ก็อปบล็อคเค้ามาทั้งดุ้น..น่าอ่านมาก
แหะๆๆๆ ไม่ว่างหรอกนะ แต่ดันมีปัญญามานั่งตาม บล้อคของพี่คนหนึ่ง ขอเรียกว่า อาจารย์นนท์ ก็แล้วกันเพราะป๋มไปคุกเข่าขอให้รับป๋มเป็นศิษย์แล้ว (แต่มะรู้นะว่าจะรับเด็กน้อย ไร้ปัญญาอย่างผมอะป่าว) ผมได้อ่านบล็อคของจารย์นนท์ มาหลายเอ็นทรีแล้วครับ มองแล้ว จาร์ยนนท์ เป็นคนที่มองและคิดอะไรอย่างเป็นระบบดีครับ อย่างเช่น //chanon.exteen.com/20040926/blog จารย์นนท์ แกเริ่มต้นแกก็บอกจุดประสงค์ของแกเลยว่า ทำไม เพราะอะไร เพื่ออะไร แกถึงได้มาเขียนบล็อคอันนี้ นอกจากนี้ยังมี 7 habbit ของแก ที่ผมอ่านแล้วก็ได้แต่อึ้งๆ ต้องขอบคุณพี่ ชิมิคะ สุดหล่อ... ที่ได้นำผมไปสู่บล็อคจารย์นนท์โดยไม่รู้ตัว (เนื่องด้วยความชื่นชมที่ผมมีต่อพี่เค้า ดังนั้นถ้าพี่เค้า บอกว่า อันไหนดีน่าสนใจ ผมก็จะตามไปอ่านว่าดีจิงป่าว เอ้กๆๆ - น่ากัวหวะ! พูดมาได้ไงเนี่ย.... น่ากัวจังเยย ) ผมหนะ ไม่เคยอ่านหรอกนะครับ ไอ้ 7 habbit ของ covey แต่ผมเคยถูกส่งตัวไปนั่งเรียนอยู่วันนึง โดยวิทยากรภายในองค์กรของผมเองครับ ได้หนังสือเล่มใหญ่ๆมาเล่มหนึ่งเหมือนเป็นแบบฝึกหัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันก็กองอยู่ที่บ้านผมเองแหละ แทบไม่ได้เอามาปัดฝุ่นเลย จนกระทั่งได้อ่าน บทความเรื่องเดียวกันนี้ของอาจารย์นนท์ ทำให้ผมรู้สึกว่า ข้าน้อยนี่ด้อยปัญญานัก มิอาจตีความได้ลึกซึ้ง อย่างท่านพระอาจารย์นนท์ได้เขียนไว้ แค่การตีความหมาย ผมก็อึ้งแดกแล้ว จารย์นนท์ แกคิดได้ไงเนี่ย??? ทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงแก่นของมันมากกว่าเดิม ลองดู ตย. จากที่อาจารย์นนท์แกแปลไว้ที่นี่นะครับ //chanon.exteen.com/20040927/entry 1. เรื่องของ paradigm หรือภาษาไทยแปลออกมาเป็นคำว่า "กรอบความคิด" แต่เพื่อให้อ่านง่ายๆ แกขอแปลเป็น "มุมมอง" => อันนี้เราแปลคล้ายกัน
2. Habit 1: Be Proactive หรือที่แกขอเรียกว่า "มีสติ" หรือ "จงรู้ตัวว่าคุณเลือกได้" => อันนี้ไม่รู้แกแปลไปได้ไงเนี่ย ช่างลึกซึ้งจริงๆ ผมหนะก็แค่คิดเพียงว่า หมายถึง การเป็นคนกระตือรือร้น คิดและวางแผนล่วงหน้า
3. Habit 2: Begin with the end in mind "เริ่มต้นด้วยภาพของจุดสิ้นสุดในใจ" หรือ "จงเลือกว่าคุณต้องการจุดสิ้นสุดอย่างไร" => อันนี้ผมแปลว่า เริ่มต้นจากเป้าหมายที่เราต้องการ
4. Habit 3: First things first "ให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญ" หรือ "จงทำตามสิ่งที่คุณเลือก" => อันนี้ผมแปลว่า จัดลำดับความสำคัญของงาน สิ่งไหนทำก่อนทำหลัง
