อัพบล็อกเล็กน้อยเนื่องจากไม่ค่อยจะมีเวลา เหมือนช่วงก่อน
ทริป เมืองเลย ไปแบบลูกทุ่ง กินและนอนบ้านชาวบ้านใกล้ๆ วัด ทำบุญกันค่ะ
สถานที่แรกที่ได้ไปเที่ยวชม พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย
พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สร้างเมื่อ พ.ศ.2103 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2106
ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นสักขีพยานแสดงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกัน
กับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทร์)ประวัติความเป็นมาของพระธาตุศรีสองรักพระธาตุศรีสองรัก
เป็นเจดีย์ที่ก่อด้วยอิฐถือปูนมีฐานเป็นเหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละประมาณ 8 เมตร สูงประมาณ 32 เมตร
อยู่ห่างจากที่ตั้งจังหวัดเลยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1กิโลเมตรและอยู่ห่างจากที่ตั้งจังหวัดเลยไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 83 กิโลเมตร
องค์พระเจดีย์ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุศรีสองรักบนเนินริมน้ำหมัน ซึ่งเป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่ในวัดนอกจากองค์พระเจดีย์แล้ว
ถัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีโบสถ์ 1 หลัง ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูปนาคปรก 1 องค์
และพระพุทธรูปอื่น ๆ อีกบ้าง และถัดองค์พระเจดีย์ไปทางทิศตะวันตกมีศิลาจารึก 1 แผ่น
ซึ่งจารึกตำนานการสร้างพระธาตุศรีสองรักด้วยอักษรธรรมอยู่ด้วย
พระธาตุศรีสองรัก ได้สร้างขึ้นในแผ่นดินของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ผู้ครอบครองกรุงศรีอยุธยาแห่งอาณาจักรสยามสมัยนั้น
และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทร์) แห่งอาราจักรล้านช้างสมัยนั้น
เพื่อเป็นสักขีพยานในการทำสัญญาทางพระราชไมตรี และเป็นด่านกั้นเขตแดนของสองพระนครใสสมัยโน้น
ทั้งนี้เนื่องจากในระหว่างที่กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ครองราชสมบัติ ตรงกับสมัยที่พม่าเรืองอำนาจ
เพราะพม่ามีกษัตริย์ที่เข้มแข็งในการสงครามปกครองคือ พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้
และพระบุเรงนองได้ยกทัพมารุกรานกรุงศรีอยุธยาและกรุงศรีสัตนาคนหุตหลายคราว
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช จึงทำไมตรีกัน
เพื่อร่วมกันต่อสู้กับพม่าและเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำไมตรีกันครั้งนี้
ได้ทรงร่วมกันสร้างพระเจดีย์ขึ้นเป็นสักขีพยานจึงได้ขึ้นชื่อว่า “ พระธาตุศรีสองรัก ”
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าได้สร้างขึ้น ณ ที่กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำโขงกับแม่น้ำน่านบนโคกไม้ติดกัน
เริ่มสร้างแต่ พ.ศ. 2103 ตรงกับปีวอก โทศก จุลศักราช 922 และเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2106
ตรงกับปีกุล เบญจศก จุลศักราช 925 ในวันพุธขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6
และได้ทำพิธีฉลองสมโภชในวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
การสร้างพระธาตุศรีสองรัก
นับเป็นสักขีพยานในความรักใคร่ของชนชาติเผ่าลาวในดินแดนล้านช้างสมัยนั้น
มาตั้งแต่โบราณการเป็นอย่างดี และพระธาตุศรีสองรักนี้ ประชาชนในท้องที่จังหวัดเลยและจังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือ
เป็นปูชนียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในวันเพ็ญเดือน 6 จะการทำพิธีสมโภชและนมัสการพรเจดีย์ขึ้นทุกปีจนถือเป็นประเพณีตลอดมาจนทุกวันนี้
