|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ปอยส่างลอง วัดป่าเป้า เชียงใหม่
ปอยส่างลอง เป็นประเพณีที่ทางวัดป่าเป้า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จัดขึ้นทุกๆ ปี ของเดือน เมษายน และปีนี้กำหนดการน่าจะจัดกันในวันที่ 4-6 เมษายน 2552 นี้ (กำหนดการแน่ๆ จะตามมาให้อีกที แต่ก็น่าจะเป็นสัปดาห์นี้ เพราะถัดไปจะเป็นช่วงงานสงกรานต์แล้ว) ปอยส่างลอง หรือ "การบวชลูกแก้ว" สามเณร เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ช่างภาพต่างก็สนใจมาถ่ายภาพงานนี้เป็นประจำทุกปี (แต่ก็พลาดมาทุกปี) ปีนี้จึงรีบนำมาประชาสัมพันธ์ และเตือนตัวเองไว้ก่อน มีภาพให้ชมกันนิดหน่อย
มีภาพให้ชมกัน 5 ภาพแค่นี้ และขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้สนใจจะมาถ่ายภาพ งานปอยส่างลองนี้ด้วยครับ ไว้มีรายละเอียดเพิ่มเติมจะมาเพิ่มใน blog นี้อีกครั้ง
ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่ายและประชาสัมพันธ์งาน ปอยส่างลอง ณ วัดป่าเป้า เชียงใหม่นี้ด้วยครับ
คัดลอกข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาไว้เป็นข้อมูลให้อ่านกันนิดหน่อย (//thai.tourismthailand.org/festival-event/maehongson-58-2513-1.html)
คำว่า "ส่างลอง" เป็นภาษาไทยใหญ่ เกิดจากคำผสมระหว่าง "ส่าง" แปลว่า สามเณร และคำว่า "ลอง" แปลว่า ผู้เป็นใหญ่เหนือมนุษย์หรือเทพบุตร หรือผู้เป็นหน่อเนื้อของผู้วิเศษ คำเต็มคือ "อลอง" เมื่อผสมกับคำว่า "ส่าง" เสียงอะที่อยู่หน้ากร่อนหายไป สันนิษฐานว่าเป็นภาษาพม่าที่นำมาใช้ภาษาไทยใหญ่ อีกนัยหนึ่งคำว่า "ส่างลอง" เทียบได้กับคำว่า "ลูกแก้ว" ในภาษาถิ่นล้านนา ประเพณีทำบุญส่างลอง เรียกว่า ปอยส่างลอง คำว่า "ปอย" คือ งานอันเป็นมงคลยิ่งใหญ่ในการบรรพชา หรือ บวชลูกแก้วของชาวล้านนา ส่วนประวัติความเป็นมามีกล่าวไว้หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งคือ ในสมัยอดีตกาล ณ เมืองหนึ่งมีพระมหากษัตริย์ มีโอรสทรงพระนามว่า "จิตตะมังชา" ครั้นโอรสมีอายุได้ 10 ชันษา พระบิดาก็มุ่งหวังจะให้โอรสได้ผนวชเป็นสามเณร แต่พระองค์ไม่ทรงบังคับแต่อย่างใด ความนี้ล่วงรู้ไปถึง "จิตตมังชาโอรส" จึงได้ตัดสินใจขอผนวชเอง ทำให้พระราชบิดาทรงปลาบปลื้มมาก รับสั่งให้มีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่ตลอด 7 วัน 7 คืน ได้แห่ส่างลองจิตตะมังไปรอบเมือง และไปหาพระพุทธเจ้า สามเณรจิตตมังชาผนวชอยู่กับพระพุทธเจ้าเป็นเวลานาน ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแตกฉานและได้สำแดงบุญบารมีเป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว เช่นครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสร็จไปเยี่ยมพระประยูรญาติ ณ เมืองกบิลพัสดุ์ พระนางปชาบดีโคตมีได้ทอผ้าจีวรด้วยเส้นทองคำ 2 ผืน ถวายแด่ พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงรับผืนเดียวที่เหลือไม่มีสาวกองค์อื่นกล้ารับ แต่สามเณรจิตตมังชากล้ารับทำให้เกิดเสียงวิจารณ์เป็นอันมากว่า สามเณรจิตตะมังชายังเยาว์วัยเกินไปไม่สมควรรับ ความทราบถึงพระพุทธเจ้า จึงจัดให้สาวกมาประชุมกัน แล้วพระองค์ทรงโยนบาตรขึ้นไปในอากาศ พร้อมกับตรัสว่า สาวกองค์ใดจะมีความสามารถรับบาตรนี้ได้ ปรากฏว่าผู้ที่สามารถรับบาตรนี้ได้คือ สามเณรจิตตะมังชาได้เหาะไปรับบาตรมาถวายพระพุทธเจ้า แสดงให้เห็นว่า เหมาะที่จะรับจีวรด้ายทองคำ และเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป อีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า สมัยพุทธกาลที่เมืองแห่งหนึ่งมีงานปอยส่างลอง โดยคหบดีเศรษฐีผู้มีเงินทองหลายคนร่วมกันจัดงาน แต่มีครอบครัวหนึ่งกำพร้าพ่อเหลือแม่กับลูกชายที่มีรูปร่างอัปลักษณ์น่าเกลียดไม่มีใครอยากคบด้วย ลูกชายอยากเป็นส่างลองมาก