ผมหนะ แปลทุกอย่างออกมาในรูปของการทำงาน อ้าวก็คนสอนเป็นชนชั้น Vice president ของบริษัทผมนี่ครับ ข้อดีของการเรียนรู้ผ่านสื่อที่เป็นอาจารย์คือ เราจะสามารถย่อยความคิดได้โดยเร็วเพราะมันผ่านการกลั่นกรองจากคนหนึ่งคนแล้ว แต่ข้อเสียคือ มันอาจทำให้เรามองไม่เห็นมุมมองอีกมุมที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อออกมา ไม่ใช่ผมเทียบความสามารถของ VP ผมกับ ท่านจารย์นนท์นะ เพราะตอนที่ผมนั่งเรียนผมสัปปะหงกอะคับ บางทีจิตใจก็คิดโน่น คิดนี่ไปเรื่อย เอ.. วันนี้ตอนเบรคจะมีขนมไรกินนะ เอ..มันจะเลิกกี่โมงวะเนี่ย เอ.. วันนี้แฟนเราจะคิดถึงเราไหม ฯลฯ ทำให้ผมไม่ค่อยมีสมาธิในการรับฟังเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นได้ผ่านหูผมและมันสมองอันน้อยนิดของผมเข้ามาบ้าง แต่ผมก็ได้แค่ตีความว่า การจะประสพความสำเร็จตามหลักการณ์ 7 habbit นั้น เราต้อง เป็นคนกระตือรือร้น คิดและวางแผนล่วงหน้า เริ่มต้นจากเป้าหมายที่เราต้องการ และ จัดลำดับความสำคัญของงาน สิ่งไหนทำก่อนทำหลัง ผมไม่เคยเข้าถึงปรัชญาที่ซ่อนภายในมัน อย่างที่ จารย์นนท์สามารถมองเห็นไว้เลย จารย์นนท์ จะมองภาพ หลักการ 7 habbit เป็นหลักการดำเนินชีวิต (ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการทำงานอย่างเดียว อย่างที่ผมคิด) ต.ย.เช่นเรื่องกรอบความคิด จารย์นนท์ว่าไว้ว่า "นิสัยของคนเรา คือ เมื่อเราพบคนที่มีความคิดเห็น หรือมุมมอง ที่แตกต่างจากเรา เรามักจะสรุปทันทีเสมอว่า คนนั้น ผิด แน่นอน เราถูกชัวร์ ในขณะที่คนคนนั้นก็คงจะคิดเช่นเดียวกันว่า เขาน่ะ ถูกชัวร์ แต่เราน่ะ ที่มั่ว ... สิ่งที่เราต้องจดจำคือ การที่คนอื่น มีความคิดเห็นต่างจากเรา ไม่จำเป็นว่าเขาจะผิดเสมอไป แต่มันเป็นเพียงมุมมองอีกด้านนึง ของ "ความจริง" เดียวกัน เท่านั้นเอง ... เป้าหมายของเราจึงเป็นการปรับ หรือขยาย "กรอบความคิด" ของเรา หรือ "มุมมอง" ของเรา ให้ครอบคลุม "ความจริง" ให้ได้หลายด้านมากที่สุด .. เปรียบเสมือนว่า กรอบความคิดของเราเป็น "แผนที่" ส่วน "ความจริงทั้งหมดในเรื่องนั้นๆ หรือของชีวิต" เป็นพื้นที่จริงที่แผนที่นั่นเป็นตัวแทน ... ยิ่งแผนที่ของเราถูกต้องแม่นยำเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเข้าใจและสามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางดเดินได้อย่างถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น" ต.