภุญชัย ตัววิหารสร้างใหม่ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ เรียกว่าพระละโว้
วิหารพระพุทธ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ขององค์พระธาตุหริภุญชัย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ลงรักปิดทอง เรียกว่า พระพุทธ


วิหารพระทันใจ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกขององค์พระธาตุหริภุญชัย ภายในประดิษฐานพระทันใจ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนซึ่งถือว่าเป็น พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถบันดาลให้ผู้ที่กราบไหว้สมหวังได้ดังใจ
วิหารพระพันตน ตั้งอยู่หลังวิหารพระละโว้ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวนมาก


วิหารพระบาทสี่รอย ตั้งอยู่หลังวิหารพระพุทธ ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองมาจากอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
วิหารพระไสยาสน์ ตั้งอยู่เหนือวิหารพระละโว้ ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง


วิหารพระกลักเกลือหรือพระเจ้าแดง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารพระทันใจ ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย ก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ทาด้วยสีแดง

เขาพระสุเมรุจำลอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ขององค์พระธาตุหริภุญชัย ด้านหน้าหอไตร มีลักษณะคล้ายกับเจดีย์ขนาดเล็กทรงกลม ก่อด้วยอิฐถือปูน ส่วนยอดทำลดหลั่นกันขึ้นไปเจ็ดชั้น มีการประดับสำริดซึ่งหล่อเป็นชั้นๆ แล้วนำมาประกอบเป็นทรงกลมภายหลังส่วนฐานที่รองรับ ยอดปราสาทที่อยู่ด้านบนสุด คือ สัตตบริภัณฑ์หรือภูเขาที่ล้อมรอบพระสุเมรุทั้งเจ็ดชั้น โดยมีเกษียรสมุทรคั่นระหว่างเขาแต่ละชั้น สัตตบริภัณฑ์นี้ช่างได้ทำเป็นรูปป่าไม้ มีสัตว์ป่า มีต้นไม้ และเหล่าอสุร ที่อาศัยอยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรุด้าน บนสุดทำเป็นปราสาทซึ่งเป็นที่สถิตของพระอินทร์เทวดาในศาสนาพุทธ ที่มีหน้าที่คอยดูแลความเป็นไปบนโลกและคอยช่วยเหลือคนดีที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยทำเป็นปราสาทหกเหลี่ยมเล็กๆ แต่ละด้านมีซุ้มประตูโค้ง ส่วนยอดของปราสาทมีลักษณะเหมือนยอดมณฑปโบราณสถาน ภายในวิหารคต ทั้งหมดของวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 และ เล่มที่ 96 ตอนที่ 185 ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2522
คัดลอกข้อความมาจาก วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร

อ่านข้อมูลชุดนี้แล้ว ยังไม่ได้ถ่ายภาพบางส่วน ไว้มีโอกาสผ่านไปอีกจะตามไปเก็บรายละเอียดกันมาเพิ่มเติมอีกรอบครับ


ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะมาชมภาพถ่ายที่ blog กันด้วยครับ

******
แวะมาเพิ่มบางส่วน ที่เคยไปถ่ายภาพกันมาก่อนหน้านี้
มารวบรวมไว้ด้วยกันครับ

















Create Date : 02 มิถุนายน 2557
Last Update : 3 มิถุนายน 2557 22:28:59 น. 5 comments
Counter : 6433 Pageviews.

 
โหวต Photo Blog ให้เลยครับพี่

โห...สวยมากๆครับ
สองเดือนก่อนพาหลวงพ่อไปวัดนี้
แต่ไม่ได้ถ่ายภาพดีดีเลยครับ
คนเยอะมากกกกกกกกกกกก 5555

หลายมุมทำให้นึกถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพและวัดพระสิงห์ครับพี่




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 มิถุนายน 2557 เวลา:9:17:49 น.  

 
ถปรร Photo Blog ดู Blog

ฮูปงามขนาดเจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 2 มิถุนายน 2557 เวลา:12:37:24 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาตามชมตามเที่ยวพระธาตูอินแขวน ที่ลำพูนด้วยคนครับ ดูจากภาพแล้วเป็นพระธาตุที่สวยงามมาก ๆ เลยครับ

น่าเสียดายที่ตอนผมไปเที่ยวเหนือเมื่อปลายปีที่แล้วผมไม่ได้ไปไหว้พระธาตุแห่งนี้ครับ จริง ๆ แล้วผมตั้งใจไว้ก่อนว่าอยากจะไปไหว้เพราะว่าเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผม (ปีระกา) แต่ว่าตอนขากลับเพื่อนผมบอกว่าวิ่งกลับเส้นทางที่ผ่านลำพูนจะไม่สะดวก ผมเลยอดเลยครับ

แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมถือโอกาสไหว้พระธาตุผ่านเรื่องราวในบล็อกนี้เลยครับ คุณถปรรถ่ายภาพได้งดงามมาก ๆ เลยครับ ว่าแล้วผมก็ไม่พลาดที่จะโหวตให้ครับ

+++++

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ถปรร Photo Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


+++++

อิอิ



โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 2 มิถุนายน 2557 เวลา:14:08:32 น.  

 
สวัสดีค่า คุณถปรร ^^

วัดพระธาตุหริภุญชัย เคยไปตอนเด็กๆค่ะนานมากแล้ว
ยังสวยอยู่เลยนะคะ

บานประตูวิหารหลวงน่าเกรงขามมากเลยค่ะ
สวย ดูขลังดี

เจดีย์สวยมากเลยค่ะเห็นแล้วนึกถึงพระธาตุดอยสุเทพ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลและภาพสวยๆค่า




โดย: lovereason วันที่: 3 มิถุนายน 2557 เวลา:1:10:14 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่เบิร์ท




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มิถุนายน 2557 เวลา:6:08:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ถปรร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ถปรร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.