ยังคงติดเกมและเล่นเฟสมากกว่า อาจไม่ค่อยมาตอบคอมเม้นท์นะคะ

ยาคูลท์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี


Book Archive by Group



หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย


Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ยาคูลท์'s blog to your web]
Links
 

 

Beautiful Creatures

ผู้แต่ง: Kami Garcia & Margaret Stohl
สำนักพิมพ์ Little Brown
ปกแข็งพิมพ์ 2552, 576 หน้า

เล่มนี้เป็นแนวเหนือธรรมชาติที่เน้นเรื่องรักไปพร้อมกับการพยายามแก้ไขชะตากรรมของนางเอกค่ะ

เรื่องบรรยายจากมุมมองของพระเอก..อีธาน เด็กหนุ่มอายุ16 ที่อาศัยอยู่ในเมืองแกทลิน เมืองเล็กๆในรัฐเซาท์แคโรไลนา (ช่างเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ช่างพูดผิดปกติอย่างยิ่ง) เขาฝันซ้ำๆ กันว่าเขาร่วงหล่นไปในความมืดกับเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่สามารถคว้ามือเธอไว้ได้ และเขาแน่ใจว่าเด็กใหม่ที่ย้ายมาคือเด็กสาวในฝัน

ครอบครัวและความเป็นเด็กใหม่(ที่ทำตัวแปลกแยก) ทำให้ลีน่าไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมโรงเรียน อีธานเลยต้องเลือกระหว่างสถานะเดิมของเขาที่ป๊อปอยู่แล้ว กับการใกล้ชิดเด็กใหม่ที่จะพาเขาให้กลายเป็นหมาหัวเน่าไปด้วย

แน่นอน..ตามประสานิยายวัยทีนที่ดี อีธานย่อมเลือกเข้าใกล้ลีน่า เลยได้พบเจอเรื่องแปลกประหลาดมากมาย ตั้งแต่ล็อกเก็ตที่ทำให้พวกเขาสองคนเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตได้ และครอบครัวลีน่า...ที่ไม่ได้ 'แปลก' แค่เพราะพฤติกรรม แต่แปลกแยกลึกไปถึงเผ่าพันธุ์เลยทีเดียว

แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะยาวนานได้แค่ไหน? เมื่อชะตากรรมของลีน่าจะมาถึงในวันเกิดครบรอบ 16 ปีที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

* * * * * * * * * *


คงเพราะเรื่องนี้เล่าด้วยน้ำเสียงผู้ชาย และเล่าไปเรื่อยๆ ตั้งแต่แรกจนช่วงไคลแมกซ์ เนื้อหาจึงหนาเตอะ ความจริงแว่บแรกที่อ่าน คิดว่า "น่าจะตัดเหลือ 2/3" แต่หลังจากผ่านมาสักพัก คิดว่ายาวๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ช่วยให้อินได้ในระดับหนึ่ง

อย่างที่บอกแล้วว่ามันยาว เนื้อหาสำคัญและช่วงน่าลุ้นจะอยู่แค่ครึ่งหลังค่ะ ครึ่งแรกเป็นอะไรที่อ่านข้ามๆ ก็ได้ เป็นการแนะนำตัวละครและวาดภาพสังคมเมืองเล็กๆ ให้เราเห็นเท่านั้นเอง

โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าก็อ่านเพลินดีนะ...ถ้ามันจะจบบริบูรณ์เลย แต่เรื่องนี้จบแบบ "ขอยืดเวลาตัดสินไปอีกนิดนะจ้ะ" ตอนอ่านจบเลยเซ็งๆ นิดหน่อย รู้สึกเหมือนแล้วตูเสียเวลาอ่านเรื่องที่ยังไม่สรุปมาตั้งนานทำไมฟะเนี่ย?

อ้อ เรื่องนี้มีแปลไทยแล้วเด้อ แต่แบ่งเป็นสองเล่ม ทำปกสวยดี




 

Create Date : 19 มีนาคม 2553    
Last Update : 19 มีนาคม 2553 8:08:23 น.
Counter : 5092 Pageviews.  

