|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
'เรื่องนี้มีรัก' โปรเจคพิเศษของขวัญปีใหม่ : เชื่อมรัก...หวานเย็น (..1..)
สวัสดีวันพ่อค่ะทุกคน ^^
เป็นยังไงกันบ้างคะ เชื่อว่าหลายคนคงจะแฮปปี้เหมือนกันแน่ๆ เลยเพราะวันนี้เป็นวันหยุด (ฮา... ปีทั้งปีดีใจก็ตอนได้หยุดนี่แหละน้า) แถมยังเป็นช่วงวันหยุดยาวซะด้วย ตอนนี้หลายๆ คนก็อาจจะกำลังท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ไปไหน (เหมือนโน้ต) ก็อ่านนิยายรับเทศกาลอยู่บ้านด้วยกันก็แล้วกันนะคะ ^^
ถ้าพร้อมแล้ว เชิญพบกับ เชื่อมรัก...หวานเย็น ได้เลยค่ะ
########################
1
เช้านี้
ถือเป็นเช้าวันใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งสำหรับนีราภา
นอกจากนั้น ยังเป็นวันที่หญิงสาวจำใจต้องตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูกอีกด้วย จะว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของกาแฟที่ปกติแทบไม่ค่อยแตะนอกจากเช้าวันที่ง่วงจริงๆ ก็ไม่น่าจะใช่เพราะเพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อกี้นี่เอง
แต่ถ้าอย่างนั้นเธอก็หาสาเหตุไม่พบว่าทำไมวันนี้ถึงตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการหัวใจเต้นแรง
แรงมากๆ จนทนข่มตานอนต่อไปไม่ไหว ต้องจำใจสลัดผ้าห่มนุ่มๆ ลุกขึ้นแม้จะยังใช้เวลาบนที่นอนเพียงไม่ถึงสี่ชั่วโมงเต็มก็ตาม
หลายคนเคยทักว่านีราภามีซิกส์เซนส์ ลางสังหรณ์แม่น...ก็น่าจะจริง เพราะทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาพร้อมอาการแปลกๆ แบบนี้ มักจะเป็นนิมิตหมายว่าเธอจะได้พบเหตุการณ์บางอย่างหรือใครบางคนที่พิเศษต่อชีวิต ซึ่งถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเธอเองก็มักจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวแทน หากหญิงสาวพยายามไม่คิดอะไรมาก แม้จิตใต้สำนึกจะร้องเตือนอยู่ตลอดเวลาว่าวันนี้ชีวิตเธอน่าจะได้เจออะไรบางอย่างที่มัน...แปลกๆ
โอย นี่มันอะไรกันนักกันหนานะ เมื่อคืนก็เจอตะเกียบขาเกทำนายทายทักแบบไม่ตั้งใจไปทีหนึ่งแล้ว เช้านี้ร่างกายยังออกอาการประหลาดอีกหรือนี่
เอ หรือว่าอาหารที่กินเข้าไปเมื่อคืนนี้จะเป็นพิษ เออ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะกินเข้าไปเยอะจัดจนตัวเองยังจำไม่ได้เลยว่าแต่ละอย่างที่คีบเข้าปากไปมีอะไรบ้าง
ตีสี่ห้านาที
หญิงสาวพยายามดับเครื่องยนต์ให้เงียบที่สุดเพราะบริเวณรอบข้างยังคงมืดสนิท มือเรียวบางยกขึ้นป้องริมฝีปากที่เปิดกว้างจากอาการหาวอย่างเต็มที่
ง่วงใจจะขาด ตาก็แทบจะลืมไม่ขึ้น ขับรถมาถึงได้อย่างปลอดภัยก็เป็นบุญนักหนาแล้ว
เฮ้อ... รู้อย่างนี้เมื่อคืนไม่น่าตามใจตัวเองเล้ยยยยยยย จริงๆ นะ
หลังแยกจากอีกสามสาวที่ร้านอาหารเพราะจิรชยาต้องรีบตรงไปแอร์พอร์ตเพื่อขึ้นเครื่องบินไปญี่ปุ่นให้ทัน แทนที่กลับไปถึงคอนโดแล้วจะรีบแช่น้ำอุ่นผสมสมุนไพรกลิ่นลาเวนเดอร์และเข้านอนให้สมกับที่ต้องตื่นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น เธอกลับเผลอตัวเปิดดีวีดีเรื่อง Love Actually ที่เพิ่งได้คืนจากจิรชยาดูเสียนี่
แล้วพอเปิดหนังมันก็ต้องดูให้จบใช่ไหมล่ะไม่อย่างนั้นอารมณ์ก็ขาดช่วงขาดตอนพานนอนไม่หลับกันพอดี ซึ่งผลของมันก็ทำให้เธอเข้านอนแบบไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในใจ แต่มีเวลานอนน้อยมากกกก จนง่วงเหงาหาวนอนอยู่อย่างนี้ไง
แต่จะว่าไป ถึงจะไม่นอนดึกการตื่นเช้าก็ไม่เคยใช่นิสัยของนกฮูกสาวอย่างนีราภาอยู่แล้วแม้จะค่อนข้างชินแล้วก็ตาม เพราะเป็นเรื่องปกติที่อาชีพเมคอัพอาร์ติสอย่างเธอจะต้องลงมือเนรมิตความงามให้กับผู้คนก่อนที่วันดีๆ ของคนคนนั้นจะเริ่มต้นขึ้น ไม่จะเป็นวันรับปริญญา วันแต่งงาน หรือว่าวันหมั้นหมาย
อย่างเช่นวันนี้
เมคอัพอาร์ติสสาวจิบกาแฟร้อนที่แวะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้ออึกสุดท้ายก่อนจะเปิดหลังรถเพื่อขนสารพัดเครื่องประทินโฉมจำนวนหลายกระเป๋าออกมาใส่รถเข็นคันเล็กที่มีติดรถเอาไว้เสมอ จากการคุยโทรศัพท์ตอนที่ขับรถมาใกล้จะถึงหน้าบ้านทำให้เธอรู้ว่าดาวิษาหรือน้องดรีม ดารานางแบบสาวสวยที่เธอจะมาแต่งหน้าให้วันนี้เพิ่งทำผมเสร็จพอดี
ยังไม่ทันที่นีราภาจะจูงขุมสมบัติความงามไปถึง ประตูบ้านหลังงามก็เปิดออกกว้างพร้อมๆ กับที่แฮร์ สไตลิสท์ชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทยกำลังจะเดินสวนกลับออกไป
อ้าว หนูน้ำหมึก ช่างผมมืออาชีพทักทายเนื่องจากพบกันที่งานแฟชั่นโชว์และกองถ่ายละครบ่อยๆ จนสนิทกัน โทษทีนะหนู วันนี้พี่ต้องมาเร็วไปเร็วหน่อยเลยไม่มีเวลาอยู่เม้าท์กันเลย พอดีพี่รับอีกงานไว้ตอนตีสี่ครึ่งน่ะ ไปก่อนนะ
ยังไม่ทันที่นีราภาจะไหว้หรือพูดอะไร เจ๊นกน้อยก็รีบผลุนผลันขึ้นรถของตัวเองขับออกไป ทิ้งให้เมคอัพอาร์ติสสาวมองตามอย่างงงๆ กับอาการมาเร็วไปเร็วปานลมพัดของช่างผมรุ่นพี่ ก่อนจะก้าวตามหลังเด็กรับใช้ที่ดาวิษาส่งมาพาเธอไปที่ห้องส่วนตัว
สวัสดีค่ะ พี่น้ำหมึก เข้ามาได้เลยค่ะ
เจ้าของห้องเชื้อเชิญเสียงใสเมื่อได้ยินเสียงนีราภาจูงรถเข็นมาถึงหน้าประตูห้องนอนที่เปิดแง้มอยู่ ดาวิษาที่ยังสวมเสื้อคลุมกันเปื้อนสีขาวลายตารางวาฟเฟิลลุกขึ้นมาช่วยเปิดประตูให้อย่างไม่ถือตัว เมื่อเข้ามาถึงในห้อง เมคอัพอาร์ติสสาวถึงได้รู้ว่าดาวิษามิได้อยู่คนเดียว
สวัสดีค่ะ คุณน้า นีราภายกมือไหว้เนื่องจากรู้จักมารดาของดาวิษาดีอยู่แล้ว ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบรับไหว้อย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเรียกเธอไปนั่งข้างๆ
ไหว้พระเถอะ หนูน้ำหมึก
มานี่มา มานั่งกับน้าก่อน เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ กินอะไรมาหรือยังล่ะ ต๊าย
ดูซิ ข้าวของมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่มีใครไปช่วยถือ
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้ำหมึกบอกเองค่ะว่าจะจัดการไหว
แค่นี้สบายมากค่ะ
นีราภาออกตัวเพราะไม่อยากเห็นใครต้องถูกดุเพราะเธอเป็นต้นเหตุ เพราะเป็นอันรู้กันว่าถึงแม้ว่าดาวิษาจะเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน น่ารักน่าทะนุถนอม แต่มารดาของเธอนั้นตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง
ซึ่งก็แน่ล่ะ หากไม่เป็นผู้หญิงที่เข้มงวด เข้มแข็งและแข็งแกร่งพอก็คงจะดูแลกิจการของครอบครัวที่จัดเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของเมืองไทยมาจนถึงทุกวันนี้ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอก โชคดีที่เธอค่อนข้างจะชอบและเอ็นดูเมคอัพอาร์ติสสาวหน้าคมผิวเข้มคนนี้มากพอสมควรจึงไม่โต้แย้งอะไรเมื่อดาวิษาบอกว่าช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งให้ในวันหมั้นคือนีราภา
ลอง เจ้าแม่ ท่านไม่ชอบหน้าสิ อย่าหวังเลยว่าเมคอัพอาร์ติส ที่ยังไม่โด่งดังระดับแถวหน้าของประเทศจะได้แตะต้องใบหน้าของเธอและลูกสาวคนสวยแม้แต่ปลายเล็บ ให้ตายก็ไม่มีทาง!
