|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
TetralogyOfFallot (ตอนที่ 1)
ภาพประกอบจาก : //www.nlm.nih.gov
สวัสดีครับ
วันนี้มาด้วยเรื่องแปลกๆ เนอะ อันสืบเนื่องมาจากถูก Tag ไปเมื่อปีมะโว้ โดยคุณ SevenDaffodils วันนี้พักร้อนก็เลยมีโอกาสได้แก้บน Tag ซะที แต่ขอเป็นการผ่อนชำระละกันครับ คิดดอกเบี้ยเท่าไรว่ามาได้เลย เพราะ Blog Group นี้ตั้งใจจะเขียนเพื่อเล่าเรื่องของตัวเองโดยไม่จำกัดว่ากี่ข้อนะคร้าบ
เรื่องที่ 1 สำหรับวันนี้ Tetralogy of Fallot อาจหาญมากที่จะเขียนเรื่องทางการแพทย์ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็นหมอ แต่เขียนในฐานะที่เป็นคนเป็นโรคนี้ละกัน
มหัศจรรย์เลข 4 : ท้าวความแนะนำตัวละครในบ้านผมก่อนนะครับ มีป้า(พี่สาวแม่), พ่อ, แม่, แม่ไหม(คนเลี้ยงผมจนผมเรียกแม่อีกคนหนึ่ง), พี่ชาย(ลูกชายแม่ไหม), ตัวผม, และน้องชาย ป้าแก่กว่าพ่อ 4 ปี, พ่อแก่กว่าแม่ 4 ปี, แม่แก่กว่าแม่ไหม 4 ปี, พี่ชายแก่กว่าผม 4 ปี, ผมแก่กว่าน้องชาย 4 ปี, พ่อแก่กว่าผม 40 ปี ถามว่าถ้าตอนนี้ผมอายุ 40 ปี คนอื่นๆ แต่ละคนจะอายุเท่าไร ง่ายมากเลยใช่มะครับ
เมื่อ 40 ปีที่แล้วผมก็เกิดมาพร้อมกับมีเจ้า Tetralogy of Fallot (TOF) ติดมากับตัวด้วย เจ้า TOF นี่ก็คือความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด 4 อย่าง (โดนเลข 4 อีกแล้ว) ตามภาพประกอบด้านบนเลยครับ คือ 1.ลิ้นที่เส้นเลือดเส้นที่ส่งเลือดดำไปฟอกที่ปอดตีบ 2.กล้ามเนื่อหัวใจห้องล่างขวาโตและหนา 3.มีรูรั่วที่ผนัวกั้นห้องหัวใจระหว่างห้องล่างขวากับซ้าย 4.ปากเส้นเลือดแดงใหญ่มันโผล่ล้ำเข้าไปในห้องขวาโดยแทรกผ่านรูรั่วที่ผนังหัวใจ
เจ้า TOF เนี่ยเป็นความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด ที่มีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น 1. กรรมพันธุ์ ถ้าใครมีพ่อแม่ญาติวงศ์มีโรคหัวใจแต่กำเนิด ก็มีโอกาสสูงที่จะมีลูกเป็น 2. แม่ได้รับยาบางอย่างระหว่างตั้งท้อง 3. แม่ได้รับเชื่อไวรัส เช่น หัดเยอรมัน ระหว่างตั้งท้อง เป็นต้น
อาการก็เล่าให้ฟังอย่างคนที่เป็นโรคนี้นะครับ (ถ้าอย่างทางการแพทย์ละก็จะละเอียดกว่านี้เยอะ) 1. เขียว : เนื่องจากผนังหัวใจทะลุ แล้วก็เส้นเลือดแดงใหญ่ที่จะส่งเลือดแดงไปเลี้ยงร่างกายดันไปโผล่หัวเสนอหน้าในห้องเลือดดำอีก ร่างกายก็เลยได้รับเลือดดำจำนวนมากไปเลี้ยงร่างกาย ก็เลยมีสีเขียวๆ ฟ้าๆ ม่วงๆ ที่ริมฝีปาก และเล็บ 2. เหนื่อยง่ายและเหนื่อยมาก : ในเด็กปกติก็จะวิ่งเล่นได้นานครับ แต่ผมน่ะวิ่งหรือเดินซัก 1 นาทีก็เหนื่อยแล้ว แล้วก็จะเหนื่อยหอบต้องนั่งพัก โดยท่านั้งประจำคือนั่งยองๆ (มารู้ทีหลังว่าการนั่งยองๆ มันช่วยให้การหมุนเวียนของเลือดไม่เป็นภาระหนักมากสำหรับหัวใจคนเป็นโรคนี้ครับ) การเหนื่อยหอบก็ไม่ธรรมดาเลย ให้นึกถึงหมาหอบแดด เพียงแต่ไม่ลิ้นห้อย น้ำลายหยดเท่านั้นล่ะครับ แล้วไอ้การเหนื่อยหอบนี่ก็คงมาจากสาเหตุความผิดปกติทั้ง 4 อย่างรวมๆ กันเลยล่ะครับ
การที่คนเราเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติเนี่ย ตัวเราเองไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรหรอกครับ แต่เราก็เห็นและรู้สึกถึงความทุกข์ร้อนของคนอื่นอย่างน้อยก็ทุกคนที่กล่าวถึงข้างต้นล่ะครับ ในขณะเดียวกันก็เห็นถึงความรัก ความเอาใจใส่ ความผูกพันของทุกคนในครอบครัวด้วย
