Do it right from the first time.

Mr.Ralph
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mr.Ralph's blog to your web]
Links
 

 

TetralogyOfFallot (ตอนที่ 3)




สวัสดีครับ

ก่อนอื่นต้องขอโทษก่อนเลยที่ไม่ได้เขียนตอนต่อไปให้รวดเร็วเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ครับ
ให้ดูรูปผมถ่ายกับแม่ตอนอายุประมาณ 1 ขวบกว่าๆ ครับ แหะๆ ตอนนั้นเดินไม่ค่อยไหว ไปไหนมาไหนก็ต้องไปแบบนี้แหละครับ คือโดนอุ้มไป ดีนะที่ตัวเบา

ขอนอกเรื่องไปนิดนึง คือเมื่อสองสามวันก่อน พอดีได้พาพ่อไปทำ Balloon เส้นเลือดหัวใจมา เนื่องจากพ่อเริ่มมีอาการเหนื่อยง่ายมาประมาณ 1 เดือน เหนื่อยง่ายคือเหนื่อยง่ายจริงๆ คือทำกิจกรรมง่ายๆ ก็จะเหนื่อย เช่น อาบน้ำ ทานข้าว เดินประมาณ 20-30 ก้าว แล้วก็มีแน่นหน้าอกนิดหน่อย พักซัก 5 นาทีก็จะหาย ผมก็เลยใช้ประสพการณ์เก่าๆ สังเกตดู ให้ลดกิจกรรม แล้วก็เลยพาไปหาหมอ ซึ่งคุณหมอก็ให้ยาและให้ไปทำ X-Ray 64 Slice เพื่อดูว่ามีการตีบตันของเส้นเลือดหัวใจตรงไหนบ้างไหม ก็พบว่ามีรอยตีบอยู่ 2 จุด จุดหนึ่งประมาณ > 50% อีกจุดหนึ่ง ประมาณ 50% คุณหมอก็เลยนัดมาฉีดสีเพื่อตรวจให้ละเอียดอีกที เนื่องจาก X-Ray 64 Slice ให้ผลที่ไม่แม่นยำนักแต่ผลของการฉีดสีจะแม่นยำมากถึงขนาด ตำแหน่ง และ% ของการตีบตันในเส้นเลือด

ก็เลยนัดไปทำฉีดสีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า เจอเส้นเลือด 1 เส้นตีบ 3 จุด ตีบเกือบสนิทแล้ว 1 จุด 70% 1 จุด และ 60% 1จุด อีก 1 เส้น ตีบ 50% 1 จุด และเนื่องจากก็เจาะเข้าไปจนถึงเส้นเลือดหัวใจแล้ว ก็เลยทำ Balloon ขยายเส้นเลือดจุดที่ตีบ 95% กับ 70% แล้วก็เอาขดลวดใส่ไปขยายเส้นเลือดไว้ เป็นอันเสร็จพีธี ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมงกว่าๆ กับเจ็บตัวเล็กน้อย พักฟื้นรอดูอาการ 1 คืน เช้าขึ้นไปรับกลับบ้านได้ ส่วนที่เหลืออีก 2 จุดก็ใช้วีธีไปรักษาด้วยการทานยาต่อครับ แต่ก็ได้ผลดีมา พ่อบอกว่าโล่งจริงๆ (ลูกก็บอกว่าโล่งเหมือนกันล่ะ)

ที่เล่านอกเรื่องมานี่เพราะเห็นว่า การรักษาสมัยนี้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพขึ้นมาก ใช้เวลาไม่มาก และเจ็บตัวน้อย การฉีดสีวันนี้มีเพียงรอยเจาะของเข็มไปที่เส้นเลือดแดงที่ขาหรือที่แขนเท่านั้นครับ ส่วนที่ผมถูกฉีดสีเมื่อ 30 กว่าปีก่อนน่ะ ต้องกรีดที่หน้าขาหนีบ โดนเย็บตั้ง 3 เข็มแน่ะ แล้วก็ไปอยู่โรงพยาบาลเกือบอาทิตย์เลยล่ะครับ