แต่แม่ยากจนไม่สามารถหาเงินมาจัดงาน "ปอยส่างลอง" ได้ พร้อมทั้งถูกพูดจาถากถางตลอดว่า "ยากจนแล้วอย่างเป็นส่างลอง" ยิ่งใกล้ถึงวันรับส่างลอง เสียฆ้องกลองบ้านเจ้าภาพทำให้ทั้งแม่และลูกเป็นทุกข์มาก ครั้นหมดปัญญาจะหาเงินมาร่วมจัดงานด้วยเรื่องนี้ร้อนไปถึง "บุนสาง" หรือพระพรหม ผู้มีหูตาทิพย์ เมื่อทราบจึงมีความคิดที่จะช่วยทั้งสอง จึงแปลงร่างเป็นชายแก่มอบเงินทองให้ แต่ก็ติดขัดที่ลูกชายรูปร่างอัปลักษณ์ พระพรหมก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงจะช่วยเอง จนถึงวันรับส่างลอง เมื่อแต่งชุดส่างลองแล้ว พระพรหมก็เนรมิตรูปร่างให้ใหม่กลายเป็นส่างลองที่สวยงาม แต่งคล้ายเจ้าชายมีเครื่องประดับสวยงาม เพื่อแห่ส่างลองไปรอบๆ เมือง ผู้คนพบเห็นต่างก็ประทับใจ กล่าวชมความสวยงามและน่ารักของส่างลองเป็นอันมาก จวบจนเมื่อบวชเป็นสามเณรแล้วก็อยู่ในเพศบรรพชิตต่อไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่า การจัดงาน "ปอยส่างลอง" จะได้อานิสงส์มาก ถ้าได้บวชลูกตนเองเป็นสามเณรได้อานิสงส์ 7 กัลป์ถ้าบวชลูกคนอื่นได้อานิสงส์ 4 กัลป์ ถ้าได้อุปสมบทลูกตัวเองเป็นพระภิกษุได้อานิสงส์ถึง 12 กัลป์ อุปสมบทลูกคนอื่นเป็นพระภิกษุได้อานิสงส์ 8 กัลป์ ดังนั้นชาวไทยใหญ่ทั้งหลายไม่ว่าจะยากดีมีจนก็ต้องพยายามจัดงานปอยส่างลองให้ได้ งานปอยของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยึดถือปฏิบัติกันมาหลายร้อยปีแล้ว เช่นในคราวที่สมเด็จเจ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสด็จไปตรวจราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อ พ.ศ. 2472 ได้บันทึกไว้ในรายงานความว่า "ในวันที่ขึ้นพระธาตุดอยกองมูนี้ ที่เชิงดอยมีแห่ครัวทานตามแบบพายัพ พญาพิศาลฮ่องสอนกิจ พ่อเมือง นำหน้าขบวนแล้วก็ถึงมหรสพแล้วถึงมณฑปทำด้วยกระดาษมีคานหาม ต่อนั้นไปมีผู้หญิงงามถือธูปเทียนตกแต่งด้วยเครื่องกระดาษ ประมาณ 40 คน มีสำรับคาวหวาน คนหาบซึ่งมีเด็กซึ่งบวชเป็นสามเณรในวันนั้น ขี่คอคนต่างม้า ยึดผ้าโพกศีรษะคนนั้นๆ เป็นบังเหียนเต้นทำนองม้า มีกลดทองแบบพม่าทั้งสิ้น ข้างขวาคนละ 2 คัน รวม 10 คัน มีนางงามโปรยข้าวตอกซัดเตจ้านาค เจ้านาคแต่งตัวคล้ายละครพม่า พิธีนี้ตามคำเมืองเรียกว่า "บวชลูกแก้ว หรือ ปอยส่างลอง" ตามภาษาไทยใหญ่"
Create Date : 10 มีนาคม 2552 |
Last Update : 11 มีนาคม 2552 8:23:23 น. |
|
17 comments
|
Counter : 3689 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พลังชีวิต วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:22:00:56 น. |
|
|
|
โดย: VELEZ วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:22:22:31 น. |
|
|
|
โดย: momster วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:22:46:20 น. |
|
|
|
โดย: pim(พิม) วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:22:46:37 น. |
|
|
|
โดย: superss วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:23:13:36 น. |
|
|
|
โดย: ชิฟฟอนคาปูชิโน่ IP: 58.8.107.39 วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:6:25:21 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:8:27:22 น. |
|
|
|
โดย: lazymetal วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:11:31:58 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:17:14:01 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:8:08:24 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:12:18:28 น. |
|
|
|
โดย: kobnon วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:10:39:04 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:18:30:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|