แน่ใจนะหนู...เนี่ย พอรู้ว่าหนูจะมา น้องดรีมเขาก็กลัวหนูจะหิวเลยสั่งให้เตรียมอะไรเอาไว้เยอะแยะ ร็อกเก็ต สลัด ใส่อิตาเลียน เดรสซิ่งนี่อร่อยมากเลยนะ ผลไม้ก็เยอะแยะ เชื่อน้าเถอะ กินอะไรรองท้องสักหน่อย
นีราภาพนมมือไหว้ก่อนจะยอมหยิบฝรั่งชิ้นหนึ่งเข้าปากด้วยความเกรงใจผู้ใหญ่แม้จะไม่มีความหิวเลยแม้แต่นิดเดียว ...จริงอยู่ที่ปกติเธอเป็นสาวท้องยุ้งพุงกระสอบจนใครๆ ที่ได้เห็นวีรกรรมการกินต่างพากันอึ้ง ทึ่ง ซึ่งขัดกับรูปร่างที่ผอมบางยิ่งนัก คนที่เห็นเธอรับประทานอาหารเป็นครั้งแรก (โดยเฉพาะผู้ชาย) มักจะอ้าปากค้างทำหน้าเหวอทุกคนเพราะหญิงสาวฟาดเรียบทุกอย่างที่ขวางหน้าจริงๆ ไม่มีเสียล่ะที่จะกินทิ้งกินขว้าง
ก็เขาบอกไม่ใช่หรือว่า ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า...แล้วเธอจะทิ้งของที่มีค่าไปเปล่าๆ ทำไม เสียดายแย่
แต่แม้ว่าจะกินเก่งขนาดเพื่อนๆ แซวว่าชีวิตนี้คงจะแยกแยะสสารต่างๆ ออกเป็นแค่สองประเภท คือ สิ่งที่กินได้ และ สิ่งที่กินไม่ได้ แต่เช้าๆ แบบนี้นีราภาถือเป็นข้อยกเว้น...จะว่าเป็นเพราะปกติเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาตื่นของเธอ จึงยังไม่ถึงเวลาทำงานของพยาธิในกระเพาะด้วยเช่นกันก็อาจจะเป็นไปได้
หลังจากยอมจิ้มผลไม้ชิ้นมารยาทเข้าปากแล้ว เมคอัพอาร์ติสสาวผู้กระฉับกระเฉงก็ไม่ยอมเสียเวลาทำงาน เธอบรรจงกางเครื่องมือแต่งหน้าออกมาจัดเรียงเป็นหมวดหมู่อย่างเรียบร้อยสวยงาม พร้อมทั้งจัดแจงให้นางแบบสาวมานั่งประจำที่ให้เรียบร้อย
วันนี้น้องดรีมจะใส่ชุดไหนคะ
เมคอัพอาร์ติสสาวถามพลางฉีดสเปรย์น้ำแร่ไปทั่วใบหน้าเนียนใสและซับออกด้วยกระดาษทิชชู่อย่างเบามือ ก่อนที่จะค่อยๆ ไล้เมคอัพ เบส สำหรับป้องกันหน้ามันไปตามผิวหน้าบริเวณทีโซน
ชุดที่แขวนอยู่หน้าตู้เลยค่ะ
ดวงตาสวยกวาดสายตาไปตามที่บอก และได้เห็นชุดฉลองหมั้นแบบยาวสีครีมอมส้มอ่อนจาง สายคาดไหล่และเข็มขัดที่รัดใต้อกสีครีมถูกปักด้วยลูกปัดเล็กๆ อย่างวิจิตรบรรจง งดงามราวกับนำลูกกวาดสวยๆ มาโรยไว้จนทั่ว ชายกระโปรงประดับด้วยลูกไม้สีส้มสวยแปลกตาภายใต้ถุงคลุมชุดพลาสติกใส
โอ้โห...สวยมากเลยค่ะน้องดรีม
หญิงสาวอุทานออกมาหลังจากตะลึงกับความงามของชุด...ลำพังแค่คนใส่ก็สวยจับจิตบาดตาบาดใจคนมองจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งถ้าได้ใส่ชุดสวยขนาดนี้คงงดงามจนไม่ใครก็ใครที่มางานได้เผลอมองจนลืมตัวลืมหายใจกันไปข้างหนึ่ง
พี่ว่านะ ถ้าคุณธีร์เห็นน้องดรีมใส่ชุดนี้คงเพ้อละเมอไม่เป็นอันทำอะไรไปอีกสามวันแหงๆ
หากสาวสวยหัวเราะเสียงใส
ยอกันเกินไปแล้วค่ะ พี่น้ำหมึก เดี๋ยวดรีมก็ตัวลอยกันพอดี...เอ แต่ถ้าดรีมทำได้ขนาดนั้นจริงๆ คงต้องยกความดีให้ฝีมือแต่งหน้าของพี่น้ำหมึกเป็นพิเศษแล้วล่ะค่ะ...เพราะความจริง....ที่ดรีมมีวันนี้ ก็เพราะฝีมือแต่งหน้าของพี่น้ำหมึกในวันนั้น
วันนั้น ของดาวิษาทำให้นีราภาอมยิ้ม...เพราะเป็นวันที่เธออยู่ในเหตุการณ์ในฐานะช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายที่มีดาวิษาเป็นนางเอก และมี คุณธีร์ หรือ ธีรุตม์ เป็นพระเอกของเรื่อง ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งสอง ตามที่ทีมงานในกองถ่าย ไม่ว่าจะเป็นเมคอัพ แฮร์ คอสตูม แคสติ้ง ไปจนถึงผู้ช่วยผู้กำกับต่างเม้าท์กันก็คือ
โอ๊ย อะไรจะอินกับบทขนาดนั้นก็ไม่รู้ ทั้งคู่เลย ในละครเขม่นหน้ากันยังกับอะไร เรื่องจริงก็เป็นอย่างนั้นไม่มีผิด เฮ้อ ชั้นล่ะเหนื่อยจริงๆ แทน แขวะกันด้วยสายตาอยู่ได้ อึดอัดเป็นบ้า
อ้าว แล้วไม่ดีหรือไงคะ นีราภาจำได้ว่าตัวเองเคยแย้งผู้ช่วยผู้กำกับไปอย่างนั้น ข่าวเลยออกตู้มว่าพระเอกนางเอกเรื่องนี้เกาเหลากันทั้งในจอและนอกจอ...เอ เขาเขียนว่าอะไรอีกนะ...มาลุ้นกันตอนปิดกล้องซิว่าบทละครจะทำให้ทั้งสองอินจนกันมารักกันเหมือนตอนจบหรือเปล่า
โอ๊ยยยย ยัยน้ำหมึก เสียแรงนะยะที่อยู่ในวงการนี้มานาน ข่าวบันเทิงยังไงมันก็เป็นข่าวบันเทิงวันยันค่ำนั่นแหละย่ะ ตีไข่ใส่สีคาดเดาสนุกๆ ไว้ก่อนก็ขายได้แล้ว แต่เรื่องจริงน่ะมันไม่ใช่ละครนะยะ คนมันไม่ถูกกันมันก็เกลียดขี้หน้ากันอยู่วันยันค่ำ จะให้ปุบปับมาชอบกันน่ะ ยากส์
แต่ดาวิษาและธีรุตม์ก็หักปากกาเหล่าเซียนเขียนบทละครนอกจอจนหน้าแตกยับไปตามๆ กัน เมื่อทั้งสองเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันต่อหน้าทีมงานละครในวันปิดกล้องแบบหวานหยดไม่เกรงใจใครชนิดที่สามารถสร้างเป็นละครอีกเรื่องหนึ่งได้เลย แต่ทั้งสองก็ขอร้องให้ทีมงานปิดบังเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับเพราะไม่อยากเป็นข่าวและคอยระวังตัวอยู่เสมอไม่ให้ใครจับได้ คนที่รู้เรื่องนี้จึงมีอยู่จำนวนหนึ่ง (ซึ่งความจริงก็ไม่น้อยหรอก เพราะธรรมชาติของคน เรื่องแบบนี้มีหรือจะไม่เม้าท์ต่อ) แต่ก็ไม่มากพอที่สื่อบันเทิงเล่มไหนจะเอาไปเขียนถึงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
และ...แน่นอน งานหมั้นวันนี้ก็จัดขึ้นอย่างเป็นการภายใน ปิดเป็นความลับสุดยอด ซึ่งนีราภาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าดาวิษาระมัดระวังกับเรื่องนี้มาก แม้จะอยากรู้อยากเห็นตามวิสัยของปุถุชนหากนีราภาก็ไม่กล้าถามตรงๆ เพราะถ้าความลับนี้แพร่กระจายออกไป เธอเองก็ไม่แคล้วจะต้องตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ซึ่งบอกตรงๆ ว่าเธอไม่อยากลำบากใจและเสียความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันจึงไม่เคยคิดจะถามดาวิษาถึงเหตุผลส่วนตัวในเรื่องนี้เลย
เธอไม่คาดคิดสักนิดว่าคำตอบของสิ่งที่สงสัยจะเดินเข้ามาหาในเช้าวันนี้เอง...
ประตูห้องนอนของดาวิษาถูกเหวี่ยงออกอย่างแรงในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ซึ่งทำให้เจ้าของห้องที่กำลังหลับตาพริ้มให้แรเงาเปลือกตาคู่สวยอยู่ลืมตาขึ้นโดยเร็วแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด
พี่ดามพ์!! ทำไมพี่ดามพ์มาอยู่ที่นี่!!
ดามพ์ มาได้ยังไง!!
มารดาของดาวิษาอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน ทำให้สาวผิวเข้มที่ยังถือพู่กันและตลับอายแชโดว์ค้างเอาไว้ในมือต้องหันขวับไปมองในทิศทางเดียวกับทุกคน...
แค่แวบแรกที่ได้เห็น พี่ดามพ์ ของดาวิษา นีราภาก็แทบจะปล่อยทุกสิ่งที่ถืออยู่ในมือพลัดหล่นลงพื้น โชคดีเหลือเกินที่สายตาของคนในห้องมองไปยังคนมาใหม่เป็นจุดเดียวจึงไม่มีใครสังเกตว่าดวงตาที่ใครๆ ก็ชมว่างดงามเลื่อมระยับเหมือนท้องทะเลในยามค่ำคืนของเมคอัพอาร์ติสสาวสะท้อนวูบไหวเหมือนมีเกลียวคลื่นซัดสาดอยู่ในนั้น หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองมีชีวิตและกระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงอยู่ในอก ร่างทั้งร่างกระตุกวูบแล้วชาราวกับถูกไฟช็อต
แวบหนึ่ง
เธอรู้สึกเหมือนเห็นเงาบางอย่างที่คุ้นเคยซ้อนเข้ามาในหัว แต่แล้วภาพมายานั้นก็จางหายไป ทิ้งไว้แต่ความรู้สึกปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อนับล้านตัวบินไปทั่วร่างกาย
..อาการที่เคยคิดว่ามีแค่ในหนังสือ แต่บัดนี้มันเกิดขึ้นจริง!
