|
|
|
|
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
17 ตุลาคม 2549 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หมดเวลาฉายเดี่ยวต่างแดน no.1
หลังจากคิดมานานว่าจะเขียนอะไรเปิ่นๆ ของตัวเองได้อีก แต่ยังไง๊ ยังไงก็คิดไม่ออกซะที เพราะกลับมาจากไต้หวันนานแล้วทีเดียว เลยขอเล่าบรรยากาศขากลับให้จินตนาการตามดีกว่า
หลังจากอยู่จนครบ 6 เดือนเป๊ะ วันที่เราบินกลับเป็นวันที่วีซ่าหมดอายุพอดี ตอนแรกก็นึกว่าอาจารย์จะไปส่งเราที่สนามบินซะอีก ที่ไหนได้ ก่อนจะกลับมาบอกว่าจองรถให้แล้ว เดี๋ยวรถจะมารับบ่ายโมง เราก็คิดว่าจะทิ้งกันตรงนี้แล้วจริงๆ หรือ แต่ก็เข้าใจว่าแค่ขากลับ เค้าคิดว่าส่งเราขึ้นรถ ยังไงซะก็ไปถึงสนามบิน แล้วก็ขึ้นเครื่อง แป๊บเดียวก็ถึงบ้านเราแล้ว ไม่น่ามีอะไรต้องเป็นห่วง อยู่ได้มาตั้งเป็นนาน
พอถึงเวลาเค้าก็มาส่งที่หน้ามหาลัย เราก็ทำท่าอาลัย อาวรณ์ เค้าก็เลยบอกว่า รู้มั๊ยว่านั่งเครื่องบินไปเมืองไทยหน่ะแค่สามชั่วโมงก็ถึง แต่นั่งรถไปไทเปหน่ะ เสียเวลาตั้งห้าชั่วโมง อย่าเศร้าไปเลย คิดถึงที่นี่ก็มาหาก็ได้ แป๊บเดียวเอง อืมม์! เค้าก็ดีนะ อุตส่าห์ปลอบใจ ยิ้มๆ แล้วเราก็จากมา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่อีกที
พอถึงสนามบิน เราก็มีถุงใส่ของฝาก หนักเป็นบ้า กับ กระเป๋าล้อลากใบไม่ให้ แต่เราดันใส่พวกหนังสือทั้งหมดกลับบ้าน แล้วก็มีเป้แบกหลังใส่พวกขวดแก้วไว้ใช้ในห้องทดลอง แล้วก็กระเป๋าน้อยใส่พาสปอร์ต ส่วนพวกเสื้อผ้าเราทิ้งหมดเลย เพราะมันเจอกรดในห้องแล็ปขาดเป็นรูๆ บ้าง และที่เหลือส่วนมากก็มีแต่เก่าๆ ตอนแรกคิดว่าจะเอาถุงใส่ของฝากกับกระเป๋าล้อลากโหลดใต้เครื่อง แต่ที่ไหนได้ พอชั่งน้ำหนักมันปาเข้าไป 19.9 กิโลซะแล้ว ก็เลยเอาหนังสือล้อลากตามไปด้วย ทีนี้พอกลับมาแล้วลองยกดู คิดว่าหนังสือล้อเลื่อนคงหนักซัก 20 โลได้เหมือนกันนะ คิดๆ ดูแล้วบินเที่ยวนี้ กำไรชะมัดเลย
ตอนเช็คอิน ที่เคาเตอร์ก็เอาพาสปอร์ต+วีซ่าไปดู แล้วก็รีบหาปฏิทินเพื่อเช็ควันที่ใหญ่เลย ว่าเราเป็นฮูดหรือเปล่า เราก็เลยบอกเค้าไปว่า วันนี้เป็นวันสุดท้าย เค้าก็ยิ้มๆ แล้วก็ถามว่ามาทำอะไรหล่ะ เราก็บอกว่ามาเรียนเสร็จแล้ว จะกลับบ้าน เค้าก็โอเค แล้วก็ผ่าน
เราบินไชน่าแอร์ไลน์ เครื่องนึงจะมีแอร์ไทยเพียงคนเดียว ขากลับตอนขึ้นเครื่องนี่เซ็งชะมัด พอดีพายุเข้า เครื่องมันก็กระด๊อง กระแด๊ง แล้วทีนี้มีแอร์มาพูดภาษาจีนกับเราเป็นชุด เราก็ทำหน้างง เค้าก็พูดอีกเป็นชุด เราก็งงอีก คนข้างๆ ก็เอื้อมมือมา แล้ว she ก็พูดเป็นภาษาอังกฤษซะทีว่า close window pls. อ่อ คนข้างๆ ก็ปิดกระจกให้เราพอดี อะนะ พอลงเครื่องเจอ she คุยโทรศัพท์ไฟแล็ปภาษาไทยค่ะ เฮ้อ! เจอคนไทยด้วยกัน ทามมายไม่พูดไทยกะตูฟะ
อ๋อ! อีกอย่าง พอต้องปิดหน้าต่าง ก็ไม่เห็นวิวข้างล่าง พอเปิดหน้าต่าง ก็เจอแต่เมฆปกคลุมจนมิด ไม่เห็นแม้แต่ทะเล น่าเบื่อชะมัดยาด
บินแป๊บๆ ก็ถึง เราก็มางงในบ้านเกิดเมืองนอนเรา พอเจอคนคุยกันเป็นภาษาไทย รู้สึกไม่ชินแฮะ (ประมาณว่าเหมือนกระแด๊ะ แต่ถ้าใครเคยไปนอกบ้านนานๆ จะรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้) จากนั้นเราออกมาก็แสตมป์เข้าเมือง แล้วก็กลับบ้าน บินขากลับไม่สนุก ตื่นเต้นเหมือนขาไปเลย
Create Date : 17 ตุลาคม 2549 |
|
8 comments |
Last Update : 17 ตุลาคม 2549 19:37:38 น. |
Counter : 1102 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: zaesun 17 ตุลาคม 2549 21:10:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Picike 18 ตุลาคม 2549 4:26:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: Picike 18 ตุลาคม 2549 4:28:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: Jedyne 30 พฤศจิกายน 2549 17:07:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: แร่ใยหิน 9 กุมภาพันธ์ 2550 0:31:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: Katja 10 กันยายน 2550 19:10:03 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|