ผืนฟ้า แดนดิน โลกกว้าง และ ชีวิต คือ ห้องเรียนห้องใหญ่ของผม

คุณเป็นคน Negative ประเภทไหน

ความคิดคือพลัง

มนุษย์ส่วนใหญ่มักโทษสถานการณ์ภายนอกว่าทำให้ตนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ โทษดวงชะตาที่ทำให้เราเกิดมาไม่ร่ำรวย เป็นต้น แต่น้อยคนนักที่จะเห็นตัวเองชัดเจน หรือหันมาตรวจสอบระบบความคิดของตัวเองว่าตัวเรามีระบบความคิดอย่างไร เรามองโลกตรงตามความจริงมากน้อยแค่ไหน หรือเรามองโลกในแง่ร้ายเกินไป เพราะเมื่อเรารู้ว่ามีรูปแบบความคิดผิดปกติแล้ว เราจะเลิกโทษผู้อื่น แต่จะหันมาหาทางแก้ไขและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่ปัญหาคือ มนุษย์มักไม่รู้ตัวว่าตัวเองคิด Negative


ความหมายของ " Negative Thinking "

หมายถึง สภาวะจิตใจที่ส่งผลต่อระบบความคิดซึ่งจะก่อให้เกิดความทุกข์ และเกิดพฤติกรรมในทางทำลายตัวเองทั้งในด้านร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ ซึ่งรูปแบบความคิดดังกล่าวได้ถูกฝังรากลึกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของ " นิสัย " ทางความคิดเฉพาะบุคคล

ทำอย่างไรจึงจะเลิกเป็น Negative Thinker


1. ต้องรู้และเข้าใจว่า Negative Thinking มีกี่ประเภท มีลักษณะอย่างไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง
2. ต้องรู้และยอมรับก่อนว่าคุณมีรูปแบบ Negative Thinking แบบใด
3. ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า " นิสัยในทางลบ " ต้องใช้เวลา ก่อ ตัวนานเท่าใด การ เลิก อาจต้องใช้เวลามากกว่านั้นหลายเท่า


ทำไมต้อง " รู้ " รูปแบบความคิดของตัวเอง

ตามสมมติฐาน มนุษย์มักไม่รู้ว่าตัวเองมี Negative Thinking และเมื่อไม่รู้ก็ไม่เกิดการแก้ไข หรือแก้ได้ไม่ตรงจุด ดังนั้นถ้าอยากพัฒนาตนเองให้เป็น Positve Thinker จำเป็นต้อง " เห็น " รูปแบบความคิดของตัวเอง และยอมรับจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสามารถทำได้ โดย

1. มี " สติ " ซึ่งสามารถสร้างได้ โดยการตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลา ดังต่อไปนี้
1. ขณะนี้เรากำลังคิดอะไรอยู่ ? คิดไปทำไม ?
2. ขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ? ทำไปทำไม ?
3. ขณะนี้เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ ? (สุข, ทุกข์, เฉย ๆ)

2.หัดฟังเสียงที่ตัวเองพูดว่า ในสถานการณ์หนึ่ง ๆ คุณเลือกใช้คำพูดอย่างไร ? น้ำเสียงอย่างไร ?

ข้อสังเกต การที่คนเราคิด Negative ส่วนใหญ่เพราะ เก็บเอานิสัยในวัยเด็กมาใช้

พฤติกรรมที่เรียกว่า Negative Thinking มี 11 ประเภท ดังนี้

1. สภาพจิตที่เย็นชา
สาเหตุ เกิดจากขาดเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอนในชีวิต
อาการ
· ไม่สามารถพูดคุยกับคนที่ตนเคารพรักด้วยวาจาที่สุภาพอ่อนโยน
· รู้สึกเบื่อหน่าย, อยากเก็บตัวอยู่คนเดียว, นั่งเฉย ๆ เหม่อลอย ไม่สามารถทำงานที่เคยชอบทำเป็นประจำได้
· เมื่อเกิดความโกรธ จะพูดจาก้าวร้าว ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ อาจจะรุนแรงถึงขั้นเกิดความเย็นชา
· หน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งวัน
· นอนไม่หลับ
ทางแก้
· ต้องอยู่กับปัจจุบัน คือ ต้องรู้ตัวว่าขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่, กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ และมีความรู้
สึกอย่างไร

2. สภาพจิตที่รักตัวเองไม่เป็น แยกได้ 2 อาการหลัก

2.1 ไม่พอใจในสรีระของตนเอง : เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง
ทางแก้
· ให้แก้ไขเป็นจุดๆ อย่างสรุปว่าตัวเองเป็นคนรูปร่าง บุคลิกไม่ดี
· บอกตัวเองว่า " จงพอใจในตัวเอง "
2.2 พวกช่างบ่น เนื่องจาก
· หนีปัญหา ไม่ต้องการแก้ปัญหา ต้องการพึ่งพาผู้อื่น
· โทษชะตาชีวิต โทษผู้อื่นว่าทำให้ตัวเองไม่มีความสุข
· ขาดความอดทน ขาดความเพียรที่จะทำงานให้เสร็จ , ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน
ทางแก้
· เมื่อได้รับคำชมให้ยิ้มรับ และอย่าปฏิเสธในใจ
· เมื่อรู้สึกชื่นชมใครให้เราแสดงออกให้บุคคลนั้นทราบ
· ให้รางวัลตัวเองหลังทำงานหนัก เช่น ดูแลสุขภาพตัวเอง, ซื้อของให้ตัวเอง
· เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น เพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจ

3. สภาพจิตที่ต้องการการยอมรับจากผู้อื่นอยู่เสมอ

อาการ
· เมื่อมีคนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของตน จะเลิกทำสิ่งนั้นทันที ส่งผลให้เป็นคนขาดความรับ
ผิดชอบ
· เป็นคนไม่มีหลักการ : พูดเพื่อเอาใจผู้อื่น, ใช้คำพูดหวานเกินเหตุ, พยักหัว , ขอโทษบ่อยเกิน
ความจำเป็น
· เมื่อถูกตำหนิ จะเกิดความเศร้า วิตก กลัวเกินกว่าเหตุ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ดี-ไม่เก่ง
· ทำตัวฝืนโลก หรือ ทำตัวเป็นผู้รอบรู้
ทางแก้·
ต้องรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้
· พยายามสร้าง Positive Self-image บอกตัวเองทุกวัน " I'm good I'm better I'm smart "
· ให้บอก " ขอบคุณ" ในสิ่งที่เขาวิจารณ์ และคิดว่าเป็นความรู้ใหม่
· ถ้าต้องทำอะไรตามผู้อื่นให้บอกไปว่า ที่ทำเนื่องจากเป็นสิ่งถูกต้อง
· เมื่อเจอคนที่ไม่เห็นด้วยกับเราให้คิดว่า เราก็คือเรา เขาก็คือเขา "ความงามของโลกคือ ความแตกต่าง"
· สร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยคิดว่า ไม่ใช่ว่าเขายอมรับเราแล้วชีวิตเราจะดีขึ้น หรือ หัดวิจารณ์กลับ

4. สภาพจิตที่อยู่แต่เรื่องในอดีต

คนเรามักติดป้ายฉลาก ( label ) ให้ตัวเองว่า เป็นคนแบบใด จึงทำให้คน ๆ นั้นไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าคิดเช่นนี้ ชีวิตของท่านก็ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่ตายแล้ว

ทางแก้·
ยอมรับว่าเราเคยเป็นคนเช่นนั้นจริง แต่นั่นเป็นอดีต และเราขอตั้งต้นใหม่เปลี่ยนเป็นคนใหม่
· เราต้องตั้งจิตที่จะเปลี่ยนและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
· ตั้งใจมุ่งมั่นเลิกคิดเรื่อง Negative

5. สภาพจิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไร้สาระ (ความรู้สึกผิด, ความรู้สึกกังวล)

5.1 อารมณ์ที่รู้สึกผิด
อาการ
· ขี้เกียจ, ไม่รับผิดชอบ รู้ว่าต้องทำอะไรแต่ไม่ทำ
· แกล้งทำอาการสำนึกผิดเพื่อให้คนอื่นช่วยเหลือและยอมรับตนเอง
ทางแก้
· อดีตผ่านไปแล้ว จบแล้วไม่สามารถแก้ไขอดีตได้
· อย่าหลอกตัวเอง ตอนนี้มีอะไรทำก็ทำไป
· หัดเขียนไดอารีว่ารู้สึกผิดเรื่องอะไร กับใคร เกิดขึ้นได้อย่างไร
· ทบทวนระบบความคิด ระบบการมองโลกของตนเอง ว่าอะไรควร - อะไรไม่ควร

5.2 อารมณ์รู้สึกกังวล
อาการ
· หนีปัญหา : หลีกหนีสิ่งที่ต้องทำในปัจจุบัน
· กลัวการเสี่ยง เนื่องจากขาดการวางแผน, ขาดการขบคิดอย่างละเอียดรอบคอบ
· อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราแคร์
ทางแก้
· เมื่อเริ่มกังวลให้ถามตัวเองว่า "เรากำลังหนีปัญหาใช้มั้ย ขาดการวางแผน"
· กังวลแล้วได้อะไร, กำหนดเวลาให้กังวล หรือดูหน้าตาความกังวลว่าเป็นอย่างไร
· เขียนเรื่องที่กังวลออกมาว่ามีเรื่อง และพิจารณาดูว่าพอจะมีวิธีแก้ไขได้หรือไม่
· ถามตัวเองว่า ถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเราจะยอมรับผลได้หรือไม่

