ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 

พร ๘ ประการของพระอานนท์

ชุณหชาดก
ว่าด้วยการคบบัณฑิตและคบคนพาล


พระศาสดา เมื่อทรงประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ พรที่พระอานนทเถระได้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ ดังนี้.

ดังจะกล่าวโดยพิสดาร ในปฐมโพธิกาล พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้มีอุปัฏฐากประจำตลอด ๒๐ ปี บางคราวพระนาคสมาลเถระ ก็อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า บางคราวพระนาคิตะ บางคราวพระอุปวาณะ บางคราว พระสุนักขัตตะ บางคราวพระจุนทะ บางคราวพระสาคตะ บางคราวพระเมฆิยะ.
ภายหลังวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราเป็นผู้แก่แล้ว ภิกษุบางพวก เมื่อเรากล่าวว่า จะไปทางนี้ แล้วพากันไปเสียทางอื่น บางพวกทิ้งบาตรและจีวรของเราไว้ที่ พื้นดิน พวกเธอจงรู้ภิกษุรูปหนึ่ง ผู้จะเป็นอุปัฏฐากประจำตัวเรา ทรงห้ามพระสารีบุตรเถระเป็นต้น ที่พากันลุกขึ้นกระทำอัญชลีด้วยเศียรเกล้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักอุปัฏฐาก ข้าพระองค์จักอุปัฏฐาก ดังนี้ ด้วยพระดำรัสว่า ความปรารถนาของพวกเธอถึงที่สุดแล้วพอละ
ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลาย จึงกล่าวกะท่านพระอานนทเถระว่า อาวุโส ท่านจงวิงวอนการอุปัฏฐากเถิด พระเถระขอพร ๘ ประการ คือ ปฏิเสธ ๔ และข้อวิงวอน ๔ เหล่านี้คือ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
๑ จักไม่ประทานจีวรที่พระองค์ได้แล้วแก่ข้าพระองค์
๒ จักไม่ให้บิณฑบาต
๓ จักไม่ให้อยู่ในพระคันธกุฎีเดียวกัน
๔ จักไม่พาข้าพระองค์ไปยังที่ที่นิมนต์
และก็ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
๕ จักไปยังที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้
๖ ถ้าข้าพระองค์จักได้เพื่อให้บริษัทที่มาจากนอกแว่นแคว้น นอกชนบท เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอให้ได้เข้าเฝ้าในขณะที่มาแล้วทีเดียว
๗ ขอให้ข้าพระองค์จักได้เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ในขณะที่ข้าพระองค์เกิดความสงสัย
๘ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมอันใดในที่ลับหลังข้าพระองค์กลับมาแล้ว ขอได้แสดงธรรมนั้น แก่ข้าพระองค์อีก
ด้วยอาการอย่างนี้ ข้าพระองค์จึงจักอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
ฝ่ายพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ประทานพรเหล่านั้นแก่เธอแล้ว ตั้งแต่นั้นมา พระอานนทเถระก็ได้เป็นอุปัฏฐากประจำเป็นเวลา ๒๕ ปี พระเถระได้รับสถาปนาในเอตทัคคะ ในฐานะ ๕ ประกอบด้วยสัมปทา ๗ เหล่านี้ คือ อาคมสัมปทา อธิคมสัมปทา ปุพพเหตุสัมปทา อัตถัตถปริปุจฉาสัมปทา ติฏฐวาสสัมปทา โยนิโสมนสิการสัมปทา และพุทธุปนิสสยสัมปทา ได้รับมรดกคือพร ๘ ประการ ในสำนักของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ได้ปรากฏชัดในพระพุทธศาสนา ได้ปรากฏเหมือนพระจันทร์ลอยเด่นในท้องฟ้า
ภายหลังวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลาย สนทนากันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโส พระตถาคตได้ให้พระอานนทเถระ อิ่มหนำด้วยการประทานพร พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบ จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้อย่างเดียวเท่านั้น แม้ใน กาลก่อน เราก็ให้พระอานนท์อิ่มหนำด้วยพรแล้ว ในกาลก่อนนั่นเอง เราก็ได้ให้สิ่งที่เธอขอร้องเหมือนกัน ดังนี้แล้ว จึงนำอดีตนิทานมาตรัสว่า