เข้าเรื่องเลยดีกว่า

เด็กที่เป็น TOF ครับต้องระวังอย่างยิ่งเรื่องไม่ให้เหนื่อย ในปีแรก ที่เด็กยังสื่อสารไม่รู้เรื่องเราก็ต้องระวังเรื่องเมื่อไรเด็กจะเหนื่อย เด็นเล็กๆ จะเหนื่อยก็มีไม่ก็เรื่องหรอกครับ

1. ดูดนมและกิน ปกติเด็ก TOF ก้คงจะกินน้อยอยู่แล้วครับ เพราะดูดนมไปนานหน่อยก็คงจะเหนื่อยแล้ว ข้อนี้โดยส่วนตัวผมเองจำไม่ได้หรอกครับ แต่ได้ยินแม่เล่าให้ฟัง ว่าที่แม่รู้ว่าผมเป็น TOF เพราะเห็นปากเขียวเวลาดูดนมนี่แหละ ก็เลยพาไปหาหมอ แล้วก็เลยตรวจกันละเอียด จนรู้ว่าเป็น TOF ก็คงต้องให้ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ น่ะครับ คุณหมอคงช่วยแนะนำได้ถึงปริมาณ และจำนวนครั้งที่เหมาะสมที่จะในแต่ละวันน่ะครับแต่สำหรับตัวผมเองมารู้ตัวตอน 3-4 ขวบแล้ว ว่ากินอะไรไม่ค่อยได้มาก พอรู้สึกตัวว่ามากไปแล้วก็จะเริ่มอ้วกออกมาหมด แล้วก็จะเหนื่อย แล้วก็่ต้องถูกป้อนให้กินใหม่ ถูกหลอกล่อสารพัด ก็ต้องทำน้ำหนักด้วยนิ่ครับ
2. อึ๊ ข้อนี้ต้องระวังอย่าให้ท้องผูกนะครับ เพราะถ้าท้องผูกเนี่ยเหนื่อยหนักหนาสาหัสแน่ ผมจำได้ว่าผมโดนยาเหน็บก้นประจำ อันนี้โดนมาจน 4-5 ขวบเลยล่ะครับ
3. ป่วยไม่สบาย การเป็นไข้หวัด ก็เป็นเรื่องใหญ่ได้สำหรับเด็ก TOF เพราะเชื้อที่เป็นเชื่อหวัดในลำคอก็เป็นตัวเดียวกับที่ทำอันตรายให้ลิ้นหัวใจได้เหมือนกัน ดังนั้นการเป็นหวัด แม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องรีบรักษากันให้หายนะครับ ผมน่ะกินยาปฏิชีวนะสมัยนั้นเป็น Tetracyclin จนฟันเปลี่ยนสีกันเลย แต่สมัยนี้ก็คงเป็นตัวอื่นแล้วล่ะครับ เพราะวงการแพทย์เขารู้ผลข้างเคียงของยาตัวนี้แล้ว อีกอย่าง ผมสังเกตจากตัวผมเองนะครับ ว่าเวลาไม่สบายเป็นไข้สูงๆ เนี่ยใจจะเต้นเร็วและแรง เวลานอนก็จะฝันร้าย แล้วก็จะตกใจตื่น ใจเต้นตึ้กๆๆๆ ซึ่งถ้าเป็นเด็กปกติก็คงไม่เท่าไร แต่เด็กเป็น TOF ก็ต้องระวังมากผมเห็นแม่ผมคอยนั่งเช็ดตัวให้ไข้ลงอยู่ทุกครั้งที่ไม่สบาย
4. ไม่สบายตัวเช่น หนาว หลังจากอาบน้ำ อากาศร้อนจนเหงื่อแตก อึ ฉี่ราดผ้าอ้อมเปียก ปกติเด็กเวลาไม่สบายตัวก็จะร้องน่ะครับ ที่ทำให้เหนื่อยเนี่ยคงมาจากการร้องส่วนหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ ถ้าหนาวล่ะก็เหนื่อยเหมือนกัน
5. ร้องไห้ สาเหตุมาจากทั้ง 4 ข้อข้างบนนะครับ แต่เมื่อร้องแล้ว พ่อแม่ก็ต้องรีบหาสาเหตุครับ ลองดูว่ามีอะไรไม่สบายตัว แล้วก็รีบแก้ไข อย่าปล่อยให้ร้องนานๆ