6. สภาพจิตที่กลัวการลองของใหม่
อาการ
· มีระเบียบวินัยเข้มงวดเกินขอบเขต : มีรูปแบบในการดำเนินชีวิตซ้ำซาก เช่นพฤติกรรมการกินเดิมๆ
· ทนทำงานที่ไม่ชอบ เนื่องจากต้องการความมั่นคงปลอดภัยมากเกินไป
· ระมัดระวังในเรื่องเวลามาก เนื่องจากเป็นนักวางแผนละเอียดจนเกินไป
· ยึดติดวัตถุทั้ง ๆ ที่ตัวเองอาจไม่ชอบ แต่เพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูดี ต้องการให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ
· รับแนวความคิดใหม่ ๆ ไม่ได้, กลัวการมีเพื่อนใหม่, ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
วิธีแก้ ให้บอกกับตัวเอง ดังนี้
· ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ : ค่อย ๆ ลองทำอะไรใหม่ ๆ ทีละนิด
· ไม่ต้องกลัวความล้มเหลว หรือกลัวเสียหน้า : หัดคุยกับคนที่มีโลกทัศน์ต่างจากตัวเอง
· ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ให้รางวัลตัวเองบ้าง

7. สภาพจิตที่กลัวการแหวกกรอบประเพณี
อาการ
· พูดและแสดงพฤติกรรมตามสังคมเพราะต้องการการยอมรับจากผู้อื่นและตำหนิผู้ที่ไม่ทำตามกรอบสังคม
· เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้ มีความลังเล เพราะเป็นคนมองโลกไม่ตรงตามความจริง
· เป็นพวกที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังผู้ใหญ่จนขาดความเป็นตัวของตัวเอง ขาดการพิจารณาด้วยตนเอง
วิธีแก้
· เขียนกรอบประเพณีที่เราไม่เห็นด้วยออกมา และบอกตัวเอง "พยายามอย่าทำ"
· เลิกจับผิดผู้อื่น เพราะเป็นการบังคับให้ผู้อื่นทำตามเรา
· เมื่อต้องตัดสินใจ พยายามพิจารณาแต่ละทางเลือกอย่างละเอียดรอบคอบ ซ้าย ขวา หน้า หลัง

8. สภาพจิตที่คิดว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม
อาการ
· เป็นพวกช่างบ่น ต้องการความเห็นใจ
· มีพฤติกรรม 50 / 50 คือ ใครดีกับเราต้องตอบแทนกลับทันที
· ต้องการหนีปัญหา โทษผู้อื่น เช่น โทษระบบเส้นสาย
· ต้องการแก้แค้นผู้อื่นที่เอาเปรียบตัวเอง เมื่อคนนั้นได้ดีกว่าตน
วิธีแก้
· เลิกตอบโต้ในทางลบกับผู้ที่คิดไม่เหมือนเรา
· ให้พูด " มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย " แทนการพูดว่า " มันไม่ยุติธรรม "
· เลิกคิดแบบ 50 / 50 แต่ให้พิจารณาตามโอกาสและความเหมาะสม

9. สภาพจิตที่ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง
ให้ถามตัวเองก่อนว่า ผลจากการที่คุณผลัดวันประกันพรุ่ง ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด กระวนกระวายใจหรือไม่
อาการ
· คนที่ทนทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ
· หนีปัญหา : ไม่อยากเจอผู้คน, รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากทำอะไร คอยให้เวลาช่วยให้ปัญหาผ่านไป
· พวกที่แกล้งอุทิศแรงกายแรงใจ เพื่อผู้อื่น ทั้ง ๆ ที่งานของตนยังไม่เสร็จ
· ผู้ที่รักการวิจารณ์ผู้อื่นตลอดเวลา ส่งผลให้ตัวเองไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวออกมาไม่ดี
ทางแก้
· ถามตัวเองว่า " อีก 5 นาทีข้างหน้า จะทำอะไร "
· ถามตัวเองว่า คุณจะทนรับสภาพอึดอัดกระวนกระวาย,ความรู้สึกผิดหรือความรู้สึกต่ำต้อยได้หรือเปล่า
· ก่อนจะทำอะไรให้มองถึงผลลัพธ์ แล้วถามตัวเองว่ายอมรับผลที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่
· สร้างสถานการณ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างพลังบวก เช่น ใกล้กับคนที่เราชอบ เป็นต้น

10. สภาวะจิตที่ต้องพึ่งพาผู้อื่น

สาเหตุ ในวัยเด็กได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่ใช้อำนาจกับลูกมากเกินไป
อาการ
· คนที่ชอบพูดขู่ว่า " ถ้าทำอีกครั้งจะตัดญาติ " หรือ พวกที่ชอบทำลายข้าวของ
· จะทำอะไรต้องขออนุญาต หรือถามความเห็นจากผู้อื่นตลอดเวลา
· สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน เป็นคนอยู่สันโดษไม่ได้
ทางแก้
· ต้องหาให้เจอว่าใครคือผู้ที่ครอบงำอำนาจเรา : แสดงให้เขาเห็นว่าเราเป็นคนทำอะไรมีหลักการ
· พยายามปลีกตัวอยู่สันโดษบ้าง เช่น วันละ 1 - 2 ชั่วโมง ทบทวนเรื่องต่าง ๆ หรืออ่านหนังสือ เป็นต้น
· บอกตัวเองว่า " ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องทำให้ทุกคนมีความสุข"

