|
ความสงสารที่ไม่มีใครต้องการ
สังคมของเรามีความน่าสงสารเต็มไปหมดหมาหิวโซข้างถนน ขอทานพิการ เด็ก5ขวบขายพวงมาลัย เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ความสงสารก็เกิดขึ้นในใจทันที เคยมีคนบอกว่าอย่าสงสารให้มันมากนัก เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ใครต้องการ เรายังแอบคิดใคใจว่าใครคิดแบบนี้แสดงว่าจิตใจแข็งกระด้าง จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเพื่อนรักป่วยด้วยโรคร้ายเขาพยายามที่จะมีชีวิตรอด กินยาทุกอย่างที่หมอสั่ง รับรักษาทุกรูปแบบแม้กระทั่งต้องแก้ไขด้วยวิธีไสยศาสตร์ก็ยังทำ เพื่อนๆและครอบครัวต่างสงสารจนพูดไม่ออกทุกคนอยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ แต่อย่างที่รู้ว่าโรคมะเร็งที่สมองเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จนกระทั่งพ่อของเขาพูดขึ้นว่าทำไมพวกเราจึงมานั่งสงสารอยู๋ได้ เขายังไม่ตาย อาการยังไม่โคม่า เขายังมีชีวิตที่เหลืออยู่ แม้จะน้อยกว่าพวกเราแต่มันก็ไม่ได้แย่กว่าที่คิด ใช่ความสงสารไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แค่ต้องการสื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่าเราดีกับเขา แต่แฝงด้วยความคิดในทางลบ ว่าชีวิตของเขาคงไม่ดีขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว ลองคิดในทางกลับกันว่า ถ้าเราป่วย ถูกไล่ออกจากงาน แฟนนอกใจ หรือมีปัญหาหย่าร้าง เราคงไม่อยากให้ใครมาสงสารเพราะนั่นหมายถึงสิ่งที่เขากำลังคิดว่า สิ่งที่เราผจญอยู่นั้นช่างโชคร้ายจนทำให้ชัวิตแย่ที่สุดๆ แต่อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่เอาตัวรอกและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ ในโลกนี้ไม่มีใครดีกว่าใคร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราก็สามารถเกิดขึ้นกับคนอื่นได้เช่นกัน เมื่อได้ยินเรื่องร้ายจากใคร แต่จงเห็นใจและให้กำลังใจ คืดในแง่บวกว่าทุกชีวิตมีวิถีชีวิตของตัวเอง ทุกชีวิตมีขึ้นมีลง แล้วแต่ว่าใครจะประสบอยู่ในภาวะเช่นไร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาสงสาร เพราะคนที่ถูงสงสารจะรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง เหมือนกับว่าชีวิตของเราแย่ยิ่งนัก ในสายตาคนอื่น ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นในที่แรก ดังนั้นอย่าสงสารใครพร่ำเพรื่อ เพราะยิ่งแสดงความสงสารมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่มากเท่านั้น ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเพื่อนรัก สายตาที่มองเขาเริ่มเปลี่ยนไปเราไม่คิดว่าเขาน่าสงสารอีกต่อไปแล้ว แต่รู้ว่าชีวิตยังมีหวังตราบใดที่เขามีลมหายใจ แต่ความหวังนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องหายจากโคร เพียงหวังที่จะมีชีวิตให้ยาวขึ้น เราคุยกันด้วยเรื่องสนุกๆและหัวเราะเสียงดังลั่น หาภาพทุ่งดอกไม้สวยๆมาติดในห้องนอนและทำอาหารเพื่อสุขภาพต้านมะเร็งให้เขากิน เพื่อนบอกว่าคงไม่ทันแล้ว ถ้าจะกินเพื่อสู้มะเร็งกันตอนนี้ แต่เราบอกว่าขนาดคนที่รู้ว่าตัวเองวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายก็ยังต้องทนวิ่งเพื่อให้ถึงที่หมายมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ฉนั้นจนอย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ เราสังเกตว่าเพื่อนกระฉับกระเฉงขึ้นมามาก ทุกคนปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนปกติ ไม่ใช่คนป่วยอีกต่อไป เขายังมีชีวิตที่เหลือ และควรใช้อย่างคุ้มค่า วิถีชีวิตของหมาจรจัด ขอทานพิการ หรือเด็กที่ช่วยพ่อแม่ขายพวงมาลัยก็ต้องเป็นแบบนั้นทุกคนที่กำลังดำเนินชีวิตในแบบของเขา อย่าสงสารและมองว่าเขาแย่กว่าเราแต่ควรปฏิบัติต่อเขาอย่างเท่าเทียม ลองคิดว่าถ้าคุณสร้างความแตกต่างด้วยการให้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาจะรู้สึกดีกับชีวิตที่เป็นอยู่ ...ไม่ใช่มัวแต่คิดสงสาร แต่ไม่ทำอะไร เพราะคนที่สงสารคนอื่น คือคนที่คิดว่าคนอื่นแย่กว่าตัวเอง
Create Date : 23 สิงหาคม 2548 |
Last Update : 23 สิงหาคม 2548 7:04:15 น. |
|
8 comments
|
Counter : 448 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Angel Tanya วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:7:13:28 น. |
|
|
|
โดย: รักดี วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:8:50:16 น. |
|
|
|
โดย: Dr_Best วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:9:41:00 น. |
|
|
|
โดย: squab วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:23:41:54 น. |
|
|
|
| |
|
|