พระธาตุศรีสองรัก นับแต่สร้างมาจนถึงปัจจุบันนี้นับได้ 400 ปีเศษ
นอกจากเป็นปูชนียสถานสำคัญของอำเภอด่านซ้าย ยังเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของจังหวัดเลย
เนื่องจากประชาชนชาวจังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงพี่น้องประชาชนลาวที่มีแนวเขตติดกันเป็นบ้านพี่เมืองน้อง
นับถือพระธาตุศรีสองรัก เป็นปูชนียสถานอันเป็นที่เคารพสัการะ และเชื่อว่าเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์
สามารถคุ้มครองให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บและขจัดสรรพภยันตรายทั้งปวง ดังนั้นเมื่อผู้ใดมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้น
เช่น การเจ็บป่าย การเป็นถ้อยร้อยความ การเกรงกลัวว่าจะถูกทำร้าย ฯลฯ
และการมีภารกิจที่จำเป็นที่จะต้องฝ่าภยันตราย เช่น การไปรบ ไปค้าขายทางไกล
การมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ผู้นั้นนอกจากจะไปบนบานต่อศาลเจ้าประจำเมืองของอำเภอด่านซ้าย ทั้ง 4 แห่งแล้ว
ก็มักจะทำพิธีบนบานขอความคุ้มครองจากองค์พระธาตุศรีสองรักควบคู่กันไปด้วย
เพื่อขอให้องค์พระธาตุศรีสองรักคุ้มครอง และช่วยขจัดภยันตรายทั้งปวง
การบนบานต่อองค์พระธาตุศรีสองรัก จะทำได้โดยผู้นั้นขอให้ เจ้ากวน
(ผู้ชายมีหน้าที่เข้าทรงขณะทำพิธี ผู้สืบทอด ตามประเพณีและจะมาจากเชื้อสายสกุล "เชื้อบุญมี")
นางเทียม (เป็นหญิงที่มีหน้าที่ให้วิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์เข้าทรง)
หรือแสน (แสน หมายถึง ผู้เฒ่าชายผู้มีหน้าที่เป็นข้าเฝ้าขณะพระเสื้อเมืองเข้าทรงเจ้ากวน หรือนางเทียม
มีหน้าทีปฏิบัติพิธีต่าง ๆ นางแต่ง (คือข้าเฝ้าและผู้ปรนนิบัติฝ่ายหญิง)
ในขณะที่ผู้นั้นบนบานศาลเจ้าประจำเมืองอำเภอด่านซ้าย หรือจะขอให้ทำพิธีบนบานให้โดยเฉพาะก็ได้
การบนบานโดยเฉพาะทำได้โดยผู้นั้นนำดอกไม้ และเทียนที่เรียกว่า
ขัน 5 และขัน 8 คือนำดอกไม้และเทียนใส่ขันหรือพาน ขั้นละ 5 คู่ และ 8 คู่
ไปขอให้แสนผู้ใดผู้หนึ่งช่วยทำพิธีบนบานต่อองค์พระธาตุศรีสองรัก
โดยบอกว่าจะบนบานด้วยต้นผึ้งใหญ่ หรือต้นผึ้งน้อยอย่างใดอย่างหนึ่ง
และเมื่อเรื่องหรือธุรกิจที่บนบานสำเร็จเรียบร้อยก็ไปทำการแก้บนตามที่บนบานไว้ต่อไป
การแก้บนในบริเวณรอบพระธาตุซึ่งเข้าได้เฉพาะผู้ชายส่วนหญิงสามารถไหว้ด้านนอกได้และการวางต้นผึ้งน้อยเพื่อแก้บน
คำว่า "ต้นผึ้งใหญ่" หมายถึง ต้นดอกผึ้งที่ทำเป็นต้นปราสาทขึ้นด้วย โครงไม้ไผ่หุ้มด้วยกาบกล้วย
แล้วประดับด้วยดอกผึ้ง และมีไม้คาน 2 อัน มัดติดฐานต้นผึ้งสำหรับใช้หามด้วย ส่วน
"ต้นผึ้งน้อย" หมายถึง ต้นผึ้งขนาดเล็กที่ทำด้วยหน่อกล้วยที่ควนทำเป็นฐานสี่เหลี่ยมที่ได้จากลำกล้วยขนาดเล็ก
สำหรับถือและตั้งต้นผึ้ง ประดับด้วยดอกผึ้งตามลำต้นและก้านใบ ซึ่งทำจากเทียนไขตัดเป็นดอกแล้วเสียบตามกาบกล้วย
แล้วกล่าวคำแก้บนเป็นเสร็จพิธี การแก้บนนี้จะต้องขอให้แสนคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ทำพิธี และกล่าวคำแก้บนด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก
//www.oknation.net/blog/print.php?id=64663
th.wikipedia.org/wiki/วัดพระธาตุศรีสองรัก
++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมกันค่ะ
ทักทายกันได้สบายๆ ยินดีต้อนรับนะคะ
มีความสุขที่ได้แบ่งปันค่ะ
ได้อ่านประวัติความเป็นมาของพระธาตุศรีสองรัก น่าสนใจ น่าไปชมจริงๆ
ขอบคุณน้องสาที่นำข้อมูลดีมีประโยชน์มาฝากกันค่ะ
ช่วงก่อนหน้านี้พี่ไม่ค่อยได้เข้าบล้อกเหมือนกัน
ยุ่งนิดนึงเรื่องเรียนภาษา แต่ยังวนเวียนอยู่ในเฟ้สบุ้คบ่อยๆ อิอิ
ติดตามภาพทิวทัศน์ธรรมชาติสวยๆ จากน้องสาเสมอนะคะ