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นพระราชโอรสของท้าวเธอ ทรงพระนามว่า ชุณหกุมาร ทรงศึกษาศิลปะในกรุงตักกศิลา ให้การปรนนิบัติเนือง ๆ แก่อาจารย์ วันหนึ่งในเวลามืดค่ำตอนกลางคืน เขาได้ออกจากเรือนของอาจารย์ รีบไปที่อยู่ของตน ในระหว่างทางเขามองไม่เห็นพราหมณ์คนหนึ่งซึ่งเที่ยวภิกษาจารไปตามทางที่จะไปยังที่อยู่ของตน จึงชนพราหมณ์นั้นและทำบาตรภัตรของพราหมณ์นั้นแตกไป พราหมณ์ล้มลงร้องไห้ กุมารเกิดความสงสาร จึงจับมือพราหมณ์นั้นให้ลุกขึ้น พราหมณ์นั้นกล่าวว่า เธอมาทำลายภาชนะภิกษาของเราทำไม จงให้ค่าภัตตาหารแก่เรา กุมารกล่าวว่า พราหมณ์ บัดนี้เราไม่อาจจะให้ค่าภัตตาหารนั้นแก่ท่านได้ ก็เราแลเป็นโอรสของพระเจ้ากาสีมีนามว่า ชุณหกุมาร เมื่อเราดำรงอยู่ในรัชสมบัติ ท่านพึงมาขอทรัพย์เราได้
จบการศึกษาแล้ว ไหว้อาจารย์แล้วไปยังกรุงพาราณสี แสดงศิลปะแก่พระบิดา พระบิดาทรงคิดว่า เราเมื่อยังมีชีวิตอยู่ได้เห็นบุตรแล้ว เราจักเห็นบุตรนั้นได้เป็นพระราชา ดังนี้แล้ว จึงอภิเษกไว้ในรัชสมบัติ พระองค์เป็นพระราชามีพระนามว่าชุณหะ ครองราชสมบัติโดยธรรม เมื่อพราหมณ์ทราบเรื่องนั้นแล้ว จึงคิดว่า บัดนี้เราจักให้พระราชานำค่าภัตตาหารมาแก่เรา จึงไปยังกรุงพาราณสี มองเห็นพระราชากำลังทำประทักษิณพระนครที่ตบแต่งไว้นั่นแล จึงยืนอยู่ในที่สูงแห่งหนึ่งแล้ว เหยียดมือออกไปให้ชัยชนะ พระราชาเสด็จเลยไปโดยไม่เหลียวดูเลย พราหมณ์รู้ว่าท้าวเธอมิได้เห็น เมื่อจะยกเรื่องขึ้น จึงกล่าว คาถาที่ ๑ ว่า
[๑๕๐๔] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน ขอพระองค์ทรงสดับคำของข้าพระองค์
ข้าพระองค์มาถึงในที่นี้ด้วยประโยชน์ในพระเจ้าชุณหะ ข้าแต่พระองค์ผู้
ประเสริฐกว่าสัตว์ ๒ เท้าทั้งหลาย เมื่อพราหมณ์เดินทางยืนขออยู่
บัณฑิตทั้งหลายไม่กล่าวว่า ควรไป.๑
๑ เมื่อพราหมณ์ผู้เดินทางมาไกลยืนขอร้องอยู่ บัณฑิตทั้งหลายไม่ควรพูดว่า พระราชาควรเสด็จเลยไป.โดยไม่เหลียวแล
พระราชา ทรงสดับคำของเธอแล้ว จึงเอาขอเพชรข่มช้าง ได้ตรัส คาถาที่ ๒ ว่า
[๑๕๐๕] ดูกรพราหมณ์ ข้าพเจ้ากำลังรอฟังอยู่ ท่านมาถึงในที่นี้ด้วยประโยชน์
อันใด จงบอกประโยชน์อันนั้น หรือว่าท่านปรารถนาประโยชน์อะไร
ในข้าพเจ้าจึงมาในที่นี้ เชิญท่านพราหมณ์บอกมาเถิด.
ต่อแต่นั้น จึงได้กล่าวคาถาที่เหลือด้วยอำนาจคำโต้ตอบของพราหมณ์กับ พระราชาว่า
[๑๕๐๖] ขอพระองค์โปรดพระราชทานบ้านส่วย ๕ ตำบลแก่ข้าพระองค์ ทาสี
๑๐๐ คน โค ๗๐๐ ทองเนื้อดี ๑๐๐๐ แท่ง ขอได้ทรงโปรดประทาน
ภรรยาผู้พริ้มเพราแก่ข้าพระองค์ ๒ คน.
[๑๕๐๗] ดูกรพราหมณ์ ตบะอันมีกำลังกล้าของท่านมีอยู่หรือ หรือว่ามนต์ขลัง
ของท่านมีอยู่ หรือว่ายักษ์บางพวกผู้เชื่อฟังถ้อยคำของท่านมีอยู่ หรือ
ว่าท่านยังจำได้ถึงประโยชน์ที่ท่านทำแล้วแก่เรา?
[๑๕๐๘] ตบะของข้าพระองค์มิได้มี แม้มนต์ของข้าพระองค์ก็มิได้มี ยักษ์บางพวกผู้
เชื่อฟังถ้อยคำของข้าพระองค์ก็ไม่มี อนึ่ง ข้าพระองค์ก็จำไม่ได้ถึงประ
โยชน์ ที่ข้าพระองค์ทำแล้วแก่พระองค์ ก็แต่ว่า เมื่อก่อนได้มีการพบปะ
กันเท่านั้นเอง.
[๑๕๐๙] ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่า การเห็นนี้เป็นการเห็นครั้งแรก นอกจากนี้ข้าพเจ้าจำ
ไม่ได้ถึงการพบกันในครั้งใดเลย ข้าพเจ้าถามถึงเรื่องนั้น ขอท่านจง
