● พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ● ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ● VIDEOTEXT
● ๐๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ● AUDIO TEXT ● ๒๕ เมษายน ๒๕๔๙ ● VIDEOTEXT
งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปีเครือข่ายกาญจนาภิเษก๖๐ ล้านความดีถวายในหลวง
เผยแพร่แนวทรงงานมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช

● เรา ในหลวง ● We The King ● หนังสือพิมพ์ “ข่าวโลก” ออนไลน์ ● The “World News” Newspaper Online. ● เกาะติดสถานการณ์ ประชาธิปไตยที่ถูกฆ่า ● HaWii CluB : www.hawiiclub.com ●

Zebu Zigouiller
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Zebu Zigouiller's blog to your web]
Links
 

 

ข่าวโลก+โลกวันนี้/พระพยอมวันนี้ ๑๑-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๘



ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑๐ ประจำสัปดาห์ที่ ๑๑-๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น


บุกอีสานทำเมกะโปรเจกต์
สวนนาเพื่อคนชรา


ปัญหาคนแก่ถูกทิ้งเป็นปัญหาที่สะสม มานาน บางคนไม่มีลูก บางคนลูกหลานไปอยู่กรุงไม่กลับมาดูแล พระ พยอมเตรียมย้ายถิ่นชั่วคราว มุ่งสู่ พื้นที่อีสานทำโครงการสวนนาเพื่อคนชรา ให้ที่อยู่ ที่กิน ที่พักพิง กับคนชราที่เปรียบเหมือนคนไร้ญาติต้องช่วยแก้ปัญหาคนแก่บ้าง

มีคนชอบว่าอาตมาว่าเป็นพระจอมโปรเจกต์ มีเรื่องบางอย่างที่คิดไว้นานแล้วแต่ไม่กล้าพูดไม่กล้าทำ เป็นจังหวะที่มันยังไม่ให้ แต่ช่วงนี้เห็นมีสถานการณ์บีบคั้นให้น่าทำ เป็นเรื่องการดูแลคนชรา เพราะเดี๋ยวนี้ปัญหาของคนชรามารวมตัวกันแก่มีมากมาย

ปู่ย่าตายายถูกลูกหลานปล่อยไว้ให้อยู่กับบ้านแล้วตัวเองมาหากินกรุงเทพฯบ้าง ไปต่างประเทศบ้าง คนแก่ก็เลยถูกทิ้งไปโดยปริยาย คนแก่ภาคอีสานบางคนลูกหลานไปทำงานทางภาคใต้โดนคลื่นสึนามิซัดตายไป ตัวเองก็อยู่ว้าเหว่

“โครงการสวนนาเพื่อคนชรา” สวนนาเพื่อคนชราเป็นอย่างไร คือเดี๋ยวนี้ยกตัวอย่างบางจังหวัด อย่างที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เขามีการทอดผ้าป่า ซื้อสวนยางสวนปาล์มให้คนชรา ให้หนุ่มสาวไปกรีดไปเก็บปาล์มยางแล้วเอาเงินมาดูแลคนแก่ที่ลูกหลานฐานะไม่ดี หรือว่าแกไม่มีลูกหลาน หรือลูกหลานตายบ้าง ทอดทิ้งไปบ้าง ไปทำงานต่างประเทศบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง อะไรอย่างนี้

อาตมาเห็นว่าตอนนี้ที่บ้านพักคนชราก็แน่นล้นไปหมด และหลายๆประเทศก็เริ่มรู้สึกตัวเหมือนกันว่าเงินคลังที่ไว้ใช้ดูแลคนชราก็เริ่มร่อยหรอลงไป แล้วคนแก่ก็มีมากขึ้นทุกวัน เพราะคนเดี๋ยวนี้อายุยืน ไม่ตายช้า ตายมาก อยู่มาก

เป็นจังหวะเหมาะพอดีที่คุณพีรพงษ์ เฮงสวัสดิ์ ส.ส.บุรีรัมย์ เขาบริจาคที่ให้วัดเป็นที่ติดกับแม่น้ำมูล เป็นพื้นที่ที่ปลูกมะม่วง ทำสวนไว้ 400 ไร่ มีผลไม้ 4,000 กว่าต้น และรอบๆบริเวณนั้นก็มีนา นาแถวๆนั้นปลูกข้าวขึ้นดีมาก มะม่วงก็อร่อย แม่ค้าตลาดไทบอกว่ามะม่วงที่นั่นอร่อย ถูกปากถูกใจคน

โครงการนี้จะทำให้คนแก่ที่ไม่มีเงิน ไม่มีบ้านพัก มาอยู่มาพัก จะทำบ้านให้พัก แต่ถ้ามีบ้านอยู่แล้วก็ให้อยู่ที่บ้านนั่นแหละ แต่ว่าเดือนหนึ่งสามารถมาเอาของที่เป็นผลไม้ในสวน ข้าวในนา ไปกินหรือเอาไปขายก็ได้ คงจะเริ่มทำสักปีสองปีนี้ ถ้ามีคนเห็นด้วยในโครงการนี้ ไม่ต้องเสียเงินก็ได้

อาตมาคิดว่าขยะสามารถสร้างโครงการสวนนาของคนชราได้ ถ้าญาติโยมบริจาคของเหลือใช้ให้กับวัดกันมากขึ้นก็จะนำขยะมาแปรเป็นเงิน ปีหนึ่งได้ 10 ล้าน 20 ล้าน ก็จะได้หาที่หาทางมาดูแลคนแก่ได้มากขึ้น

งานศาสนาเราต้องทำครบทั้งเผยแผ่ทั้งจิตวิญญาณ ปากท้อง และสงเคราะห์เอื้ออาทร ให้เขาไม่อดไม่อยาก แล้วเชื่อว่าจะมองว่าแนวความคิดของพระหรือศาสนาที่พึ่งมีได้ทั้งปากท้องและจิตใจ อาตมามั่นใจนักหนาเลยว่าโครงการนี้น่าจะไปรอดกว่าทุกโครงการ ถ้าใครเห็นด้วยก็แจ้งมาทางวัด อาตมาจะเริ่มดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้เริ่มไปขุดสร้างรากฐานไว้แล้ว เริ่มสร้างซูเปอร์มาร์เกตผู้ยากไร้ และจะทำบ้านพัก ห้องน้ำ ห้องส้วม ให้คนชราตามสมควรแก่ทุนทรัพย์ที่มี ให้เค้าเตรียมวางแผนสร้างส้วม ทำห้องน้ำ ทำที่พักเตี้ยๆ ให้อยู่กับพื้น คนแก่ปีนขึ้นปีนลงไม่ลำบาก

