เที่ยวพม่า ๕ วัน (๔)
วันที่ ๓๑ ต.ค. ๕๘ วันที่ ๔ แล้วสินะ วันนี้เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อลงเรือไปชมพิธีแห่พระบัวเข็ม เป็นวันสุดท้ายที่แห่ท่านกลับมาที่วัดผ่องดออู "พระบัวเข็ม ลักษณะสำคัญนั้น เป็นพระที่แกะขึ้นจากกิ่งไม้พระศรีมหาโพธิ์ ลงรักปิดทองเป็นรูปพระเถระนั่งก้มหน้ามีใบบัวคลุมศีรษะ และมีเข็มหมุดปักอยู่ตามตัวหลายแห่ง นั่งอยู่บนฐานดอกบัวหงาย ดอกบัวคว่ำรองรับ เมื่อหงายใต้ฐานดูจะพบลายลักษณ์ปั้นทรงนูนต่ำรูปดอกบัวใบบัวและรูปปลา ที่เรียกว่า พระบัวเข็มคือ รูปพระอุปคุตเถระ เรื่องราวของพระบัวเข็มไม่ค่อยปรากฏเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในเมืองไทย เหมือนพระพุทธรูปองค์อื่นๆ เพราะพระบัวเข็มเข้ามาแพร่หลายในประเทศไทยเมื่อปลายสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้ เพราะเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวช ทรงสนิทสนมกับพระภิกษุชาวมอญมาก โดยทรงศึกษาประวัติพระพุทธศาสนา และพระธรรมวินัย จากพระภิกษุชาวมอญทรงแตกฉานในพระธรรมวินัยทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากและด้วยการที่ทรงติดต่อคุ้นเคยกับพระภิกษุชาวมอญมาโดยตลอดเมื่อพระภิกษุชาวมอญเข้าเฝ้าที่วัดบวรนิเวศฯ ครั้งใด ก็มักนำพระบัวเข็มเข้ามาถวายอยู่เนืองๆ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบประวัติความเป็นมาของพระบัวเข็ม มากกว่าบุคคลใดในสมัยนั้น จนถึงทรงยอมรับพระบัวเข็มเข้าในพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ (พิธีขอฝน)พระบัวเข็มนี้ถือกันว่าเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์ อภินิหาร ในทางชนะศัตรูหมู่มาร และในทางบังเกิดความอุดมสมบูรณ์ ลาภสักการะ ความร่ำรวยอย่างยิ่งแก่ผู้เคารพบูชาซึ่งรูปลักษณะการปฏิบัติบูชาก็แปลกแตกต่างจากพระอื่น้(ข้อมูลจากกูเกิ้ล) ด้วยความศรัทธา คุณไพศาล คุณผลิน และญาติธรรมได้สร้างพระบัวเข็มจำลอง แล้วนำมาไว้ที่วัดเทวราชกุญชร ต้องหาโอกาสไปสักการะบ้าง พระบัวเข็มเป็นหนึ่งในห้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าลงเรือตั้งแต่ตีห้าสิบห้า ให้ รร ติดต่อเรือให้สองลำ เพื่อไปชมพิธีและเที่ยวตามที่ต่างๆในทะเลสาบอินเล เรือสำหรับนักท่องเที่ยวจะวางเก้าอี้ในเรือเพื่อนั่งสบาย มีชูชีพและร่มให้ทุกที่นั่ง วันนี้ท้องฟ้าอึมครึม จากท่าเรือไปถึงบริเวณพิธีไกลพอสมควรที่เดียว ถ้าออกสายไปถึงจะไม่สามารถนำเรือเข้าไปข้างในได้ เพราะการจราจรทางน้ำคับคั่งไปด้วยเรือ พิธีจะมีขบวนเรือการะเวก ตกแต่งสวยงาม ผู้ชายเท่านั้นที่จะได้พายเรือด้วยเท้าเข้าร่วมพิธีฉันเห็นมีเรือสำหรับผู้หญิงเพียงลำเดียว เป็นนางรำในเรือนั้นผู้คนมาร่วมพิธีกันมากมาย ที่เห็นในรูปยังไม่ได้ครึ่งของจริงชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ริมน้ำตั้งโต๊ะบูชา มีการแข่งเรือหลังเสร็จพิธี รอนานมาก และเรือเราอยู่ในมุมอับสำหรับการถ่ายรูป จึงลงความเห็นว่าขึ้นไปไหว้พระ หามุม เดินเล่นแล้วแต่สะดวก บนวัดผ่องดออู ก็แล้วกัน ในวัดคนก็เยอะมาก