11. สภาพจิตที่โกรธแล้วต้องแสดงออก

อาการ
· ต้องการบังคับโลกให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ
· รู้สึกว่าโลกขาดความยุติธรรม
· แกล้งโกรธเพื่อให้อีกฝ่ายจำยอม
· แกล้งโกรธเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า
· การจราจรติดขัด
ทางแก้
· พยายามปรับทัศนะในการมองโลกว่า โลกนี้จริง ๆ แล้วเราไม่สามารถควบคุมบุคคลอื่นได้ตลอดเวลา
· ใช้ " ใจ " พิจารณา โดยการถามตัวเองว่า " โกรธแล้วได้อะไร "
· พยายามรู้เท่าทันความโกรธ : สังเกตว่าอะไรคือตัวกระตุ้นให้เราเกิดความโกรธ
· ในสถานการณ์ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ เช่น รถติด ให้หาเทปที่มีประโยชน์มาฟังเพื่อให้จิตใจสบาย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณเป็นประเภทไหนบ้างป่าว ของผมเหมือนเป็นเกือบหมดยกเว้น ข้อ 10-11 แต่ที่หนักสุดก็คงเป็นข้อ 9 กระมังครับ

ก็ลองดูนะครับว่าจะมีส่วนช่วยได้บ้างไหม สำหรับผมส่วนตัวผมคิดว่ามันคงช่วยได้บ้างครับ

.
..
...
กำลังรอและควานหากุญแจที่หายไปครับ




 

Create Date : 04 มกราคม 2550   
Last Update : 4 มกราคม 2550 16:36:37 น.   
Counter : 6693 Pageviews.  

มันก็แค่เรื่องเมื่อวาน..


ผมเป็นคนไม่ได้ปฎิบัติธรรม ไม่เข้าใจธรรมมะ ไม่เข้าใจตัวเองก็มักหลงในความรู้สึก หลงไหลในความคิดวกวนของตนเอง
มีแต่อารมณ์ ไม่ยินดี ก็ยินร้าย ไม่สงบ
ฟุ้งซ่านไป ทุกข์ไป ปรุงไป อยู่อย่างนั้นเลยทำให้เป็นทุกข์มาก

เรียกตนเองว่า คนคิดมาก คนมีอารมณ์มาก ไม่เข้าใจตนเอง
ความสงบก็ไม่มี เพราะเชื่อตามความรู้สึกตนเองที่ถูกจิตปรุงแต่งไปเรื่อยๆ

เมื่อจิตเกิดอุปทาน ยึดมั่นถือมั่น จึงเกิดคำว่า "สิ่งนี้" "คนนี้" "คนนั้น" "ถ้าเราทำอย่างนี้" "ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น" วกวนไปมา จิตไม่เคยอยู่กับปัจจุบัน

และบางครั้ง จิตก็คิดถึงอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง "อยากมีแบบคนนั้น" . "อยากเป็นแบบคนนี้" ไม่มีสิ้นสุด
... ได้แต่อยาก แต่ไม่เคยทำ

คงถึงเวลาแล้วกระมัง ที่จะต้องทำตนให้อยู่ในปัจจุบันให้มากสุด





++++++++++++++++++++++++++++++

อยากจะลืม...เรื่องราววุ่นวายในชีวิต
เรื่องราวที่ยังวนเวียนทำให้คิด...ถึงวันนั้นยังไม่จางไป

คงไม่นานถ้าหากเราไม่คิดถึงใครๆ เราก็คงจะลืมมัน
เพียงนิดเดียวถ้าหากเราไม่ต้องพบเจออะไร...ที่มันผูกมันพันกัน

มันคงไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ถ้าวันนี้ไม่มีเค้า
และคงไม่ยากเย็นอะไรถ้าพรุ่งนี้มีเพียงเรา
คนเดียว...ไม่ต้องไปสนใจ มันก็แค่เรื่องเมื่อวาน...

อยากจะลืม...ใครสักคนที่ทำให้เราเหงา
ใครสักคนที่ยังคงทำให้เราเศร้า...แม้วันนี้ยังคงเสียใจ

มันคงไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ถ้าวันนี้ไม่มีเค้า
และคงไม่ยากเย็นอะไรถ้าพรุ่งนี้มีเพียงเรา
คนเดียว...ไม่ต้องไปสนใจ

มันก็แค่เรื่องเมื่อวาน...






^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
มันก็แค่ความคิด

มันก็แค่ความรู้สึก

มันเกิดขึ้นแล้วจักหายไป มีแล้วหายไป

มันก็แค่เรื่องเมือ่วาน




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2549   
Last Update : 28 ธันวาคม 2549 13:27:22 น.   
Counter : 749 Pageviews.  

Why am I so sad ?

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เช้าวันหนึ่ง..ที่ โรงพยาบาล...



" ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ"
คุณแม่คนใหม่เอ่ย ขึ้น..



เมื่อห่อผ้า น้อย ๆ .........................อยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อ ออก..
เพื่อมองใบหน้า เล็ก ๆ .........................