The Gift by Cecelia Ahern

ผู้แต่ง: Cecelia Ahern
สำนักพิมพ์ Harper Collins
พิมพ์ 2009 (พิมพ์ครั้งแรก 2005), 305 หน้า

Lou Suffern เป็นนักธุรกิจบ้างานที่รีบเร่งอยู่เสมอ เขาไม่เคยอยู่ที่เดียวทั้งกายและใจ ใจเขามักเตลิดไปอยู่ที่อื่นขณะที่ทำอีกอย่างอยู่ ผลคือเขาเริ่มห่างเหินจากครอบครัว ไม่เคยดูแลลูกชายแรกเกิด ไม่เคยรักษาสัญญาอย่างจริงจัง ดีแต่ผลัดผ่อนเรื่องตรงหน้าไปเรื่อยๆ

จนวันหนึ่ง บางอย่างดลใจให้เขาหยุดคุยกับคนจรจัดหน้าตึก Gabe สามารถจำรองเท้าที่เดินผ่านหน้าเขาได้ทุกคู่ ลูจึงดึงเขามาเป็นเด็กส่งเอกสารในตึกเผื่อจะเป็นประโยชน์ในการสืบข่าวได้ เพราะตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเพิ่งว่างลง และลูกำลังขับเคี่ยวชิงตำแหน่งนี้กับเพื่อนร่วมงานจอมเจ้าเล่ห์อีกคน

แต่ในขณะที่ลูวิ่งรอกไปตามกำหนดงานแทบไม่ทันสักอย่าง เก้บกลับปรากฎตัวที่โน่นที่นี่ได้อย่างรวดเร็วราวปาฏิหาริย์ เหมือนหายตัวได้ เก้บเหมือนจะรู้ไปเสียทุกอย่าง ลูเริ่มไม่สบายใจและกลัวว่าอาจตัดสินใจผิด

ยิ่งใกล้วันคริสต์มาสเท่าไหร่ ลูก็ยิ่งย่ำแย่ทั้งในด้านการงานและชีวิตครอบครัว เขากำลังจะได้รับบทเรียนสำคัญว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

* * * * * * * *


เรื่องนี้เป็นนิยายคริสต์มาสตามแบบฉบับเลยค่ะ

เริ่มจากตัวเอกนิสัยไม่ดีหลายอย่าง แต่เขาได้เจอคนหรือเหตุการณ์บางอย่างที่ผลักดันให้เขาหลุดฟอร์มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นไคลแมกซ์สู่การกลับใจในตอนท้าย

เรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นนิยาย "ปาฏิหาริย์ในวันคริสต์มาส" ไปหน่อย ซึ่งก็ดีในระดับหนึ่ง--ถ้าอยู่ในอารมณ์อยากอ่าน ขัดใจนิดเดียวตรงที่คนแต่งคลี่คลายปมง๊ายง่าย ใช้คริสต์มาสเป็นตัวแก้สมการอย่างเดียวเลย

โดยรวมแล้ว เล่มนี้ซึ้งแบบเซซิเลียค่ะ (เว่อร์ไปนิด แต่รับได้)





 

Create Date : 19 มีนาคม 2553    
Last Update : 19 มีนาคม 2553 6:42:53 น.
Counter : 868 Pageviews.  

Dashing Through Snow by Mary Higgins Clark

ผู้แต่ง: Mary Higgins Clark, Carol Higgins Clark
สำนักพิมพ์ Pocket
พิมพ์ 2009 (พิมพ์ครั้งแรก 2008), 304 หน้า

เมืองเล็ก Branscombe กำลังจะจัดงานฉลองเทศกาลแห่งความรื่นเริงครั้งใหญ่ ทุกคนเตรียมการไว้อย่างอลังการ

หัวหน้าคนงาน 5 คนของซูเปอร์มาร์เก็ตประจำเมืองช็อคเมื่อพบว่าปีนี้ไม่มีโบนัสคริสต์มาส เพราะภรรยาสาวคนใหม่เกลี้ยกล่อมสามีให้จ่ายเป็นภาพถ่ายงานแต่งของพวกเขาแทน! ดันแคน..หัวหน้าคนหนึ่งผิดหวังมากจนขอแยกกลับบ้านคนเดียว ไม่ไปผับต่อกับเพื่อนอีก 4 คน