มีของขายเหมือนงานวัดบ้านเรา เข้าไปข้างในที่ประดิษฐานพระบัวเข็ม เห็นแต่หัวคนรุมปิดทองท่านกราบแล้วทำบุญเสร็จ ออกมาเดินเตร่ไปมารอเวลา อารหารที่ขายในวัดที่ดูแล้วแปลกๆดี เช่นสับปะรด ที่เปรี้ยวแล้วยังฝานมะนาวใส่ลงไปอีกไก่ย่างเขากินกันทุกส่วนแม้แต่หัวก็ไม่เว้น เป็นต้นรับหมากซักคำไหม เครื่องเยอะมากเลยได้เวลานัดคนพร้อมก็ออกเดินทางไปเที่ยวต่อ ที่แรกคนขับเรือพาไปดูการทอผ้าด้วยใยบัว ทอเสร็จแล้วได้เป็นผ้าพันคอผืนนิดเดียวราคาแพงมาก ที่นี่เป็นศูนย์หัตถกรรมการทอผ้าไม่มีรูปตัวอย่างผ้า เพราะหิวข้าว ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันให้คนขับเรือพาไปร้านอาหาร ได้แวะร้านนี้ อาหารอร่อยดีไม่มีรูป ขี้เกียจ กินดีกว่า เพื่อนร่วมทางไปขอทำไข่เจียวทั้งร้านมีไข่เหลือแค่ ๒ ฟอง และสัมภาษณ์เจ้าของร้าน ได้ความว่า พ่อของเขาเป็นมะเร็งและไปรักษาที่ รพ.กรุงเทพในที่สุดก็เสียชีวิตเสร็จจากกินข้าวกลางวันก็ไปต่อที่ศูนย์ทำเครื่องเงิน ไปดูกะเหรี่ยงคอยาว ซึ่งสถานที่นั้นเป็นร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองเรือของชาวบ้าน ปูเสื่อแล้วนั่งกับพื้น จุคนได้เยอะดี width='450' height='337' border=0>สภาพเรือสำหรับนักท่องเที่ยวทะเลสาบอินเล อยู่ในรัฐฉาน เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุด มีประชากรมากที่สุดด้วยเขตแดนติดกับเชียงราย และแม่ฮ่องสอน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ รัฐไทยใหญ่ ตองยี เป็นเมืองหลวง อากาศเย็นตลอดปี ทะเลสาบอินเลตั้งอยู่บนเขาสูงเหนือจากระดับน้ำทะเล ๘๗๕ เมตร ดูจากแผนที่ อินเลอยู่ห่างจากแม่ฮองสอนราว ๓๐๐ กม. คนที่อาศัยอยู่ในอินเล เรียก อินตา ชาวบ้านมีอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืชลอยน้ำ ทำประมง และทำหัถตกรรมขนาดเล็ก ทอผ้า ตีเหล็ก เครี่องเงินมวนบุหรี่ และมีรายได้จากการท่องเที่ยว ทะเลสาบมีความกว้าง ๑๑.๒๕ กม.ยาว ๒๒.๕ กม. จากนั้นเราก็ไปวัด ที่คนไทยรู้จักกันว่า วัดแมวกระโดด คือ มีการฝึกแมวให้กระโดดลอดห่วง เอาไว้โชว์นักท่องเที่ยว ที่จริงแล้ว วัดนี้ชื่อ งาพี เช วองNga Phe Chaung วัดนี้เป็นที่เก็บสมบัติเก่าของชาวฉาน รวมทั้งจากที่อื่นๆด้วยสมบัติที่ว่าคือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่แกะจากไม้ งดงามพร้อมบุษบกอันงามวิจิตรขากลับฝนตกหนักมาก เปียกปอนกันไปหมด กลับมา รร อาบน้ำเตรียมตัวขึ้นรถบัสอีกวาระหนึ่ง ไปมัณฑเลย์ ระหว่างรอรถมารับไปขึ้นรถบัส ฝนก็ยังตกปรอยๆ ไม่มีใครคิดจะตามคุณพีไปหาข่าวเย็นกินเลยพอถึงที่ขึ้นรถ รถยังไม่มา ออกเดินสำรวจเจอร้านขายก๋วยเตี๋ยวก็สั่งมากินกันด้วยความหิว ฉันว่าอร่อยทีเดียวไม่ต้องปรุงเลย กินกันยังไม่ทันเสร็จรถมาแล้ว คนขายก๋วยเตี๋ยวมีน้ำใจมาก เดินไปบอกคนขับรถให้รอหน่อย ลูกค้าฉันยังกินไม่เสร็จ คนขับรถเดินมาดูแล้วบอก ๕ นาทีให้เวลา ๕ นาทีนะ ก็ได้ๆๆ รีบจ้ำๆกินจ่ายเงิน แล้วไปขึ้นรถ เป็นรถ วี ไอ พีนั่ง ๓ ตัว ห่างกันมีช่องตรงกลาง สำหรับฉันนั่งไม่ค่อยสบายเลย คราวนี้มีน้ำดำแจกเพิ่มคนละกระป๋อง ประหยัดค่า รร. ไปได้อีกคืนนึง