มาพูดถึงเรื่องพ่อยอดชายนายทวิช คนนี้ก่อน ตกเย็นๆเวลาว่างงาน ผมชอบไปนั่งเล่นที่สโมสรข้าราชการ ซึ่งอยู่ใกล้สถานีตำรวจเมืองชลฯ ที่เป็นที่ตั้งกองกำกับการ ผมมีเพื่อนที่เป็นข้าราชการหลายคน
ผมไปที่นั่น ไปพบเพื่อน นั่งกินเหล้า แล้วก็เล่นบิลเลียดไปมั่ง เมื่อโต๊ะว่าง
วันนั้นผมก็ไปอย่างเคย โต๊ะบิลเลียดว่าง ผมก็เล่นสนุ๊กเกอร์กับเพื่อนเสมียนอำเภอคนหนึ่ง เล่นไปได้ครึ่งเกมเห็นจะได้ ขณะที่ถึงตาผมแทง ผมกำลังวางมือพาดคิว สาวคิวอยู่ที่ลูก กะจะตบแดง มีเสียงพูดจากข้างหลังของผม
ท่าสวยจัง
ผมยืดตัวขึ้นหันหลังไปมอง เขานั่งยิ้มเผล่อยู่ที่ม้านั่งยาวข้างโต๊ะ มองดูผม
ผมเคยเห็นหน้าเขา รู้จักชื่อเขา แต่ยังไม่เคยพูดจากัน ผมก็หันหน้ากลับ วางมือพาดคิว สาวคิวอย่างเก่า
ท่าสวยจริงๆ เสียงเขาพูดเบาๆ อีก พอให้ผมได้ยิน
ผมวางคิวโดดแผลวเดียว ขึ้นไปที่ม้ายาวที่เขานั่งอยู่ คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อ รวบปกคอง้างมือขวา กะตะบันให้เต็มรัก
ใครก็ไม่รู้กระโดดข้ามโต๊ะ มาดึงมือข้างนั้นของผมไว้แน่น
อย่า อย่า คุณพุฒ เพื่อนกัน อย่าทำ
แหม ดุด้วย เขายังนั่งยิ้มอยู่กับที่ ทั้งๆ ที่มือของผมขยุ้มอยู่ที่คอเสื้อ
ไอ้วิชก้อ... เพื่อนที่ดึงมือผมไว้ ดุเขา
ไม่เอาน่า ไม่เอา มานั่งกินเหล้ากันดีกว่า เลิก ไม่เล่นละ
แล้วเขาก็ดึงมือผมกับทวิช เข้าไปจับประสานกัน จูงไปที่ระเบียงสโมสร
เพื่อนสมาชิกอีกหลายคนวิ่งจะมาดูมวยนอกสังเวียน หรือจะมาช่วยห้ามก็ไม่รู้ ก็แยกย้ายกันไป
ผมได้รู้จักเขาด้วยวิธีการอันแหวกแนวอย่างนี้ แล้วเราก็รักกันอย่างเพื่อนสนิท
เขาเป็นคนที่คบง่าย ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เขาบอกว่า เขาได้ยินชื่อผมตั้งแต่ผมมาอยู่ใหม่ๆ ใครๆ ก็เรียกผมว่าหมวดหนุ่มน้อย เขาอยากจะเห็นมานานแล้ว และอยากรู้จัก
วันนี้บังเอิญมาได้พบ แต่เขาทักคนไม่เก่ง ที่ชมว่า ท่าสวยนั้นน่ะ เขาตั้งใจชมจริงๆ ไม่ได้แกล้งกระเซ้า
ต่อจากวันนั้นมา ผมก็ได้เพื่อนกินเหล้าที่ถูกคอกัน แต่ผมไม่ได้กินอย่างเขาผมจะไปพบเขาแต่เพียงเวลาแดดร่มลมตก ซึ่งเป็นเวลาที่เขาเมาได้ที่แล้ว อยู่ในตลาดบ้าง สโมสรบ้าง ที่บ้านบ้าง แล้วแต่โอกาส
ผมก็ต้องเที่ยวตระเวณหาตัวเขาไป
คนคนนี้กินเหล้าได้ทุกชนิด และไม่เคยกินอาหาร ผมต้องแนะให้เขากินอาหารเสียบ้าง
แรกๆเขาไม่ยอม ผมต้องบังคับให้กิน ถ้ารักกัน เขาจึงยอมกิน เขาว่า เขารักผม เขาจึงยอมกิน เมียเขาก็ยังบังคับเขาไม่ได้
ทวิชมีเมียที่สวยน่ารัก นิสัยดี เป็นลูกสาวเศรษฐีเมืองชลฯ เหมือนกัน เป็นผู้หญิงที่เป็นกุลสตรี ซึ่งไม่น่าที่จะมาเป็นเมียทวิชได้ แสดงว่าฝีมือทางผู้หญิงเขาก็ไม่เบา หรือจะเป็นเพราะผู้ใหญ่จับให้แต่งงานกันก็ไม่รู้
ตอนนั้นทวิชมีลูกสาวเล็กๆ น่ารัก อยู่คนหนึ่งและเป็นคนเดียวที่เขามี ตอนที่ผมเริ่มจะได้รู้จักเขา ป่านนี้โตมีลูกมีเต้าไปแล้วละมั้ง
ผมมาทราบทีหลังว่า หลังจากที่ผมย้ายออกมาจากเมืองชลฯ แล้ว เขามีลูกสาวอีกคนหนึ่ง ที่ทราบก็เพราะ ลูกสาวคนเล็กของเขาได้อ่านข้อเขียนของผมที่เขียนเรื่องของเขาและผม เขียนไว้ว่า เขามีลูกสาวคนเดียวก็ได้เขียนมาแก้ความเข้าใจผิดของผมว่า ทวิชยังมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง คือคนที่เขียนจดหมายมาถึงผม
ขณะนี้เธอเป็นศรีภรรยาของนักการทูตที่สำคัญคนหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศไทย
ผมไม่มีโอกาสที่จะเขียนไปขอบคุณหลานสาวคนนั้นของผมก็เลยถือโอกาสขอบคุณมาเสียเลย ณ ที่นี้
ยังไม่มีโอกาสที่จะแวะไปเมืองชลฯถ้ามีโอกาส ก็จะแวะไปเยี่ยมเยียนแน่นอน
ลูกหลานคนเมืองชลตามมาอ่านบล็อกด้วยค่ะ