Search is Fun
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
ยาระบายแมกนีเซียช่วยลดความมัน




ได้รับการรับรองจากแพทย์แล้วว่าช่วยบรรเทาอาการท้องผูก และอาการอื่น ๆ เกี่ยวกับแก๊สในลำไส้ ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่านได้แนะนำให้ใช้ยาระบายนี้กับผิวหน้ามันได้ มีขายในรูปแบบเม็ด, และแบบที่เป็นน้ำสีขาวก็ยังมีขายอยู่ เหมาะสำหรับผิวมันเพื่อลดการทำงานของต่อมไขมันบนผิวหน้า แบบยาน้ำสีขาวนั้นขายเป็นขวดใหญ่ ดังนั้นจึงควรแบ่งใส่ภาชนะอื่นเพื่อนำมาใช้เป็นครั้ง ๆ และเก็บส่วนที่เหลือไว้ในขวดใหญ่เพื่อยืดอายุของยาไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว อาจพบว่ามีกลิ่นคล้ายคาลามายด์เวลานำมาทาหน้า (ยาน้ำทาแก้ผื่นแพ้)

วิธีใช้ร่วมกับการแต่งหน้า

ล้างหน้าให้สะอาดแล้วซับเบา ๆ ให้แห้ง จากนั้นใช้สำลีก้อนชุบยาแล้วทาให้ทั่วใบหน้าเพียงบาง ๆ เมื่อแห้งแล้วสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ - - ไม่แนะนำให้ใช้แป้งอัดแข็งสำหรับผู้ที่มีผิวมัน เพราะจะเหมือนทำให้ผิวนั้นไม่ได้หายใจและเพิ่มความมันบนใบหน้า หลังจากใช้น้ำยาระบายแมกนีเซียแล้ว แนะนำให้ใช้แป้งฝุ่นแทน จะช่วยให้ผิวดูเนียนเรียบและแห้งกว่า อันที่จริงแล้วมีหลายคนใช้น้ำยาระบายแมกนีเซียเป็น primer (ทาเป็นขั้นแรกก่อนแต่งหน้า) เพื่อเตรียมผิวหน้าให้เรียบก่อนการแต่งหน้า ด้วยคุณสมบัติดูดซับความมันอันน่าประหลาดใจในผู้ที่เคยลองอย่างอื่นมามากแล้ว และในผู้ที่ประสบปัญหาผิวหน้ามันมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน แนะนำให้ใช้น้ำยาระบายแมกนีเซียในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิว - - ยาระบายแมกนีเซียนั้นเป็นคู่มือการแต่งหน้าสำหรับเจ้าสาวและผู้ที่ต้องการหาวิธีในการแต่งหน้าให้ติดทนนานทั้งวัน อันจะช่วยให้ผู้หญิงดูดีไม่มีที่ติ และไม่ต้องเป็นกังวลว่าหน้าจะมัน หรือต้องคอยเติมหน้า

วิธีใช้ยาระบายแมกนีเซียพอกหน้า

ถ้าคนที่ใช้ทาทุกวันก่อนแต่งหน้าแล้วรู้สึกไม่ชอบ ก็สามารถใช้พอกหน้าสัปดาห์ละครั้งก็ได้ โดยล้างหน้าให้สะอาด เขย่าขวดก่อนใช้ แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาทาให้ทั่วหน้า ทิ้งให้แห้งประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า

เริ่มใช้โดยการพอกหน้าวันละหนึ่งครั้ง (ปกติแล้วทำก่อนนอน) หรือวันเว้นวันหากผิวแพ้ง่าย เมื่อผิวปรับสภาพได้แล้วก็อาจพอกได้วันละสองครั้ง (หากจำเป็น ในกรณีที่ผิวมันมาก)
ผลข้างเคียง
ผู้ที่ไม่ได้มีผิวมันอย่างแท้จริงจะพบว่าผิวแห้งตึงเมื่อใช้ยาระบายแมกนีเซียทาหน้า ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวมันมาก ๆ หากเป็นผู้ที่มีผิวผสม หรือผิวมันเป็นบางครั้ง อาจทำให้เกิดผิวหยาบกร้าน ระคายเคืองและผิวแตกลอกได้ หากคุณมีผิวผสมแล้วต้องการใช้ยาระบายแมกนีเซีย ควรทาเฉพาะบริเวณที่มันเท่านั้น เพราะยาระบายแมกนีเซียจะทำให้รูขุมขนเล็ก ซึ่งอาจทำให้มีปัญหาอื่นแทนสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องผิวหน้ามันรูขุมขนกว้าง นั่นจะทำให้ผิวอุดตันได้ง่ายหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความรุนแรงและไม่จำเป็นต่อผิว
ผู้ใช้บางคนมีคราบขาวบนใบหน้าหลังจากทายาระบายแล้ว นั่นหมายถึงการทาในปริมาณที่มากเกินไป จำไว้ว่าควรทาบางมาก ๆ และหากว่ายังเกิดปัญหานี้อยู่แม้ว่าจะปรับการใช้แล้วก็ตาม หยุดใช้แล้วหาวิธีการอื่นเพื่อควบคุมความมันแทน

ยาระบายนี้ทำไมจึงช่วยลดความมัน : ยาระบายแมกนีเซียนี้มีส่วนผสมของ แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งออกฤทธิ์เป็นด่าง จึงช่วยลดสภาพความเป็นกรดบนใบหน้าซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และยังช่วยฆ่าเชื้อโรคและดูดซับน้ำมัน

ข้อมูลเพิ่มเติม



//skincare.lovetoknow.com/Milk_of_Magnesia_for_Oily_Skin

//www.makeupalley.com/product/showreview.asp/ItemID=10870/Milk_of_Magnesia/Unlisted_Brand/Masks

//forums.ebay.com/db2/thread.jspa?threadID=410522826&tstart=0&mod=1129651358848

//www.pioneerthinking.com/cgi-bin/mb/YaBB.pl?board=skin;action=display;num=1134840152

สำหรับคนที่มีประสบการณ์กับการใช้ผลิตภัณฑ์อะไร สามารถเข้าไปร่วมแชร์ความคิดเห็นกันได้นะครับที่ หน้านี้


Create Date : 25 กันยายน 2550
Last Update : 8 กรกฎาคม 2551 13:15:11 น. 3 comments
Counter : 1199 Pageviews.

 
ความรู้ใหม่


โดย: s.o.s วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:11:15:33 น.  

 
ความรู้ใหม่ เยี่ยมไปเลย ขอบคุณมากค่ะ จะลองไปใช้ดู


โดย: นก (printcess of the moon ) วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:14:34:37 น.  

 
จริงปะเนี้ยะ เพิ่งเคยได้ยินเลย แล้วเราก็เป็นคนผิวมันซะด้วย ใครเคยใช้แล้วเข้ามาหน่อยเร็ว


โดย: loverose วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:16:02:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tu111
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Brain > Money = Happiness

My status
Friends' blogs
[Add tu111's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.