ย้ายบ้านแล้วครับผม มีดอทคอมเป็นของตัวเองเรียบร้อยครับ
10000tip.com
หมื่นทิพ's Movie Review

เทพบุตรตบะแตก!!
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 116 คน [?]




ค้นหารีวิวหนังเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2548
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
6 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เทพบุตรตบะแตก!!'s blog to your web]
Links
 

 
มหา' ลัย เหมืองแร่ (2548) The Tin Mine



แนวหนัง ชีวิตครับ

เนื้อเรื่องก็คือ เมื่อปี 2492 เด็กวิดวะ คนหนึ่งที่ชื่อ อาจินต์ ปัญจพรรค์ (พิชญะ วัชจิตพันธ์) โดนรีไทร์ครับ จากนั้นพ่อของเขาก็ส่งลูกคนนี้ไปยัง จ.พังงา อ.ตะกั่วทุ่ง ต.กระโสม ซึ่งมีกิจการเหมืองแร่อยู่ที่นั่น เจ้าของก็คือ นายฝรั่ง (Anthony Howard Gould) เขาได้เข้าทำงานที่เหมืองแร่แห่งนี้ แล้วนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของ 4 ปีที่นี่ครับ ... มหาลัยเหมืองแร่

จริงๆ ผมว่าแนวคิดเจ๋งมากเลยครับกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งมันเปรียบสี่ปีของเด็กคนหนึ่งเป็นมหาลัย (ซึ่งปกติเขาก็เรียนกัน 4 ปีจริงๆ) นับว่าเฉียบคมและน่าสนใจมากพอสมควร รวมไปถึงเหตุการณ์ในเรื่องทั้งหลายมันก็น่าจะนำแง่คิดดีๆ สาระๆ เจ๋งๆ และความประทับใจมาใส่ได้ไม่ยากเย็น แล้วผมก็ดูเป็นที่เรียบร้อยครับ ผลก็ได้เป็นดังนี้

หนังนั้นสร้างจากเรื่องสั้น เหมืองแร่ ของ อาจินต์ ปัญจพรรค์ พระเอกของเรื่องนี้นั่นแหละครับ ซึ่งก็เขียนขึ้นมาจากเรื่องจริงที่ท่านได้ไปประสบมา เขียนถึง 142 ตอนเลยทีเดียว โดยเนื้อหาในหนังก็พยายามสรุปใจความจากเรื่องราวการฝ่าฟันชีวิตครั้งนี้ของท่านมาเป็นภาพยนตร์ความยาวเกือบสองชั่วโมงเรื่องนี้ ซึ่งผมขอบอกก่อนว่ายังไม่เคยอ่านเรื่องสั้นของท่านเลยอ้ะนะครับ ดังนั้นที่ผมจะพูดมันเลยเกี่ยวกับหนังล้วนๆ

ตัวหนังจับเรื่องราว 4 ปีที่เหมืองแร่แห่งนี้มาทำ ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ เพราะในเรื่องเราจะได้เห็นการผจญภัยหลากรูปแบบ ซึ่งแม่มันจะไม่ได้อลังการเท่าไหร่ แต่มันก็นับว่าหนักหนาและลำบากไม่น้อยสำหรับคนๆ หนึ่ง ไหนจะต้องปรับตัวเข้ากับที่ห่างไกลความเจริญ ต้องเข้าไปอยู่ในป่าลึกๆ ต้องทำงานตรากตรำกรำแดดกรำฝน (ซึ่งฝนนี่โคตรจะกรำอ้ะคับ มันตกตลอดทั้งเรื่องเลย) ซึ่งถ้าหากพูดถึงเรื่องการเลือกโลเคชั่น ผมว่าใช้ได้เลยครับ บรรยากาศให้ เป็นป่าจริงๆ ดูภูธรดีทีเดียว และการถ่ายภาพนี่ก็จัดว่าเด็ดนะครับ ภาพนี่ให้อารมณ์ดีสุดๆ รู้สึกได้ว่ามันช่างร่มรื่นแต่ขณะเดียวกันเราก็เห็นร่องรอยของความลำบากไม่น้อยเหมือนกัน พูดง่ายๆ ให้ทั้งอารมณ์สบายและเหน็ดเหนื่อยไปพร้อมๆ กันเลยล่ะ