นี่เอง
สิ่งที่ลางสังหรณ์พยายามร้องเตือนมาตั้งแต่เมื่อคืน
นับเป็นโชคดีที่ไม่มีใครสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนี้แม้แต่คนเดียว เพราะดวงตาคมกริบของบุคคลที่มาใหม่เล็งไปยังดารานางแบบสาวที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนสตูลเพียงคนเดียว
ดรีม ทำไมถึงทำกับพี่แบบนี้!!
ริมฝีปากบางหยักลึกของชายหนุ่มเพียงคนเดียวในที่นี้ขยับเพียงนิดเดียว แต่น้ำเสียงที่ออกมากลับห้าวกังวานทรงพลัง ซึ่งสามารถสลายความรู้สึกแปลกๆ ของนีราภาได้ราวกับเวทมนตร์คลายคำสาป และแค่ขยับเพียงสองสามก้าว ขายาวๆ ก็พาเขามาถึงตัวดาวิษา
ส่วนนีราภานั้นหรือ ถอยหลบไปแทบไม่ทันตั้งแต่เขาตั้งท่าจะเดินเข้ามาทางนี้แล้ว
เอ่อ...พี่ดามพ์คะ คือ ดรีม...ดรีม... ดารานางแบบสาวปากคอสั่น ดวงตาสวยเริ่มมีสีแดงเจือปน แต่นั่นก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายลดดีกรีความแรงลงเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่นึกเลยนะว่าดรีมจะกล้าทำอะไรลับหลังพี่แบบนี้...นี่ถ้าพี่ไม่รู้เองก็คงจะกลายเป็นคนโง่แล้วสิ หรือเดี๋ยวนี้ดรีมเห็นพี่เป็นคนนอกไปแล้ว
ดามพ์! ถ้าไม่ได้กลับมาเพื่อที่จะอวยพรน้องก็อย่าทำแบบนี้ นี่มันวันสำคัญของน้อง แม้แต่ดามพ์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำลายนะ
มารดาของดาวิษาร้องเสียงเฉียบขาดขณะเข้าคั่นกลางระหว่างทั้งคู่ ทั่วทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ และแน่นอนว่าคนที่อึดอัดที่สุดคงจะหนีไม่พ้นคนนอกอย่างเมคอัพอาร์ติสสาวผิวเข้มที่อยากจะใช้วิชานินจาหายตัวหนีไปให้พ้นใจจะขาด เสียแต่ว่าเธอไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขานี่สิ
โอ๊ย นี่ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนนอกอยู่คนเดียวก็จะดีหรอก ถ้าเจ๊นกน้อยอยู่ด้วยป่านนี้คงปรึกษากันหาทางหนีทีไล่ไปได้แล้ว และเธอก็จะไม่ต้องมายืนตัวแข็งทื่อเป็นน้ำหมึกสตั๊ฟฟ์แบบนี้!
หึ คุณแม่ก็เอาแต่เข้าข้างดรีม ทั้งๆ ที่คุณแม่ก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ผู้มาใหม่ขยับริมฝีปากหยักลึกเอ่ยหยันๆ และอีกอย่าง...ดรีมไม่มีทางกล้าทำอะไรแบบนี้หรอก ถ้าคุณแม่ไม่คอยให้ท้ายสนับสนุน
จะมากไปแล้วนะดามพ์
ไม่มากไปหรอกครับ สำหรับคนที่ถูกทุกคนรวมหัวกันปิดบังแบบผม
ชายหนุ่มจบประโยคด้วยการกวาดดวงตาคมกริบไปรอบๆ ห้อง และตอนนี้เองที่เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่านอกจากดารานางแบบสาวสวยและมารดาแล้ว ยังมีหญิงสาวผิวเข้มรูปร่างแบบบางที่ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ด้วยอีกคน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่าทางสำหรับทักทายคนที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกของผู้ชายหน้าดุคนนี้คือการกระตุกหางคิ้วเข้มขึ้นเพียงเล็กน้อย ดวงตาคมกล้าของเขาจ้องมองหญิงสาวแปลกหน้าเขม็ง ทำให้ผีเสื้อที่เกือบจะหลับใหลไปแล้วกระพือปีกในร่างกายของผู้ตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้ง
ตายแล้ว เธอจะยืนนิ่งตะลึงงันเหมือนถูกสาปแบบนี้ไม่ได้นะ น้ำหมึก นีราภาร้องบอกตัวเอง พูดอะไรสักอย่างสิ ทำอะไรสักอย่าง
เอ้อ...คุณ
คะ นีราภาหลุดคำพูดออกมาจากปากจนได้ น้ำเสียงของเธอนิ่งและนุ่มนวลจนตัวเองยังประหลาดใจไม่น้อย เพราะความรู้สึกภายในร่างกายนั้นสั่นไหวยิ่งนัก ขอโทษนะคะ
หวังว่าคุณคงจะไม่โกรธที่ฉันพูดแบบนี้
เมคอัพอาร์ติสสาวลอบหายใจเข้าลึกๆ คลี่ยิ้มน้อยๆ หากหวานนุ่มละมุนก่อนจะเอ่ยต่อ...ด้วยคำพูดที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเอ่ยมันออกไป คือ
ฉันอยากจะขอให้คุณช่วยออกไปจากห้องนี้ก่อน
ได้ไหมคะ
ไม่ต้องคาดเดาเลยว่าคนที่ถูก ไล่ แบบนิ่มๆ จะรู้สึกอย่างไร เขาคงจะยิ้มแย้มหน้าชื่นตาบานหรอกนะ แน่นอนว่าเป็นใครก็ต้องโกรธ นี่กริ้วเป็นไฟอยู่แล้วคงยิ่งกว่าสาดน้ำมันเข้าไปในกองเพลิงให้ลุกกระพือโหมกระหน่ำไปกันใหญ่
เฮ้อ
ถึงแม้จะรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนนอกและไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย แต่ถ้าปล่อยให้ดาวิษาถูกข่มขู่ คุณน้าถูกก้าวร้าวโดยที่ตัวเองยืนมองอยู่เฉยๆ ได้ก็ไม่ใช่นีราภาแล้ว
แม้จะคิดอย่างนั้น หากเมคอัพอาร์ติสสาว (ที่ทำเป็น) ใจกล้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นๆ จนต้องแอบกลืนน้ำลายฝืดเหนียวลงคออย่างช้าๆ ระหว่างนั้นก็ส่งยิ้มละมุนให้เขาไปพลางๆ ด้วยความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ถูกจับบีบคอ ยิ่งชายหนุ่มหน้าเข้มผู้มีดวงตาคมกล้าจ้องมองเข้ามาในดวงตาของหญิงสาวที่กล้าบ้าบิ่นพอจะไล่เขาด้วยแววตาโกรธจัด นีราภาก็ยิ่งหลบตาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า แต่ยิ่งมองให้ลึกลงไป หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ผู้ชายคนนี้เหมือนเปลวไฟที่คุโชน...ยิ่งยามโกรธไฟก็ยิ่งกระพือโหมพร้อมที่จะเผาไหม้สรรพสิ่งให้วอดวาย คนอย่างเขาคงไม่เกรงกลัวแม้แต่นิดเดียวที่จะมีเรื่องขัดแย้งกับใคร ผิดกับเธอที่มักจะหาทางประนีประนอมรอมชอมเรื่อยไป
แต่ถ้าเขาเป็นไฟจริงๆ ก็ดีน่ะสิ อย่างน้อยน้ำหมึกกระจ้อยร่อยอย่างเธอจะได้ระเหยหายไปในอากาศ ไม่ต้องมายืนประจันหน้ากับเขาแบบนี้
อาจเป็นลูกบ้าส่วนตัวหรือสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด นีราภาไม่รู้ตัวเลยว่าตลอดเวลาที่เธอประสานสายตากับเขา เธอไม่ได้ท้าทายเขาหรือวิงวอนขอความเห็นอกเห็นใจ หากแต่ส่งกระแสของความสงบนิ่งไปทั่วใบหน้า ริมฝีปาก และนัยน์ตาสีดำโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ รู้แต่ว่าอยากทำให้สถานการณ์คลี่คลาย อยากทำให้ความโกรธสลายไปจากดวงตาคมกล้าที่อยู่ตรงหน้า
ไม่รู้ว่าเพราะความเงียบที่เกิดขึ้นและเวลาที่ผ่านไป หรือเป็นเพราะความสงบเยือกเย็นราวกับลำน้ำยามค่ำคืนที่เลื่อมพรายใต้แสงจันทร์ในดวงตาคมสวยที่เผลอจ้องมองนิ่งนานกันแน่ที่ทำให้กระแสความร้อนรุ่มของชายหนุ่มอ่อนกำลังลง ระลอกน้ำที่เย็นฉ่ำตรงหน้าเหมือนค่อยๆ เป่าไฟในใจเขาจนมอดดับไป และนั่นทำให้เดชพนต์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยอมหมุนกายออกไปจากห้องแต่โดยดี
ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทโดยไม่มีอาการกระแทกหรือกระชากอย่างรุนแรง เจ้าของห้องก็อดไม่ได้ที่จะกระพริบดวงตาที่ยังแดงก่ำปริบๆ ด้วยความงุนงง
แปลกจัง
ทำไมวันนี้พี่ดามพ์ยอมถอยทัพง่ายๆ แบบนี้
นั่นน่ะสิ ผู้เป็นมารดาเปรยบ้าง ก่อนจะหันมามองเมคอัพอาร์ติสสาวด้วยแววครุ่นคิด หากไม่ได้ให้ความเห็นอะไรมากไปกว่านั้น เพียงแต่ก้มลงบอกกับบุตรสาวเบาๆ ว่า
แต่ยังไง วันนี้ก็เป็นวันดีของน้องดรีมนะ แม่ไม่อยากให้เราต้องเสียน้ำตาตั้งแต่เช้า อยู่ในห้องนี้กับพี่น้ำหมึกเขาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวแม่จะออกไปดูตาดามพ์เอง หญิงสูงวัยพูดพลางบีบมือบางของนีราภา น้ำหมึก น้าฝากดูแลน้องสักพักนะ เดี๋ยวน้าจะออกไปดูพ่อคนนั้นก่อน เกิดเคราะห์ดีเคราะห์ร้ายเดินออกไปเจอพ่อธีร์เข้า ทีนี้ล่ะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่
ถูกฝากฝังอย่างนี้ นีราภาจะทำอะไรได้นอกจากรับคำแม้ว่าตัวเองจะยังงงๆ อยู่เหมือนกันที่อยู่ดีๆ ชายหนุ่มพายุไฟ ยอมหันหลังกลับไปง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
หากก็เป็นการจากไปแต่ตัว เพราะพิษของการประสานสายตามาราธอนเมื่อครู่ยังตกค้างอยู่ ทำให้หัวใจของเธอสั่นหวิวๆ ไม่ยอมหยุดเสียที
เมคอัพอาร์ติสสาวเดินไปรินน้ำเย็นจากเหยือกจนเต็มแก้วแล้วดื่มรวดเดียวด้วยหวังว่าความเย็นของน้ำผสมน้ำแข็งลอยฟ่องจะช่วยบรรเทาอาการ ถูกพิษ ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร ทันทีที่รู้สึกถึงความเย็นของสายน้ำที่ไหลผ่านลำคอ นีราภาก็กลับมาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เธอจึงรินน้ำเย็นอีกแก้วแล้วยื่นให้ดาวิษาที่ยังนั่งหน้าเสียอยู่
ดื่มน้ำเย็นจะได้ใจเย็นๆ นะคะน้องดรีม นั่งพักให้สบายแล้วเดี๋ยวเราค่อยมาทำหน้าสวยปิ๊งกันต่อ เธอพูดพลางกอดบ่าบอบบางแล้วลูบแขนเบาๆ อย่างปลอบใจ หรือถ้าน้องดรีมอยากจะอยู่คนเดียวเดี๋ยวพี่น้ำหมึกแวบออกไปก่อนก็ได้ ยังพอมีเวลา เดี๋ยวเราค่อยลงมือแต่งหน้ากันต่อตอนที่น้องดรีมพร้อมก็ได้ค่ะ
หากคนถูกปลอบกลับยึดมือเรียวบางเอาไว้แน่น ดรีมอยากให้พี่น้ำหมึกอยู่กับดรีมค่ะ
นีราภาฟังคำขอนั้นอย่างไม่แน่ใจเท่าไร เธอไม่เคยอยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องภายในครอบครัวของใคร (ซึ่งผิดวิสัยเมคอัพอาร์ติสทั่วไปเอามากๆ)
จะดีหรือคะ
เมคอัพอาร์ติสสาวถาม
ถามจริงๆ ถามแบบเกรงใจ ไม่ใช่ปากเกรงใจแต่ในใจระริกระรี้อยากรู้อยากเห็นเต็มที่ แม้จะสะดุดใจไม่น้อยว่า พี่ดามพ์ ของดาวิษาเป็นใครกันแน่
จากรูปการณ์
ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นคนเดียวกับในข่าวที่นิตยสารบันเทิงเล่มหนึ่งเคยเขียนแซวเมื่อนานมาแล้ว แล้วทำนองว่าเป็นหนุ่มนอกวงการหน้าตาดีที่มาคอยตามรับส่งดาวิษา เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่นีราภาจะรู้จักกับดาวิษาเสียด้วยซ้ำ จำได้ว่าดาวิษาที่ตอนนั้นยังเป็นนางแบบหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มมีชื่อเสียงและยังไม่ก้าวเข้าสู่วงการจอแก้วปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้หรือให้ความกระจ่างใดๆ จนในที่สุดข่าวที่ไม่มีมูลและไม่มีหลักฐานชิ้นนี้ก็เงียบหายไปเอง
ถ้าจำไม่ผิด หนุ่มนอกวงการคนนั้นมีอักษรย่อว่า ด.
