|
|
การแสดง แสง เสียง "เทิดพระเกียรติ กู่เจ้าหลวง นครเชียงใหม่ ประจำปี 2557"
19 เมษายน 2557 : การแสดง แสง เสียง "เทิดพระเกียรติ กู่เจ้าหลวง นครเชียงใหม่ ประจำปี 2557" โดย นักศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 (ที่ผ่านมา) มีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ยังอยู่ในกำหนดการปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ คือ พิธีถวายสักการะกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ ประจำปี 2557 ณ บริเวณกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ วัดสวนดอก พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
ภายหลังเสร็จพิธี ในช่วงค่ำได้จัดให้มีการแสดง แสง เสียง ประกอบสื่อผสม เทิดพะเกียรติ กู่เจ้าหลวง นครเชียงใหม่
การแสดง แสง เสียง ประกอบสื่อผสม เล่าขานตำนาน กู่เจ้าหลวง นครเชียงใหม่ แสดงโดย วิทยาลัยนาฏศิลป์ เชียงใหม่ นำโดย ดร.กษมา ประสงค์เจริญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ การแสดงนี้ได้จัดไปเมื่อค่ำคืนวันที่ 17 เมษายน 2557 ณ วัดสวนดอก พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
การแสดงเเทิดพะเกียรติ กู่เจ้าหลวง นครเชียงใหม่ เป็นการนำเสนอเรื่องราวในอดีตของการสร้างบ้านแปงเมืองของพญามังราย พญาร่วง และพญางำเมือง ไปจนถึงเหตุการณ์ถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน จนได้รับการกอบกู้แผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นโดยพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์แรก ผู้ทรงกอบกู้แผ่นดินล้านนาที่แตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าให้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ
เข้าสู่ช่วงรุ่งเรืองของเมืองเชียงใหม่ในสมัยเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ที่ทรงริเริ่มการแสดงที่คุณค่าของภาคกลาง ภาคเหนือ และประเทศเพื่อนบ้านจนได้รับการอนุรักษ์สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
โดยครั้งนี้มีนักแสดงกิตติมศักดิ์ นส.ณัฐพิมล ชื่นดวง นักธุรกิจไฮโซชื่อดังของเชียงใหม่ รับบทเจ้าดารารัศมี พระราชชายา
นพ.เชนชัย ชาญชีพ รับบทเป็นพญางำเมือง
นพ.กันตภพ ศรีเวทกุล รับบทเป็นพญามังราย
นพ.นิเทศก์ แก้วสว่าง รับบทเป็นพญาร่วง
นศพ.นพรุจ กฤตวรกาญจน์ รับบทเป็นพระเจ้ากาวิละ
(โดยได้รับการสนับสนุนการแสดงจาก ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
และยังประกอบด้วยนักแสดงหนุ่มจากค่ายทหารมณฑลทหารบกที่ 33 (ค่ายกาวิละ)
สุดท้ายจากนักแสดงชายหญิงจากวิทลาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ที่ร่วมแสดงกันหลายร้อยชีวิต
ภาพถ่ายของพิธีถวายสักการะกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ ไว้จะนำภาพมาให้ชมกันครับ
ด้วยที่ว่า เคยมีโอกาสมาถ่ายภาพงานนี้เมื่อปี 2555 แล้วก็ลงแต่ภาพตัวอย่างภาพเดียว แล้วก็ไม่มีโอกาสนำภาพถ่ายทั้งหมด มาลงให้ชมกันเลย
ครั้งนี้จึงตั้งใจเลือกทำภาพชุดการแสดงแสงสีเสียงมาให้ชมกันก่อนเลย
.... ภาพถ่าย Set นี้อาจจะถ่ายภาพมาด้วยความคมชัดน้อยไปหน่อยนะครับ ไม่ได้ติดขาตั้งกล้องมาถ่ายภาพ ประกอบกับแสงในการแสดงบางช่วงบางตอนค่อนข้างน้อยอยู่พอสมควร
เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ ผู้สืบราชสกุลเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือ
เข้าสักการะเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระเจ้ากาวิละ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ ๑
พญามังราย
ณ ปี พ.ศ.1786 ตรงกับวันอาทิตย์ แรมเก้าค่ำ เดือนอ้าย ปีกุน เวลาย่ำรุ่ง