กรี๊ดดดด.....เธอ กรีดร้อง
หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว



** เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**



และแล้ว....กาลเวลา พิสูจน์ว่า.... การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา



ปัญหา..มีเฉพาะสิ่ง ที่มองเห็นภายนอก คือ....ใบหูที่หายไป



หลายครั้ง..ที่เจ้า หนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่



เธอรู้ว่า..หัวใจ ลูกปวดร้าวแค่ไหน...
เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า
"พวกเด็กตัวโต .. พวกมันล้อผมว่า
..
--ไอ้ตัวประหลาด- -"




จน กระทั่ง........................... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา.. เป็นที่รัก ของเพื่อน ๆ..
เค้ามีพรสวรรค์ ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และ ดนตรี..
เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น
...



แต่เพราะเจ้าสิ่ง นั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร



" ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก" แม่กล่าว..ด้วยความสงสาร ลูก



พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...
"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้ บริจาค..แต่ใครล่ะ..
จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคน นี้" คุณหมอกล่าว



จน กระทั่ง ..........................2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูก ชาย..
"ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..หาคน บริจาคใบหู



ที่ลูกต้องการได้ แล้ว...
แต่นี่เป็นความลับ"




การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิด ขึ้น..



....เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...
เป็นอัจฉริยะ ในโรงเรียน...ในวิทยาลัย
จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่น ต่อรุ่น



ต่อมาได้แต่ง งาน... และทำงาน.. เป็นข้าราชการในสถานทูต



วันหนึ่ง.. ชาย หนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า.



" พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา ใครช่างให้ผมได้มากมาย..
แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด"



" พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก.
เรื่อง นี้..........................เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว"
พ่อตอบ..



หลายปีผ่าน ไป....
มันยังคงเป็นความลับ



และแล้ว..วันนึง.. วันที่มืดมิดที่สุด.. ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย




แม่เค้าได้เสียชีวิตลง.



เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้หีบศพของแม่



พ่อเรียก เค้า..
"มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่"
พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่ม นวล



ผมสีน้ำตาลแดง.. ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..
ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ



...และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..
...ใบหูของแม่...หายไป!..



แม่ไม่มีใบ หู...
"นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอด ชีวิต"..
พ่อกระซิบผ่านลูก ชาย



" แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ.......................... ที่ได้ทำอย่างนี้..ตั้งแต่วัน ผ่าตัด..



แม่ไม่เคยตัดผมอีก เลย..
ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริง มั๊ย?
- - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - -



จงจำ ไว้..



~ สิ่งมีค่า..........................ที่แท้จริง~
ไม่ ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..
~สิ่งที่ เรา..มองไม่เห็น~
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



~ ความรัก..ที่แท้จริง~



ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..



หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



~ ความรัก~



บางครั้ง.. ไม่จำ เป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..



หากแต่อยู่ที่.... การกระทำ. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..



เพียงแค่..ฝ่าย เดียว..



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




อ่านจบแล้ว..ใช้สมอง..ตรึกตรองสัก นิด..



ถ้าพรุ่งนี้..เรา ตายไป..



บริษัท..
สามารถหาคนมาแทนเราได้
ภายในไม่กี่ วัน..



แต่ครอบครัว เรา..
ต้องสูญเสีย..
และคิดถึงเรา..ไป ตลอด



เราได้ใช้ชีวิต.. กับการทำงาน
มากกว่าครอบครัว..หรือเปล่า?



ถ้า มากกว่า...
ก็เป็นการลงทุน..
ที่ไม่ฉลาดเลย จริง ๆ..

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Why am I so sad?
Becasue I always think about myself & some who will fulfill my life, but I have never thought about two persons who really love me with all their hearts.
++++++++++++++++++++++++++++++++++

PS: ได้ forward mail อันนี้จากพี่สาวท่านนึง ขอบคุณครับที่ส่งเรื่องราวดีๆมาให้ผม...

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านเรื่องราวดีๆเหล่านี้แล้วจะดูแลปะป๊า มาม๊า ของพวกท่านให้ดีกว่าเก่าครับ




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2549   
Last Update : 13 ตุลาคม 2549 17:26:38 น.   
Counter : 386 Pageviews.  

"เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา"... พยายามทำแล้ว ยากจัง

วันนี้เจ้านายไม่อยู่ เลยพอมีเวลาว่าง มาเปิดเนทดู ได้พบบทความ "เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา" อ่านแล้วรู้สึกดีครับ เลยเอามาแชร์ให้เพื่อนๆอ่านครับ


"ปัญหา" เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากเลี่ยงหลีก แต่ไม่มีใครที่หนีมันพ้นได้ เพราะปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ในเมื่อเราไม่มีวันหนีปัญหาพ้น จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเตรียมใจให้พร้อมเพื่อต้อนรับมันอยู่เสมอ

ปัญหาสามารถก่อให้เกิดปัญญาได้หากรู้จักมองหรือใคร่ครวญกับมัน นักเรียนจะเฉลียวฉลาดได้ก็เพราะหมั่นทำการบ้าน การบ้านนั้นคืออะไรหากไม่ใช่ปัญหาหรือโจทย์ที่ต้องขบคิด ถ้าครูไม่ขยันให้โจทย์หรือตั้งคำถามให้นักเรียนขบคิด นักเรียนก็ยากที่จะเกิดปัญญาได้