แต่จุดที่ออกจะเป็นปัญหาใหญ่ๆ เลยก็คือ หลายๆ ส่วนมันออกจะโดดไปโดดมาอยู่บ้าง ก็มันสร้างจากเรื่องสั้นนี่ครับ มันต้องมีอยู่แล้วอ้ะ ประเภทเรื่องนี้พอจบปุ๊บก็ต่อด้วยอีกเรื่องนึง ซึ่งตัวหนังเองทำออกมาคงอารมณ์หนังสือไว้เหมือนกัน นั่นทำให้ความต่อเนื่องขาดๆ ไปไม่ใช่น้อย แต่บอกตรงๆ นะครับ การจะทำให้มันต่อกันน่ะ ยากโคตร ทำอย่างที่เป็นเนี่ยผมว่าโอเคแล้วล่ะ แต่หากสามารถเอาเรื่องมาต่อเรื่องได้สมูธนุ่มนวลกว่านี้ มันต้องดีมากแน่ๆ

ประการต่อมาคือเรื่องการเร้าอารมณ์ นี่ผมก็เคยบ่นใน Star Wars มาแล้วทีนึงอ้ะนะครับ ถ้าไม่พูดก็ถือว่าลำเอียงไปหน่อยล่ะ ก็เท่าที่ผมดูหนังของคุณจิระ มะลิกุลมา 2 เรื่อง (ก่อนหน้านี้คือ 15 ค่ำ เดือน 11 ครับ) ผมว่าเขาเดินเรื่องได้ดีครับ แต่เรื่องอารมณ์นี่ค่อนข้างไม่แรงเท่าที่ควร โอเคอย่าง Star Wars นั่นมันไซไฟ หากจะบอกว่าต้องให้ความสำคัญกับฉากและจินตนาการให้มากผมยังพอรับได้ (แต่ก็อย่างไม่เต็มใจนัก) แต่นี่มันหนังชีวิตอ้ะคับ ถ้าไม่เร้าอารมณ์แล้วมันจะไปเร้าอะไร ไอ้พวกอารมณ์ขันนี่ผมว่าทำได้ลื่นอ้ะคับ ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยมุข แต่มันลื่นไปกับบทของตัวละครมากกว่า แต่กับฉากรันทด เศร้าๆ หรือกินใจนั้นจะปล่อยไปกับบทของตัวละครอย่างเดียวนั้นมันไม่ไ่ด้หรอกครับ มันต้องเร้าด้วยเพื่อความเต็มที่ ซึ่งเรื่องก่อน 15 ค่ำนั่นผมว่ายังทำส่วนนี้ได้ถึงกว่าเลยนะ (ฉากที่หลวงพ่อโล่ห์ต้องไปฝังลูกไฟคนเดียวไงครับ) และต้องยอมรับอีกอย่างว่า นักแสดงยังไม่ค่อยยอดเยี่ยมเท่าคราวก่อน นี่ก็เป็นอีกจุดด้อยนึงที่น่าเสียดายครับ

ช่วงต้นๆ ผมว่าหนังทำออกมาดีนะครับ สนุกและมีอะไรแฝงอยู่เพียบ แต่พอมาช่วงหลังๆ ผมว่ามันอ่อนลงไปหน่อย มีอะไรน้อยกว่าช่วงต้นๆ นี่ผมไม่ได้หมายความว่ามีสาระน้อยกว่านะครับ เพราะทั้งเรื่องมันมีแง่มุมให้คิดตลอดอยู่แล้ว แต่ที่ผมบอกว่าอ่อนลงไปนี่ก็คือ ความน่าติดตาม การเดินเรื่องมันแผ่วลงไปน่ะครับ โอเคเรื่องดำเนินไป และเหตุการณ์ในช่วงปี 3 - 4 นี่ก็นับว่าใหญ่เอาเรื่อง แต่หนังกลับไม่ได้นำเสนอออกมาอย่างนั้นน่ะ มันแค่เรื่อยๆ เท่านั้นเอง และเผอิญช่วงต้นมันทำออกมาดีไงครับ แล้วจะไม่ให้ผมหวังในช่วงท้ายมันก็กระไรอยู่ ลองว่ามาตั้งขนาดนี้แล้วน่ะ มันเลยออกจะสะอึกอยู่บ้าง แต่พอทำใจได้ครับ อย่างน้อยมันก็มีสาระมาแทนบ้าง

