ฉันเกิดมาเพื่อที่จะมีชีวิตเป็นของฉัน เธอเกิดมาเพื่อที่จะมีชีวิตเป็นของเธอ เราต่างไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ซึ่งกันและกัน
Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
26 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
เมื่อวันสุดท้ายในชีวิตของพ่อ.. (ตอนที่1)

ย้อนหลังกลับไป 8 เดือนก่อนพ่อจะเสียชีวิต อาการป่วยด้วยโรคพาร์กินสันของพ่อเริ่มดำเนินระยะของโรคเข้าสู่ระยะสุดท้าย ก่อนอื่นเพื่อให้เพื่อนๆเกิดความเข้าใจว่ามันคือโรคอะไร เราคงต้องแนะนำมันก่อนนะคะ

โรคพาร์กินสัน คืออะไร

โรคพาร์กินสัน คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท เนื่องจากการขาดสารโดปามีน (Dopamine) ในสมอง พบได้บ่อยในผู้สูงอายุทั้งเพศชาย และหญิง

โรคพาร์กินสันเกิดขึ้นได้อย่างไร

โรคนี้เกิดขึ้นจากการเสื่อม และตายไปของเซลล์สมอง ในตำแหน่งที่สร้างสารโดปามีน จนไม่สามารถสร้างสารโดปามีนได้เพียงพอ สารโดปามีนนี้มีความสำคัญต่อ การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย

ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน มีอาการอย่างไร

อาการที่พบบ่อย ได้แก่

- อาการสั่นขณะอยู่เฉย ๆ เกิดขึ้นที่มือหรือเท้า ซีกใดซีกหนึ่ง หรือทั้ง 2 ซีก
- เคลื่อนไหวช้าลง เช่น เดินช้าลง แขนไม่แกว่ง พูดเสียงเบา
- มีอาการแข็งตึงของแขนขา และลำตัว ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก
- ความผิดปกติของท่าทาง และการทรงตัว เช่น หลังค่อม แขนงอ หกล้มง่าย นั่งตัวเอียง
อาการอื่น ๆ ที่มักพบร่วมด้วย ได้แก่
- อาการปวดตามกล้ามเนื้อ
- ซึมเศร้า นอนไม่หลับ
- สีหน้าเฉยเมย ไม่แสดงอารมณ์
- น้ำลายไหลบ่อย ไม่สามารถควบคุมได้
- ลายมือเปลี่ยนไป

ตลอดเวลาที่อยู่กับพ่อเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า โรคนี้จะมีอาการทางจิตเวชซ้อนเข้ามาด้วย โดยมีอาการหลงลืมวัน เวลา และสถานที่ มีอาการหวาดระแวง หูแว่ว ประสาทหลอน มีอารมณ์และนิสัยที่เปลี่ยนไปตรงข้ามกับนิสัยเดิม มีการนอนหลับที่ผิดปกติ ตอนแรกๆก็คิดว่าพ่อแกล้ง เราก็โมโหเหมือนกัน แต่พอหลายๆครั้งเข้าเราก็เริ่มสังเกตจนพบว่า เมื่อเวลาที่พ่อมีอาการกำเริบ พ่อทำอะไรลงไปพ่อจะไม่รู้ตัวเองเลย เช่น บางคืนพ่อจะไม่นอนหลับเลย จะเดินวนเวียนอยู่รอบๆบ้าน มีคืนหนึ่งตอนตี1 พ่อโทรศัพท์ไปแจ้ง 191 ว่ามีคนร้ายเข้าบ้านจะมาทำร้าย 5 นาทีต่อมาตำรวจยกขบวนมาที่บ้านเรา .... อึ้งค่ะ....เลยต้องบอกตำรวจไปว่าเค้าไปแล้ว ตอนเช้าพอพ่อรู้สึกตัวก็มาคุยกัน พ่อบอกว่าพ่อจำอะไรไม่ได้เลย

บางคืนพ่อตื่นมากลางดึกมาเปิดตู้เย็นแล้วหยิบหมูบดสดๆ ออกมากำลังจะเอาเข้าปาก เราออกมาเห็นพอดี รีบเข้าไปแย่ง พ่อโกรธมากบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้า ... หิวมาก เราก็ต้องค่อยๆคุยกับพ่อ แล้วไปหาของมาให้กิน
ตอนเช้าพ่อรู้สึกตัวเราก็เล่าให้พ่อฟัง พ่อก็บอกว่าไม่รู้เรื่องเลย

