Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

ประเพณีอินทขิล-ใส่ขันดอก [วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เชียงใหม่]

12 พฤษภาพคม 2553 : ประเพณีอินทขิล-ใส่ขันดอก [วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เชียงใหม่]




พิธีบูชาเสาอินทขิลหรือเสาหลักเมือง ซึ่งชาวเชียงใหม่เชื่อว่าเป็นเสาหลักที่สร้างความมั่นคง การอยู่ดีมีสุขให้คนเชียงใหม่ อินทขิลหรือเรียกว่า เสาหลักเมืองเชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่ทราบดีว่า ทุกๆ ปีจะต้องมีพิธีสักการะบูชาเสาอินทขิล เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ให้แก่ชาวบ้านชาวเมืองรวมทั้งผู้ที่ทำเกี่ยวกับเกษตรโดยการเพาะปลูก โดยงานดังกล่าวได้อัญเชิญพระเจ้าฝนแสนห่าอันเป็นพระพุทธรูปที่บันดาลให้ฝนตกมาเป็นประธานในขบวนแห่และมีการสวดคาถาอินทขิลของหมู่สงฆ์ด้วย ชาวเชียงใหม่จะทำพิธีบูชาอินทขิลในตอนปลายเดือน 8 ต่อเดือน 9 หรือระหว่างเดือนพฤษภาคมต่อเดือนมิถุนายน โดยเริ่มในวันแรม 3 ค่ำ เดือน 8 เรียกว่า วันเข้าอินทขิล การเข้าอินทขิลจะมีไปจนถึงในวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 9 ซึ่งเป็นวันออกอินทขิล จึงเรียกว่า เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก

ตำนานอินทขิลหรือตำนานสุวรรณคำแดงที่พระมหาหมื่นวุฑฒิญาโณ วัดหอธรรม เชียงใหม่ เล่าความเป็นมาของเสาอินทขิลไว้ว่า บริเวณที่ตั้งเมืองเชียงใหม่ศูนย์กลางอาณาจักรล้านนานั้น เป็นที่ตั้งบ้านเมืองของชาวลัวะ ในเมืองนี้มีผีหลอกหลอนทำให้ชาวเมืองเดือดร้อนไม่เป็นอันทำมาหากิน อดอยากยากจน พระอินทร์จึงได้ประทานความช่วยเหลือ บันดาลบ่อเงิน บ่อทองและบ่อแก้วไว้ในเมือง ให้เศรษฐีลัวะ 9 ตระกูล แบ่งกันดูแลบ่อทั้ง 3 บ่อละ 3 ตระกูล โดยชาวลัวะต้องถือศีลรักษาคำสัตย์ เมื่อชาวลัวะอธิษฐานสิ่งใดก็จะได้ดังสมปรารถนา ซึ่งชาวลัวะก็ปฏิบัติตามเป็นอย่างดี บรรดาชาวลัวะทั้งหลายต่างก็มีความสุขความอุดมสมบูรณ์ ข่าวความสุขความอุดมสมบูรณ์ของเวียงนพบุรี ซึ่งเป็นตระกูลของชาวลัวะเลื่องลือไปไกลและได้ชักนำให้เมืองอื่นยกทัพมาขอแบ่งปัน ชาวลัวะตกใจจึงขอให้ฤๅษีนำความไปกราบทูลพระอินทร์ พระอินทร์จึงให้กุมภัณฑ์ หรือยักษ์ 2 ตน ขุดอินทขิล หรือ เสาตะปูพระอินทร์ ใส่สาแหรกเหล็กหาบไปฝังไว้กลางเวียงนพบุรี เสาอินทขิลมีฤทธิ์มากดลบันดาลให้ข้าศึกที่มากลายร่างเป็นพ่อค้า พ่อค้าเหล่านั้นต่างตั้งใจมาขอสมบัติจากบ่อทั้งสาม ชาวลัวะแนะนำให้พ่อค้าถือศีลรักษาคำสัตย์และอย่าละโมบ เมื่อขอสิ่งใดก็จะได้ พ่อค้าบางคนทำตาม บางคนไม่ทำตาม บางคนละโมบ ทำให้กุมภัณฑ์ 2 ตน ที่เฝ้าเสาอินทขิลโกรธพากันหามเสาอินทขิลกลับขึ้นสวรรค์ไป และบ่อเงิน บ่อทอง บ่อแก้ว ก็เสื่อมลง มีชาวลัวะผู้เฒ่าคนหนึ่งไปบูชาเสาอินทขิลอยู่เสมอ ทราบว่ายักษ์ทั้งสองนำเสาอินทขิลกลับสวรรค์ไปแล้ว ก็เสียใจมากจึงถือบวชนุ่งขาวห่มขาว บำเพ็ญศีลภาวนาใต้ต้นยางเป็นเวลานานถึง 3 ปี ก็มีพระเถระรูปหนึ่งทำนายว่า ต่อไปบ้านเมืองจะถึงกาลวิบัติ ชาวลัวะเกิดความกลัวจึงขอร้องให้พระเถระรูปนั้นช่วยเหลือ พระเถระบอกว่า ให้ชาวลัวะร่วมกันหล่ออ่างขางหรือกระทะขนาดใหญ่ แล้วใส่รูปปั้นต่างๆ อย่างละ 1 คู่ ปั้นรูปคนชายหญิงให้ครบร้อยเอ็ดภาษาใส่กระทะใหญ่ลงฝังในหลุมแล้วทำเสาอินทขิลไว้เบื้องบนทำพิธีสักการบูชา จะทำให้บ้านเมืองพ้นภัยพิบัติ การทำพิธีบวงสรวงสักการบูชาจึงกลายเป็นประเพณีสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

