จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
19 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
เก็บตกจากหนังสือที่ได้อ่าน ... ใบสั่งยา.. อาจฆ่าคุณ


ได้หนังสือจากโรงพยาบาลดังมาเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือแปลจากชื่อภาษาอังกฤษว่า " Death by Prescription " โดย Ray D. Strand M.D. แพทย์เวชศาสตร์ประจำครอบครัว ชาวอเมริกัน แปลเป็นไทยว่า
" ใบสั่งยา ... อาจฆ่าคุณได้ " โดย พรหมพัฒน ธรรมะรัตน์จินดา และที่ปรึกษาทางการแพทย์ น.พ. วัชรา ทรัพย์สุวรรณ ผลิตและจัดจำหน่ายโดย อนิเมท กรุ๊ป (Animate Group) หนา 360 หน้า ราคา 250 บาท

ผู้เขียนเป็นแพทย์ที่ไม่สามารถรักษาภรรยาของตัวเอง ให้หายจากโรคเหนื่อยล้า เริ้อรังได้ หลังจากที่สรรหายาทุกชนิดที่คิดว่าดีที่สุดมาเพื่อรักษาภรรยา จึงยอมให้ภรรยาเลือกทางใหม่ จากการแนะนำของเพื่อนบ้าน คือ ทานอาหารเสริม และวิตามิน คุณหมอเรย์ก็ประหลาดใจว่า ภรรยามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และกลับมามีสุขภาพดีขึ้นเป็นปกติ

คุณหมอท่านนี้ได้สรุปความเห็นว่า แพทย์ควรเลือกที่จะให้ยาแ่ก่คนไข้เป็นทางเลือกสุดท้าย

หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เชิญชวนให้ทุกคนหันมาทานอาหารเสริม แต่ให้ทุกคนพิจารณารักษาตนเองด้วยวิธีดูแลเรื่องอาหาร และอากาศที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดีก่อน ส่วนอาหารเสริมและวิตามินนั้น คุณหมอเรย์จะแนะนำให้คนไข้ก็ต่อเมื่อวิธีแรกไม่ได้ผล โดยจะใช้คู่กับยาที่จำเป็น

เนื่องจากยามีการนำเคมีเข้ามาในการผลิต เป็นสิ่งสังเคราะห์ จึงมีผลข้างเคียงพอสมควร และมีผลกระทบต่อระบบเอนไซม์ของร่างกาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น ยานอนหลับ หากทานต่อเนื่อง หรือมีการเพิ่มโดส จะมีผลต่อตับ และทำให้เกิดโรคซึมเศร้า จนถึงขั้นที่ผู้ป่วยอาจอยากฆ่าตัวตายได้ เป็นต้น

ปฏิกิริยาด้านลบของยา สามารถเกิดขึ้น 100% ได้ทุกเมื่อ แม้จะเป็นการสั่งยาที่ถูกต้องก็ตาม

สมุนไพรแบบไทย หรือจีน ที่นำสืบได้ว่า สะอาดและไม่มีเคมีเจือปน เป็นอาหารที่สามารถช่วยให้คนไข้สุขภาพดีขึ้นได้ และมีผลข้างเคียงน้อย สำคัญคือ ต้องสะอาดและธรรมชาติ เช่น ปลูกด้วยปุ๋ยเกษตรอินทรีย์เท่านั้น

ใครก็ตามที่กำลังกินยา หรือวางแผนที่จะใช้ยาใด ๆ ในการรักษา ควรจะอ่านหนังสือเล่มนี้ และคุณหมอเรย์ ผู้เขียน แนะนำว่า แพทย์ควรให้ความสำคัญกับการใช้ยาเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกแรก

ไม่มียาใดที่ปลอดภัย 100%

หนังสือเล่มนี้ บอกถึงอันตรายของยาที่วางขายตามเคาน์เตอร์ ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป

วัยรุ่นไม่สามารถซื้อบุหรี่ได้ แต่ซื้อยาได้ เช่น ยาลดความอ้วน ซึ่งอาจหมายถึงการสูญเสียชีวิตได้ เพราะเป็นการใช้ยาอย่างไม่รู้ถึงอันตราย

ราคาอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราซื้อยา แต่การที่มีสิ่งสังเคราะห์ผสมใน
วิตะมินถูก ๆ นั้น เป็นอันตรายอย่างยิ่ง จึงไม่ควรตัดสินใจที่ราคา แต่ควรศึกษาถึงส่วนผสมที่อยู่ในยาให้ดี

หนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คุณเป็นผุ้บริโภคที่ชาญฉลาดมากขึ้น และอย่าวินิจฉัยอาการป่วยของตนเองโดยไม่ปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์

โรคมะเร็ง หัวใจ สโตรค สมอง อัลไซเมอร์ เบาหวาน ข้อต่ออักเสบ ความดันโลหิตสูง สามารถป้องกันได้ ด้วยการบริโภคสารเสริมอาหารในปริมาณที่เหมาะสม และการออกกำลังกาย

ผู้ป่วยจะต้องแจ้งแพทย็ที่ให้การรักษาว่า ตนเองกำลังใช้สมุนไพรตัวใด้อยู่ เพื่อได้รับการแนะนำที่ถูกต้อง