ช่วงนั้นเราต้องทำงานกลับค่อนข้างดึก จึงจ้างป้าคนหนึ่งให้มาช่วยดูแลพ่อ เราก็วางใจและไว้ใจป้าคนนั้น เพราะต่อหน้าเราเค้าดูแลดีมาก พ่อเราถึงแม้บางครั้งจะไม่รู้สึกตัวแต่ก็จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ เวลาที่เค้ารู้สึกตัวก็จะเหมือนกับคนปกติ สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตัวเอง แต่มีเรื่องแปลกอยู่อย่าง แม้ว่าพ่อจะไม่รู้สึกตัว จะหลงลืมวัน เวลา และสถานที่ แต่พ่อไม่เคยลืมว่าเราเป็นใคร ทุกๆครั้งพ่อจะจำเราได้เสมอ



ซึ่งเราเองบางครั้งก็กลัวเหมือนกันว่า เวลาอาการของพ่อกำเริบ แล้วพ่อมีอาการหวาดระแวง พ่ออาจจะทำร้ายเรา เพราะป้าคนนั้นโดนมาแล้ว โดยเค้าเล่าว่า ตอนหัวค่ำพ่อมาต่อว่าเค้าที่ไม่ยอมหาข้าวให้กิน เค้าก็เถียงกลับว่าหาให้กินแล้ว พ่อโมโหเลยด่าเค้าแบบขึ้น มึง-กู ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจริงรึป่าว เพราะเวลาเราเถียงกับพ่อ พ่อไม่เคยพูดกู-มึงกับเรา โดยนิสัยส่วนตัวพ่อเป็นคนสุภาพไม่พูดจาหยาบคาย แล้วป้าคนนั้นเล่าต่อว่า พ่อหยิบไม้เท้ามาไล่ฟาดเค้า จนเค้ากลัวเข้าไปแอบในห้อง พ่อยังตามไปเตะประตู เราก็ไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่ เพราะถึงพ่อจะไม่รู้สึกตัวแต่พ่อก็ไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับเรา เราคิดว่าป้าคนนั้นคงใส่สีตีไข่เกินจริงไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร...เห็นใจเค้า เพราะเค้าคงเครียดที่ต้องดูแลพ่อทั้งวัน

1 เดือนผ่านไป .... เราได้หยุดงานอยู่บ้าน 3 วัน การที่ได้หยุดงานอยู่บ้านนี้เอง ที่ทำให้เราเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นในบ้าน วันนั้นเราซื้อมะม่วงมา เดินเข้าครัวเพื่อหยิบมีดมาปลอกเปลือกให้พ่อทาน ครัวบ้านเรามีมีดเยอะมาก มีอยู่ประมาณ 40 เล่ม แต่เพื่อนๆเชื่อมั้ยคะว่า เมื่อเราเปิดลิ้นชักเก็บมีด เราพบว่าในนั้นมีมีดอยู่เพียง 15 เล่ม เราถามป้าคนนั้นว่ามีดมีตั้งเยอะหายไปไหน ...เค้าบอกว่าไม่รู้ ตั้งแต่มาอยู่ก็มีอยู่แค่นั้น

นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราเริ่มสร้างความคลางแคลงใจในตัวป้าคนนั้น ก็เราเป็นคนเก็บมันกับมือ ทำไมเราจะไม่รู้ล่ะ

นับแต่วันนั้นเราเริ่มสังเกตรายละเอียดในบ้านมากขึ้น สิ่งที่พบถัดมาคือ เวลาทำกับข้าว ป้าคนนั้นไม่เคยล้างผัก หรือเนื้อหมู หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันควรจะต้องล้าง เค้าจะทำเก็บแยกของเค้าไว้ต่างหาก ที่สำคัญเวลาที่พ่อทานข้าวเสร็จ และมีข้าวเหลือเค้าจะเอาจานของพ่อไปให้หมากิน .... ใช่แล้วค่ะ!!!! เห็นเต็มสองตาเลย

เรา : ทำไมป้าเอาจานข้าวพ่อไปให้หมากินล่ะ
ป้าคนนั้น : ก็คุณลุงกินไม่หมด
เรา : ป้า ... นี่พ่อหนูนะ ไม่ใช่หมา ... จานข้าวหมาก็ส่วนหมาสิ เอาไปปนกันได้ไง
ป้าคนนั้น : จ้ะ ป้าขอโทษ ... ( พูดด้วยเสียงสำนึกผิด แต่หางตาเราชำเลืองเห็นว่าป้าคนนั้นแอบค้อนใส่เรา )

วันต่อมาได้มีโอกาสนั่งคุยกับพ่อ พ่อบอกว่าป้าคนนั้นมักจะขอไปหาลูกบ่อยๆ ในช่วงกลางวัน แต่ละครั้งที่ไปมักจะถือถุงออกไปด้วยทุกครั้ง แต่ละครั้งจะหายไปครึ่งวันจึงกลับมา เราเริ่มสำรวจข้าวของในบ้านว่ามีอะไรหายไปบ้าง ก็ยังไม่พบอะไรผิดสังเกต อาจเป็นเพราะของมันเยอะมากจึงยังไม่รู้


Create Date : 26 กันยายน 2549
Last Update : 26 กันยายน 2549 21:15:01 น. 22 comments
Counter : 8870 Pageviews.