เมกะโปรเจกต์ของพระ

อาตมาเชื่อว่าโปรเจกต์หรือโครงการนี้จะเป็นเมกะโปรเจกต์ของพระบ้าง แข่งกับเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลดูจะให้งบรัฐบาลมาช่วยคนชราทั้งหมดเลย โดยพระไม่ช่วยเลย เดี๋ยวเขาหาว่าพระไม่มีฝีมือ จะมองว่าพระไม่มีนโยบายกู้ชาติ กู้คนชราให้พ้นทุกข์พ้นร้อน อะไรอย่างนี้ อยากจะกู้ความทุกข์ยากอดอยากให้กับคนชราที่ว้าเหว่ ที่ไม่ค่อยจะมีความอบอุ่นจากลูกจากหลานยุคนี้

คนที่เคยสร้างโบสถ์สร้างวิหารสร้างเจดีย์อะไรกันมาเยอะ ลองมาสร้างที่พักพิงอิงอาศัยให้คนวัยชราดูบ้างก็น่าจะเกิดประโยชน์ เราไปสร้างโบสถ์สวยๆ สร้างเจดีย์สวยๆ เวลาหิวเวลาอดขึ้นมาจะไปรื้อกระเบื้องกินก็ไม่ได้นะ เราลองสร้างอะไรที่มันกินได้อิ่มได้ หิวข้าวก็มีข้าว กิน หิวผลไม้ก็มีผลไม้กิน ปลูกมะพร้าวอ่อน มะพร้าวน้ำหอมไว้เยอะ คนชราได้ดื่มมะพร้าวน้ำหอมสักอึกสองอึกก็ชื่นใจ คงไม่แพ้กับการไปยืนดูโบสถ์เจดีย์สวยงามแล้วชื่นใจ

พระพยอมจะไปอยู่อีสาน

ฉะนั้นอาตมาเลยคิดทำเรื่องนี้ และจะทำอย่างจริงจัง แล้วอาตมาก็คิดว่าอยากจะไปอยู่ภาคอีสานสักพักหนึ่งด้วย น่ากลัวต้องห่างไกลกับคนกรุงเทพฯสักหน่อย อยากจะเอาเวลาไปช่วยตรงนั้น เพราะว่าคนตรงนั้นกำลังว้าเหว่ เพราะลูกหลานเข้ามาหาถิ่นเจริญในกรุงเทพฯ หรือไปทำงานอยู่เมืองนอกเมืองนา ปล่อยให้คนแก่ที่ไม่เคยคิดทิ้งถิ่นฐานไม่อยากทิ้งถิ่นเกิดไปไหน อยู่พื้นเพบ้านตัวเองสบายใจ อยู่ใกล้พระใกล้เจ้า ใกล้สงฆ์แล้วสบายใจ อบอุ่น อาตมาจึงคิดว่าจะต้องทำโครงการนี้ให้สำเร็จ.

ครูประท้วง..ระวังจะตกงาน

อาตมาอยากจะพูดถึงเรื่องการโอนย้ายสถานศึกษาบ้าง เพราะเห็นว่าครูบาอาจารย์ออกมากรีดเลือดประท้วงขวางแนวทางการโอนสังกัดของครู (สพฐ.) ให้ไปอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

อาตมาได้ฟัง “ดร.รุ่ง แก้วแดง” พูดก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงว่า ครูคงไม่ทำอะไรรุนแรงที่บอกว่าจะกรีดเลือดตัวเองประท้วง เพราะครูทุกท่านเป็นผู้มีปัญญา เป็นปัญญาชนกันทั้งนั้น พอท่านรุ่งพูดจบ ไม่ทันชั่วโมงครูก็กรีดเลย

ไม่ทราบว่าครูไปดูหนังบู๊ล้างผลาญหรือเล่นเกมกดอะไรที่รุนแรงไว้มากหรืออย่างไร ถึงได้เล่นบทประท้วงรุนแรงอย่างนั้น ไม่ต่างกับพวกที่ทำงานโรงงาน หรือพวกกรรมกรเท่าไหร่ ระบบการศึกษาอย่างนี้ก็แย่อยู่แล้ว ผู้ให้การศึกษากับเด็กมาทำอย่างนี้มันน่าเป็นห่วง

และอาตมายังนึกแปลกใจว่า ที่ครูไปพูดว่าพวก อบต. อบจ. ทั้งหลายเป็นพวกที่มีการศึกษาน้อย รู้เรื่องอย่างนี้น้อย แล้วถามว่าคนพวกนั้นมันลูกศิษย์ใคร มันจบมาจากใคร

กระทรวงศึกษาฯเองเขาก็บอกว่าไม่ได้บังคับนะ เขาบอกให้สมัครใจ ใครพร้อมให้โอนไปก่อน แถมยังบอกด้วยว่า โอนไปแล้วถ้าไม่พอใจก็ขอกลับมาใหม่ได้ นี่แปลกนะคนเราไม่คิดที่จะย้ายถิ่น ไม่คิดที่จะย้ายสังกัด

เดี๋ยวถ้า อบต. อบจ. ประชดบ้างโดยบอกว่าต่อไปนี้จะสร้างโรงเรียนเอง แล้วหางบมาจ้างครูเอง ระวังนะครูที่ออกมาค้านหนักๆจะไม่มีที่อยู่ในท้องถิ่น เพราะถ้าหากว่า อบต. อบจ. เขาเกิดคิดสร้างโรงเรียนในท้องถิ่นขึ้นมาเอง บริหารกันเอง ครูอาจก็จะตกงาน เพราะครูไม่ร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่น ในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง หรือครูที่ไปอาศัยอยู่กับต่างถิ่น โดยไม่สนใจองค์กรท้องถิ่นของที่นั้นๆ ไม่เคารพพระภูมิเจ้าที่ของเขาบ้างเลยก็อาจแย่ เพราะว่า อบต. อบจ. ทั้งหลายคนเหล่านี้เขาก็เหมือนกับพระภูมิเจ้าที่

ครูไปตั้งแง่กับเขาอย่างนี้ เขาก็ต้องขัดข้องใจอยู่เหมือนกัน ในเมื่อกฎหมายบอก ไว้อยู่แล้วว่าต้องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น กฎหมายอะไรมันร่างออกมาก็มักจะไม่ค่อยจะถูกใจใคร บางทีมันถูกต้องแต่ไม่ถูกใจคน.

“วัน” ตื้นตัน หลวงพ่อไม่เคยซ้ำเติม

วันที่ 11 พ.ย. นี้ นายวัน (วันเฉลิม) อยู่บำรุง จะเดินทางมาที่วัดสวนแก้ว เพื่อเข้ามารายงานตัวบำเพ็ญประโยชน์ตามคำสั่งศาล ที่ให้นายวันบำเพ็ญประโยชน์จำนวน 48 ชั่วโมง

พระพยอม กลฺยาโณ กล่าวว่า จะให้นายวันช่วยทำงานรับแขก รับของจากคนที่เดินทางเข้ามาบริจาคข้าวของที่วัด และให้ช่วยดูแลเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็กกำพร้า หรือไปช่วยคุมเด็กทำงาน

ด้านนายวันได้กล่าวกับ “พระพยอมวันนี้” ว่าตนรู้สึกตื้นตัน และรักหลวงพ่อพยอมมาก เพราะหลวงพ่อไม่เคยออกข่าวซ้ำเติม มีแต่ให้กำลังใจ ตนยินดีและดีใจที่ได้เข้ามาทำประโยชน์ด้านสังคม โดยเฉพาะกับเด็กเร่ร่อน ในโครงการบ้านทักษะชีวิตของวัดสวนแก้ว และแม้ว่าจะครบกำหนดบำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงแล้วก็อยากจะทำงานกับเด็กตรงนี้ต่อไป.