ดีสิคะ ดรีมเองก็อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟังเหมือนกัน และถ้าดรีมจะบอกใครสักคน คนคนนั้นก็คงจะเป็นพี่น้ำหมึก พี่สาวที่ดรีมไว้ใจมากที่สุด แถม
แถมอะไรคะ
นีราภาถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดประโยคลงกลางคันเสียดื้อๆ แต่ฝ่ายนั้นกลับสั่นหน้า
ไม่มีอะไรค่ะ
เมื่อดาวิษาไม่อยากบอก นีราภาก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ถามอีก เมคอัพอาร์ติสสาวเก็บพู่กันทาอายแชโดว์ที่ใช้แต่งดาวิษาค้างเอาไว้เข้ากระเป๋าแล้วหยิบจานผลไม้มาตั้งไว้ตรงหน้าแทน
งั้นโอเคค่ะ น้องดรีม พี่พร้อมแล้ว
พูดจบนีราภาก็แสดงอาการ พร้อม ด้วยการหยิบแอปเปิ้ลเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ขณะรอฟัง ซึ่งทำให้คนที่เตรียมจะเล่าถึงกับทึ่ง
คนปกติถ้าเพิ่งมีเรื่องต่อกรกับพี่ดามพ์ ของเธอถึงขนาดยืนคุมเชิงประสานสายตากันเปรี๊ยะๆๆๆ แบบนี้ แค่กลืนน้ำลายยังแทบไม่ลงเลย นี่ยังมานั่งกินผลไม้อย่างสบายใจเฉิบได้อีก
แต่นี่แหละ
เพราะพี่น้ำหมึกเป็นอย่างนี้ เธอถึงได้รู้สึกสนิทใจที่จะคบหาด้วย จะว่าไปครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นีราภาสร้างความประหลาดใจให้กับเธอ หลายครั้งแล้วที่เมคอัพอาร์ติสสาวรุ่นพี่แสดงออกให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือกับปัญญาเฉพาะหน้าด้วยการนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
แต่นั่นล่ะ ใครจะนึกว่าน้ำใสไหลเย็นอย่างพี่น้ำหมึกจะมีอานุภาพรุนแรงถึงขนาดทำให้เปลวไฟที่ร้อนแรงอย่างพี่ดามพ์ยอมรามือไปได้ พี่ดามพ์เองก็เป็นเปลวไฟกองย่อมๆ เสียเมื่อไร ที่เขาว่ากันว่า น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เห็นจะไม่จริงเสียแล้วล่ะมั้ง
เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นขึ้นมานานมากกกกก แล้วค่ะพี่น้ำหมึก ดาวิษาเริ่มต้นเล่าหลังจากจิบน้ำเย็นไปหลายอึก ซึ่งนีราภาก็พยักหน้าตั้งใจฟังเป็นอย่างยิ่งแม้ว่าริมฝีปากของเธอจะไม่ว่างเว้นจากผลไม้นานาชนิดในจานเลย (ทั้งๆ ที่ก็ยังไม่ถึงเวลาตื่นตามปกตินั่นแหละ แต่สงสัยเมื่อกี้จิตใจสั่นไหว ผีเสื้อบินพั่บๆ ไปทั่วร่างกายหลายรอบ พยาธิเลยถูกปลุกให้ตื่นตามไปด้วย)
ค่ะ
มันเริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่พี่ดามพ์กับพี่ธีร์ยังอยู่ม. ปลายน่ะค่ะ สองคนนี้เขาเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่ตอนนั้น
พี่ดามพ์เป็นประธานฝ่ายกิจกรรมที่ใครๆ เกือบทั้งโรงเรียนก็โหวตให้เพราะไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งนี้เท่าพี่ดามพ์อีกแล้ว
ดรีมไม่แน่ใจว่าพี่น้ำหมึกจะพอดูออกหรือเปล่าว่าพี่ดามพ์เป็นคนที่มีคาริสมา มีพลังความเป็นผู้นำในตัวสูงมาก ออกแนวเหมือนเจ้าพ่อในโรงเรียนน่ะค่ะ ใครมีปัญหาบอกพี่ดามพ์ได้เลย พี่ดามพ์ยินดีช่วยทุกอย่าง ส่วนพี่ธีร์ก็เป็นประธานฝ่ายวิชาการ มาคนละแบบกับพี่ดามพ์เลยค่ะ จะเป็นแนวสุขุมเยือกเย็น มีเหตุมีผล จะพูดอะไรทีก็ต้องมีมาดมีหลักการ ดูฉลาดหลักแหลม ซึ่งนโยบายของพี่ธีร์ในการเป็นประธานนักเรียนคือการทำให้โรงเรียนเน้นความสำคัญของการเรียนมากกว่ากิจกรรม
คือพี่ธีร์มักจะคิดน่ะค่ะว่าพี่ดามพ์ชอบหาเรื่องชวนเพื่อนๆ โดดเรียนโดยอ้างว่าทำกิจกรรมโน้นกิจกรรมนี้ของโรงเรียน ชอบปกป้องนักเรียนที่ทำตัวมีปัญหา ก็เลยมีเรื่องเขม่นกันอยู่บ่อยๆ
ค่ะ นีราภารับคำอีกครั้งให้รู้ว่ายังฟังอยู่
จริงๆ แล้วมันก็ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงนักหนาหรอกค่ะ ถ้าไม่บังเอิญว่ามีอยู่วันนึง
เอ เรื่องมันเป็นยังไงน้า ดรีมก็จำไม่ค่อยได้เพราะมันนานมากแล้ว จำได้คร่าวๆ ประมาณว่ามีรุ่นน้องคนนึงเป็นเด็กเรียนดี กีฬาเด่นที่ต้องไปเข้าแข่งขันเคมีรอบชิงชนะเลิศแต่ปรากฏว่ารุ่นน้องคนนั้นกลับขอถอนตัวซะดื้อๆ ก่อนถึงวันแข่งไม่กี่วันโดยอ้างว่าต้องไปแข่งบาสฯ ให้พี่ดามพ์ในวันเดียวกันค่ะ พี่ธีร์เลยโกรธมากๆ หาว่าพี่ดามพ์ไม่ยอมร่วมมือกับกิจกรรมวิชาการของโรงเรียน ซึ่งพี่ดามพ์ไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียวก็เลยปฏิเสธไป แต่ปรากฏว่าพอถึงวันแข่งขันนักเรียนคนนั้นกลับเข้ามาลงแข่งบาสฯ ในฐานะนักกีฬาตัวจริงเสียด้วย แถมยังเป็นตัวทำคะแนนให้ทีมชนะโรงเรียนคู่แข่งขาดลอยอีก ในขณะที่ทางฝ่ายของพี่ธีร์แพ้โรงเรียนที่ได้แชมป์ไปนิดเดียวเองค่ะ ซึ่งตอนแรกพี่ธีร์ก็ไม่ได้คิดอะไรมากที่แข่งแพ้นอกจากเสียดายนิดหน่อย แต่มายัวะจัดๆ ก็ตอนรู้เรื่องที่สนามบาสนั่นล่ะค่ะ คราวนี้ถึงกับเป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่โตเกือบถึงขั้นถูกพักการเรียนเลยค่ะ
อาฮะ
แล้วพอพี่ธีร์ไปเรียกตัวรุ่นน้องคนนั้นมายืนยัน เขาก็ยืนยันว่าพี่ดามพ์บังคัข่มขู่ให้เขาไปช่วยแข่งค่ะ ซึ่งพี่ดามพ์ก็ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ พอพี่ดามพ์บังคับให้ทางเจ้าตัวต้นเรื่องพูดใหม่อีกครั้งเขาก็ยังยืนยันแบบเดิมจนพี่ดามพ์ขึ้นเสียงหนักเข้าก็กลายเป็นข่มขู่อีก พี่ธีร์โกรธจนลมออกหูหาว่าพี่ดามพ์ปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ ซึ่งพี่ดามพ์เองจากตอนแรกงงๆ ก็กลายเป็นโกรธจัดเหมือนกัน ไปๆ มาๆ เลยสงสัยว่าพี่ธีร์จงใจกุเรื่องขึ้นมาใส่ความหรือเปล่าถึงต้องทำให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ทั้งๆ ที่มันก็แค่การแข่งขันธรรมดาๆ ใครจะแพ้ชนะก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิต แต่พี่ธีร์ก็ว่าพี่ดามพ์ก็พูดได้สิเพราะตัวเองชนะนี่ แต่เป็นชัยชนะที่ได้มาจากการขโมยผู้เข้าแข่งขันไปจากเขา ประมาณนี้ค่ะ
ค่ะ
เอ แต่พี่สงสัยจังว่าน้องดรีมอยู่ตรงไหนของเรื่องนี้ล่ะคะ
นีราภาถามด้วยความสงสัย ทีแรกเธอเดาว่า พี่ดามพ์ กับ พี่ธีร์ คงจะมาตกหลุมรักสาวน้อยคนเดียวกัน แต่ฟังไปฟังมาเหมือนไม่น่าจะใช่ เพราะเท่าที่รู้ ดาวิษาเพิ่งจะเคยพบกับธีรุตม์ครั้งแรกที่กองถ่ายละครนี่เอง
อ๋อ
ตอนนั้นเรื่องยังไม่เกี่ยวกับดรีมค่ะ แล้วดรีมก็ไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับสองคนนั้นด้วย
