กระเป๋าเอกสาร



กระเป๋าเอกสาร………



อ๊อด ถามแม่ว่า “คุณแม่ค้าบ ทำไมคุณพ่อต้องเอาเอกสารใส่เต็มกระเป๋าแล้วเอากลับบ้าน แล้วเอากลับไปที่ทำงานทุกวันละค้าบ?”

“ อ๋อ….คุณพ่อเขายังทำงานไม่เสร็จ…นะลูก คุณพ่อก็ต้องเอากลับมาบ้าน มาทำต่อที่บ้านอีกซิลูก”

อ๊อด ถามแม่ต่อว่า “ ก็แล้วคุณพ่อ?…..เอ้อ…ทำไมเขาไม่จัดคุณพ่ออยู่ห้องเดียวกับพวกที่เรียนไม่เก่งละค้าบ? ”



คุณล่ะ?…..เป็นคุณพ่อประเภทไหน ประเภทอยู่ห้องเรียนเก่ง หรือห้องที่เรียนไม่เก่ง เป็นคุณพ่อแบบคุณพ่อของหนูอ๊อดหรือเปล่า?


คุณพ่อของห้องเรียนที่เรียนเก่งหรือคุณพ่อที่ประสบความสำเร็จนั้น เขาจะทำงานสำคัญเสร็จ ตั้งแต่ที่ทำงานทุกวัน เขาจะไม่นำมาทำเป็นการบ้านต่อที่บ้าน เพราะเขารู้จักวางแผน

วางแผนประการที่หนึ่ง

มีเวลาเหลืออยู่เท่าไหร่?และมีงานที่ต้องทำอยู่กี่งาน? ……งานสำคัญและเร่งด่วนเขาจะทำเอง ถ้ามีเวลาเหลืออยู่จำกัดมาก เขาก็จะระดมคนเข้าช่วยทันที

แต่งานที่สำคัญซึ่งไม่ด่วนนัก เขาก็จะทำเองแต่ทำทีหลัง

ส่วนงานที่ไม่สำคัญแต่ด่วน เขาก็จะเลือกคนที่เหมาะสมรับไปทำ อาจจะสอนแนะวิธีทำงานถ้าจำเป็น บอกกำหนดเวลารับงาน บอกมาตรฐานความต้องการของงาน และช่วยกระตุ้นจูงใจเขา

สำหรับงานที่ไม่สำคัญแถมยังไม่เร่งด่วน เขาอาจจะให้คนอื่นรับไปทำทีหลัง หรืออาจจะทำเองทีหลัง หรืออาจจะไม่ทำเลย

วางแผนประการที่สอง

คุณภาพของผลงานทุกชิ้น เขาจะวางแผนว่า ไม่จำเป็นจะต้องดีสมบูรณ์ที่สุด… แต่แน่นอนก็ต้องอยู่ในเกณฑ์เท่ามาตรฐานที่ใช้งานได้

ฉะนั้นไม่ว่าจะทำงานด้วยตัวเอง หรือจะมอบให้ผู้อื่นทำ จะต้องวางแผนและตกลงเรื่องคุณภาพเสียก่อน ว่าต้องการมากน้อยแค่ไหนให้ชัดเจน จะได้ไม่หลงทาง ไม่เสียแรง ไม่เสียเวลา ไม่สิ้นเปลืองเงินทองโดยไม่จำเป็น



คุณพ่อของห้องที่เรียนเก่ง หรือคุณพ่อที่ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากจะวางแผนงานก่อนทำงานแล้ว เขายังจะต้องควบคุมสมาธิตัวเอง รีบทำงานที่อยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว จะไม่ย่อท้อแม้งานยาก งานซับซ้อน งานที่มีอุปสรรค จะไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยล้า ความผิดพลาดที่ได้ทำไป และจะไม่โอนเอนคล้อยตามเสียงเฮฮาของผู้คนที่ไม่ทำงานรอบด้านด้วย

พูดง่าย ๆก็คือ เวลาทำงานก็คือทำงาน และทำตามลำดับงานที่ได้วางไว้แล้ว และหากงานที่ทำเสร็จไปชิ้นหนึ่ง ก็ยังรักที่จะทำงานชิ้นต่อไปอย่างต่อเนื่องทันที

หากคุณเป็นคุณพ่อที่ได้ทำงานในลักษณะอย่างนี้ งานสำคัญก็จะเสร็จตั้งแต่ที่ทำงานทุกวัน ไม่ต้องนำมาทำต่อเป็นการบ้าน อย่างคุณพ่อของหนูอ๊อดเลย


อันที่จริง การนำงานกลับมาทำที่บ้านในบางครั้งบางคราว ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หากบางครั้งเป็นงานสำคัญ ต้องรีบทำให้เสร็จ มีการระดมคนมาช่วยทำงานแล้ว มีการอยู่ทำงานต่อจนมืดค่ำแล้ว แต่งานก็ยังทำไม่เสร็จ และบางครั้งจะต้องได้รับข้อมูลเพิ่มจากผู้อื่นจากที่อื่น ก็ย่อมที่จะนำงานกลับมาทำต่อที่บ้านได้…..จะมีใครว่าล่ะ?