คืนนั้นเป็นคืนประกาศผลรางวัลล็อตเตอรี่ ล็อตเตอรี่จะแบ่งเงินรางวัลตามจำนวนคนที่ถูกรางวัล ครั้งนี้มีตั๋วถูกรางวัลแค่สองใบ ทั้งสองใบซื้อจากเมืองติดกัน สี่คนที่ไปผับดีใจยกใหญ่เมื่อรู้ว่าพวกเขาถูกล็อตเตอรี่ 160 ล้านเหรียญจากการลงขันซื้อทุกเดือน ดันแคนโชคร้ายที่เกิดเปลี่ยนใจไม่ลงขันในนาทีสุดท้าย ทั้งที่เบอร์ที่ถูกรางวัลเป็นเบอร์ของเขา เพื่อนทั้งสี่ตกลงกันว่าจะหารห้า..รวมดันแคนด้วย

แต่ดันแคนหายไปตั้งแต่คืนนั้น เขาหายไปไหน? ตั๋วที่ถูกรางวัลอีกใบเป็นใบที่เขาแอบไปซื้อหรือเปล่า? แฟนสาวต่างเมืองของเขาเดินทางมาเซอร์ไพรซ์และหายตัวไป

อัลไวร่าห์กับเพื่อนและครอบครัวเดินทางมาร่วมฉลองงานเทศกาล แต่พวกเขาได้กลิ่นบางอย่างไม่ชอบมาพากล ใครจะนึกว่าเรื่องของตั๋วล็อตเตอรี่กับชายที่หายตัวไปจะเชื่อมโยงต่อไปถึงเรื่องของนักต้มตุ๋น ทายาทกองทุน และคดีฆาตกรรมหญิงชราเมื่อหลายปีก่อน

คริสต์มาสปีนี้ชุลมุนจริงๆ

* * * * * * * * *


เล่มนี้เป็นแนวสืบสวนเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสค่ะ

ตัวเอกคืออัลไวร่าห์..นักสืบสมัครเล่นจากชุด Lottery Winner แต่เล่มนี้อัลไวร่าห์กับเพื่อนโผล่มาสืบจริงๆ ไม่ได้มีบทเด่นอะไรเป็นพิเศษ

โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าเรื่องของดันแคนเป็นอะไรที่น่าสงสารมาก นอกจากชวดรางวัลใหญ่ที่ควรได้แล้ว ยังโดนหลอก เจ็บตัว แฟนหาย และอื่นๆ อีกมากมาย ช่างเป็นผู้ชายดวงกุดจริงๆ




 

Create Date : 19 มีนาคม 2553    
Last Update : 19 มีนาคม 2553 6:40:06 น.
Counter : 776 Pageviews.  

Shutter Island โดย Dennis LeHane

สำนักพิมพ์: Harper Perennial
พิมพ์: เดือนกันยายน 2009 (พิมพ์ครั้งแรก 2003), 400 หน้า

ปี 1954 เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์สหรัฐ..เท็ดดี้ แดเนี่ยลส์ (Teddy Daniels)..และคู่หูคนใหม่..ชัค อูล (Chuck Aule)..นั่งเฟอรี่ข้ามไปที่เกาะชัตเตอร์ ที่ตั้งของโรงพยาบาลแอชคลิฟฟ์สำหรับอาชญากรโรคจิต เพื่อสืบคดีคนหาย

ราเชล โซแลนโด (Rachael Solando) เป็นแม่ม่ายเสียสติที่ปลิดชีวิตลูกสามคนของตัวเอง เธอหายตัวไปจากห้องขังติดล็อค ผ่านจุดเฝ้ายาม ผ่านจุดชุมนุมของเจ้าหน้าที่พยาบาล และยามเฝ้าประตูตึกไปในตอนดึกโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่มีร่องรอยที่บริเวณรอบนอก สิ่งเดียวที่เหลือไว้คือกระดาษปริศนา

THE LAW OF 4

I AM 47
THEY WERE 80

+YOU ARE 3

WE ARE 4
BUT
WHO IS 67?