 
อ่านแล้วก็คิดถึงพ่อเหมือนกันอ่ะ


โดย: เกิดมาจน วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:11:40:39 น.  

 
เห้อ การจากไปนี่ มันน่าเศร้าเสียนี่กระไร


โดย: สยึมกึ๋ย วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:14:51:22 น.  

 
รออ่านตอนที่ 2 อยู่ค่ะ

กรุณาโพสอย่างไวด้วยนะค่ะ คุณน้องออส

ชักช้า มีเคือง อิอิ


โดย: TsuTaYa วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:22:16:28 น.  

 
เห็นใจครับ อยากให้ทุกๆ คน ที่พ่อแม่ยังอยู่ ดูแลท่านให้มากๆ นะครับ


โดย: ieang kung IP: 202.12.118.36 วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:13:40:12 น.  

 
เห็นใจครับ อยากให้ทุกๆ คน ที่พ่อแม่ยังอยู่ ดูแลท่านให้มากๆ นะครับ


โดย: ieang kung IP: 202.12.118.36 วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:13:40:54 น.  

 
^
^
^
เอี๊ยงชอบเบิ้ลหรอ...

อิอิ


นู๋ซึ..ก็ชอบ...


โดย: TsuTaYa วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:14:37:42 น.  

 
คุณน้องออส...

รอตอนที่ 2 อยู่นะ

เอ..สงสัยกว่าจะอัพอีกที

นู๋ซึ..คงคลอดลูกคนที่ 3 แร้วแน่ ๆ เรย คิกๆ


โดย: TsuTaYa วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:18:32:51 น.  

 
ปูเสื่อรอนานแล้วนะตะเอง คิคิ


โดย: ชะเอิงเอย IP: 202.29.129.10 วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:18:43:05 น.  

 
คุณ เกิดมาจน คิดถึงแล้วก็ดูแลดีๆด้วยค่ะ ก่อนที่โอกาสของคุณจะหมดลง

คุณ สยึมกึ๋ย ... ใช่แล้วล่ะค่ะ จากเป็น ถ้าคิดถึงก็ยังติดต่อพูดคุยกันได้ แต่จากกันชั่วชีวิตเนี่ย มันเป็นสิ่งที่ทรมานมากที่สุด โดยเฉพาะกับคนที่เรารัก


คุณ TsuTaYa คะ



มันคงไม่รอนานขนาดนั้นหรอกค่ะ อย่างดีก็แค่รอจนเหงือกแห้งเอง...ฮี่ฮี่...

คุณ ชะเอิงเอย ... ปูเสื่อแล้ว แทะข้าวโพดต้มรอไปพลางๆก่อนละกัน...อิอิ...


โดย: สงสารน้องออส วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:7:43:23 น.  

 
เข้าใจในความรู้สึกของคุณสงสารน้องออสค่ะ เราเสียพ่อไปแล้ว 3 ปีกว่า แต่ทุกวันนี้ ยังไม่เคยลืมวันแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตในวันนั้น วันนี้พ่อผู้เป็นสุภาพบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของ แม่ เรา พี่น้อง และทุกคนที่ได้รู้จักพ่อ ยังคงอยู่ในใจของเราเสมอ(ขอปาดน้ำตาก่อนค่ะ)รออ่านตอนต่อไปด้วยคนค่ะ และเป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: mims IP: 125.24.204.227 วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:12:30:32 น.  

 
แหะๆ......พ่อเราอ่ะเหรอ.....เหมือนพ่อของนู๋ซึอ่ะ

ไปสวรรค์ตั้งกะเราอยู่ป2......


โดย: เกิดมาจน วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:9:42:05 น.  

 
^
^
^

ใครว่า...พ่อเค้าเสียตั้งแต่เค้าอายุได้ 6 เดือนอ่ะ

อย่างน้อยคุณเกิดมาจน ก็ได้เห็นหน้าพ่อนะ

นู๋ซึ..นี่ดิ เห็นแร้ว แต่จำไม่ได้เรย เศร้าใจ...อือๆๆ



โดย: TsuTaYa วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:13:10:28 น.  

 
เสียใจด้วยครับ
ของผมต่างจากคนอื่นๆ ทั้งพ่อและแม่ยังอยู่
แต่นานๆเจอกันที พ่อยังไม่เท่าไหร่ เจอทุกปี แต่แม่เนี่ย ไม่ได้เจอมา 14 ปีแล้วครับ อยู่ต่างประเทศ


โดย: Mr.Submarine IP: 210.1.24.250 วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:9:06:19 น.  