แต่การที่คุณพ่อบางคนถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะนำงานกลับมาทำต่อที่บ้าน…ทุกวัน นั่นไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับผู้ทำงานที่ประสบความสำเร็จ

สาเหตุเป็นเพราะ….คุณอาจจะไม่ได้พักผ่อนเต็มที่อยู่ที่บ้าน กลับไปบ้านแล้ว….คุณก็ยังหมกมุ่นเคร่งเครียดอยู่กับงาน แล้วรุ่งเช้าคุณก็ต้องออกมาเจอกับงานหนักอีก

คุณได้สร้างกำแพงขวางกั้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณกับครอบครัว…น่ะซิ!!!!

คุณจะรู้สึกเลี่ยนเฝือกับงานที่ทำทั้งวันทั้งคืน คุณจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับสิ่งที่คุณชื่นชอบ เช่น ดูแลต้นไม้ เล่นกีฬา เล่นดนตรี ดูทีวี ฟังเพลง เลี้ยงสุนัข หรือดื่มอะไรเบาๆยามเย็น ท่ามกลางความรักความอบอุ่นในบ้าน

คุณได้ใช้แรงมากเกินความจำเป็น เพื่อที่จะนำเอกสารจำนวนมากกลับไปกลับมา แถมโชคร้ายอาจทำตกหล่นหลงลืม จนสร้างความเสียหายรุนแรงตามมาก็ได้

ยิ่งกว่านั้น……คุณยังจะสร้างนิสัยชักช้าในการทำงาน…..โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย “ เฮ่ย…ถ้ายังไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร….นำกลับไปทำต่อที่บ้านคืนนี้..ได้นี่นา!!!! ”


การบรรจุเอกสารจำนวนมากหอบใส่กระเป๋าเอกสารใบใหญ่นำกลับไปที่บ้าน แล้วนำกลับมาที่ทำงานอีก จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำทุกวัน เพราะส่วนใหญ่งานสำคัญก็ได้ทำเสร็จเรียบร้อยไปแล้วในที่ทำงาน

ถ้าจะลองนึกหาเหตุผล นึกหาประโยชน์จากการที่ได้นำกระเป๋าเอกสารใบใหญ่นำกลับไปกลับมาที่ทำงาน….ก็อาจจะมี 3 ประการเท่านั้นมั้ง…….

ประการแรก กลัวเอกสารสำคัญหาย กลัวเครื่องใช้สำคัญหาย จึงต้องนำติดตัวตลอดเวลา

ประการที่สอง กลัวคนอื่นจะเหมาว่า คุณเป็นเพียงผู้ปฏิบัติงาน จึงต้องถือกระเป๋าใบใหญ่ ไว้บอกฟอร์มนักบริหารซะหน่อย

และประการที่สาม ไว้ใส่กล่องข้าวที่นำจากบ้าน มากินที่ห้องทำงาน เพื่อป้องกันคนอื่นเขาจะเห็น

คงมีเท่านี้..ละมั้ง?




โดย yyswim




Create Date : 30 มีนาคม 2548
Last Update : 30 มีนาคม 2548 9:49:23 น. 2 comments
Counter : 737 Pageviews.

 
ยังไม่เคยเป็นพ่อคน / อยู่ตัวคนเดียว
เรื่องงานนั้น เลยได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ เยอะ
เพราะถ้างานไม่เสร็จ ก็อยู่ทำงานที่ office จนโน่นแหละ ตี 1 ตี 2 หรือไม่ก็เช้าเลยล่ะ จำได้ตอนเข้ามาทำงานอาทิตย์แรก ต้องกลับบ้าน ตี 3 เกือบทั้งอาทิตย์
เคยวางแผนเรื่องเวลาเหมือนกัน ตัวเราเองนั้น ทำได้ตามเวลาเป๊ะ แต่เจ้านายนี่ซิ ไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องเวลาเท่าไหร่เลย
แต่โดยรวมๆแล้วถือว่า ok เพราะได้ค่าจ้างค่อนข้างคุ้ม


โดย: merf1970 วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:13:02:02 น.  

 
อิอิ ชอบเหตุผลประการที่สาม คับ

ตอนนี้ผมก็ยังไม่มีโอกาสเป็นพ่อนะ อายุเท่านี้เอง อิอิ .. แต่คิดว่านี่เป็นวิธีการบริหารเวลาที่ดีคับ ..

รู้สึกเหมือนได้อ่านหนังสือ how to ดีๆ เล่มนึงเลย อิอิ

ขอบคุณคร้าบ ..


โดย: เด็กชายหัวหอม วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:17:12:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.