บอกแก่ข้าพเจ้าว่า เราได้เคยพบกันเมื่อไรหรือที่ไหน?
[๑๕๑๐] ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ พระองค์และข้าพระองค์ได้อยู่กันมาแล้วใน
เมืองตักกสิลา อันเป็นเมืองที่รื่นรมย์ของพระเจ้าคันธารราช พระองค์
กับข้าพระองค์ได้กระทบไหล่กันในความมืด มีหมอกทึบในนครนั้น ข้า
แต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน พระองค์และข้าพระองค์ยืนกันอยู่ในที่
ตรงนั้น เจรจาปราศรัยด้วยคำอันให้ระลึกถึงกันที่ตรงนั้นแล เป็นการ
พบกันแห่งพระองค์และข้าพระองค์ ภายหลังจากนั้นมิได้มี ก่อนแต่
นั้นก็ไม่มี.๒
๒ พราหมณ์กราบทูลว่า ในที่ตรงนั้นนั่นแหละ พวกเราได้ยังถ้อยคำอันควรที่จะพึงระลึกถึง คือ ข้าพระองค์กราบทูลว่า พระองค์ได้ทุบภาชนะภิกษาของข้าพระองค์แตกแล้ว ขอพระองค์จงประทานค่าภัตตาหารแก่ข้าพระองค์ พระองค์ตรัสว่า บัดนี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถจะใช้ค่าภัตตาหารแก่ท่านได้ แต่ข้าพเจ้าเป็นโอรสของพระเจ้ากาสี ชื่อว่า ชุณหกุมาร เมื่อข้าพเจ้าดำรงอยู่ในราชสมบัติ ท่านค่อยมาทวงทรัพย์กับข้าพเจ้า ความนี้ พวกเราได้กระทำกันไว้แล้ว
พราหมณ์แสดงว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ พวกเรามีเพียงได้พบปะระหว่างกันและกัน คือได้พบกันเพียงครู่เดียว ภายหลังจากนั้น หรือก่อนหน้านั้น พวกเราไม่เคยพบปะกันเลย
[๑๕๑๑] ดูกรพราหมณ์ การสมาคมกับสัปบุรุษย่อมมีในหมู่มนุษย์บางครั้งบาง
คราว บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่ทำการพบปะกัน ความสนิทสนม หรือ
คุณที่กระทำไว้แล้วในกาลก่อนให้เสื่อมสูญไป.
[๑๕๑๒] ส่วนคนพาลทั้งหลาย ย่อมทำการพบปะกัน ความสนิทสนม หรือคุณที่
เขาทำไว้ในกาลก่อนให้เสื่อมสูญไป คุณที่ทำไว้ในคนพาลทั้งหลาย ถึง
จะมากมายก็ย่อมเสื่อมไปหมด เพราะว่าคนพาลทั้งหลายเป็นคนอกตัญญู.
[๑๕๑๓] ส่วนนักปราชญ์ทั้งหลาย ย่อมไม่ทำการพบปะกัน ความสนิทสนม หรือ
คุณที่เขาทำไว้ในกาลก่อน ให้เสื่อมสูญไป คุณที่ทำไว้ในนักปราชญ์
ทั้งหลาย ถึงจะน้อยก็ย่อมไม่เสื่อมหายไป เพราะว่านักปราชญ์ทั้งหลาย
เป็นผู้มีความกตัญญูดี ข้าพเจ้าจะให้บ้านส่วย ๕ ตำบลแก่ท่าน ทาสี
๑๐๐ คน โค ๗๐๐ ทองเนื้อดี ๑๐๐๐ แท่ง และภรรยาผู้พริ้มเพรา ๒
คน มีชาติและตระกูลเสมอกัน แก่ท่าน.
[๑๕๑๔] ข้าแต่พระราชา การสมาคมกับสัตบุรุษย่อมเป็นอย่างนี้ ข้าแต่พระองค์
ผู้เป็นใหญ่ในกาสิกรัฐ ข้าพระองค์บริบูรณ์ไปด้วยสมบัติ มีบ้านส่วย
เป็นต้น เหมือนพระจันทร์ตั้งอยู่ท่ามกลางแห่งหมู่ดาวทั้งหลาย ฉะนั้น
การสังคมกับพระองค์นั่นแล เป็นอันว่าข้าพระองค์ได้แล้วในวันนี้เอง.
พระโพธิสัตว์ ได้ประทานยศใหญ่แก่พราหมณ์นั้น.
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วจึงตรัสว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อน เราก็เคยให้พระอานนท์อิ่มเอิบด้วยพรเหมือนกัน ดังนี้แล้วจึงประชุมชาดกว่า พราหมณ์ในกาลนั้น ได้เป็นพระอานนท์ ส่วนพระราชาได้มาเป็นเราตถาคตแล.
จบชุณหชาดก




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2554
1 comments
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 12:17:14 น.
Counter : 981 Pageviews.

 

ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always be love. _/|\_

 

โดย: ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก 15 ธันวาคม 2563 11:23:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.