ย. เรื่อง จงรู้ว่าตัวคุณเลือกได้ - Being Proactive "ความหมายของมันก็คือ ในชีวิตของคนเรามีและเจอเรื่องต่างๆ มากมาย ตั้งแต่เรื่องที่อาจจะเรียกว่าสำคัญ เช่นว่าจะเลือกเรียนอะไร จะทำงานอะไร จะแต่งงานกับใคร จะเป็นคนนิสัยแบบไหน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานการณ์หนึ่งๆ เช่น เจอเรื่องที่ไม่ชอบแล้วจะอารมณ์เสียไหม เจอสภาพที่เลวร้ายจะทำยังไง ไม่เห็นด้วยกับใครคนนึงแล้วจะทำยังไง หรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น จะใช้เวลาว่างทำอะไร เป็นต้น ทุกเรื่องในชีวิต ทุกเหตุการณ์ เราสามารถเลือกได้ ว่าเราจะคิดยังไงกับเรื่องนั้น เราจะทำยังไงกับเรื่องนั้น เราจะตอบสนองยังไงกับเรื่องนั้น ถ้าเรามีสติและความรู้ตัวที่จะเลือก" " หัวใจของ Habit 1 ก็คือ "Control your own destiny" .. ควบคุมดวงชะตาของคุณเอง ... ควบคุมชีวิตของตัวเอง .. ด้วยการเลือกด้วยตัวเอง อย่าปล่อยให้สิ่งอื่น ให้คนอื่น เป็นตัวตัดสินว่าอะไรดี อะไรไม่ดีสำหรับเรา เพราะมีเราเท่านั้นแหละ ที่จะบอกได้ว่าอะไรดีสุดสำหรับตัวเราเอง" ต.ย.เรื่อง จงเลือกว่าคุณต้องการจุดสิ้นสุดอย่างไร- Begin with the end in mind "ในงานศพของคุณมีครอบครัว มีญาติ มีเพื่อนสนิทของคุณ มีเพื่อนที่ทำงาน มีเจ้านายและลูกน้องของคุณ มาร่วมงาน .. และอาจมีใครคนอื่นอีกมาร่วมงาน จินตนาการว่าในงานศพของคุณ คุณอยากให้คนที่มาร่วมงาน จดจำคุณอย่างไร จดจำว่าคุณเป็นคนอย่างไร เป็นคนนิสัยอย่างไร มีความหมายกับพวกเขาอย่างไร"
โอ้ย!.... แค่นี้ผมก็มึนแทบสลบแล้ว เรื่องๆเดียวกัน กลับตีความออกมาได้ขนาดนี้ คงเหมือนกับพระธรรม คำสั่งสอนของพุทธเจ้ากระมังครับ ที่ท่องกันได้เยอะแยะ บทสวดต่างๆ แต่จะมีบุคคลมากน้อยเท่าไหร่ ที่จะเข้าใจพระธรรมคำสั่งสอนนั้น (รวมทั้งกระผมด้วย) ขอบคุณพี่ชิมิคะ มากเลยครับ ขอบคุณจริงๆที่เปิดโลกทัศน์ให้ผม (แหม! อย่างนี้รักตายเลย เหอะๆๆ) จารย์นนท์ครับ ผมพยายามทำตามเจตนารมย์ของจารย์นะครับ โดยการพยายามทำให้บล็อคไม่เป็นแค่เรื่องส่วนตัว แต่ยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้และความคิดเห็นต่อกัน มิทราบว่าจะรับข้าน้อยเป็นศิษย์ได้ยังครับ คุกเข่าเมื่อยแล้วนะ จารย์.... แต่อย่างไรก็ตามผมก็บอกจารย์ไว้ก่อนนะ ผมมันเด็กดื้อแถมไร้สาระ และเอาแต่ใจ วันไหนผมอึดอัดผมก็เขียนเรื่องชีวิตประจำวันผมตามปกติ วันไหนผมไปเดินทางมาผมก็จะลงรูปและเรื่องราวที่ผมได้พบลงด้วยนะครับ จะให้วิชาการเพียวๆแบบจารย์ หรือ พี่ชิมิคะ คงไม่ได้ครับ เพราะมันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตผมครับ
edit @ 2006/01/24 14:20:51
Create Date : 14 กรกฎาคม 2549 |
| |
|
Last Update : 14 กรกฎาคม 2549 14:56:09 น. |
| |
Counter : 466 Pageviews. |
| |
|
|