“เณรพยอมจอมยุ่ง” รวมเล่มแล้ว
อ่านได้ทั้งหนังสือและบนมือถือ


พระพยอมผลักดันการ์ตูน “เณรพยอมจอมยุ่ง” จำหน่ายทั่วประเทศ วันที่ 11 เดือน 11 (ศุกร์ที่ 11 พ.ย. นี้) พร้อมปล่อย “เณรพยอมโมบายตูน” ให้ดาวน์โหลดอ่านการ์ตูนธรรมะผ่านทางมือถือได้ทุกหนแห่ง เปิดใจต้องนำระบบการตลาดมาใช้เพื่อชิงตลาดจากการ์ตูนลามกที่มีขายอยู่เกลื่อนตลาด แทนที่จะแจกจ่ายแค่ในวัด ยอมรับสื่อมวลชนที่ตั้งฉายาให้เป็นพระนักการตลาด เพราะเหตุที่วัดสวนแก้วไม่มีวัตถุมงคล ไม่มีพระธาตุ พระบาท เจดีย์ เป็นจุดขาย จึงต้องใช้ “ธรรมาร์เกตติ้งผสานธรรโมโลยี” ชักจูงคนเข้าหาธรรมะ เชิญสื่อมวลชนร่วมฟังแถลงข่าวและร่วมฟังเทศนาธรรมพิเศษหัวข้อ “การ์ตูนลามก กับการ์ตูนธรรมะ ใครมีโอกาสชนะมากกว่ากัน?” เวลาบ่ายโมง วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. นี้ ที่โบสถ์ธรรมชาติ วัดสวนแก้ว ขอเชิญชวนเด็กๆ ให้พาพ่อแม่มาวัดสวนแก้ว และรับแจกฟรีการ์ตูน “เณรพยอมจอมยุ่ง” ในวันเวลาเดียวกัน.


ครม.ทำเจ๋ง สั่งลดเวลาขายเหล้า


มติ ครม. เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้มีผลบังคับใช้ในการจำหน่ายสุรา จากเดิมให้จำหน่ายได้ตั้งแต่ 17.00-02.00 น. ของวันถัดไป เปลี่ยนเป็นให้จำหน่ายได้ตั้งแต่ 17.00-24.00 น. เรื่องนี้จะส่งผลกลับมายังสังคมให้มีการดื่มกินกันน้อยลงหรือไม่อย่างไรก็ต้องดูกันต่อ

อาตมาเห็นว่าในช่วงนี้รัฐบาลก็เริ่มหันมามองสังคม โดยเฉพาะสังคมที่จมอยู่หลุมดำด้านน้ำเมา ของสิ่งเสพติด เป็นสิ่งที่ถูกเพ่งเล็งว่าจะต้องแก้ไขโดยด่วน

คนเดี๋ยวนี้ก็ทำงานแบบเสียน้ำเหงื่อเพื่อน้ำเมากันไปมากมาย ไม่ได้ทำงานเพื่ออนาคตเพื่อครอบครัว ทำไปเพื่อเบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ เบียร์ลิง เบียร์สารพัดเดรัจฉาน ทำงานได้เงินมาก็เอาไปลงกับพวกนี้หมด

แปลก! คนขายนมนี่เหนื่อยแทบตายทั้งๆที่ทำแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย มีสุขภาพอนามัย แต่กลับไม่ค่อยรวยเหมือนคนขายเหล้า

เพราะฉะนั้นพ่อค้าแม่ค้าที่ขายเหล้าเมื่อโดนคณะรัฐมนตรีลงมติร่นเวลาขายให้สั้นลงให้น้อยลง พวกขี้เหล้าขี้ยาแทนที่จะเอาเวลาไปจมปรักอยู่กับความมึนวันละหลายๆชั่วโมงก็จะมีชั่วโมงเมาน้อยลง ชั่วโมงซื้อ ชั่วโมงกิน ชั่วโมงเมาลดลงไปด้วย สติสัมปชัญญะก็คงจะกลับมาขึ้นอีกเยอะ ไม่สับสนในการดำรงชีวิต กลางค่ำกลางคืนเป็นเวลาที่ควรจะหลับนอน ไม่ใช่เวลาตะลอนๆไปกินเหล้า ไปประทุษร้ายสติ สัมปชัญญะตัวเองจนดึกๆดื่นๆ

สติเป็นของหายากอยู่แล้ว แล้วคนที่มุ่งหาสตางค์ในทางที่ทำลายสติคนอื่นมันก็ไม่เป็นอาชีพที่ได้บุญหรอก ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลจัดการกับเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สรรค์สร้างกับสังคม แต่มันอาจจะไม่สร้างสรรค์ สำหรับพ่อค้าแม่ขายที่มีรายได้จากการขายน้ำเมา

ที่จริงแล้วถ้ารัฐบาลทำให้คนเหลือเวลาเมากันสักวันละ 3-4 ชั่วโมงก็น่าจะยิ่งดี แต่นี่ก็ค่อนข้างจะปล่อยให้หย่อนยาน ไม่ได้ไปทำให้ตึงอะไรจนเกินไปหรอก นอกจากพวกหิวเงินกับพวกหิวเหล้าอาจจะรู้สึกเศร้าใจเมื่อรัฐบาลเข้ามากีดกั้นเวลา แต่คนที่เป็นบัณฑิตชนก็อนุโมทนาที่รัฐบาลคิดในเรื่องอย่างนี้ เริ่มทำสิ่งที่มีคุณค่าให้กับคน จะเป็นการลดทั้งอุบัติเหตุ สติปัญญาที่จะถูกผลาญ ก็น่าจะเป็นโอกาสที่น่าอนุโมทนาสาธุกับคณะรัฐมนตรีที่มีมติสร้างสรรค์ขึ้นมากับสังคม.

ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ฉบับวันสุข วันศุกร์ที่ ๑๑ - วันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2548 1:45:04 น.
Counter : 507 Pageviews.  

ข่าวโลก+โลกวันนี้/เจริญธรรม ๘-๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘



ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๒ ประจำสัปดาห์ที่ ๘-๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ฉบับที่ ๒

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ฉบับที่ ๑


ฝรั่งตื่นตัวการทำสมาธิยอมจ่ายค่าเรียนแพงลิ่ว

ฝรั่งรู้คงอิจฉาคนไทยที่สามารถเรียนรู้การทำสมาธิวิปัสสนากันอย่างสะดวก แทบไม่ต้องเสียเงินเสียทอง ต่างกับพวกเขาที่รู้ผลดีอันมหาศาลของการปฏิบัติ แต่ต้องจ่ายแพงๆ เพื่อเข้าคอร์สอบรม ซื้อหนังสือหนังหาและสื่ออื่นๆมาศึกษาเอาเอง...