ขณะที่พายุเฮอริเคนครั้งใหญ่ปิดตายการเข้าออกของเกาะ ตัดช่องการสื่อสารทั้งหมด เท็ดดี้พบพิรุธหลายอย่างในคดีนี้ ยืนยันทฤษฎีเดิมของเขาว่าอาจมีการผ่าตัดทดลองลับกับคนไข้ และอาจมีคนไข้รายที่ 67 อย่างที่เรเชลทิ้งเบาะแสไว้เป็นรหัสตัวเลข

และเท็ดดี้เชื่อว่าคนไข้รายที่ 67 คือแอนดรูว์ แลดดิส (Andrew Laeddis) ฆาตกรโรคจิตที่วางเพลิงอพาร์ตเม้นท์ ฆ่าดอโรเลส ชานัล (Dolores Chanal) ภรรยาสุดที่รักซึ่งเท็ดดี้ยังฝันถึงเสมอด้วยความรักอาลัย เขาตั้งปฏิญาณว่าจะไม่ไปจากเกาะจนกว่าจะเจอแลดดิส

แต่เคยมีใครได้ไปจากเกาะนี้แน่หรือ?

* * * * * * * *


เรื่องเล่าผ่านตัวละครเอก เท็ดดี้มาสืบคดีคนหายในห้องปิดตาย..บนเกาะที่มีสภาพปิดตายอีกต่างหาก เขาพบเรื่องน่าสงสัยเต็มไปหมด เช่น ทุกคนดูไม่แตกตื่นกับการหาคนไข้ ขอดูเอกสารอะไรก็ไม่ได้ หมอชื่อชีฮานได้ออกจากเกาะหลังราเชลหายไป

เรื่องเริ่มซับซ้อนขึ้น เมื่อเท็ดดี้เปิดเผยกับคู่หูว่าเขาอยากมาเกาะนี้ตั้งนานแล้ว หลังอดีตคนไข้ชื่อ George Noyce บอกว่ามีการผ่าตัดทดลองกับคนไข้โรคจิต แต่โรงพยาบาลมีผู้หนุนหลังมากไป นักการเมืองคนหนึ่งเลยส่งเขามาสืบข่าวเป็นการลับ

นอกจากนี้ เท็ดดี้ยังมีแรงจูงใจส่วนตัวด้วย นั่นคือตามหาแลดดิส..ตัวการที่ทำให้ภรรยาเขาตายในกองเพลิง ตามข้อมูล แลดดิสถูกโอนมาโรงพยาบาลบนเกาะนี้ แล้วทุกอย่างก็หายไปแค่นั้น หาข้อมูลเพิ่มไม่ได้เลย

บรรยากาศในเรื่องน่าขนลุกมากขึ้น เมื่อเกิดพายุปิดตายเกาะ คนไข้ที่สัมภาษณ์รายนึงแกล้งทำเป็นป้ำเป๋อ แต่พอเผลอก็เขียนไว้ว่า "หนีไปซะ" มีกองหินที่ราเชลน่าจะทิ้งไว้เป็นปริศนาตัวเลขอีกชุด ฯลฯ
และสุดท้าย เท็ดดี้พบจอร์จ นอยซ์..ซึ่งควรจะอยู่นอกเกาะ..ในวอร์ดซีสำหรับคนไข้อาการรุนแรง

... อ่านถึงตรงนี้แล้วก็เริ่มนึกถึง The Island of Dr. Monroe ขึ้นมายังไงไม่รู้ โดยเฉพาะบรรยากาศที่เริ่มแรกก็ดูปกติแบบมีคลื่นใต้น้ำ แล้วเรื่องก็พลิกไปมาให้เราสับสนงงงวย จนสรุปว่าสิ่งที่ตาเห็นเริ่มเชื่อไม่ได้อีกต่อไป

และเชื่อไม่ได้สุดๆ ในกรณีของนิยายเรื่องนี้ คนแต่งไม่ได้โกงด้วย เพราะเขาใส่เบาะแสไว้ตลอดเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าคนอ่านช่างสังเกตแค่ไหน
(จขบ. อ่านแบบว่าไงว่าตามกัน เลยสนุกและเซอร์ไพรซ์สุดชีวิต ยิ่งกลับมาดูก็ยิ่งทึ่งกับเบาะแสที่ทิ้งไว้)

เล่มนี้จัดเป็นแนวหลอนที่จับเอาประเด็นของจิตใจมนุษย์มาเล่นได้ดีและน่าเศร้ามากค่ะ อ่านแล้วทึ่งคนแต่งว่าทำให้พล็อตเรื่องแนวฆาตกรรมกลายเป็นแนวเศร้าชวนสลดได้