 
คุณน้องออสมัวแต่ไปเต้นแอโรบิค จนลืมอัพบล๊อคแร้วกระมัง อิอิ

วู้ววว มีสมาชิกรออ่านอยู่เด้อ

อัพอย่างไวเรยนะค่ะ คุณน้องออส อิอิ


โดย: TsuTaYa วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:8:38:27 น.  

 
ยู้ฮูๆ มาอัพบล็อคได้แล้วตัวเอง


โดย: ชะเอิงเอย IP: 202.29.129.10 วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:20:05:25 น.  

 
หวัดดีตอนมืดๆค่า

คุณmims
คุณเกิดมาจน
คุณTsuTaYa
คุณชะเอิงเอย



ขออภัยเป็นอย่างสูงที่ข้าพเจ้ายัง บ่ ได้ อัพบล็อกอ่ะ

แต่เร็วๆนี้จะมาแน่ๆค่า ตอนนี้กำลังดีใจที่ลดไขมันที่ต้นขาได้แล้ว..อิอิ



โดย: สงสารน้องออส วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:20:36:31 น.  

 
อันนี้พิเศษเฉพาะถึงคุณ Mr.Submarine

( ทำเป็นเขียนถึงเป็นพิเศษ แต่จริงๆแล้ว...จุ๊..จุ๊...อย่าเอ็ดไป ห้าบอกคุณ Mr.Submarine นะว่า ลืมเขียนถึงเมื่อกี้อ่ะ )

อยากทำอะไรต้องรีบทำค่ะ ไม่งั้นวันหนึ่งจะเสียใจแบบเรากะเพื่อนคนนึง จนมาวันนี้ต้องจากกันชั่วชีวิต ไม่มีโอกาสได้พบกันอีกต่อไป


โดย: สงสารน้องออส วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:20:42:03 น.  

 
มาขออ่านด้วยคนนะครับ
คุณสงสารน้องออสเป็นลูกที่กตัญญู จริงๆเลย


โดย: REX-REX วันที่: 4 ตุลาคม 2549 เวลา:21:38:16 น.  

 
เสียใจด้วยนะคะ....เศร้าจัง


โดย: น้องขนม IP: 203.188.48.191 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:40:15 น.  

 
สามีเราก็เป็นพากินสัน ตอนนี้อายุ 56 ปี เราอายุ 53 รู้ว่าเขาเป็นโรคนี้เมือปี 51 ตอนแรกไม่รู้ว่าพากินสันมันคืออะไร พอรู้ กลัวมากตกใจ เสียใจ 4-5 ปีที่ผ่านมาหมกมุ้นอยู่กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ถามตัวเองว่าเรา เสียใจกลัว กับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ไม่มีประโยชน์ที่จะเศร้าและเสียใจ เหลือเวลาอีกแค่ไหนก็ไม่รู้ งั้นจากนี้ไปมันควรจะเป็นเวลาที่มีความสุขบ้างตามอัตภาพ ถึงวันสุดท้ายถึงเศร้า ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หาหมอ กินยา อาหารการกิน อาหารเสริม สุขบ้าง ทุกข์บ้างตามธรรมชาติ รักเขาให้เท่ากับรักตัวเอง เราเท่านั้นที่จะทำให้เรามีความสุข ไม่มีใครช่วยเราได้ วันนี้เรายังสบายดี วันข้างหน้า มันยังมาไม่ถึง ตอนนี้มีความสุขไปวันๆ ไม่ได้คิดถึงวันพรุ่งนี้


โดย: คนไม่มีอนาคต IP: 223.27.243.98 วันที่: 15 มกราคม 2558 เวลา:14:53:19 น.  

 
แม่ผมก็เป็นเหมือนกัน แก่คิดว่าผีเข้า โดนคุณไสย์บ้าง ไปหาหมอไสย์ศาตร์หมดเงินเป็นแสนๆแต่ล่ะปี



โดย: อ๊อด IP: 27.55.33.247 วันที่: 15 กรกฎาคม 2558 เวลา:14:33:50 น.  

 
ขอบคุณมากสำหรับ ข้อมูลค่ะ. อ่านแล้วอึ้ง
อาการเหมือนแม่เราตอนนี้เลย แม่หลงวันเวลา ตื่นตอนกลางคืน จิตหลอน ได้ยินเสียงผีกระซิบ เห็นพญานาค ทานข้าว สำลัก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ได้แต่ภาวนา ให้แม่อาการไม่ทรุดไปกว่านี้


โดย: Mesa IP: 171.4.246.237 วันที่: 6 กันยายน 2560 เวลา:14:22:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สงสารน้องออส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงสารน้องออส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.