โลกก้าวหน้าได้เพราะเรารู้จักเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา มองให้แคบลงมา ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากประสบวิกฤต

ในความทุกข์นั้นก็มีทางออกจากความไม่ทุกข์แฝงอยู่เสมอ ในภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins เด็กชายบรู๊ซ (ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว)ได้พลัดตกลงไปในหลุม เมื่อพ่อช่วยขึ้นมาแล้ว ได้ถามลูกว่า "รู้ไหมทำไมคนเราถึงหกล้ม?" ลูกนึกไม่ออก พ่อจึงเฉลยว่า "ก็เพื่อเราจะได้รู้วิธีลุกขึ้นมาไงล่ะ"


ความทุกข์มีขึ้นก็เพื่อสอนเราให้รู้จักหลุดพ้นจากความทุกข์ ปัญหาเกิดขึ้นก็เพื่อสอนเราให้เกิดปัญญา ด้วยเหตุนี้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากคือครูที่มาสอนให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++

รายละเอียด อ่านได้ที่นี่นะครับ //www.budpage.com/ba186.shtml
สำหรับผม จะทำได้หรือไม่ ก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับ ไม่ใช่ผมตั้งใจที่จะไม่นำเอาไปคิดนะครับ แต่เพราะว่าการรู้และปฎิบัติไม่เหมือนกันครับ ผมเองก็รู้ว่าทุกข์ที่เกิดจากความคิดวนไปมาของผมนั้น ต้องวางลงไปถึงจะผ่อนมันได้ แต่ใจลึกๆมันก็ยังดื้อๆแบกมัน คงต้องพยายามฝึกใจ ฝึกสมาธิกระมังครับ ถึงจะสามารถควบคุมจิตใจของเราได้

เหอะๆๆ วันนี้มาแปลกเฟ้ย เอ้กๆๆๆ

ดูการ์ตูนย์อันนี้แล้วช่วยคิดหน่อยสิครับว่า ผู้วาดต้องการสื่ออะไร ผมเองลองดูหลายท่านให้ความเห็นในบอร์ดที่ผมไปก้อปมานะ แตกต่างหลากหลายครับ แต่ผมอยากรู้ว่าเพื่อนๆของผมคิดยังไงกันบ้าง




 

Create Date : 01 กันยายน 2549   
Last Update : 1 กันยายน 2549 17:58:29 น.   
Counter : 371 Pageviews.  

ก็อปบล็อคเค้ามาทั้งดุ้น..น่าอ่านมาก

แหะๆๆๆ ไม่ว่างหรอกนะ แต่ดันมีปัญญามานั่งตาม บล้อคของพี่คนหนึ่ง ขอเรียกว่า อาจารย์นนท์ ก็แล้วกันเพราะป๋มไปคุกเข่าขอให้รับป๋มเป็นศิษย์แล้ว (แต่มะรู้นะว่าจะรับเด็กน้อย ไร้ปัญญาอย่างผมอะป่าว)

ผมได้อ่านบล็อคของจารย์นนท์ มาหลายเอ็นทรีแล้วครับ มองแล้ว จาร์ยนนท์ เป็นคนที่มองและคิดอะไรอย่างเป็นระบบดีครับ อย่างเช่น //chanon.exteen.com/20040926/blog จารย์นนท์ แกเริ่มต้นแกก็บอกจุดประสงค์ของแกเลยว่า ทำไม เพราะอะไร เพื่ออะไร แกถึงได้มาเขียนบล็อคอันนี้ นอกจากนี้ยังมี 7 habbit ของแก ที่ผมอ่านแล้วก็ได้แต่อึ้งๆ ต้องขอบคุณพี่ ชิมิคะ สุดหล่อ... ที่ได้นำผมไปสู่บล็อคจารย์นนท์โดยไม่รู้ตัว (เนื่องด้วยความชื่นชมที่ผมมีต่อพี่เค้า ดังนั้นถ้าพี่เค้า บอกว่า อันไหนดีน่าสนใจ ผมก็จะตามไปอ่านว่าดีจิงป่าว เอ้กๆๆ - น่ากัวหวะ! พูดมาได้ไงเนี่ย.... น่ากัวจังเยย )

ผมหนะ ไม่เคยอ่านหรอกนะครับ ไอ้ 7 habbit ของ covey แต่ผมเคยถูกส่งตัวไปนั่งเรียนอยู่วันนึง โดยวิทยากรภายในองค์กรของผมเองครับ ได้หนังสือเล่มใหญ่ๆมาเล่มหนึ่งเหมือนเป็นแบบฝึกหัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันก็กองอยู่ที่บ้านผมเองแหละ แทบไม่ได้เอามาปัดฝุ่นเลย จนกระทั่งได้อ่าน บทความเรื่องเดียวกันนี้ของอาจารย์นนท์ ทำให้ผมรู้สึกว่า ข้าน้อยนี่ด้อยปัญญานัก มิอาจตีความได้ลึกซึ้ง อย่างท่านพระอาจารย์นนท์ได้เขียนไว้