นางเทพคำขาย ราชธิดาท้าวรุ้ง แห่งนครเชียงรุ้ง อัครมเหสีของพระเจ้าลาวเม็ง ผู้ครองนครหิรัญนครเงินยางเชียงราวได้ประสูติพระโอรสนามว่า เจ้าเม็งราย
(พญามังราย เป็นพระมหากษัตริย์ไทยฝ่ายเหนือ เสวยราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 25 แห่งหิรัญนครเงินยางเชียงราวเมื่อ พ.ศ. 1804 และต่อมาทรงสร้างอาณาจักรล้านนาเมื่อ พ.ศ. 1839 จึงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา)
ครั้นปี พ.ศ.1834 พญามังรายเสด็จประพาสยังทางทิศเหนือ ไปถึงเชิงดอยอ้อยช้าง (หรือดอยสุเทพ) ทรงเห็นมีฟานเผือก(เก้งเผือก) สองแม่ลูกอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น
เมื่อฟานเผือกสองตัวออกหากิน สุนัขล่าเนื้อของพรานที่ตามเสด็จก็รุมกันขับไล่ ฟานเผือกทั้งสองตัวกลับวิ่งหนีหลบหายไป สุนัขของพรานก็ไม่อาจทำอันตรายได้ฟานเผือกสองแม่ลูกนั้นได้ พระองค์ทอดพระเนครด้วยความอัศจรรย์ใจ และได้กล่าวว่าที่แห่งนี้ มีภูมิสถานเป็นมิ่งมงคลยิ่งนักจะต้องเชิญมิตรสหายทั้งสองคือ พญางำเมือง เจ้าเมืองพะเยา และพญาร่วงแห่งสุโขทัย
เพื่อมาร่วมพิจารณาชัยภูมิแห่งนี้
พญางำเมือง
พญาร่วง (องค์ขวา)
พญางำเมือง(ซ้าย) พญามังราย(กลาง) พญาร่วง (ขวา)
3 พญามหากษัติรย์ ร่วมขัติยะบรรลังก์ ร่วมสหาย บารมี 3 พระองค์ ทรงกำจาย พระมุ่งหมาย สร้างระมิงค์ดินนคร
พญาร่วงกล่าวว่า
เมืองนี้ดีจริงๆ ข้าศึกจะมาทำอันตรายไม่ได้
ถ้าใครมีเงินพันมาอยู่ จะมีเงินหมื่น
ใครมีเงินหมื่นมาอยู่ จะมีเงินแสน
พญางำเมืองกล่าวว่า
จริงกระนั้นหรือพระสหาย
เมืองนี้ดีแต๊ๆ ภูมิสถาน มีจัยยะ มังคละ 7 ประการ
พญามังรายกล่าวว่า
งามมาก เมืองนี้มีจารีตและประเพณี จะต้องยิ่งใหญ่
เมืองนี้ใหญ่ เมืองที่มีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล และมั่นคง
ชะตาเมืองจงเริ่มแต่นี้ พันปี หมื่นปี อย่าเสื่อมสถาน
อาณาประชาราษฎร์ สุขสำราญ เจริญรุ่งเรืองไพศาล ตลอดการเทอญ
ข้าขอเปิดเวียง นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
นับแต่พญามังรายครองเมือง ก็ก้าวเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของอาณาจักรล้านนา
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนอนิจจัง เมื่อมีความเจริญย่อมมีความเสื่อมเป็นธรรมดาโลก
แผ่นดินล้านนาที่เคยเจริญรุ่งเรือง ร่มเย็น สงบสุข สืบเนื่องมาเป็นลำดับร่วม 230 ปี นับเป็นเวลาช้านาน พอถึงกาลเสื่อมถอย
จากยุครุ่งเรือง อาณาจักรล้านนาได้เกิดเหตุการณ์ถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน มีการสู้รบแย่งชิงอาณาจักร
จนอาณาจักรล้านนาได้แตกแยก มีการแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า
2307 พม่าได้ยกทัพเข้าตีเมืองเชียงใหม่ และสามารถยึดเมืองเชียงใหม่ได้สำเร็จ
ประชาชนพลเมือง ล้มตายเป็นแล้วเป็นเล่า ชวนน่าสลดใจเป็นยิ่งนัก
เจ้ากาวิละและพระยาจ่าบ้าน ต้องการที่จะกอบกู้บ้านเมืองให้เป็นอิสระ ได้ยกทัพขับไล่กองทัพพม่า จนกระทั่งขับไล่ได้สำเร็จ
พระเจ้ากาวิละทรงกอบกู้แผ่นดินล้านนาที่แตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าให้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ
ข้าเจ้ากาวิละ ผู้ครองนครเชียงใหม่
ขอให้สัตยาว่า นับแต่นี้ต่อไม่ ข้าจะไม่ยอมให้ชนชาติใดๆ มาข่มเหงรังแกเจ้าได้อีก
(เจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์แรก)
ครั้งที่เจ้าดารารัศมี พระราชชายาได้เสด็จนิวัติสู่นครเชียงใหม่อย่างเป็นการถาวร ในปี พ.ศ. 2457
ทรงฟื้นฟูศิลปะด้านการแสดงล้านนา ทรงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอย่างสม่ำเสมอ