แต่คนไทยเองก็มีเรื่องน่าเสียดายเหมือนกันที่บางคนไม่ยอมหยิบฉวย “วิถีแห่งการพ้นทุกข์” ที่อยู่ใกล้มือ

ชาวตะวันตกกำลังตื่นตัวอย่างสูงกับกิจกรรมที่พวกเขาเรียกว่า Meditation ถึงขนาด Time ยังเคยนำเรื่องนี้เป็น cover story ซึ่งทราบกันดีว่าเรื่องที่ถูกนำขึ้นหน้าปกของนิตยสารฉบับนี้ต้องเป็นเรื่องที่แรง มีผลกระทบต่อความสนใจของสังคมโลกเท่านั้น

จากพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย Meditation แปลว่า การคิดคำนึง การไตร่ตรอง การเพ่ง พิจารณาดู การมุ่งหมาย และการเข้าฌาน

สำหรับคนไทยแล้ว Meditation ก็คือ “การทำสมาธิ” นั่นเอง

ความจริงฝรั่งเริ่มสนใจเรื่องสมาธิมานานเป็นสิบๆปี แต่เพิ่งกลายเป็น “กระแส” ของคนทั่วไปเมื่อไม่นานมานี้

อย่างที่ทราบกันว่าฝรั่งเป็นชาติที่ทำอะไรทำจริง วางแผนงานอย่างเป็นระบบ ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยถึงที่มาที่ไปด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ อธิบายรายละเอียดไปถึงการทำงานของสมอง ซึ่งช่วยปลุกกระแสความตื่นเต้นของพวกเขา ที่มีต่อประโยชน์ของการทำสมาธิมากขึ้นและขยายเป็นวงกว้าง

หลวงพ่อถาวร จิตตถาวโร ซึ่งมีประสบการณ์หน้าที่วิปัสสนาจารย์ สอนการทำสมาธิแก่ชาวต่างชาติ เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ในธรรมบรรยายครั้งหนึ่งของท่านว่า

“ฝรั่งน่ะเขาเอาจริงนะ ไม่ใช่ว่าจะยกย่อง เคยไปสอนที่อเมริกา 42 วัน ว่าก็ว่า ฝรั่งเขานั่งได้ดีกว่าคนไทยด้วย อาจารย์สอน 3 ชั่วโมงรวด 5 ชั่วโมงรวด ฝรั่งไม่เคยลืมสติเลย คนไทยเราต่างหากเอาดีไม่ได้ เดี๋ยวโน่นเดี๋ยวนี่ บางทีก็อดไม่ได้ คันโน่นคันนี่ หนักๆเข้าเลย
คุยกัน เลยสู้ฝรั่งไม่ได้ ฝรั่งทำจริง แล้วปฏิบัติจริง”

“พวกเขาตื่นตัวกันมาก ในเมืองนอกเมืองนาทั่วๆไป แถวยุโรปก็ดี ทางสแกนดิเนเวีย (ยุโรปตอนเหนือ) ก็ดี ทางอเมริกาก็ดี หรือว่าทางออสเตรเลียก็ดี ฝรั่งต่างสนใจเรื่องปฏิบัติกันมาก”

ปัจจุบันมีเว็บไซต์เกี่ยวกับ Meditation เฉพาะที่เขียนด้วยภาษาอังกฤษ ก็นับจำนวนไม่หวาดไม่ไหว เว็บไซต์บางแห่งมีการจำหน่ายหนังสือ ซีดี และดีวีดี สอนการทำสมาธิ ที่สามารถบริการส่งไปรษณีย์ไปทั่วโลก สนนราคาหลายร้อยบาทถึงหลักพัน

ฝรั่งคงอิจฉาคนไทยถ้ารู้ว่าพวกเราแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพราะมีหนังสือซีดี วีซีดี แจกกันนับจำนวนไม่หวาดไม่ไหว รวมถึงคอร์สอบรมสมาธิก็ฟรี แถมอยู่ไม่ไกลจากบ้านอีกด้วย คงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคนต่างชาติที่ตั้งใจศึกษาเรื่องการทำสมาธิและวิปัสสนากรรมฐานยอมเสียค่าเครื่องบินเดินทางข้ามทวีปมายังประเทศไทย

แต่น่าเสียดายที่ชาวไทยบางส่วนมองข้ามของดีมีสิริมงคลแก่ชีวิตที่อยู่ใกล้ตัว ซึ่งพระราชพิพัฒนาทร หรือหลวงพ่อถาวร เคยแสดงความคิดเห็นไว้ครั้งหนึ่งแก่ผู้ที่เข้ามาฟังการบรรยายธรรมะของท่านว่า

“เคยไปเนเธอร์แลนด์มา ที่นั่นค่านั่งสมาธิเสียแพงมาก ชั่วโมงหนึ่งหลายเงิน
ที่อัมสเตอร์ดัมแถวนั้นชั่วโมงการฝึกสมาธิต้องเสียค่าเทอมแพงมาก หลายเหรียญทีเดียว
แต่เรานี่ไม่ต้องเสียเงินอะไรหรอก แต่ไม่ค่อยมีคนฝึก มีน้อยเต็มทน”

“ที่เมืองนอก วัดไทยเราเกิดขึ้นกันมาก ฝรั่งสนใจในเรื่องปฏิบัติมาก เราต่างหากนั่งเฝ้าเกสร แต่ไม่มีอะไรได้กิน วันดีคืนดีแมลงผึ้งมันมาเอาไปกินหมดเกสร นับวันฝรั่งจะมีความสนใจกันมากขึ้น แล้วหนักๆเข้าเขาจะมาสอนพวกเราอีกต่อ เราอยู่กับของแท้ แต่ไม่ยอมดูเจ้าของ คนที่อยู่ตั้งไกลสุดหัวบ้านหัวเมืองเอาไปกินหมด แล้วก็เอามาสอนเราต่อ”

อย่างไรก็ตาม นับเป็นเรื่องโชคดีของคนไทยในปัจจุบันเพราะอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคที่การทำสมาธิภาวนาและวิปัสสนากรรมฐาน “กำลังบูม” ในบ้านเมืองเรา สามารถเรียนรู้ศึกษาจากสื่อต่างๆได้มากมายและไม่ยากนัก ทั้งหนังสือ ซีดี วีซีดี และอินเทอร์เน็ต มีทั้งฟรีและเสียเงินเล็กน้อย รวมทั้งโปรแกรมการอบรมจากพระภิกษุและจากฆราวาสผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์

สำหรับที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านชุมชนอย่างสยามสแควร์ อยู่ระหว่างห้างสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ และเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา ได้จัดอบรมธรรมปฏิบัติเป็นประจำ ณ ศาลาพระราชศรัทธา ทุกวันอาทิตย์ที่ 1 และ 3 ของเดือน

ครั้งต่อไปวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ทางวัดจะได้อาราธนาพระอาจารย์เก่งปคุโณ จากวัดป่าเชือกธรรม จ.อุบลราชธานี มาเป็นพระวิปัสสนาจารย์ เริ่มเวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

หรือถ้าท่านใดมีความรู้ธรรมปฏิบัติระดับหนึ่ง และปรารถนาจะหาสถานที่สงบเงียบในการนั่งสมาธิเดินจงกรมเพื่อเจริญสติ ก็สามารถเดินทางมาที่ศาลาพระราชศรัทธาได้เช่นกัน ทุกวัน ตั้งแต่ 7 โมง ถึง 2 ทุ่ม ซึ่งระหว่าง 07.00-08.00 น., 12.00-13.00 น. และ 17.00-20.00 น. จะมีการแสดงธรรมด้วย.