แค่การตีความหมาย ผมก็อึ้งแดกแล้ว จารย์นนท์ แกคิดได้ไงเนี่ย??? ทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงแก่นของมันมากกว่าเดิม ลองดู ตย. จากที่อาจารย์นนท์แกแปลไว้ที่นี่นะครับ //chanon.exteen.com/20040927/entry

1. เรื่องของ paradigm หรือภาษาไทยแปลออกมาเป็นคำว่า "กรอบความคิด" แต่เพื่อให้อ่านง่ายๆ แกขอแปลเป็น "มุมมอง" => อันนี้เราแปลคล้ายกัน

2. Habit 1: Be Proactive หรือที่แกขอเรียกว่า "มีสติ" หรือ "จงรู้ตัวว่าคุณเลือกได้" => อันนี้ไม่รู้แกแปลไปได้ไงเนี่ย ช่างลึกซึ้งจริงๆ ผมหนะก็แค่คิดเพียงว่า หมายถึง การเป็นคนกระตือรือร้น คิดและวางแผนล่วงหน้า

3. Habit 2: Begin with the end in mind "เริ่มต้นด้วยภาพของจุดสิ้นสุดในใจ" หรือ "จงเลือกว่าคุณต้องการจุดสิ้นสุดอย่างไร" => อันนี้ผมแปลว่า เริ่มต้นจากเป้าหมายที่เราต้องการ

4. Habit 3: First things first "ให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญ" หรือ "จงทำตามสิ่งที่คุณเลือก" => อันนี้ผมแปลว่า จัดลำดับความสำคัญของงาน สิ่งไหนทำก่อนทำหลัง

ผมหนะ แปลทุกอย่างออกมาในรูปของการทำงาน อ้าวก็คนสอนเป็นชนชั้น Vice president ของบริษัทผมนี่ครับ ข้อดีของการเรียนรู้ผ่านสื่อที่เป็นอาจารย์คือ เราจะสามารถย่อยความคิดได้โดยเร็วเพราะมันผ่านการกลั่นกรองจากคนหนึ่งคนแล้ว แต่ข้อเสียคือ มันอาจทำให้เรามองไม่เห็นมุมมองอีกมุมที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อออกมา

ไม่ใช่ผมเทียบความสามารถของ VP ผมกับ ท่านจารย์นนท์นะ เพราะตอนที่ผมนั่งเรียนผมสัปปะหงกอะคับ บางทีจิตใจก็คิดโน่น คิดนี่ไปเรื่อย เอ.. วันนี้ตอนเบรคจะมีขนมไรกินนะ เอ..มันจะเลิกกี่โมงวะเนี่ย เอ.. วันนี้แฟนเราจะคิดถึงเราไหม ฯลฯ ทำให้ผมไม่ค่อยมีสมาธิในการรับฟังเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นได้ผ่านหูผมและมันสมองอันน้อยนิดของผมเข้ามาบ้าง แต่ผมก็ได้แค่ตีความว่า การจะประสพความสำเร็จตามหลักการณ์ 7 habbit นั้น เราต้อง เป็นคนกระตือรือร้น คิดและวางแผนล่วงหน้า เริ่มต้นจากเป้าหมายที่เราต้องการ และ จัดลำดับความสำคัญของงาน สิ่งไหนทำก่อนทำหลัง ผมไม่เคยเข้าถึงปรัชญาที่ซ่อนภายในมัน อย่างที่ จารย์นนท์สามารถมองเห็นไว้เลย

จารย์นนท์ จะมองภาพ หลักการ 7 habbit เป็นหลักการดำเนินชีวิต (ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการทำงานอย่างเดียว อย่างที่ผมคิด)

ต.ย.เช่นเรื่องกรอบความคิด จารย์นนท์ว่าไว้ว่า

"นิสัยของคนเรา คือ เมื่อเราพบคนที่มีความคิดเห็น หรือมุมมอง ที่แตกต่างจากเรา เรามักจะสรุปทันทีเสมอว่า คนนั้น ผิด แน่นอน เราถูกชัวร์ ในขณะที่คนคนนั้นก็คงจะคิดเช่นเดียวกันว่า เขาน่ะ ถูกชัวร์ แต่เราน่ะ ที่มั่ว ... สิ่งที่เราต้องจดจำคือ การที่คนอื่น มีความคิดเห็นต่างจากเรา ไม่จำเป็นว่าเขาจะผิดเสมอไป แต่มันเป็นเพียงมุมมองอีกด้านนึง ของ "ความจริง" เดียวกัน เท่านั้นเอง ... เป้าหมายของเราจึงเป็นการปรับ หรือขยาย "กรอบความคิด" ของเรา หรือ "มุมมอง" ของเรา ให้ครอบคลุม "ความจริง" ให้ได้หลายด้านมากที่สุด .. เปรียบเสมือนว่า กรอบความคิดของเราเป็น "แผนที่" ส่วน "ความจริงทั้งหมดในเรื่องนั้นๆ หรือของชีวิต" เป็นพื้นที่จริงที่แผนที่นั่นเป็นตัวแทน ... ยิ่งแผนที่ของเราถูกต้องแม่นยำเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเข้าใจและสามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางดเดินได้อย่างถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น"