เดิมมีเสาอินทขิลประดิษฐานอยู่ ณ วัดสะดือเมือง หรือวัดอินทขิล ซึ่งตั้งอยู่ ณ กลางเวียงเชียงใหม่ ปัจจุบันก็คือ บริเวณหอประชุมติโลกราช ข้างศาลากลางจังหวัดเก่า ในตำนานกล่าวว่า เสาอินทขิลเดิมนั้นหล่อด้วยโลหะ จนกระทั่งสมัยพระเจ้ากาวิละ ราวปี พ.ศ. 2343 ได้ย้ายเสาอินทขิลไปไว้ที่วัดเจดีย์หลวง โดยบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่เป็นเสาปูน และทำพิธีบวงสรวงเป็นประเพณีสืบกันมา ปัจจุบันนี้เสาอินทขิลที่อยู่ในวิหาร เป็นเสาปูนปั้นติดกระจกสี บนเสาเป็นบุษบกประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึง เสาอินทขิลนี้สูง 1.30 เมตร วัดรอบได้ 67 เมตร แท่นพระสูง 0.97 เมตร วัดโดยรอบได้ 3.40 เมตร

ประเพณีอินทขิล ในสมัยเจ้าผู้ครองนครกับปัจจุบันนี้แตกต่างกันมาก ในอดีตเจ้าผู้ครองนครจะเริ่มพิธีด้วยการเซ่นสังเวยเทพยาดาอารักษ์ ผีบ้าน ผีเมือง และบูชากุมภัณฑ์ พร้อมกับเชิญผีเจ้านายลงทรง เพื่อถามความเป็นไปของบ้านเมืองว่าจะดีจะร้ายอย่างไร ฟ้าฝนจะอุดมสมบูรณ์หรือไม่ หากคนทรงทำนายว่าบ้านเมืองชะตาไม่ดี ก็จะทำพิธีสืบชะตาเมือง เพื่อแก้ไขปัดเป่าให้เบาบางลง นอกจากนี้ยังมีการซอและการฟ้อนดาบ เป็นเครื่องสักการะถวายแด่วิญญาณบรรพบุรุษด้วย พิธีกรรมนี้ทำสืบต่อมาจนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงหยุดไป ปัจจุบันเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ดำเนินการสืบทอดประเพณีอินทขิล โดยมีพิธีทางพุทธศาสนาเข้ามาผสมผสาน ในวันแรกของการเข้าอินทขิล มีการแห่พระเจ้าฝนแสนห่า หรือพระพุทธรูปคันธารราษฎร์รอบตัวเมือง เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำและใส่ขันดอก เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต ส่วนภายในวิหารอินทขิล พระสงฆ์ 9 รูป จะทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์บูชาเสาอินทขิล ซึ่งฝังอยู่ใต้ดินภายใต้บุษบกที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูป เมื่อเสร็จพิธีจะมีมหรสพสมโภชตลอดงาน

วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าแสนเมืองมากษัตริย์รัชกาลที่ 7 ราชวงศ์มังราย ซึ่งครองราชอาณาจักรล้านนาไทย พระองค์ทรงสร้างพระธาตุเจดีย์หลวงขึ้นเมื่อ พ.ศ.1934 ด้านหน้า พระวิหารหลวง เป็นที่ตั้งของเสาอินทขิลหรือเสาหลักเมือง เสานี้ก่อด้วยอิฐถือปูน และกล่าวว่า แต่เดิมอยู่ที่วัดสะดือเมือง (หรือวัดอินทขิล) ซึ่งเป็นที่ตั้งหอประชุมติโลกราชข้างศาลากลางหลังเก่า ครั้นต่อมาในสมัยพระเจ้ากาวิละ ครองเมืองเชียงใหม่ ให้ย้ายเสาอินทขิลมาไว้ที่วัดเจดีย์หลวง และได้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ พร้อมทั้งสร้างวิหารครอบไว้เมือปี พ.ศ.2343 ต่อมา วิหารอินทขิลได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา พอปี พ.ศ.2496 ครูบาขาวปี นักบุญแห่งล้านนาไทยอีกท่านหนึ่ง จึงได้สร้าง วิหารอินทขิลขึ้นใหม่ ในรูปทรงหรือสถาปัตยกรรมดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และท่าน ยังนำเอาพระพุทธรูปปางขอฝน หรือ พระคันธารราษฎร์ประดิษฐานไว้บนเสาอินทขิลอีกด้วย เพื่อให้ชาวเมืองได้กราบไหว้บูชาคู่กับหลักเมือง ต่อมาปี พ.ศ.2514 นางสุรางค์ เจริญบุญ ได้บริจาคทรัพย์ 100,000 บาท ทำการซ่อมแซมวิหารอินทขิลอีกครั้ง เสาอินทขิล (เสาที่พระอินทร ์ประทานให้) เป็นเสาหลักบ้านหลักเมืองคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ เป็นที่เคารพสักการะ และนับถือว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่รวม วิญญาณของชาวเมือง และบรรพบุรุษในอดีต เป็นปูชนียสถานสำคัญของเมืองเชียงใหม่ ในสมัยก่อน ได้มีการทำพิธี สักการบูชา เสาอินทขิลเป็นประจำทุกปี การทำพิธีดังกล่าวมักจะทำในปลายเดือน 8 เหนือ ข้างแรมแก่ๆในวันเริ่มพิธีนั้น พวกชาวบ้านชาวเมืองทั้งเฒ่าแก่ หนุ่มสาว จะพากันนำเอาดอกไม้ธูปเทียน น้ำขมิ้นส้มป่อยใส่พาน หรือภาชนะ ไปทำการ สระสรงสักการบูชา การทำพิธีดังกล่าวนี้ มักจะเริ่มทำในวันแรม 13 ค่ำ เดือน 8 เหนือ (ภาคเหนือนับเดือนไวกว่าภาคกลาง 2 เดือน) เป็นประจำทุกปี จึงเรียกกันว่า เดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก


กิจกรรมในประเพณีเข้าอินทขิล

พิธีบูชาเสาอินทขิล พิธีนี้กระทำโดยการจุดธูปเทียนบูชาอินทขิลกับรูปกุมภัณฑ์และฤาษี ทั้งนี้เพื่อให้บ้านเมืองอยู่สงบสุขร่มเย็น ช่วงเวลาสำหรับทำพิธีบูชาเสาอินทขิล คือ ช่วงปลายเดือน 8 ต่อต้นเดือน 9 วิหารอินทขิลจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการบูชาตั้งแต่เช้า ซึ่งจะต้องทำพิธีพลีกรรมเครื่องบูชาดังนี้

การบูชาอินทขิล

เครื่องบูชามี ข้าวตอกดอกไม้ และเทียน 8 สวย พลู 8 สวย ดอกไม้เงิน 1 ผ้าขาว 1 รำ ช่อขาว 8 ผืน มะพร้าว 2 แคนง กล้วย 2 หวี อ้อย 2 เล่ม ข้าว 4 ควัก (กระทง) แกงส้ม แกงหวาน อย่างละ 4 โภชนะอาหาร 7 อย่าง ใส่ขันบูชา