ปุจฉา-วิสัชนา กับหลวงพ่อถาวร

ปฏิบัติธรรมในป่าช้า
ปุจฉา

ทราบมาว่า หลวงพ่อเข้าป่าช้าอย่างต่อเนื่อง ขอความเมตตาจากหลวงพ่อเล่าเรื่องนี้ครับ รวมถึงเหตุผลด้วย

วิสัชนา

ตั้งแต่บวชปี 2510 ก็เข้าป่าช้ามาตลอด ทั้งป่าช้าไทย ป่าช้าฝรั่ง ทุกป่าช้าในต่างประเทศที่ไป ไปอเมริกาก็ไปอยู่ป่าช้าอเมริกา ไปอินเดียก็อยู่ป่าช้าอินเดีย อินเดียนี่ยิ่งสะดวก เพราะรอบทิศมีแต่ป่าช้าหมดเลย เผลอๆส่วนหนึ่งของวัดก็เป็นป่าช้าเหมือนกัน มีแต่ผีเต็มไปหมด ทั้งฝังทั้งเผา เดินออกมาก็เจอเลย

ตั้งแต่เมื่อครั้งบวชเป็นสามเณรแล้ว หลวงน้าเคน หรือพระอาจารย์บุญเคน จิตตปุญโญ ซึ่งเป็นพระอาจารย์รูปแรกที่สอนการปฏิบัติให้ รู้ว่าเรากลัวผีจึงส่งให้ไปอยู่ป่าช้าเพียงลำพังคนเดียวแล้วยังต้องทำหน้าที่เผาศพไปด้วย ซึ่งคืนแรกก็ไม่ได้เห็นผีที่ไหนย่างกรายออกมาสักตนเดียว จึงไม่เคยหวาดกลัวผีสางอีกต่อไป ทำให้รู้แก่ใจว่า “ตัวเองหลอกตัวเอง คือกลัวความคิดของตัวเองแท้ๆ”

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ป่าช้าจึงเป็น “แดนสัปปายะ” ในการเจริญจิตภาวนาตราบจนปัจจุบัน แล้วก็ป่าช้ามีบรรยากาศเงียบสงบ ช่วยให้เกิดแนวคิดต่างๆ

ทุกเดือนหากไม่มีเหตุติดขัด วันเสาร์แรกของเดือนอาตมาจะนำอุบาสก อุบาสิกา ไปเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมตามป่าช้าต่างๆในจังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี เช่น วิสุทธิมรรคคิรี โดยจะเดินทางจากวัดปทุมวนารามตอน 2 ทุ่ม แล้วกลับประมาณตี 4

ไม่ได้สมาทานศีล

ปุจฉา

ปัจจุบันดิฉันถือศีล 5 อยู่ แล้วรักษาศีลประจำทุกวัน วันไหนเป็นวันพระดิฉันจะถือศีล 8 แต่ไม่ได้สมาทานศีลจากพระสงฆ์ แบบนี้ถือว่าเป็นการรักษาศีลได้หรือเปล่าค่ะ

วิสัชนา

หากมีความคิดที่จะตั้งใจงด ตั้งใจจะเว้น ตั้งใจจะเลิก ตั้งใจหยุดพฤติกรรมเก่าๆ ในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ก็ถือว่ารักษาศีล

เจตนาเป็นที่ตั้งของกรรม ไม่ว่าจะตั้งใจถือศีล 5 หรือตั้งใจถือศีล 8 ถือว่าเป็นบุญเป็นกุศลเฉพาะตนทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องขอสมาทานศีลกับพระภิกษุสามเณรอย่างเดียว จะประกาศความตั้งใจอยู่ภายในจิตใจเพื่อรักษาศีล 5 รักษาศีล 8 ด้วยตนเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องประกาศกับพระสงฆ์สามเณร ขอเพียงตั้งใจจะงด-ละ-เลิก ตั้งใจทำแต่สิ่งที่ดีงาม ย่อมถือเป็นการรักษาศีลเช่นกัน

รู้สึกโกรธคนรอบตัว

ปุจฉา

ผมเคยนึกทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ก็พบว่า มีความโกรธ ความเกลียด ความไม่พอใจ ต่อคนรอบข้างเต็มไปหมด โดยเฉพาะที่ทำงาน ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้นเลยครับ เพราะมันรู้สึกทุกข์ พยายามคิดไม่โกรธ ไม่พอใจ แต่ทำได้ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

วิสัชนา

ต้องระวัง เราอยู่ร่วมกัน เรามาร่วมกัน เราไปร่วมกัน ไม่มีมิตรไม่มีศัตรูทั้งนั้นแหละ มีแค่ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง

ถ้าเราได้มีโอกาสศึกษานิสัย อุปนิสัย สันดาน ซึ่งกันและกันแล้ว เราจะรู้สึกว่าเขาก็เป็นอย่างนั้นเอง เราจะไปลบสันดาน เขาก็ลบไม่ได้ เราจะไปล้างสันดานเขาก็คงล้างไม่ได้ เพราะรู้ว่าสันดานเขาเป็นอย่างนั้น แก้สันดานเขาไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อรู้นิสัย อุปนิสัย สันดาน ของเขาแล้ว เราก็บอก อ๋อ นี่เองที่ว่าโลกเราเป็นอย่างนี้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของเรา พระองค์ทรงรับสั่งว่า คนเราไม่เท่ากัน ไม่จำเป็นต้องมีให้เหมือนกัน ไม่เท่ากันอยู่แล้ว ต้องมีแย้งมีขัด แต่แล้วที่สุดก็ไปกันได้ เพราะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนใหญ่ เมื่อนึกถึงประโยชน์ส่วนใหญ่แล้วก็ไปกันได้ทั้งนั้นแหละ