คือ ดรีมยังเล่าไม่จบค่ะ
จากเหตุการณ์นั้นพี่ดามพ์กับพี่ธีร์ก็เลยเขม่นกันอย่างรุนแรงใช่ไหมคะ
แต่โชคร้ายมากๆ ที่ทั้งสองคนก็ยังหนีกันไม่พ้นอยู่ดีค่ะ ขนาดไม่ถูกกัน ทั้งสองคนใจตรงกันมากๆๆๆๆๆๆ ถึงขนาดเอนทรานซ์ก็ยังเลือกคณะเดียวกันอีก แล้วพอเอนท์ติดทั้งคู่ ก็เลยเข้าเป็นน้องใหม่ที่คณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกันซะอย่างนั้น
ค่ะ
ทีนี้ มันก็มีเหตุเกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ คือพี่ดามพ์ไปปิ๊งผู้หญิงคนนึงเข้าน่ะค่ะ ตามจีบแบบเช้าถึงเย็นถึงตลอด แต่
ทายสิคะว่าเกิดอะไรขึ้น
อืม
คุณธีร์ไปแย่งจีบผู้หญิงคนนั้นมาใช่ไหมคะ คนฟังเดา คราวนี้ทางคุณดามพ์ก็เลยเข้าใจว่าคุณธีร์จงใจแก้แค้นคืน
เกือบถูกค่ะ พี่น้ำหมึกเดาเก่งจัง
ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ได้ชอบพี่ดามพ์แต่ชอบพี่ธีร์ค่ะ เรื่องมันเลยเหมือนกับว่าพี่ธีร์จงใจแก้แค้นคืน ทีนี้เลยยิ่งเกลียดขี้หน้ากันสุดๆ ไปเลยค่ะ
เฮ้อ จะว่าไปผู้ชายนี่ก็ตลกดีนะคะ เรื่องไม่เป็นเรื่องบางทีก็เก็บมาคิดเล็กคิดน้อยจนเกินเหตุยิ่งกว่าผู้หญิงอีก แล้วยังชอบมาหาว่าผู้หญิงคิดมาก
อือฮึ
นีราภาขานรับในลำคออีกครั้งแม้จะไม่เห็นด้วยกับดาวิษาเท่าไรนัก เพราะบางครั้งถ้าคนเราไม่ถูกผงเข้าตา ก็ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเจ็บหรือระคายเคืองแค่ไหนถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงผงชิ้นเล็กๆ ก็ตาม เรื่องที่คนนอกมองว่าเล็กอาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครบางคนก็เป็นได้ และความขัดแย้งก็เหมือนอาการแพ้ หากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากคนเดิมๆ ความรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการเกิดกรณีพิพาทกับบุคคลทั่วไป
นอกจากนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เมคอัพอาร์ติสสาวรู้สึกสงสารชายหนุ่มหน้าดุตาเข้มคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก นอกจากนั้นยังแปลกใจไม่น้อยที่ดาวิษาเล่าเรื่องนี้ได้อย่างเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งๆ ที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแท้ๆ ผิดวิสัยของดาวิษาที่อ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเสมอ
เมื่อเห็นสาวรุ่นพี่นิ่งเงียบไป คนเล่าเดาว่าเธอคงจะพูดมากเกินไปจนคนฟังเบื่อ ดารานางแบบสาวจึงจัดท่านั่งให้เข้าที่เข้าทางแล้วเอ่ยว่า
เอ ดรีมก็มัวแต่เล่าเรื่องไร้สาระอยู่ได้ แย่จังเลย
เราลงมือแต่งหน้ากันต่อเลยดีไหมคะ ดรีมพร้อมแล้วW มือเรียวบางผุดผ่องแกะกิ๊บติดผมที่เลื่อนออกจากที่แล้วติดเข้าไปใหม่ อย่าให้เรื่องบ้าๆ ของพี่ชายของดรีมมาทำให้พี่น้ำหมึกเสียอารมณ์แต่เช้าเลยนะคะ ถ้าเมื่อกี้พี่ดามพ์ทำให้พี่น้ำหมึกโกรธหรือตกใจ ดรีมก็ขอโทษแทนพี่ดามพ์ก็แล้วกันค่ะ
เฮ้อ เพราะพี่ดามพ์เป็นคนแบบนี้แหละ ดรีมกับคุณแม่ถึงได้ห่วงนักห่วงหนาว่าถ้าพี่ดามพ์รู้ว่าดรีมคบหากับพี่ธีร์ ศัตรูเก่าของพี่ดามพ์ จนถึงขั้นจะแต่งงานพี่ดามพ์จะต้องคัดค้านอย่างหนักแน่ๆ ถึงได้ต้องพยายามปิดบังกันขนาดนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าดรีมกับพี่ธีร์กลัวเสียภาพพจน์ กลัวนักข่าวมาขุดคุ้ยเอาเรื่องของเราไปลงกอสซิปแล้วจะไม่มีเวลาส่วนตัว มีผลต่องานหรืออะไรก็แล้วแต่ ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะคะ ที่ดรีมกลัวมากที่สุดถ้าข่าวของดรีมกับพี่ธีร์จะแพร่ออกไปก็คือพี่ดามพ์จะต้องรีบบินกลับมาจากนิวยอร์กเพื่อมาขัดขวางเราต่างหาก
ดาวิษาอธิบายเสียงแจ้วๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงใสๆ ของตัวเองซึมซาบเข้าไปสู่คนฟังได้เพียงแค่ประโยคแรกๆ เท่านั้น เพราะพอเข้าสู่คำว่า พี่ชายของดรีม ความสนใจของสาวรุ่นพี่ก็สะดุดกึกทันที
เดี๋ยวนะคะน้องดรีม พี่กำลังงง ตกลงว่าคุณดามพ์คนเมื่อกี้เป็น พี่ชาย ของน้องดรีมหรือคะ
ใช่ค่ะ พี่ดามพ์เป็นพี่ชายแท้ๆ ของดรีม ทำไมหรือคะ น้องสาวของเดชพนต์ถามกลับด้วยความงุนงง หากเมื่อเห็นคนฟังทำคิ้วขมวดมุ่นก็เข้าใจ จึงรีบอธิบายก่อนที่สาวรุ่นพี่จะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ อุ๊ย
สงสัยว่าเมื่อกี้ดรีมจะเล่าไม่ค่อยเคลียร์เท่าไร อาจจะเพราะเหตุการณ์พาไปด้วย
พี่น้ำหมึกอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ ผู้หญิงที่อยู่ในเรื่องที่ดรีมเล่าน่ะไม่ใช่ตัวดรีมนะคะ และพี่ดามพ์ก็ไม่ได้มาโวยวายเพราะหึงหวงดรีมด้วยค่ะ
อย่างที่บอกพี่น้ำหมึกไปเมื่อกี้ พี่ดามพ์น่ะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของดรีมเลย แล้วก็เป็นพี่ชายที่หวงน้องสาวมากกกกกกกที่สุดในโลกด้วย แต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าผู้ชายคนไหนมาเข้าใกล้ดรีม พี่ดามพ์ก็ตีเขากระเจิงต้องรีบหนีหัวซุกหัวซุนแทบทุกราย ยิ่งพอพี่ดามพ์รู้ว่าดรีมเข้าวงการ ทั้งเดินแบบ เล่นละคร พี่ดามพ์ก็ยิ่งหวงหนักเลยค่ะ มีอยู่ช่วงนึงถึงขนาดคุมเข้มตามรับส่งไม่ยอมให้นอกลู่นอกทางอย่างกับพี่ดามพ์เป็นผู้คุมและดรีมเป็นนักโทษอย่างนั้นแหละ โชคดีที่คุณแม่เห็นใจเลยส่งพี่ดามพ์ไปดูตลาดที่อเมริกาซะดรีมจะได้เป็นอิสระบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ผลนักหรอกค่ะเพราะพี่ดามพ์น่ะขยันโทรเช็กดรีมตลอด ช่วงแรกนี่โทรยิกๆ เลยค่ะ แถมหูตากว้างไกลยังกะสับปะรด เพื่อนฝูงก็เยอะ ดรีมถึงต้องพยายามทำตัวเป็นข่าวให้น้อยที่สุดไงคะพี่ดามพ์จะได้ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแล้วมาคอยจับผิดดรีมอีก
คนฟังพยักหน้าหงึกๆ หลังจากฟังมายืดยาว ไม่แน่ใจว่าอุปาทานหรืออย่างไรหากนีราภารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายมากๆ เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของดาวิษา สบายใจถึงขนาดหยิบชมพู่มะเหมี่ยวส่งเข้าปากอีกชิ้น
เอ๊ะ! แล้วเธอเกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วยล่ะนี่!