การบูชาต้นยางหลวง ในวัดเจดีย์หลวง

เครื่องบูชามี เทียน 2 คู่ พลู 2 สวย ดอกไม้ 2 สวย หมาก 2 ขด 2 ก้อม ช่อขาว 4 ผืน หม้อใหม่ 1 ใบ กล้วย 1 หวี ข้าว 4 ควัก แกงส้มแกงหวานอย่างละ 4 โภชนะอาหาร 7 อย่าง การบูชากุมภัณฑ์ 2 ตน ในวัดเจดีย์หลวง ให้แต่งหอไม้อ้อต้นละหอ เครื่องบูชามีเทียนเงิน 4 เล่ม เทียนคำ 4 เล่ม ช่อขาว 8 ผืน ช่อแดง 8 ผืน ฉัตรขาว 2 ฉัตรแดง 2 มะพร้าว 4 แคนง กล้วย 4 หวี อ้อย 4 เล่ม ไหเหล้า 4 ไห ปลาปิ้ง 4 ตัว เนื้อสุก 4 ชิ้น เนื้อดิบ 4 แกงส้มแกงหวานอย่าง 4 เบี้ย 1300 หมก 1000 ผ้าขาว 1 รำ อาสนะ 12 ที่

การบูชาช้าง 8 ตัว ที่พระเจดีย์หลวง

ช้างแต่ละตัวมีเครื่องบูชาดังนี้ เทียนเงิน 1 คู่ เทียนคำ 1 คู่ ฉัตรแดง ช่อแดง 1 มะพร้าว 1 แคนง กล้วย 1 หวี อ้อย 1 เล่ม หญ้า 1 หาบ หมาก 1 ขด 1 ก้อม พลู 1 เล่ม ข้างตอกดอกไม้แดง 7 อย่าง ใส่ขันบูชา


พิธีใส่ขันดอก

เป็นพิธีที่กระทำต่อ จากการจุดธูปเทียนบูชาอินทขิล ทางวัดจะเตรียมพานเรียงไว้เป็นจำนวนมากเพื่อให้ประชาชนนำดอกไม้ที่ตนเตรียมมาไปวาง ในพาน (ขัน) จนครบ เหมือนกับการใส่บาตรดอกไม้ การถวายดอกไม้เป็นการแสดงความเคารพบูชาแก่เสาอินทขิล กุมภัณฑ์ ฤาษี และพระรัตนตรัย


การใส่บาตรพระประจำวันเกิด

นอกจากเปิดวิหารอินทขิล จัดพาน รับดอกไม้แล้ว ทางวัดยังได้จัดเตรียมบาตร 7 ลูก วางไว้หน้าพระพุทธรูปประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน คือ

วันอาทิตย์ พระพุทธรูปปางถวายเนตร วันจันทร์ พระพุทธรูปปางห้ามญาติ วันอังคาร พระพุทธรูปปางไสยาสน์ วันพุธ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร วันพฤหัสบดี พระพุทธรูปปางขัดสมาธิ วันศุกร์ พระพุทธรูปปางรำพึง วันเสาร์ พระพุทธรูปปางนาคปรก


พิธีสรงน้ำพระเจ้าฝนแสนห่า

พระเจ้าฝนแสนห่า คือ พระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดช่างแต้ม ซึ่งอยู่ใกล้ๆ วัดเจดีย์หลวง ชาวเชียงใหม่เชื่อว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีพุทธานุภาพบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เทศบาลนครเชียงใหม่ จึงอาราธนามาประดิษฐานบนรถแห่ไปตามถนนสำคัญ ใน เมืองให้ประชาชนสรงน้ำในวันแรม 12 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งเป็นวันเริ่มงานประเพณี หลังจากนั้นก็นำมาประดิษฐานไว้วงเวียนหน้าพระวิหารวัดเจดีย์หลวงทุกวันตลอดงานพิธีเข้าอินทขิล เพื่อให้ประชาชนที่ไปร่วมงานได้สรงน้ำระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้อย่างทั่วถึง