โรคนี้ถ้าปล่อยไว้โดยไม่รักษา ก็ตายก่อนโตสถานเดียวครับ เพราะเมื่อร่างกายโตขึ้นจนถึงขนาดหนึ่งที่หัวใจปั๊มเลือดไม่ไหวแล้วก็จะหัวใจวายได้ หรือว่าอวัยวะต่างๆ ได้รับเลือดที่มีออกซิเจนต่ำอยู่ตลอดเวลาก็จะทยอยกันเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
การรักษาก็มีทางเดียวคือต้องผ่าตัดเข้าไปซ่อมส่วนผิดปกติต่างๆ แล้วก็ต้องทำในอายุที่เหมาะสม แล้วได้น้ำหนักที่เหมาะสม
การที่ผมเป็นโรคนี้ก็นับเป็นโชคหลายชั้นในชีวิต โชคชั้นที่ 1 ผมไม่มีความผิดปกติร่วมอื่นๆ มากมายนัก บางคนโรคนี้เกิดร่วมกับดาวน์ซินโดรม หรือกระดูกสันหลังคด อกไก่
โชคชั้นที่ 2 จะว่าเป็นโชคทั้งหมดก็ไม่ถูกนัก ต้องเป็นฝีมือการดูแลของคนใกล้ชิด เนื่องจากผมทำน้ำหนักไม่ได้จนถึงวัยเข้าโรงเรียนอนุบาล ก็ยังไม่ได้ผ่าตัด ก็เลยไปเข้าโรงเรียนก่อน แล้วโรงเรียนก็อยู่ห่างบ้านไปประมาณ 1 กิโลเมตร คนอื่นที่เค้าปกติก็เดินไปได้ แต่ผมเดินได้ทีละไม่ไกลซัก 20 เมตรก็ต้องพักประมาณ 5 นาที ถ้าให้เดินไปก็คงใช้เวลาซัก 3 ชม. จึงจะถึง ก็เป็นหน้าที่ของแม่ไหมล่ะครับต้องอุ้มเด็กหัวทองตัวเขียว ไปโรงเรียนทุกวัน ไปกลับวันละ 2 เที่ยวตอนนั้นก็ตัวไม่เบาแล้วนะซัก 10 โลได้ เป็นเวลา 2 ปีเต็ม มีบางวันเหมือนกันที่ วีน กับแม่ไหม ลงไปร้องไห้ดินพราดๆ กับพื้นไล่แม่ไหมกลับบ้าน จะเดินไปโรงเรียนเอง สุดท้ายตัวเองก็ร้องไห้จนเหนื่อยเองหอบเป็นหมา ไม้พ้นต้องถูกอุ้มไปโรงเรียน
การทำน้ำหนักเป็นเรื่องยากมาก เพราะจะได้ว่ามันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นนอกจากน้ำเปล่าเย็นๆ ทุกวันที่พ่อกลับจากที่ทำงานก็ต้องหลอกล่อให้กินโดยพ่อจะวาดรูปให้แลกกับการกินข้าว กินนม กินขนม ก็เลยรู้ว่าพ่อชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก วันหยุดต้องหลอกล่อโดยการพาไปกินข้าวที่เขาดินบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นท่าราชวรดิษฐ์ เพราะที่นั่น (ตอนนั้นสะพานพุทธยังไม่ปิดตาย) จะเป็นท่าจอดเรือรบผมจะยอมกินข้าวก็ต่อเมื่อได้แลกกับการได้ดูเรือรบ แล้วก็ดูเรือลำอื่นๆ วิ่งไปมาในแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนแม่ก็จะทำหน้าที่พาเข้านอน อ่านหนังสือให้ฟัง หรือไม่ก็ร้องเพลงให้ฟัง หลับแน่ๆ ครับเพราะเป็นเพลงไทยเดิม อย่างราตรีประดับดาว นี่เพลงโปรดของแม่เลยล่ะครับ ผมก็หลับไปก่อนที่เพลงจะจบทุกครั้งไป
วันนี้จบตอนที่ 1 ก่อนละกันครับ
อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ แต่จะประเสริฐกว่าถ้ามีแต่ลาภโดยไม่มีโรค
Create Date : 23 มีนาคม 2550 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 16:13:53 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2959 Pageviews. |
|
|
|
โดย: SevenDaffodils (SevenDaffodils ) วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:9:47:10 น. |
|
|
|
โดย: เพรางาย วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:14:22:18 น. |
|
|
|
โดย: นภาพร เวียงวีระ IP: 125.26.34.231 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:07:54 น. |
|
|
|
โดย: chai IP: 202.5.83.154 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:13:38:27 น. |
|
|
|
โดย: chai IP: 202.5.83.154 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:13:41:16 น. |
|
|
|
|
|
|
อยากจะแถมว่านอกจากมองโลกในแง่ดีแล้วยังมองโลกในแง่ประหลาดไม่เหมือนใครอีกด้วย
ไม่งั้นคงไม่ได้อ่าน Blog Tag ที่อัดไปด้วยสาระอย่างนี้หรอก จริงไหมคะ
ปล. วันก่อนไปรื้อรูปเก่าๆมาดู ตอนสมัยไปภูกระดึงด้วยกัน สาวสวยในรูปเค้าฝากมาบอกว่าคิดถึง อิอิ