โปรดให้รื้อฟื้นศิลปะการฟ้อนรำ การดนตรีพื้นเมืองทั้งหมด โปรดให้รวบรวมศิลปินล้านนาเก่าแก่มาเป็นบรมครูผู้ประสาทวิชาเพื่อสนับสนุนให้ความรู้แก่พระญาติและประชาชน รวมทั้งโปรดให้จัดการฝึกสอนขึ้นในพระตำหนัก พระญาติของพระองค์ต่อมาได้มีบทบาทในการสานต่อพระราชปณิธานดังกล่าว อาทิเช่น เจ้าหญิงเครือแก้ว ณ เชียงใหม่ ซึ่งต่อมาเป็น ศิลปินแห่งชาติ และ เจ้าสุนทร ณ เชียงใหม่ ผู้สืบทอดการผลิตเครื่องดนตรีและการเล่นดนตรีพื้นเมือง และทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพโปรดให้ครูช่างฟ้อนเมืองทุกแบบและฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตาในวังมาสอนนักเรียนด้วยเพื่อเป็นการสืบทอดมรดกทางนาฏศิลป์
การแสดงฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา
ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา เป็นการฟ้อนที่ยังมีการเรียนการสอนกันอยู่ ด้ายความเป็นมานั้น ศาสตราจารย์ ดร.อุดม รุ่งเรืองศรี เรียบ เรียงไว้ในสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ เล่ม ๙ หน้า ๔๘๒๙ - ๔๘๓๐ ว่าเป็นกระบวนฟ้อนที่เกิดขึ้นจาก พระดำริของพระราชชายาฯ โดยการจ้างนักแสดง ชาวพม่าและมอญมาสอนให้ ชาวพม่าที่มาสอนให้เป็นชาย ส่วนนักแสดงชาวมอญเป็นหญิง ชื่อเม้ยเจ่งต่า การถ่ายทอดแต่ละครั้งพระราชชายาฯ จะเสด็จมาควบคุมอย่างใกล้ชิด ทรงเห็นว่าท่ารำของผู้ชายไม่น่าดูนัก จึงรับสั่งให้ครูผู้หญิงแสดงท่ารำของระบำพม่า ที่เคยแสดงในที่รโหฐานของกษัตริย์พม่า ให้ทอดพระเนตร ครั้นได้ชมก็พอพระทัย จึงได้ทรงดัดแปลงร่วมกับครูฟ้อนในวัง กลายเป็นระบำหรือฟ้อนชุดใหม่ ทรงให้ผู้ฟ้อนทั้งหมดแต่งกายเป็น กำเบ้อ ซึ่งตรงกับคำในภาคกลางว่า ผีเสื้อ แสดงครั้งแรกในงานฉลองตำหนัก ของพระองค์ที่สร้างขึ้นใหม่บนดอยสุเทพ ใช้วงปี่พาทย์ผสมพิเศษบรรเลงประกอบการฟ้อน
ขอบคุณนักแสดงจากคณะแพทยศาสตร์ มช. ภาควิชาออร์โธปิดิกส์
นพ.เชนชัย ชาญชีพ รับบทเป็นพญางำเมือง
นพ.กันตภพ ศรีเวทกุล รับบทเป็นพญามังราย
นพ.นิเทศก์ แก้วสว่าง รับบทเป็นพญาร่วง
นศพ.นพรุจ กฤตวรกาญจน์ รับบทเป็นพระเจ้ากาวิละ
ขอบคุณนักแสดงจากค่ายทหารมณฑลทหารบกที่ 33 (ค่ายกาวิละ) ทุกๆ ท่าน
ขอบคุณผู้กำกับการแสดง และรวมถึงทีมงานเบื้องหลังทุกๆ ท่านไว้ด้วยครับ
ขอบคุณน้องๆ นักแสดงนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ทุกๆ คนที่ร่วมแสดง
(ถ่ายภาพตอนจบการแสดงได้มาเพียงบางส่วน ครับ)
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะมาชมภาพถ่ายที่ blog ด้วยครับ
ชมภาพช่วงก่อนการแสดง แสง เสียง "เทิดพระเกียรติ กู่เจ้าหลวง นครเชียงใหม่ ประจำปี 2557 ในช่วงพิธีสักการะกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ ประจำปี 2557 ได้จาก Link ข้างล่างนี้ครับ
พิธีสักการะกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ ประจำปี 2557
| Create Date : 19 เมษายน 2557 |
| Last Update : 23 เมษายน 2557 9:24:53 น. |
|
5 comments
|
| Counter : 6410 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: lovereason  วันที่: 20 เมษายน 2557 เวลา:23:53:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า  วันที่: 21 เมษายน 2557 เวลา:6:37:39 น. |
|
|
|
| โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 เมษายน 2557 เวลา:8:54:58 น. |
|
|
|
| โดย: แม่ออมบุญ วันที่: 25 เมษายน 2557 เวลา:12:21:19 น. |
|
|
|
| โดย: คนเมือง IP: 110.77.161.68 วันที่: 1 พฤษภาคม 2557 เวลา:13:35:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [
ภาพสวยมากด้วย
เคยแต่เรียนประวัติท่านแต่ลืมหมดแล้วค่ะ
ถ้าได้ไปดูก็คงดี
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆและข้อมูลค่