ต้องย้ำ ต้องจำ ต้องเตือนกันว่า คุณ-ธรรมที่ฝังใจเรามีหลักฐาน คุณธรรมที่ฝังใจเรามีเหตุมีผล คุณธรรมที่ฝังจิตฝังใจเรามีความเข้าใจได้ว่า มีลักษณะอย่างนี้ เราน่ะอยู่กับคน ถ้าอยู่กับสุนัขยังต้องปรับตัวเองเข้ากับสุนัขด้วยซ้ำไป แม้ถ้าอยู่กับสัตว์ประเภทอื่น เรายังต้องปรับตัวเองให้อยู่กับสัตว์ประเภทนั้น นี่เราอยู่กับคน ถ้าเราไม่เข้าใจคน แล้วเมื่อไหร่เราจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวลได้ เราต้องรู้คนอย่างนี้นะ คนน่ะมีลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย

ขอให้ฟังธรรมและปฏิบัติธรรมให้มากๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะการฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องของการสร้างเสริมภูมิปัญญา และทำชีวิตความเป็นอยู่ของบุคคลให้ดีขึ้น ขอให้มีโอกาสได้ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เมื่อได้คิดอ่านแล้ว การปรับปรุงแก้ไขก็จะดีขึ้น ยิ่งมีใจสงบ ใจเย็นลงแล้ว โอกาสที่จะปรับปรุงแก้ไขตนเองก็จะง่าย เหมือนน้ำใสก็เห็นตัวปลา ใจที่เย็นใสสงบก็สามารถมองเห็นข้อบกพร่อง ของตนเองได้ง่าย เป็นลักษณะที่ดีงาม

เพลงที่เปิดในวัด

ปุจฉา

ไม่ใช่คำถามครับ แต่อยากกราบเรียนแสดงความคิดเห็นต่อหลวงพ่อว่า ช่วงนี้เป็นฤดูการทอดกฐิน เป็นช่วงเวลาแห่งบุญกุศล แต่การจัดงานบางแห่งกลับเปิดเพลงลูกทุ่ง ที่เนื้อร้องไม่ได้เกี่ยวข้องกับบรรยากาศ ผมมองว่าควรหาเพลงที่เหมาะสมแก่การเปิดในวัด โดยมีเนื้อหาโน้มน้าวจิตใจสู่ความเป็นกุศล เช่น ตอนนี้ที่เมืองเหนือ จังหวัดน่านจะมีเทปเพลงซอของศิลปินแห่งชาติท่านหนึ่งออกมา เป็นเพลงเกี่ยวกับพุทธประวัติ ซึ่งกำลังรณรงค์ให้เปิดตามวัด ถ้าผู้ใดสนใจต้องการซีดีหรือเทป ก็สามารถติดต่อขอรับได้จากสำนักงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาจังหวัดน่านครับ

วิสัชนา

อาตมาขออนุโมทนาสาธุการที่พยายามขยายความดีงามไปสู่สังคม แม้เป็นเสียงเพลง ก็ขอให้เป็นประโยชน์ต่อชนส่วนใหญ่ ก็น่าชื่นใจกับพี่น้องชาวจังหวัดน่าน ซึ่งมีอะไรดีๆออกมาหลายอย่าง ท่านอื่นท่านใดที่มีสิ่งอื่นสิ่งใดอันเป็นความดีงามความเหมาะสมแก่พุทธศาสนาของเราขอให้แจ้งมา บอกข่าวมา อาตมายินดีเต็มใจที่จะเป็นส่วนกระจายขยายสิ่งอันมีประโยชน์ต่อสังคมนั้นๆ ถือเป็นการให้โอกาสซึ่งกันและกัน อะไรเป็นส่วนดีๆก็ขอให้มีส่วนได้ชี้แนะชี้นำ เพื่อเป็นการนำเสนอสิ่งดีงามต่อสังคมให้ขยายเป็นวงกว้าง

ป่าช้าเป็นแดนสัปปายะในการเจริญจิตภาวนา และก่อให้เกิดแนวคิด...ขอเพียงตั้งใจงด-ละ-เลิก ไม่ต้องสมาทานศีล ก็ถือว่ารักษาศีล...ถ้าไม่เข้าใจคน แล้วเมื่อไรจะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้...

น่านมีเพลงซอเกี่ยวกับพุทธประวัติ รณรงค์ให้เปิดในวัด.

ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน วันอังคารที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2548 19:18:27 น.
Counter : 357 Pageviews.  

ข่าวโลก+โลกวันนี้ : พระพยอมวันนี้ 14-20.10.48


● ปีที่ 1 ฉบับที่ 6 ● วันศุกร์ที่ 14 - วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พุทธศักราช 2548 ●

คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพปกขนาดใหญ่ขึ้น

Powered by : Image Shack



แฟชั่นบีบรัดนุ่งสั้น
สถาบันอย่ายอมจำนน


เมื่อเครื่องแบบนักศึกษาถูกจับมาเป็นแฟชั่นอย่างที่ว่า ต้องตัดสั้น ผ่าให้สูง บีบให้รัด จนแทบจะหายใจไม่ออก ภาษาวัยรุ่นเขาเรียกว่า “ออฟโรด โหลดต่ำ” สิ่งนี้ไม่ธรรมดา เพราะถูกยกขึ้นมาเป็นปัญหาของทั้งนักศึกษาและสังคม ขณะเดียวกันนักศึกษาเองก็บอกว่าถ้าไม่แต่งแบบนี้ก็ไม่มั่นใจ ไม่กล้าไปเรียน เข้าสังคมกับเพื่อนไม่ได้ แต่สังคมก็มองว่าการแต่งตัวอย่างนี้มันเป็นอันตรายแก่นักศึกษาเองและผู้หญิงคนอื่น เพราะถือว่ามันเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ให้กับผู้ชาย

ไม่บีบ ไม่รัด ไม่มั่นใจ

อาตมารู้สึกอนาถใจกับภาพของนักเรียนนักศึกษาไทยบางคนที่วันๆคิดแต่จะเอาสวยไว้ก่อน เอาความรู้มาไว้ทีหลัง คิดเอาแต่แต่งตัวให้ถูกใจถูกกระแสนิยม มองดูแล้วมันไม่ถูกต้องตามวัฒนธรรมของระเบียบวินัย เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนต่างๆก็มักหย่อนยาน ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนไปกับอารมณ์ของการแต่งเนื้อแต่งตัวเอาสวยเอางาม เอายั่วยวนไว้ก่อนของนักศึกษา ถึงขนาดที่เด็กบางคนถึงกับพูดว่า ถ้าไม่ให้แต่งแบบนี้จะไม่ไปเรียน หรือถ้าไปเรียนก็เรียนไม่ได้เพราะไม่มั่นใจ กลัวว่าเพื่อนจะโห่ ตรงนี้มันเป็นการแสดงออกถึงว่าจะเอาแต่เรื่องความสวยความงามมากกว่าที่จะเอาวิชาความรู้ หน้าสวยแต่โง่ประจำแผนก เธอก็จะยอม

เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แล้วก็เป็นที่น่าอนาถใจเป็นอย่างมาก อย่างรายการโทรทัศน์ (หลุมดำ) เขานำเสนอว่า เด็กถึงขนาดทะเลาะกับแม่เวลาที่ไปตัดเสื้อผ้า แม่บอกว่าพอได้แล้วลูกมันสั้นเกินไป ตรงนั้นมันบีบเกินไป มันรัดเกินไปนะลูก แต่ไอ้ตัวลูกกลับบอกว่า บีบแบบนี้ รัดอย่างนี้ ผ่าแบบนี้ มันทันสมัย

ขอให้สวยไว้ก่อน

ไอ้ที่ถูกข่มขืนกันโครมๆไม่ได้รู้สึกตัวกลัวเลยรึ มันจะกลายเป็นว่านักศึกษาเองที่เป็นตัวต้นแบบที่ไม่ยอมใช้สมอง ไม่ยอมเอาความรู้ไว้ก่อน ไม่เอาระเบียบวินัยไว้ก่อน ไม่เอาวัฒนธรรมไว้ก่อน แต่กลับไปเอาสวยเอางามไว้ก่อนปลอดภัยไว้ทีหลัง คำที่บอกว่า “ปลอดภัยไว้ก่อน” เขาก็มีให้ใช้ แต่นักศึกษาไม่ใช้ ชอบใช้แต่คำว่า “สวยไว้ก่อน” ถ้าอย่างนี้ชาติบ้านเมืองก็พัง ถ้าสังคมของเด็กยังมีความคิดอย่างนี้

การที่นักศึกษามัวไปรัดไปบีบเนื้อหนังจนกระทั่งแทบปลิ้นแทบโผล่กันอย่างนี้ มันก็เหมือนกับโสเภณีทางวิญญาณ ชอบแต่งตัวยั่วคนทั้งที่ยังไม่เป็นโสเภณีก็ตาม แปลกชอบแต่งให้คนอื่นได้ดู ส่วนไอ้พวกนักศึกษาผู้ชายบางคนก็เห็นแก่ตัวบรรลัย มีหน้ามาบอกว่าถ้าเป็นแฟนตัวเองก็ไม่อยากให้แต่งแบบนั้น แต่ถ้าเป็นนักศึกษาคนอื่นไม่เป็นไร อย่างนี้เขาเรียกว่าเห็นแก่ตัวจัด

เข้มงวดรักษาภาพลักษณ์สถาบัน

มหาวิทยาลัยเองถ้ายังยอมจำนนปล่อยให้นักศึกษาเหล่านี้เข้าไปเดินในสถาบัน สถาบันก็จะหมดภาพลักษณ์ที่ดีงามแล้วก็จะหมดเครดิตของปัญญาชน จะมีแต่พวกปัญญาซุกซน ทำตัวเหมือนกับคนที่จะแส่หาเรื่อง คิดแต่จะแต่งตัวเพื่อดึงอารมณ์ของผู้ชายให้มาฝักใฝ่แต่เรื่องเพศ จนเกิดเหตุคดีข่มขืนเท่าไรไม่รู้จักเข็ด ไม่หลาบไม่จำ ไม่รู้จักกลัว เพราะฉะนั้นทางมหาวิทยาลัย ควรจะเข้มงวดเพื่อรักษาเอกลักษณ์ภาพลักษณ์ของสถาบันไว้บ้าง ไม่ใช่จะปล่อยตามใจไปทุกเรื่อง หรือไปยอมจำนนกับปัญหาทุกเรื่อง นักศึกษาควรน่าจะแต่งตัวอยู่ในกรอบในระเบียบ ตามแบบอย่างหุ่นที่อยู่ในตู้โชว์ของสถาบันเพื่อให้นักศึกษาดูว่าต้องแต่งตัวแบบนี้ เสื้อผ้าอย่างนี้ เข็มขัดอย่างนี้ แต่เดี๋ยวนี้ไอ้หุ่นที่ตั้งไว้มันกลายเป็นหุ่นหลอกไปเสียแล้วกับภาพความเป็นจริง มันกำลังเดินสวนทางกัน เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยควรจะตีกรอบเอาไว้บ้าง ถ้าเด็กแหกคอก นอกระเบียบ เหยียบกฎ ก็ให้กฎมันเหยียบเด็กซะบ้าง ก็จะได้รู้ว่าการเหยียบกฎมันก็ต้องได้รับการเหยียบย่ำเหมือนกัน ตอนนี้เด็กผู้หญิงถูกย่ำยีทางเพศมากมาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ใส่ใจต่อวัฒนธรรม ระเบียบ จารีตประเพณีกันบ้าง ถ้าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาก็วินาศ โลกก็จะวุ่นวายกันอย่างนี้ ถ้าอยากให้โลกร่มเย็นก็กลับมาเอาศีลธรรมกลับมาบ้าง อย่ามุ่งแต่เอาสวยเพียงอย่างเดียว.


เด็กนักเรียนอาชีวะตีกันเพื่อศักดิ์ศรี
ศักดิ์ศรีจริงๆจะต้องอยู่เหนือกิเลส


เด็กมักจะมองอะไรที่สั้นๆโดยไม่ได้นึกถึงผลข้างหน้า ขอเพียงแต่คิดว่าสามารถทำตัวให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนฝูง ตรงนี้มักจะถูกหยิบขึ้นมาทำ โดยเฉพาะสิ่งที่ทำแล้วออกมาในลักษณะรุนแรงท้าทาย อะไรก็ตามสามารถประกาศศักดาได้ว่า “ข้าเจ๋ง” สังคมของเด็กจะยอมรับกันเอง อย่างการยกพวกตีกันของนักเรียนอาชีวะจนจะเรียกได้ว่าเป็นประเพณีนิยมของเด็กกลุ่มนี้ไปแล้ว

เรื่องราวอย่างนี้อาตมาได้ยินข่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้เขามีการทำวิจัยออกมาว่าเด็กไทยแย่ที่สุดในโลกในเรื่องยกพวกตีกัน และรัฐบาลเองก็ยังแก้ไม่ตกกับปัญหาดังกล่าว ปิดโรงเรียนมันก็ยังจะทำกันใหม่อีก และตอนนี้ก็ยังมีคนที่สะท้อนภาพการตีกันของนักศึกษาออกมาเป็นภาพยนตร์ ไม่รู้ว่าจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก หรือว่าจะเป็นการสะท้อนภาพเพื่อแก้ไขปรับปรุง แต่กลัวว่าจะเป็นการไปยั่วยุให้เด็กเกิดอารมณ์จากหนังประเภทบู๊ล้างผลาญ แล้วตีกันแบบเด็กๆ เพราะเด็กไม่รู้จักแยกแยะ แล้วจะตีกันต่อเข้าไปอีก