ต.ย. เรื่อง จงรู้ว่าตัวคุณเลือกได้ - Being Proactive

"ความหมายของมันก็คือ ในชีวิตของคนเรามีและเจอเรื่องต่างๆ มากมาย ตั้งแต่เรื่องที่อาจจะเรียกว่าสำคัญ เช่นว่าจะเลือกเรียนอะไร จะทำงานอะไร จะแต่งงานกับใคร จะเป็นคนนิสัยแบบไหน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานการณ์หนึ่งๆ เช่น เจอเรื่องที่ไม่ชอบแล้วจะอารมณ์เสียไหม เจอสภาพที่เลวร้ายจะทำยังไง ไม่เห็นด้วยกับใครคนนึงแล้วจะทำยังไง หรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น จะใช้เวลาว่างทำอะไร เป็นต้น ทุกเรื่องในชีวิต ทุกเหตุการณ์ เราสามารถเลือกได้ ว่าเราจะคิดยังไงกับเรื่องนั้น เราจะทำยังไงกับเรื่องนั้น เราจะตอบสนองยังไงกับเรื่องนั้น ถ้าเรามีสติและความรู้ตัวที่จะเลือก"

" หัวใจของ Habit 1 ก็คือ "Control your own destiny" .. ควบคุมดวงชะตาของคุณเอง ... ควบคุมชีวิตของตัวเอง .. ด้วยการเลือกด้วยตัวเอง อย่าปล่อยให้สิ่งอื่น ให้คนอื่น เป็นตัวตัดสินว่าอะไรดี อะไรไม่ดีสำหรับเรา เพราะมีเราเท่านั้นแหละ ที่จะบอกได้ว่าอะไรดีสุดสำหรับตัวเราเอง"

ต.ย.เรื่อง จงเลือกว่าคุณต้องการจุดสิ้นสุดอย่างไร- Begin with the end in mind

"ในงานศพของคุณมีครอบครัว มีญาติ มีเพื่อนสนิทของคุณ มีเพื่อนที่ทำงาน มีเจ้านายและลูกน้องของคุณ มาร่วมงาน .. และอาจมีใครคนอื่นอีกมาร่วมงาน จินตนาการว่าในงานศพของคุณ คุณอยากให้คนที่มาร่วมงาน จดจำคุณอย่างไร จดจำว่าคุณเป็นคนอย่างไร เป็นคนนิสัยอย่างไร มีความหมายกับพวกเขาอย่างไร"

โอ้ย!.... แค่นี้ผมก็มึนแทบสลบแล้ว เรื่องๆเดียวกัน กลับตีความออกมาได้ขนาดนี้ คงเหมือนกับพระธรรม คำสั่งสอนของพุทธเจ้ากระมังครับ ที่ท่องกันได้เยอะแยะ บทสวดต่างๆ แต่จะมีบุคคลมากน้อยเท่าไหร่ ที่จะเข้าใจพระธรรมคำสั่งสอนนั้น (รวมทั้งกระผมด้วย)

ขอบคุณพี่ชิมิคะ มากเลยครับ ขอบคุณจริงๆที่เปิดโลกทัศน์ให้ผม (แหม! อย่างนี้รักตายเลย เหอะๆๆ) จารย์นนท์ครับ ผมพยายามทำตามเจตนารมย์ของจารย์นะครับ โดยการพยายามทำให้บล็อคไม่เป็นแค่เรื่องส่วนตัว แต่ยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้และความคิดเห็นต่อกัน มิทราบว่าจะรับข้าน้อยเป็นศิษย์ได้ยังครับ คุกเข่าเมื่อยแล้วนะ

จารย์.... แต่อย่างไรก็ตามผมก็บอกจารย์ไว้ก่อนนะ ผมมันเด็กดื้อแถมไร้สาระ และเอาแต่ใจ วันไหนผมอึดอัดผมก็เขียนเรื่องชีวิตประจำวันผมตามปกติ วันไหนผมไปเดินทางมาผมก็จะลงรูปและเรื่องราวที่ผมได้พบลงด้วยนะครับ จะให้วิชาการเพียวๆแบบจารย์ หรือ พี่ชิมิคะ คงไม่ได้ครับ เพราะมันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตผมครับ



edit @ 2006/01/24 14:20:51




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 14 กรกฎาคม 2549 14:56:09 น.   
Counter : 466 Pageviews.  

1  2  3  

น้องzeroสุดหล่อ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




พายุที่มันพัดผ่าน หอบฝนมา
ฟ้ามืดหม่นสักเท่าไร เราอาจจะต้องหนาว
ต้องทรมานแต่ไม่นานก็คงจางหาย
มันเป็นเหมือนกำลังใจจากฟ้า
ส่งมาให้คนรู้ว่าชีวิตมีค่า..
แค่อย่าเพิ่งถอดใจ
[Add น้องzeroสุดหล่อ's blog to your web]