ไม่ควรใช้ยาที่ออกใหม่ และวางตลาดไม่ถึง 5 ปี เนื่องจากยังไม่มีการวินิจฉัยเรื่องผลข้างเคียง และจะต้องเรียนรู้ข้อมูลของยา่ก่อนการใช้ยา

แพทย์ทุกคน ควรต้องศึกษาเรื่องอาหารเสริมด้วย เช่นเดียวกับที่ต้องรู้เรื่องการจ่ายยา

คุณหมอเรย์เสริมว่า แพทย์มักมีความคิดไม่ดีกับผู้ป่วยที่บริโภคอาหารเสริม แต่เมื่อเข้าใจว่า Oxidative Stress นั้น คือต้นต่อของการเกิดโรคแห่งความเสื่อมเรื้อรังหลายชนิด การเสริมโภชนาการด้วยสารเสริมอาหารคุณภาพสูงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น

ู้ผู้ที่สนใจหนังสือเล่มนี้ คงจะถามได้ที่ pocketbook@animategroup.com

ขอรับรองว่า ไม่ได้รับค่าแนะนำจากสำนักนี้แต่ประการใด แต่เห็นว่า เป็นหนังสือที่น่าอ่าน จึงแนะนำให้เพื่อน ๆ เท่านั้นเอง

อีกเล่มหนึ่งที่น่าอ่านคือ เรื่อง " ปฏิวัติสู่สุขภาพสมบูรณ์สูงสุด " หรือ " The Optimal Health Revolution " โดย นพ. ดุ๊ก จอห์นสัน (Duke Johnson, M.D.) ผู้อุทิศตนเองมากว่า 20 ปีในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) ซึ่งมีผู้ป่วยมากกว่า 3 ล้านคนใน 55 ประเทศ สามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้น

เป็นการศึกษาว่า อาหารต่าง ๆ นั้น มีผลต่อ DNA ของมนุษย์อย่างไร
DNA ของมนุษย์ สามารถให้มีอายุยืนได้อย่างน้อย 120 ปี หากดูแลดี ๆ

นพ. ดุ๊ก เป็นวิทยากรชื่อดัง มีผลงานเขียนบทความที่โดดเด่น ตีพิมพ์ในนิตยสารที่น่าเชื่อถือหลายฉบับ ระดับนานาชาติ

เล่มนี้หน้า 345 หน้า ราคา 300 บาท แต่ไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป เป็นหนังสือที่ออกแนววิชาการ เช่น เป็นโรคอะไร ควรปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อให้กลับมามีสุขภาพสมบูรณ์ได้ จำหน่ายให้แต่สมาชิกของกลุ่ม ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เท่่านั้น ซึ่งผู้สนใจสามารถเป็นสมาชิกได้ โดยต้องผ่านการสัมภาษณ์ก่อน เพื่อจะได้แนะนำผู้อื่นได้ถูกต้องต่อไป




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2555 3:07:18 น. 6 comments
Counter : 2992 Pageviews.

 
ขอบคุณที่เอาเรื่องราวดี ๆ มาแบ่งปันนะคะ


โดย: คมไผ่ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:35:54 น.  

 
มาสูบลมให้หัวใจพองโตขึ้นเล็กน้อยด้วยหล่ะ


โดย: คมไผ่ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:36:23 น.  

 
สนใจในอาหารเสริมมากเพราะเชื่อมั่นใจคุณค่าสารอาหารแต่แพทย์ปัจจุบันไม่ค่อยให้ความสำคัญเพราะมองมันเป็นธุรกิจ แล้ว ยา ไม่ใช่ธุรกิจหรือ


โดย: jeab_bimi@hotmail.com IP: 110.77.226.54 วันที่: 11 สิงหาคม 2556 เวลา:20:24:03 น.  

 
ธุรกิจอาหารเสริม สามารถทำเงินได้มากกว่ารายได้จากอาชีพหมอเสียอีก และได้บุญด้วย เพราะได้ช่วยคนที่หมอไม่รับรักษาแล้วได้ค่ะ

หมอที่ไม่สนใจ อาจเพราะไม่ติดตามงานวิจัยที่ออกมาใหม่ ๆ ต่างหาก
น่าเสียดาย ที่คุณหมอเหล่านั้นไปคิดอยู่กับเคมีต่าง ๆ ที่นำมารักษาคนไข้

ถ้าไม่มีคนป่วย หมอก็ขาดรายได้ นะคะ
อาชีพหมอ ก็เป็นธุรกิจเช่นกัน เหมือนอาชีทุกอาชีพ


โดย: ธารน้อย วันที่: 20 ตุลาคม 2556 เวลา:22:43:54 น.  

 
Do you have any idea how much it means to a person like me to see someone like you who obviously cares about what they do, and is so willing to share their experience and insights? Bill A.
Peyton Manning Youth Jersey //www.fdlgroup.co.uk/images/Peyton-Manning-Jersey-Cheap.asp


โดย: Peyton Manning Youth Jersey IP: 218.251.113.57 วันที่: 31 ตุลาคม 2557 เวลา:14:55:51 น.  

 
Thank you for your comment.
I think everyone should think more of others than oneself.. The world would be more peaceful..


โดย: ธารน้อย วันที่: 31 ตุลาคม 2557 เวลา:19:20:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.