เราไม่ให้ครูตีเด็ก แต่เด็กมันตีกันเอง แล้วก็ตีอย่างสนุกสนานเมามัน แบบชนิดที่เรียกว่าตีกันได้ทุกวัน แปลก มือของเด็กน่าจะมีไว้สร้างสรรค์ แต่กลับไปมีไว้ล้างผลาญ มันน่าจะมีการจัดการหลักสูตรการศึกษากันใหม่ให้เด็กมันรู้จักว่ามือนี้มีไว้สร้างบารมี ไม่ใช่มีไว้ตบไว้ตี ไว้ฆ่า ไว้ฟัน ไว้ล้าง ไว้ผลาญ ให้มือมันเปื้อนเลือด ให้มือเปื้อนบาป อย่างนั้นให้เป็นมือโจรมือมาร มืออันธพาลไป ไม่ใช่เป็นมือของปัญญาชน สอนให้เขารู้จักการเสกมือก่อนหลังจากสวดมนต์ไหว้พระ ในตอนที่หลังจากร้องเพลงชาติตอนเช้า ให้เขาเอามือลูบมือว่ามือเขาต้องมีไว้เพื่อสร้างสรรค์ ไม่ใช่มีไว้ล้างผลาญ ถ้ามือสร้างสรรค์ต้องเป็นมือของนักศึกษา ถ้ามือล้างผลาญต้องเป็นมือมารมือโจร มืออันธพาล ฉะนั้นระบบการศึกษาต้องสอนให้เด็กมีมือไว้สร้างสรรค์

ไอ้การยกพวกตีกันมักจะอ้างว่าเป็นเพราะศักดิ์ศรี จริงๆแล้วศักดิ์ศรีของคนไม่ใช่การยกพวกเข้าตีกัน เข้าห้ำหั่นกัน ศักดิ์ศรีของคนต้องเอาชนะกิเลสให้ได้ บางครั้งต้องยอมแพ้คนให้เป็นบ้าง เรายอมแพ้คนเพื่อเอาชนะกิเลส หรือจะยอมเอาชนะคนแล้วก็แพ้กิเลส มันชนะคนนี้เดี๋ยวมันก็จะไปเอาชนะคนโน้นอีก ก็ตีกันทั้งวี่ทั้งวัน ตีกันทั้งเดือนทั้งปี เพราะฉะนั้นศักดิ์ศรีจริงๆจะต้องอยู่เหนือกิเลส ตีเสร็จแล้วก็ไปติดคุกติดตะรางมีศักดิ์ศรีเหรอ เสียอิสรภาพมีศักดิ์ศรีเหรอ ถูกจับกุมคุมขังต้องโทษลงอาญามีศักดิ์ศรีเหรอ ถ้าไม่ถูกจับก็ต้องถูกตามล่าหนีหัวซุกหัวซุนมีศักดิ์ศรีเหรอ ศักดิ์ศรีมันอยู่ตรงไหน ปมเขื่องของเด็กจริงๆมันจะต้องมาจากการเรียนดีประพฤติดี นั่นคือปมเขื่อง เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่เป็นอันธพาลแล้วบอกว่ามีศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นขอให้รู้จักคำว่าศักดิ์ศรีให้ดี ไม่ใช่ว่ามันอยู่ที่หัวเข็มขัด แล้วก่อเรื่องก่อราว ลูกคนหนึ่งกว่าพ่อแม่จะเลี้ยงให้โตได้ แล้วไปทำให้พ่อแม่เศร้า พ่อแม่ทุกข์ ไอ้เด็กพวกนี้มันน่าจะส่งไปล่อเป้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จับไปล่อกระสุนซะบ้าง มันจะได้หมดไอ้พันธุ์ล้างพันธุ์ผลาญเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทำให้สถาบันเสียชื่อ ทำให้สถาบันต้องพลอยถูกปิด

อาตมาอยากจะขอวิงวอนให้เด็กๆหัดคิดให้ได้ คิดให้เป็นซะบ้าง คิดสร้างสรรค์ซะบ้าง เวลาที่ทำอะไรให้ถามตัวเองว่าไอ้ที่ทำนะมันสร้างสรรค์หรือไม่ หรือว่ากำลังล้างผลาญ จะได้เป็นเด็กดีเหมือนเด็กที่มีการศึกษา ไม่ใช่เป็นเด็กป่าเถื่อนเหมือนเด็กที่ไร้การศึกษา.


ครม.แจ๋ว!! ห้ามโม้มือถือขณะขับรถ
ติงควรบังคับทั้งหมด


เมื่อประเด็นการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถถูกนำเข้า ครม. เพื่อออกเป็นกฎกระทรวงเพิ่มเติมใน พ.ร.บ. จราจร ผลปรากฏว่าห้ามรถที่เป็นรถขนส่งประจำทางและรถบรรทุกใช้โทรศัพท์ทุกกรณี ไม่เว้นแม้แต่ใช้อุปกรณ์เสริม ขณะเดียวกันรถยนต์สาธารณะบุคคลทั่วไปยังไม่ได้มีการห้าม

เรื่องนี้อาตมามองว่าเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ เพราะการที่จะเซฟชีวิตคนไว้เป็นเรื่องสำคัญ การขับรถแล้วแยกจิตไปด้วย เรื่องที่เรียกว่าทำทีเดียวสองอย่างสามอย่างในเวลาเดียวกัน มือหนึ่งก็ถือพวงมาลัย อีกใจหนึ่งก็พะว้าพะวงกับการคุยโทรศัพท์ ยิ่งถ้าหากว่าโทรศัพท์ด้วยอารมณ์เดือดดาล ทะเลาะกัน หรืออารมณ์ โรแมนติกแล้ว มันเกิดวาบหวิวในตอนช่วงนั้น หรือว่าเกิดเดือดดาลสุดขีด มันอาจจะเปลี่ยนอารมณ์จากการที่มีสมาธิที่เพ่งอยู่กับถนน แล้วเกิดลืมไปสนใจอยู่แต่เรื่องที่คุย มันก็เกิดอันตรายได้ งั้นถ้า ครม. ทำอะไรแล้วสามารถเซฟชีวิตคนได้ อาตมาก็เรียกว่าสร้างสรรค์ ถึงบางครั้งจะทำให้คนบางคนไม่ได้อย่างใจเรา ลำบากใจบ้าง แต่เราก็ต้องนึกบ้างว่าเอาปลอดภัยไว้ก่อน ถ้าจะโทร.ก็ให้จอด จะจอดตรงไหน จะคุยสักกี่นาทีก็ได้ เอาปลอดภัยไว้บ้าง ถ้าปลอดภัยอาตมาก็ถือว่าเป็นเรื่องสร้างสรรค์

ถ้ายังปล่อยให้ใช้กันอยู่ตามอำเภอใจ มันก็ถือว่าไม่สร้างสรรค์ เพราะมันจะเป็นเหตุให้คนเสียชีวิตไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้น การที่คณะรัฐมนตรีมีมติผ่านออกมาให้คนขับรถที่ต้องรับผิดชอบผู้โดยสารอย่างรถเมล์ห้ามไม่ให้ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ พระก็ถือว่าเป็นเรื่องสร้างสรรค์.

โดย หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน
ฉบับ “วันสุข” 14 - 20 ตุลาคม 2548




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2548    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2548 2:21:21 น.
Counter : 323 Pageviews.  

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.