พิธีสืบชะตาเมือง

พิธีสืบชะตาเมืองเป็นพิธีที่กระทำหลังจากสิ้นสุดการบูชาเสาอิทขิลแล้วระยะหนึ่ง แต่ก็ยังคงอยู่ในช่วงครึ่งแรกของเดือน 9 เหนือ ประเพณีมีขึ้นเนื่องจากเมืองเชียงใหม่สร้างชื้นตามหลักโหราศาสตร์ และการเลือกชัยภูมิ ตลอดจนมหาทักษาเพื่อให้ได้ชัยภูมิ เวลา และฤกษ์ที่เป็นมงคล อันจะบันดาลให้เมืองเจริญรุ่งเรืองสืบไปอย่างไรก็ตาม เมื่อวันเวลาผ่านไปย่อมมีบางช่วงที่ดวงเมืองเบี่ยงเบน ตามลัคนา การทำบุญสืบชะตาเมือง จะช่วยให้เคราะห์ร้ายลดลงและสถานการณ์ต่างๆ กลับดีขึ้นไป การสืบชะตาของชาวล้านนาเทียบได้กับการทำบุญวันเกิด แต่มีพิธีการค่อนข้างละเอียดถี่ถ้วน โดยมีความเชื่อว่า หากกระทำแล้วจะช่วย สืบ อายุให้ยืนยาวต่อไป พิธีสืบชะตาเมืองเชียงใหม่ จะกระทำในตัวเมือง 10 แห่ง คือที่กลางเวียง อันเคยเป็นสะดือเมือง ประตูทั้ง 5 ประตู และแจ่ง เวียง (มุมเมือง) ทั้ง 4 แจ่ง เมื่อมีพระบรมราชานุสรณ์สามกษัตริย์ มาประดิษฐานที่หน้าศาลากลางเก่า ตั้งแต่ พ.ศ.2526 การทำพิธีสืบชะตา ณ กลางเวียง ก็กระทำที่บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ โดยมีพระสงฆ์ 9 รูปที่เหลืออีก 9 แห่งมีพระสงฆ์แห่งละ 11 รูป รวมทั้งสิ้นเป็น 108 รูป เท่ากับ จำนวน 108 มงคลในลัทธิพราหมณ์ และเท่ากับพระพุทธคุณพระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ รวม 108 ประการ เช่นกัน พิธีสืบชะตาเมืองซึ่งเริ่มทำตั้งแต่ พ.ศ.2511 นั้น จะกระทำขึ้นพร้อมๆกันทุกจุดในเวลา 07.00 นาฬิกา จะเริ่มพิธีสืบชะตาเมือง โดยเริ่มด้วยการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย สมาทานเบญจศีล พระภิกษุสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์แล้วแสดงธรรมเทศนา เมื่อจบแล้วจึงถวายภัตตาหารเพลแก่พระสงฆ์ หลังจาก เพลมีพิธีถวายไทยทานพระสงฆ์อนุโมทนา ผู้ประกอบพิธีกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแก่เทพยดาอารักษ์ ตลอดจนพระ วิญญาณ พญามังราย และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ทุกพระองค์


ข้อความคัดลอกมาจาก ศูนย์สนเทศภาคเหนือ North Thai Information Center สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : //bg1.bloggang.com/admin/manage.php?id=abird&action=post&group=12
ขอขอบคุณ เนื้อหาประวัติความเป็นมาของประเพณีอินทขิล ศูนย์สนเทศภาคเหนือ North Thai Information Center สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


ต่อไปนี้เป็นข้อความที่เขียนเองแล้ว
ประเพณีอินทขิลในปีนี้เริ่มจัดงานกันตั้งแต่วันที่ 10 - 16 พฤษภาคม 2553
จำได้ว่าตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่ ในวันที่เป็นวันเริ่มงานของประเพณีอินทขิลมักจะเกิดฝนตกหนักและอาจมีลมพายุเกิดขึ้นด้วย
ในปีนี้ก็เช่นกัน วันที่ 10 พ.ค. 2553 ช่วงพิธีแห่พระเจ้าฝนแสนห่า ในตัวเมืองเชียงใหม่และโดยรอบเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก พร้อมลมพายุ แต่ฝนก็ตกแค่ลงมาชั่วครู่ เหมือนบอกให้ชาวเชียงใหม่ได้ทราบโดยทั่วไปว่า ขณะนี้ประเพณีอินทขิลกำลังเริ่มงานแล้ว โดยมีพิธีอัญเชิญขบวนแห่พระเจ้าฝนแสนห่า พร้อมเครื่องขันบูชาเสาอินทขิลออกจากวัดเจดีย์หลวงไปตามถนนสายต่าง ๆ ในเมืองเชียงใหม่และมาสิ้นสุดที่สถานที่จัดงานวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ซึ่งเป็นการจัดงานตามแบบประเพณีโบราณล้านนาสืบต่อกันมา

เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ แบบว่าใครไม่อยู่ในเหตุการณ์วันแรกของประเพณีอินทขิล จะไม่ให้เชื่อในความอัศจรรย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฺที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นไม่ได้แล้ว
แต่วันงานเหมือนทุกๆ ปี ยังมาตรงกับวันทำงานอยู่ทุกครั้ง เลยยังไม่ได้ไปงานตั้งแต่เริ่มขบวนแห่สักครั้ง




วันที่ 10 พ.ค. 53 เลิกงานแล้ว รีบตรงดิ่งไปที่วัดเจดีย์หลวงฯ ทันที พิธีการต่างๆ ได้เริ่มไปส่วนหนึ่งแล้ว ภายในวิหารอินทขิลยังมีการสวดพิธีสงฆ์อยู่

เจ้าหน้าที่กำลังตกแต่งโดยรอบของพระพุทธรูปพระเจ้าแสนห่า หลังจากที่ประธานในพิธีได้ดำเนินการในส่วนพิธีการในส่วนนี้ไปก่อนหน้าแล้ว (ไปไม่ทัน)






ที่ตั้งใจไปถ่ายภาพในวันพิธีของงาน ถึงแม้จะไม่ทันถ่ายภาพช่วงขบวนแห่ทุกๆ ปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา ได้พบว่าวันเปิดงาน
ทางอจ.แพทย์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้นำนักศึกษาแพทย์แต่งกายพื้นเมืองอย่างสวยงามมาร่วมในงานนี้ด้วย

นักศึกษาแพทย์ได้แต่งกายพื้นเมืองที่สวย และถูกแบบประเพณีของล้านนา ภายใต้การกำกับดูแลของอจ.แพทย์ที่มีความรู้ในประเพณีของล้านนาเป็นอย่างดี

ทำให้นักศึกษาแพทย์ต่างก็ได้ซึมซับประเพณีศิลปวัฒนธรรมของล้านนาควบคู่ไปกับการศึกษาทางด้านการแพทย์ด้วย









































ขอนำภาพในส่วนของกลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่มาร่วมงานประเพณีอินทขิล และมาร่วมใส่ขันดอก ตามประเพณี พร้อมกับชุดแต่งกายพื้นเมืองที่สวยงดงามมาให้ชมกันใน blog ชุดแรกนี้ก่อน
และเนื่องจากถ่ายภาพได้ไม่นาน พอ 6 โมงเย็น - 3 ทุ่ม ต้องวิ่งไปทำงานอีกที่หนึ่ง และต่อเนื่องมาถึงวันนี้อีก 1 วัน เลยทำให้ยังไม่ได้ไปถ่ายภาพในส่วนอื่นๆ มาให้ชมกัน แต่ก็ตั้งใจว่าจะไปเก็บภาพงานประเพณีอินทขิลทุกๆ วัน หลังจากวันนี้ไปแล้ว ไว้ค่อยนำภาพส่วนอื่นๆ มาให้ชมกันต่อครับ


ขอบคุณกลุ่มนักศึกษาแพทย์ จากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ทุกๆ คนที่ร่วมอนุัรักษ์ประเพณีศิลปวัฒนธรรมของเชียงใหม่ในงานนี้ และร่วมเป็นแบบถ่ายภาพใน set นี้ด้วยครับ


ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ได้แวะมาชมภาพถ่ายใน blog ด้วยครับ




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2553
19 comments
Last Update : 12 พฤษภาคม 2553 20:35:43 น.
Counter : 6437 Pageviews.

 



ไล่ชมภาพมาเรื่อยๆ
ได้บรรยากาศ และความรู้สึกดีดี
กับประเพณีที่งดงามมากๆๆเลยนะคะ


ชมก่อน อ่านทีหลัง



 

โดย: d__d (มัชชาร ) 12 พฤษภาคม 2553 8:48:57 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ต้อนรับเช้าวันใหม่ ขอให้ทำงานอย่างมีความสุขนะคะ ^__^

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 12 พฤษภาคม 2553 9:07:44 น.  