ในช่วงที่ยังเล็กไม่เกิน 2 ขวบ เด็ก TOF อาจถูกผ่าตัด ทำทางลัดเส้นเลือดเพื่อเพิ่มกระแสเลือดไปที่ปอด ก่อนจะทำผ่าตัดแก้ไขทั้งหมดตอนโตขึ้นมาซักหน่อยนึงแล้วนะครับ แต่กรณีของผมไม่ได้ทำผ่าตัดตอนเล็กๆ ก็เลยไม่มีประสพการณ์ตรงนี้มาเล่าให้ฟังครับ

วันนี้ขอเล่าเพียงเท่านี้ก่อนครับ คราวหน้าจะมาเล่า ช่วงเริ่มจำความได้จนถึงการผ่าตัดแก้ไขครับ




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2550
4 comments
Last Update : 9 ธันวาคม 2550 20:50:20 น.
Counter : 3653 Pageviews.

 

เราว่าเรามาเม้นท์บล็อกนี้แล้วนี่นา

คุณสหายหน้าเหมือนแม่เป๊ะเลย โห เรารู้จักกันมากี่ปีเนี่ย เพิ่งเคยเห็นหน้าคุณแม่ในบล็อกนี่ล่ะ

ว่าแต่ตอนเล็กๆตัวเล็กจริงๆล่ะนะ ตอนผ่าตัดเสร็จวิ่งได้ ที่บ้านคงโล่งใจพิลึกเลย...

 

โดย: SevenDaffodils IP: 69.140.210.74 10 ธันวาคม 2550 17:48:13 น.  

 

อาการที่คุณลาภเล่ามา ลูกดิฉันเป็นหมดเลยค่ะ ยกเว้นอาการเขียวและกินน้อย หมอเด็กประจำตัวบอกว่าผลการ เอคโคฯ แย่กว่าที่คิด ลิ้นหัวใจตีบมากๆ แต่ภายนอกน้องดูดีมากเหมือนเด็กปกติ ดิฉันก็เลยกังวลมาก อาจจะต้องผ่าตัดเอาเลือดไปปอดตั้งแต่อายุไม่ถึงขวบ

 

โดย: นภาพร IP: 125.26.33.192 23 กุมภาพันธ์ 2551 21:33:42 น.  

 

รออ่าน TetralogyOfFallot (ตอนที่ 4)อยู่นะค่ะ
ดิฉันก็เป็น TOF ตอนนี้อายุ 30 แล้ว แต่กำลังจะผ่าตัดใหม่อีกครั้งน่ะค่ะ

 

โดย: yy IP: 202.57.168.3 9 มีนาคม 2551 21:08:32 น.  

 

คุณลาภคะ ดิฉันก็รออ่านตอนที่ 4 อยู่ค่ะ ตอนนี้ลูกอายุ 7 เดือนแล้ว น้ำหนัก 9 โล ยังไม่มีอาการเขียว แต่พัฒนาการค่อนข้างช้า ยังไม่เริมคลานเลยค่ะ บางครั้งก็เห็นเค้าหายใจแรง อาจารย์หมอที่ศิริราชบอกว่า น่าจะเริ่มเห็นอาการ/โตช้าตอนอายุขวบครึ่ง ดิฉันใจไม่ดีเลยค่ะ สงสารลูก แต่ก็มีกำลังใจเมื่อได้อ่าน Blog คุณลาภ ขอบคุณค่ะ

 

โดย: นภาพร IP: 125.26.32.130 14 มิถุนายน 2551 21:39:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.