แถม
ยังไม่รู้เลยว่าตั้งแต่พี่ชายของดาวิษาเดินออกจากห้องนี้ไปแล้วข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง จะมาสบายอกสบายใจตอนนี้ออกจะเร็วไปหน่อยล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าหลังจากพ้นประตูไปแล้วชายหนุ่มคนนั้นจะเกิดอาการเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาอีกหรือเปล่า เกิดเขาคิดบ้าๆ ถึงขนาดทำลายสถานที่จัดพิธี (ซึ่งได้แก่ห้องโถงจัดเลี้ยงภายในบ้าน) ขึ้นมาล่ะ หรือถ้าเขาเกิดบุกเข้าไปลุยธีรุตม์ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนอนของแขกล่ะ
แค่คิดนีราภาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หากมืออาชีพอย่างเธอตระหนักดีถึงคำว่า เดอะ โชว์ มัส โก ออน
บ่อยครั้งไปที่การทำงานในกองถ่ายไม่ราบรื่นทำให้ทีมงานทุกฝ่ายรวมถึงเมคอัพอาร์ติสต้องโดนหางเลขไปด้วย ยิ่งงานแต่งงานและงานหมั้นนี่ยิ่งแล้วใหญ่เพราะแต่ละครอบครัวหรือคู่รักแต่ละคู่ก็มีรูปแบบความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงสิ่งที่แสดงออกด้วย
นีราภาเคยรับมือมามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสาวที่ไม่ถูกกับพ่อแม่ของตัวเอง ญาติพี่น้องผู้แสนจะเรื่องมากของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ต่างคนต่างอยากได้อย่างนั้นอยากได้อย่างนี้ วิพากษ์วิจารณ์กันสุดชีวิต กระทั่งคู่บ่าวสาวที่เปิดศึกทะเลาะกันใหญ่โตในวันแต่งงานของตัวเองก็เคยเจอมาแล้ว ดังนั้นหากยังไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้นเมคอัพอาร์ติสสาวรู้ดีว่าเธอมีหน้าที่ต้องทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดเสียก่อน
และหากมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ก็ต้องมีคนวิ่งมาส่งข่าวดาวิษาแล้วล่ะน่า
คิดดังนั้น นีราภาจึงบรรจงแต่งหน้าให้ดารานางแบบสาวต่อแม้จะเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีความกังวลในสีหน้าไม่น้อย และหลายครั้งก็มีท่าทีเหมือนกระวนกระวายนั่งไม่ติดจนหญิงสาวกำลังคิดว่าจะให้ดาวิษาออกไปคุยกับพี่ชายของเธอให้เรียบร้อยดีกว่าตึงเครียดอยู่อย่างนี้ ก็พอดีที่มารดาของดาวิษาเปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง
น้องดรีม พี่ดามพ์ของเราเขายอมแล้วนะ ยังไม่ทันที่คนฟังทั้งสองในห้องจะได้มีโอกาสถอนหายใจโล่งอก คนเล่าก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงค่อยลงว่า หลังจากได้ชกหน้าพ่อธีร์ไปหมัดนึง
อะไรนะคะ!
ว่าที่คู่หมั้นของธีรุตม์ตกใจแม้จะรู้ดีถึงนิสัยใจร้อนของพี่ชาย และเพราะรู้ดีนี่สิถึงน่าเป็นห่วง เดชพนต์เป็นนักกิจกรรมตัวยงและยังเป็นนักกีฬาด้วย เรื่องพละกำลังจึงไม่ต้องพูดถึง ยิ่งกำลังโกรธจัดแบบนี้ไม่รู้ว่าผู้ถูกทำร้ายจะบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน
ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอกน้องดรีม พ่อธีร์ยังไม่มีอะไรแตกหักเสียหายมากไปกว่าแค่ฟกช้ำดำเขียวนิดหน่อย แม่ก็เลยให้เด็กช่วยหาผ้าชุบน้ำเย็นจัดๆ มาประคบไปก่อน...เฮ้อ แม่ล่ะเบื่อจริงๆ กับนิสัยใจร้อนของดามพ์ เพราะแบบนี้ถึงได้ไม่อยากบอกเรื่องวันนี้ให้รู้ นึกอยู่แล้วเชียวว่าถ้าข่าวออกรั่วไปดามพ์จะต้องมาอาละวาดแบบนี้ นี่ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ทำให้งานพังไปด้วย ...แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าแม่ไม่เดินออกไปคุมไม่รู้ว่าดามพ์จะทำอะไรลงไปบ้าง นี่ยังดีหรอกที่รู้จักเกรงใจแม่อยู่บ้างถึงยังไม่กล้าออกอาการอะไรมาก
หากคำว่า ฟกช้ำดำเขียว ดูจะมากพอสำหรับดาวิษา หญิงสาวรีบรุดออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันได้ล่วงพ้นประตูไปมากกว่าสองก้าว คนที่เธอทั้งคิดถึงและเป็นห่วงก็ใจตรงกัน ตรงมาหาที่ห้องพอดิบพอดี
เป็นอะไรมากไหมคะพี่ธีร์ เจ็บมากไหมคะ เสียงหวานร้องถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นคนรักอังผ้าขนหนูสีขาวไว้ข้างแก้ม ดรีมขอโทษนะคะ ดรีมไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ดามพ์รู้เรื่องวันนี้ได้ยังไง...ดรีม...
หยาดน้ำใสๆ เอ่อขึ้นมาคลอดวงตาคู่สวยแล้วค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มโดยที่เจ้าตัวจนใจจะห้าม ซึ่งทำให้นักแสดงหนุ่มห้ามใจไม่ได้ที่จะดึงร่างบอบบางของคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่น
ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดของดรีมหรอกครับ พี่เข้าใจ ชายหนุ่มพูดพลางเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ไม่เอาครับ อย่าร้องไห้ ดูซิ น้ำหมึกอุตส่าห์แต่งหน้าให้สวยๆ ตอนนี้เลอะเทอะหมด ดูไม่ได้เลย
ใจร้ายจัง ว่าดรีมดูไม่ได้เหรอคะ ดาวิษาทำท่างอน หากดูยังไงก็ยังน่ารักแม้เครื่องสำอางบางส่วนจะเลอะไปด้วยคราบน้ำตา (เพราะต่อให้ลงวอเตอร์ พรูฟก็ไม่มีเครื่องสำอางที่ไหนกันน้ำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก) แล้วนี่พี่ธีร์มาหาดรีมทำไมคะ
พี่ตั้งใจจะมาดูว่าดรีมเป็นยังไงบ้าง เห็นคุณน้าว่าก่อนที่จะไปเจอพี่ ไอ้ดามพ์แวะมาพ่นไฟใส่ดรีมเรียบร้อยแล้ว พี่ก็เลยจะมาดูสักหน่อย ดรีมโอเคนะ?
พี่ธีร์... ดาวิษาเรียกชื่อคนรักของเธอด้วยน้ำเสียงตื้นตัน พี่ธีร์ไม่ได้โกรธใช่ไหมคะ
โกรธ?? โกรธไอ้ดามพ์น่ะเหรอ อันนั้นมันแหงอยู่แล้ว ธีรุตม์ตอบตามตรง...โดนซัดเข้าเต็มหน้าหล่อๆ คนที่มีดีกรีเป็นถึงพระเอกชื่อดังมีหรือจะไม่โกรธ เกิดเสียโฉมขึ้นมาจะว่ายังไง ดรีมก็รู้ว่าพี่กับมันเคยเข้ากันได้เสียที่ไหน ถ้าวันไหนดรีมเห็นพี่ดีกับมันสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก
พี่ธีร์คะ...
แต่ไอ้ดามพ์ก็ส่วนไอ้ดามพ์ ดรีมก็ส่วนดรีมนะครับ ชายหนุ่มยิ้มให้ว่าที่คู่หมั้นสาวสวยอย่างอ่อนโยนแม้คำว่า ไอ้ จะถูกเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ความจริงพี่ทำใจไว้ตั้งแต่ตอนที่ตกหลุมรักดรีมแล้ว ว่าไอ้ดามพ์จะต้องทำตัวเป็นกำแพงเมืองจีนที่ทั้งสูงและเป็นอุปสรรคกับความรักของพี่ไปอีกยาวไกลแน่ๆ แต่เรื่องแค่นี้ไม่มีทางทำให้พี่ยอมแพ้ได้หรอกครับ
แปลว่าพี่ธีร์จะไม่ยกเลิกงานหมั้นวันนี้ใช่ไหมคะ
ไม่หรอก ถ้าดรีมไม่เป็นฝ่ายบอกเลิกสิ่งนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นระหว่างเราอย่างแน่นอน...เอ๊ะ หรือว่าดรีมเปลี่ยนใจ เห็นพี่เสียโฉมเลยไม่อยากรับหมั้นจากพี่ โอ๊ย!!!