 

แวะมาทักทายและชมภาพสวยๆค่ะ

 

โดย: Summer Flower 12 พฤษภาคม 2553 11:01:30 น.  

 

งามจังค่ะ

งดงามทั้งประเพณี และน้องๆ นักศึกษาแพทย์ที่ใส่ชุดแต่งกายพื้นเมือง ดูดีจริงๆ ค่ะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 12 พฤษภาคม 2553 14:18:10 น.  

 

อยู่เชียงใหม่ตั้งหลายปี เคยไปอยู่ครั้งเดียวครับ

 

โดย: บุ้งกี๋ 12 พฤษภาคม 2553 14:25:45 น.  

 

ผมเชื่อว่า บ้านเรายังคงมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครอง เมื่อเราคงมีศรัทธา

 

โดย: OxyMan IP: 63.150.138.5 12 พฤษภาคม 2553 14:40:30 น.  

 

เมื่อตอนเด็ก ๆ ไปช่วยทางวัดนับเหรียญให้แลกใส่บาตรทุกปีค่ะ คิดถึงจัง

 

โดย: tuk-tuk@korat 12 พฤษภาคม 2553 14:55:39 น.  

 

แวะเข้ามาอ่านและได้ความรู้กลับไปเพียบเลย

 

โดย: thanitsita 12 พฤษภาคม 2553 15:37:05 น.  

 

แวะมาทักทายตอนค่ำค่ะ... อ่านข้อมูลอยู่นานเลย

 

โดย: namfaseefoon 12 พฤษภาคม 2553 20:20:15 น.  

 

หวัดดีค่ะ พี่เบิร์ด

 

โดย: ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ 12 พฤษภาคม 2553 20:55:52 น.  

 


รู้สึกว่าจะเล่นหนักมือไปหน่อยจริงๆ ค่ะ...
อยู่เวร แล้วหลับได้ป่าว

 

โดย: namfaseefoon 12 พฤษภาคม 2553 21:10:16 น.  

 

ชอบภาพของบ้านนี้จัง

ฝันดีนะคะ

 

โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว 12 พฤษภาคม 2553 21:28:14 น.  

 

ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ภาพสวยๆนะคะ พิมเพิ่งเคยรู้จักประเพณีนี้ก็วันนี้ละคะ

 

โดย: pim(พิม) 12 พฤษภาคม 2553 21:42:02 น.  

 

ประเพณีอินทขิล ไม่เคยได้ยินค่ะ


นักศึกษาเเพทย์สไปสีชมพูเเก่สวยเเบบเย็นตา มองได้นานๆไม่เบื่อ
ส่วนนักศึกษาเเพทย์ชาย โนคอมเม้นส์ค่ะ

ขอบคุณมากสำหรับความรู้เเละพิธีต่างๆที่นำมาให้ศึกษากันค่ะ

อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเบิร์ท

 

โดย: YUCCA 13 พฤษภาคม 2553 7:20:32 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่เบิร์ด

พี่ชายผมชวนไปวันศุกร์นี้ครับ
ไม่รู้จะได้เอากล้องไปด้วยหรือเปล่า
เพราะต้องอุ้มหมิงหมิงด้วยครับ 5555






 

โดย: กะว่าก๋า 13 พฤษภาคม 2553 7:38:07 น.  

 

ขอบคุณมากคะสำหรับข้อมูล พรุ่งนี้จะได้พาคุณแม่ไปเที่ยวงานคะ

 

โดย: ครูอิ๊ด IP: 113.53.23.146 15 พฤษภาคม 2553 21:46:28 น.  

 

รายละเอียดแน่นมากๆค่ะ ยังไงลองแวะไปดูที่ blog โบว์บ้างนะคะ เขียนเรื่องการพาลูกน้อยเล็กๆ สองคน (กับแม่ท้องแก่) ใส่ขันดอกที่วัดอินทขิลเหมือนกัน

 

โดย: nongbow 24 มิถุนายน 2554 8:52:21 น.  

 

 

โดย: ถปรร 24 พฤษภาคม 2555 18:56:04 น.  

 

ขอบคุณคะที่มีข้อมูลดีๆแบบนี้ให้ไดศึกษากัน

 

โดย: น้องต้นข้าว IP: 118.174.137.165 6 มิถุนายน 2555 15:25:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ถปรร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ถปรร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.