จะ "เพ่งโทษ" กันไปทำไม เพื่อประโยชน์อะไรหรือ
"คนที่เห็นแต่โทษผู้อื่น คอยแต่เพ่งโทษนั้น อาสวะก็เพิ่มพูน เขายังไกลจากความสิ้นอาสวะ"
พุทธพจน์ ขุ. ธ. ๒๕/๔๙
ไม่มีใครบนโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ ทุกๆคน ขาดๆ เกินๆทั้งนั้น ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง... อันนี้เป็นความจริงที่ทุกๆคนก็รู้อยู่ในใจ
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว เราก็มักจะเผลอสติ คอยจ้องมองข้อผิดพลาดของผู้อื่นอยู่เป็นประจำ ภาษาธรรม เค้าเรียกว่า "การเพ่งโทษ"
การกระทำใดๆที่ไม่ถูกจริตเรา เราก็จะเผลอไปตัดสินเรื่องนั้นๆว่า ไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่งาม ฯลฯ
ซึ่งการที่เราคอยไปตัดสินเรื่องของชาวบ้าน ไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลย ทั้งตัวเราผู้คอยเพ่งโทษผู้อื่น และตัวผู้อื่นที่ถูกเราเพ่งโทษอยู่
ในเรื่องของความรู้สึก -ตัวเราเองก็ไม่สบายใจ ส่วนตัวผู้อื่นก็จะไม่สบายใจเช่นกัน รังแต่จะก่อให้เกิดวิบากกรรมต่อกันเปล่าๆ
ในด้านอารมณ์ -ตัวเราเองก็จะมีความลำบากในเรื่องการดูจิต เพราะมันจะฟุ้งซ่านเกินไป ส่วนตัวผู้อื่นก็จะรู้สึกขุ่นมัวได้ง่ายๆ
ในด้านสังคม -ทั้งเราและเขาก็อาจจะเกิดความไม่เข้าใจกัน ทำให้สัมพันธ์ภาพไม่ปกติสุข
อย่าเพ่งโทษกันเลย มาตรฐานความถูก-ผิด ดี-เลว ขาว-ดำ หรือของที่เป็นคู่ๆทุกชนิด ไม่มีอยู่จริงหรอก เราใช้มาตรฐานของเราไปตัดสินคนอื่น เราใช้ไม้บรรทัดกันคนละอัน มันก็จะวัดไม่เหมือนกัน ป่วยการที่จะถกเถียงกันเปล่าๆ
คิดดูสิ เป็นต้นว่า ดำ-ขาว ก็ได้ ดำ ก็คือ ขาวน้อย ส่วน ขาว ก็คือ ดำน้อย นั่นเอง ความขาว-ดำ ของสายตาแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ใช่มั๊ย
แล้วจะถกเถียงหรือ เพ่งโทษกันไปทำไม ทางที่ดีคือ ดูตัวเราเอง ดูจิตของเราเอง รักษาจิตให้ดี เพื่อที่ว่า สัมมาปัญญา จะได้บังเกิดง่ายๆสักที
ปล. วันนี้ผมพล่ามอะไรไปเรื่อยเปื่อย เนื่องจากที่ทำงานมีแต่คนคอยจับผิดกัน บรรยากาศแย่เนอะ...
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
19 comments |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2552 21:59:00 น. |
Counter : 638 Pageviews. |
|
|
เคยเจอเหมือนกัน ประเภทคอยจ้องจับผิออ่ะค่ะ
ทำงานกับคนหมู่มาก ก็แบบนี้อ่ะนะมินว่า
เราคงทำอาไรไม่ได้ นอกจากทำใจอ่ะค่ะ
ปล.มีความสุขมาก ๆ นะคะ