เสียงร้องสุดท้ายดังขึ้นเมื่อดาวิษาหยิกเขาแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ หลังจากรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ธีรุตม์ไม่คิดเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ที่เขามีต่อเธอ
พี่ธีร์คะ ดรีมว่าตอนนี้ดรีมขอตัวไปล้างหน้าก่อนดีกว่าค่ะ เกรงใจพี่น้ำหมึกต้องมาเสียเวลารอ แล้วยังต้องเสียเวลาแต่งหน้าให้ดรีมใหม่อีก
เจ้าของงานหมั้นสาวสวยบอกคนรักก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวด้วยกัน ซึ่งในขณะนั้นนีราภากำลังแต่งหน้าให้กับมารดาของดาวิษาอยู่ แม้อากัปกิริยาของทั้งสองจะบ่งบอกว่าแต่งหน้าไปพลางคุยกันไปอยู่อย่างนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เธอก็ดูออกอีกเช่นกันว่าบทสนทนาของเธอและธีรุตม์ไม่รอดพ้นหูตาของคนทั้งสองไปได้ เสียงหวานจึงออกมาเพียงอ้อมแอ้มด้วยความเขิน
คุณแม่คะ พี่น้ำหมึกคะ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เสียเวลา
พี่น้ำหมึกคะ ดรีมขอโทษด้วยค่ะที่ทำหน้าตาเลอะเทอะหมด สงสัยดรีมคงต้องให้พี่ให้น้ำหมึกแต่งให้ใหม่แล้วล่ะค่ะ
ประโยคหลังดาวิษาหันมาบอกนีราภาด้วยใบหน้าเจื่อนจ๋อย หากนีราภาเข้าใจสถานการณ์ของหญิงสาวเป็นอย่างดี จึงไม่ว่าอะไรนอกจากให้คำแนะนำว่า
ไม่เป็นไรจ้ะ แต่ล้างหน้าเบาๆ นะคะน้องดรีม โดยเฉพาะบริเวณรอบตา เสร็จแล้วให้คาดอาย เจล เย็นจัดๆ ไว้สักพักด้วย ตาจะได้สวยปิ๊งไม่บวม
คนฟังรับคำแล้วเดินเข้าไปจัดการตามที่เมคอัพอาร์ติสสาวบอก ส่วนพระเอกหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอีกฟากหนึ่งของห้อง นีราภาเหลือบตามองก่อนแซว
ไม่น่าเลยน้า มาหมดหล่อเอาวันสำคัญแบบนี้
หากคนถูกแซวหัวเราะ ไม่ต้องมาเยาะเย้ยเลยน้ำหมึก วันนี้แหละจะได้พิสูจน์ฝีมือของช่างแต่งหน้าประจำกองถ่าย เคยเห็นแต่แต่งหน้าดีๆ ให้ฟกช้ำดำเขียว ดูซิวันนี้จะแต่งหน้าช้ำๆ ให้กลายเป็นหล่อๆ ได้ไหม
นีราภาหัวเราะบ้าง บอกอย่างมั่นอกมั่นใจว่าไม่ต้องห่วง มือชั้นนี้แล้ว รับรองว่าพระเอกสุดฮ็อตอย่างเขาจะต้องหล่อเหนือชั้นขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน แล้วลงมือแต่งหน้าให้กับมารดาของดาวิษาต่อ จากนั้นก็เป็นคิวของดารานางแบบสาวที่ประคบใบหน้าและดวงตามาเป็นอย่างดีจนไม่เหลือร่องรอยของการร้องไห้ ตามด้วยพระเอกหนุ่มเป็นลำดับสุดท้าย กว่าเมคอัพอาร์ติสสาวจะทำงานเสร็จก็ใช้เวลานานกว่าที่คิดไปไม่น้อย ท้องฟ้าภายนอกที่มืดมิดยามที่เพิ่งขับรถมาถึงเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใสสว่างจ้าตั้งแต่เมื่อไรไม่ทันได้สังเกต
โอเค เรียบร้อย
นีราภาบอกธีรุตม์หลังจากช่วยอภินันทนาการจัดทรงผมให้เข้าที่อีกเล็กน้อยเป็นการแถมท้าย (เดาว่าตอนแรกเจ๊นกน้อยก็คงทำให้เขาเรียบร้อยดีหรอก แต่พอถูก พายุไฟ ซัดเข้าก็เลยยับยุ่งไปบ้าง) ก่อนที่จะขอตัวเพราะช่วงสายของวันนี้เธอยังมีอีกงานหนึ่งที่ต้องไปแต่งหน้าให้กับงานอีเวนท์เปิดตัวสินค้าใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
อยู่ร่วมงานด้วยไม่ได้จริงๆ หรือคะพี่น้ำหมึก
ดาวิษาเอ่ยชวนซึ่งมารดาของเธอก็สนับสนุน หากนีราภาพนมมือไหว้พลางปฏิเสธอย่างสุภาพ
ขอบคุณที่ชวนนะคะคุณน้า แต่น้ำหมึกต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่อยู่ร่วมงานด้วยไม่ได้ ใจจริงน้ำหมึกก็อยากอยู่ร่วมเป็นพยานในวันสำคัญของน้องดรีมนะคะ แต่งานนี้น้ำหมึกรับปากกับเขาเอาไว้นานแล้วน่ะค่ะ จะขอเปลี่ยนตัวเป็นคนอื่นทางนั้นก็ไม่ยอมเสียด้วย แถม
เมคอัพอาร์ติสสาวก้มลงมองเสื้อแขนกุดตัวเล็กสีดำกับกางเกงยีนสีซีดของตัวเองแล้วยิ้มเขินๆ วันนี้หนูก็แต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ
ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ คู่หมั้นฝ่ายหญิงแย้ง งานนี้เราจัดขึ้นเป็นการภายในนะคะ มีแต่คนกันเองทั้งนั้น คนที่มาร่วมงานมีแต่ครอบครัว ญาติสนิท แล้วก็เพื่อนที่สนิทจริงๆ แค่สองสามคนเองค่ะ ดรีมรับรองว่าไม่มีใครถือสาหรอก
นีราภาได้แต่ยิ้มอย่างขอลุแก่โทษหากไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่อยากปฏิเสธซ้ำสองให้คนเชิญเสียน้ำใจ โชคดีที่มารดาของเธอรับรู้ได้ถึงความลำบากใจของสาวผิวเข้ม จึงปรามลูกสาวเบาๆ
ไม่เอาน่าน้องดรีม น้ำหมึกทำถูกแล้วที่เลือกไปทำงานตามที่รับปากไว้ แม่ก็คิดเหมือนน้ำหมึกว่าความรับผิดชอบต้องมาก่อน เราน่ะโตแล้ว จะเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กๆ ไม่ได้แล้วนะ
ฟังแล้ว ดารานางแบบสาวยอมรับแต่โดยดี หากยังไม่วายกำชับว่า
โอเคค่ะ งั้นวันแต่งดรีมขอจองตัวพี่น้ำหมึกเป็นเพื่อนเจ้าสาวไว้เลยนะคะ คราวนี้ไม่มีการบอกว่าไม่ว่างหรือติดงานแล้วนะ ดรีมไม่ยอมจริงๆ ด้วย
แน่นอนค่ะ งานแต่งน้องดรีมพี่ไม่ยอมพลาดแน่ๆ
คราวนี้นีราภาตอบรับด้วยความเต็มใจ ก่อนที่จะรีบเก็บสารพัดบรรดาเครื่องประทินโฉมสีสวยลงกระเป๋าแล้วหอบหิ้วลงไปที่รถ ตอนนี้ที่บ้านของดาวิษาเริ่มวุ่นวายแล้วเพราะญาติพี่น้องของเจ้าของบ้านและคู่หมั้นทยอยกันมาถึง เด็กในบ้านและทีมงานที่เจ้าภาพจ้างมาช่วยดูแลความเรียบร้อยของงานต่างพากันวิ่งวุ่นเพราะเวลาสำคัญใกล้เข้ามาทุกที มือเรียวบางสีน้ำผึ้งยกกระเป๋าใส่หลังรถ ขณะพับรถเข็นเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองกลับขึ้นไปชั้นบนของบ้านอีกครั้ง
ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรกว่าพิธีจะเริ่ม พี่ดามพ์ ของดาวิษา และ ไอ้ดามพ์ ของธีรุตม์จะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือเปล่านะ
มัวแต่มองอย่างอื่น เมื่อไรจะเก็บของเสร็จล่ะคุณ
เสียงห้าวลึกดังมาจากด้านหลังทำให้เมคอัพอาร์ติสสาวสะดุ้งสุดตัวเนื่องจากกำลังอยู่ในภาวะใจลอยเต็มที่ ไม่ต้องหันไปมองต้นเสียงก็แน่ใจว่าบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลังคงไม่ผิดไปจากคนที่เธอใจของเธอกำลังลอยไปถึงนั่นล่ะ
เอ้า ขวัญอ่อนจริง แค่นี้ก็ตกใจ
ริมฝีปากบางกระตุกเยาะที่มุมปาก แต่นั่นไม่ทำให้หญิงสาวสะดุ้งสะเทือนอีก นีราภาแต้มรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม
ก็คุณเล่นมาไม่ให้สุ้มให้เสียงนี่คะ เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นแหละ
คำตอบและรอยยิ้มของเธอทำให้มุมปากที่ยิ้มเยาะๆ เมื่อครู่จางหายไป เดชพนต์พยักหน้า
จริงของคุณ เขายอมรับก่อนบุ้ยใบ้ไปด้านในบ้าน ไม่อยู่ร่วมงานหรือ
เมคอัพอาร์ติสสาวสั่นหน้า
ไม่ล่ะค่ะ พอดีฉันมีงานต่อ หญิงสาวว่าขณะวางรถเข็นลงนอนแล้วปิดฝากระโปรงรถ คุณล่ะคะ คิดแผนการถล่มพิธีวันนี้ไปถึงไหนแล้ว
เพราะได้รับคำถามที่ไม่คาดคิด เดชพนต์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนที่จะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ผู้หญิงคนนี้แปลก ไม่รู้ว่าความรู้สึกช้าหรือกล้าบ้าบิ่นไม่เกรงกลัวใครกันแน่ ถึงได้ยืนต่อปากต่อคำกับคนอย่างเขาแบบนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นแค่ช่างแต่งหน้าตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ คนหนึ่ง
แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ
คนถูกถามโคลงศีรษะอีกครั้ง บอกตรงๆ ฉันเดาความคิดของคุณไม่ออกหรอกค่ะ
งั้นหรือ พี่ชายของดาวิษาย้อนถาม
นอกจากคำพูด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มดุของเขายังจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำวาววับของหญิงสาวอย่างค้นหา มีผลให้เมคอัพอาร์ติสสาวเสกลับตัวเดินไปที่ประตูรถทันที
การอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้เป็นอันตรายต่อหัวใจและความรู้สึกจริงๆ ...เกือบไปแล้ว แค่วินาทีเดียวที่เขาใช้สายตาเพ่งพินิจเข้ามาในดวงตา หัวใจก็สั่นไหวไปหมด
แย่แล้วน้ำหมึกเอ๊ย
ถ้าเมื่อกี้หลบไม่ทันมีหวังทำอะไรไม่ถูกแหงๆ
ฉันเดาไม่ได้จริงๆ ค่ะ ได้แต่หวังว่าคุณคงจะไม่ใจร้ายกับน้องสาวของคุณนัก นีราภาตอบพลางไขกุญแจรถ เปิดประตูออกกว้าง ขอโทษด้วยนะคะแต่ฉันคงต้องขอตัวแล้วค่ะ ฉันมีงานต่อและนี่ก็กำลังจะสายแล้ว
เดี๋ยว ชายหนุ่มร้องห้าม มือใหญ่เอื้อมมาจับประตูรถขณะที่หญิงสาวสอดตัวเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร
คุยกันมาตั้งหลายประโยค เพิ่งนึกอยากจะถามหรือคะ คนถูกถามหัวเราะออกมากิ๊กหนึ่งอย่างอดไม่อยู่แต่ก็ยอมบอกแต่โดยดี น้ำหมึกค่ะ ฉันชื่อน้ำหมึก
ชื่อแปลกดีนะ เสียงห้าววิจารณ์ตรงๆ โอเค น้ำหมึก ผมจะจำไว้ ตอนนี้คุณไปได้แล้ว
นีราภายกมือไหว้ลาเพราะถ้าเดชพนต์รุ่นเดียวกับธีรุตม์ เขาก็ต้องเป็นรุ่นพี่ของเธออย่างไม่ต้องสงสัย ท่าทีของเธอทำให้คนถูกไหว้เก้อไปเล็กน้อยเพราะไม่นึกว่าหญิงสาวที่ดูสมัยใหม่อย่างเมคอัพอาร์ติสสาวผิวเข้มแต่งหน้าสวยเฉี่ยวจะมือไม้อ่อน ยกมือไหว้แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเพียงไม่กี่ปีอย่างเขา กว่าที่ชายหนุ่มจะยกมือขึ้นรับไหว้หญิงสาวก็เกือบจะสตาร์ทรถขับออกไปแล้ว
น้ำหมึก
ผู้หญิงคนนี้ชื่อน้ำหมึก
ไม่รู้ว่าชื่อนี้ได้มาจากความเข้มลึกล้ำของดวงตาหรือว่าสีผิวกันแน่
เดชพนต์ยิ้มให้ตัวเอง ดวงตาคมสีน้ำตาลไหม้มองเข้าไปในตัวบ้านที่กำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาช่วยและมาร่วมงานหมั้นของดาวิษา น้องสาวสุดที่รักคนเดียวของเขา
ช่างเถอะ ก็แค่งานหมั้นเล็กๆ ที่จัดขึ้นเป็นการภายในงานหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ใช่งานใหญ่โตหรูหรา เป็นที่รับรู้กันอย่างเอิกเกริกในวงสังคมเสียหน่อย แถมนี่ก็แค่งานหมั้นไม่ใช่งานแต่ง เขายังไม่ได้เสียน้องสาวให้คู่ปรับเก่าไปหรอกน่า ปล่อยให้ดาวิษามีความสุขสักวันคงไม่เสียหายอะไร
คิดอย่างนั้น ชายหนุ่มจึงขับรถออกจากบ้านอย่างเงียบๆ หากในสมองยังคงมีเสียงนุ่มๆ ของผู้หญิงตัวบางผิวเข้ม ที่หวังว่าเขาจะไม่ใจร้ายกับน้องสาวของเขามากนัก
สำหรับวันนี้ก็คงเป็นอย่างที่คุณหวังแหละน้ำหมึก แต่
ผมบอกเลยว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่ใจดีอย่างวันนี้แน่ๆ
เดชพนต์สัญญากับตัวเอง คนบ้างานอย่างเขาอุตส่าห์ลงทุนหยุดงานมาเชียวนะ จะยอมให้วันหยุดของเขาเสียไปเปล่าๆ ได้อย่างไร
คอยดูเถอะ นับจากนี้ไปธีรุตม์ไม่มีทางได้อยู่อย่างสุขสงบแน่ๆ เพราะเขาจะทำหน้าที่พี่ชายหวงน้องสาวให้ถึงที่สุดเลยทีเดียว!
((โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ))
########################
Create Date : 06 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 6 ธันวาคม 2551 10:32:56 น. |
|
43 comments
|
Counter : 1027 Pageviews. |
|
|
|
โดย: doctorbird วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:0:06:07 น. |
|
|
|
โดย: veerar วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:0:12:15 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:0:46:09 น. |
|
|
|
โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:2:07:01 น. |
|
|
|
โดย: นู๋นิด (happypig@nk ) วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:2:07:17 น. |
|
|
|
โดย: ยูกะ (YUCCA ) วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:3:00:38 น. |
|
|
|
โดย: มาขอลงชื่อด้วยคน (yoja ) วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:5:30:22 น. |
|
|
|
โดย: zalitalin วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:5:31:57 น. |
|
|
|
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:6:20:47 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:7:27:31 น. |
|
|
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:7:31:25 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:8:11:11 น. |
|
|
|
โดย: นกโก๊ก วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:8:38:54 น. |
|
|
|
โดย: ลูกสมอเรือ วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:9:17:57 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:9:51:02 น. |
|
|
|
โดย: dongdangka วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:9:53:14 น. |
|
|
|
โดย: wbj วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:9:56:54 น. |
|
|
|
โดย: meaw Hk วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:12:42:39 น. |
|
|
|
โดย: ยายกุ๊กไ่ก่ วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:12:58:26 น. |
|
|
|
โดย: joblovenuk วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:13:23:34 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:13:36:20 น. |
|
|
|
โดย: a_music วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:13:47:54 น. |
|
|
|
โดย: chabori วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:14:39:15 น. |
|
|
|
โดย: อันติกา วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:14:53:14 น. |
|
|
|
โดย: แม่น้องแปงแปง (แม่น้องแปงแปง ) วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:14:54:06 น. |
|
|
|
โดย: Takaw วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:18:23:02 น. |
|
|
|
โดย: I_sabai วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:19:32:16 น. |
|
|
|
โดย: หนูเมเปิล (หนูเมเปิล ) วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:20:55:22 น. |
|
|
|
โดย: veerar วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:0:52:01 น. |
|
|
|
โดย: มาโหวตให้ค่ะกัลยาณมิตร (yoja ) วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:9:02:12 น. |
|
|
|
โดย: doctorbird วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:9:12:45 น. |
|
|
|
โดย: doctorbird วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:17:50:47 น. |
|
|
|
โดย: veerar วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:19:47:36 น. |
|
|
|
โดย: เอมี่ IP: 124.122.221.4 วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:54:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
และ...เพราะว่า 'เรื่องนี้มีรัก' ของเราเป็นโปรเจคของขวัญพิเศษ ดังนั้น เราทั้ง 4 คนจึงขอเปิดการการเล่นเกมชิงรางวัลเป็นแบบแรลลี่นะคะ... หากสนใจลงไปอ่านด้านล่างเลยค่ะ
กติกาสำหรับเล่นเกมเรื่องนี้มีรัก
1. คำเตือน ผู้เข้าร่วมเล่นเกมทุกคนกรุณาอ่านกติกาข้างล่างนี้อย่างละเอียด มิเช่นนั้นหมดสิทธินะเออ สี่สาวขอเตือน
2. การเล่นเกมจะเล่นกันทั้งหมด 4 สัปดาห์ โดยเรียงลำดับดังนี้
... 05.12.08 เล่นที่บ้านจอย (กระแตดอก 'รัก')
... 12.12.08 เล่นที่บ้านโน้ต (เชื่อมรัก... หวานเย็น)
... 19.12.08 เล่นที่บ้านเปี๊ยก (หัวใจต้องลม)
... 26.12.08 เล่นที่บ้านเอ้ย (หวาน(ซ่อน)ใจ)
3. ผู้เล่นทั้งหมดจะต้องร่วมเล่นเกมส์เก็บคะแนนทั้งหมด 4 ฐานที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยแต่ละฐานจะประกอบไปด้วยคำถามจากแต่ละเรื่องที่ได้อ่านกัน สัปดาห์ละ 4 ข้อ
4. ผู้เข้าเล่นเกมในแต่ละฐานมีสิทธิตอบได้แค่ฐานละ 1 ครั้งเท่านั้น โดยคำตอบแรกเราถือเป็นที่สุด
5. ผู้เล่นมีเวลาเล่นเกมทั้งหมด 6 วันในแต่ละฐาน นั่นก็คือ เจ้าบ้านจะลงเรื่องในแต่ละตอนทุกๆ วันศุกร์ ผู้เข้าร่วมเล่นมีเวลาในการตอบคำถามจนกระทั่งเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีถัดไปในการตอบ แล้วเจ้าบ้านจะปิดรับคำตอบสำหรับแต่ละฐาน อาทิเช่น บ้านจอยน้อยลงคำถามวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม ทุกคนสามารถตอบได้จนกระทั่งเที่ยงคืนของคืนวันพฤหัสบดีที่ 11 แล้วรอเล่นเกมในฐานที่ 2 ถัดไป เป็นเช่นนี้ทุกๆ สัปดาห์ ดังนั้นหมายความว่าฐานสุดท้ายฐานที่ 4 จะปิดรับคำตอบในวันที่ 1 มกราคม 2552 นั่นเอง
6. ผู้เข้าตอบคำถาม เวลาตอบคำถามให้ระบุหัวข้อชอยด์มาด้วย เช่น ข้อ 1 พระเอกเรื่องกระแตดอกรักชื่ออะไร
1. ดวิษ
2. ดามพ์
3. พสิษฐ์
4. นักตะ
ถ้าจะตอบว่า ดวิษ ให้เพื่อนๆ ตอบว่า ข้อ 1 ตอบ 1 ดวิษ
ทั้งนี้และทั้งนั้นเพื่อเป็นการรักษาสิทธิของเพื่อนๆ เอง เผื่อว่าเขียนข้อผิดแต่ตอบถูกนะจ๊ะ
7. เนื่องจากเจ้าบ้านมี 4 คนมีหนังสือให้เพื่อนๆ คนละ 1 เล่มเท่านั้น หากมีผู้ได้คะแนนสูงสุด 4 อันดับมากกว่า 4 คน เจ้าบ้านจะนำชื่อของคนที่เกินมานำไปจับฉลาก โดยจะเรียงจากคนที่ได้รับคะแนนสูงสุดลงมานะคะ เช่น ถ้ามีคนได้คะแนนที่ 1 จำนวน 2 คน นั่นหมายความว่าจะไม่มีที่ 2 อันดับต่อไปก็จะเป็นอันดับที่ 3 เลย และ อันดับที่ 4 ตามลำดับ ถ้าหากมีที่ 4 มากกว่า 1 คน เราก็จะเอาคนที่ได้คะแนนในลำดับที่ 4 ทั้งหมดมาจับฉลากเพื่อให้ได้คนที่ได้รับหนังสือไป 4 คนค่ะ
8. การตัดสินของเจ้าบ้านถือเป็นที่สุดนะคะ
9. กรณีพิเศษ... เนื่องจากจอยน้อยและเอ้ยมีทั้งเวปไซด์และบล็อก หรือโน้ตทั้งบล็อกศุวิลาและบทเพลงแห่งความฝัน ดังนั้นเราจะเปิดให้เล่นเกมทั้ง 2 ที่นะคะ แต่ว่าคนที่เล่นให้เลือกเล่นที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น ห้ามเล่นทั้งสองที่ ไม่งั้นถือว่าผิดกติกา (เจ้าบ้านปรับตกจริงๆ นะเออ) และถ้าหากใครมี log in ที่เวปไซด์ไม่ตรงกับ bloggang เจ้าบ้านอนุญาตให้ระบุชื่อ log in ใน bloggang มาด้วยได้ถ้าหากอยากเล่นเกมในเวปค่ะ เพราะเราต้องเก็บคะแนน 4 ฐานเนอะ จะได้สะดวกๆ นะจ๊ะ
10. ขอให้มีความสุขกับการอ่านและสนุกกับการเล่นเกมค่ะ