ครับ ก็นั่นแหละที่ผมคิด สรุปว่าช่วงต้นดีครับ แต่ช่วงท้ายแผ่วไปหน่อย ถึงกระนั้นก็เถอะ เรื่องนี้ก็นับว่าน่าดูอยู่นะครับ แต่มันเป็นหนังชีวิตนะคุณ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมาดูหรอก นี่ถ้ามาดูแล้วบอกไม่มันส์นี่ไม่ไหวแล้วนะครับ จะให้มันส์อะไรวะ คิดว่ามันจะมีตีกับมนุษย์ต่างดาวตอนท้ายรึไงล่ะครับ ผมล่ะไม่เข้าใจเลย ไอ้พวกไม่ชอบหนังชีวิตแต่ก็ยังเจือกดูอยู่นั่น พอไม่ชอบก็ด่าว่าไม่สนุก ปัดโธ่โว้ย จริงๆ ผมไม่ได้ว่าที่คุณไม่ชอบหรอกนะครับ คนเรามันต่างกัน คุณมีสิทธิ์ไม่ชอบได้ ผมไม่ว่า แต่ส่วนใหญ่พอไม่ชอบก็มาด่าโดยให้เหตุผลว่าหนังไม่สนุก วะ ไอ้พวกเวร เหตุผลที่ถูกคือตัวคุณเองไม่ชอบหนังแนวนี้ต่างหากเล่า อย่างผมเนี่ย เฉยๆ กับซีรี่ส์เกาหลี ผมก็บอกไปเลยว่าผมไม่ถูกเส้น ไม่จำต้องไปด่ามันว่าห่วยเลยนะครับ

ผมไปไหนอีกแล้วเนี่ย?

ครับ แม้หนังจะไม่ได้สุดยอดอะไร แต่สิ่งหนึ่งทำหนังทำสำเร็จ คือ มันทำให้ผมอยากไปหยิบหนังสือชุดเรื่องสั้นนี้มาอ่านครับ ผมว่ามันต้องมีอะไรอีกมากมายรอผมอยู่ใน เหมืองแร่ อย่างแน่นอน

สองดาวครึ่งครับ 1/2

ข้อมูลหนังจาก PANTIP ครับ

ขอเพิ่มอีกนิดนึง นักแสดงนั้นยังไม่สุดยอดก็จริงแหล่ แต่ที่เจ๋งมากๆ ก็มีอาสีเทาเจ้าเก่าของเรานะครับ แล้วก็ Anthony Howard Gould ในบทนายฝรั่ง พี่แกทำได้ยอดสุดๆ เหลือเกินครับ ไอ้ตอนมานั่งเมา นั่งร้องเพลง ยิ่งไอ้ตอน "แหม่มมา" นี่ก็บ้ากันไปเลยล่ะ

เคล็ดอย่างนึงของการดูหนังเรื่องนี้คือ อย่าคาดหวังจนเกินเหตุครับ แล้วคุณจะสนุกกับมันได้ไม่ยาก


Create Date : 06 มิถุนายน 2548
Last Update : 9 กันยายน 2548 23:36:43 น. 3 comments
Counter : 2391 Pageviews.

 
หนังดีเรื่องหนึ่งของประเทศไทยครับ


โดย: banpot IP: 58.8.123.183 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:16:16:42 น.  

 
หนังดี เรื่องหนึ่ง ที่ชอบ


โดย: ปราง IP: 124.122.151.91 วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:22:38:08 น.  

 
ผมอยากดูหนังแบบนี้เยอะๆ
ทำออกมาเยอะๆทีนะครับ
เอาหนังไร้สาระ สมอลรู กรูแนว ฮาศาสตร์ สุดเขต เอาออกไป
ไม่ต้องสร้างหรอก สร้างมาหลอกเงิน

คนไทยส่วนใหญ่มีแต่บรรเทิง
''แง่คิดในการดำเนินชีวิต หายไปไหนหมด''


โดย: ม.5 IP: 183.89.74.211 วันที่: 16 มิถุนายน 2554 เวลา:18:14:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.