* * * * Spoil นะจ้ะ * * * *

ปริศนา:
The Law of 4
แก้ด้วยการใส่ตัวเลขตามลำดับตัวอักษร แล้วเอาเลขมาบวกกัน
เช่น I am 47
I คือ Rachel >> R(18)+A(1)+C(3)+H(8)+E(5)+L(12) =47

67 หมายถึงคนไข้รายที่ 67 ไม่ใช่แค่ 66 คนตามที่พวกหมอบอก
ที่เหลือเป็นจำนวนคนที่เข้าไปหาเบาะแสในห้องของราเชล
แต่ยังติดตรงเลข 80 แฮะ ... ไม่เห็นเฉลยเลย


จุดที่ประทับใจ

- เรื่องแปลกคือ 'ความจริง' กลับอยู่ในความฝันของเท็ดดี้ ในขณะที่เหตุการณ์ในโลกความเป็นจริงกลับเอาแน่ไม่ได้

- Bad Sailor
ในความฝันหนึ่ง เท็ดดี้ฝันถึงลูกสาวของราเชล และเห็นป้ายสุสานชื่อตัวเองสลักคำว่า bad sailor เด็กหญิงถามว่าทำไม เท็ดดี้บอกว่าเพราะเขาไม่ชอบน้ำ
... มีอธิบายตอนหลังว่า bad sailor หมายถึงการที่เขาพลาดสัญญาณเตือนทุกอย่างในครอบครัว เขาเป็นกลาสีที่พาให้เรืออัปปาง

- ช่วงหน้า 222 ดร. คอว์ลีย์คุยกับเท็ดดี้ หมอเป็นห่วงสภาพจิตของเท็ดดี้ ซึ่งผ่านการรบมาแล้วสองสมรภูมิ ได้เหรียญกล้าหาญมากกว่าใคร แล้วพอหมดศึก ก็เกิดเรื่องกับครอบครัวเขา
"And then your wife was killed? How much violence, Marshal, do you think a man can carry before it breaks him?"
... ประโยคสุดท้ายโดนใจมาก


เนื้อเรื่องส่วนที่เหลือ (ไว้อ่านเอง ไม่แนะนำสำหรับคนอยากอ่านหนังสือ):

เท็ดดี้กับชัคแอบเข้าไปในวอร์ดซีสำหรับคนไข้อาการรุนแรง ชัคแยกไปหาประวัติของแลดดิส เท็ดดี้เจอจอร์จ นอยซ์..ซึ่งควรจะอยู่นอกเกาะ..ในสภาพถูกซ้อม หลังจากนั้น ชัคก็หายตัวไป

เท็ดดี้หลบไปตามสันทรายที่ปรากฎตอนน้ำลด เขาเจอถ้ำและผู้หญิงที่อ้างว่าชื่อราเชล (ก่อนหน้านี้ โรงพยาบาลพาเท็ดดี้ไปดู 'ราเชล' ที่เจอตัวแล้ว) ราเชลยืนยันว่ามีการใช้ยาเพื่อให้คนเสียสติ อาการที่เธอบอกคล้ายกับอาการที่ชัคเป็นในช่วงหลัง เพราะเขาเคยขอยาแก้ปวดหัวจากดร. ครอว์ลีย์

เท็ดดี้วางแผนหนีจากเกาะเพื่อออกไปเปิดโปงความจริงกับทางการ สิ่งที่เขากลัวคือโดนจับวางยาให้เหมือนคนบ้า ซึ่งคนนอกอาจเชื่อได้ไม่ยาก..ถ้าสมมติว่าชัค "เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุกลางพายุ" เป็นเหตุให้เท็ดดี้ที่ซึมเศร้ากับการจากไปของภรรยาอยู่แล้วกลายเป็นคนเสียสติเพราะทนรับไม่ไหว

เนื่องจากเรือโดนเฝ้าอย่างแน่นหนา เท็ดดี้บุกไปที่ประภาคาร..จุดที่เขาเชื่อว่าเป็นที่ทำการผ่าตัดลับ..เพื่อช่วยชัค แต่ดร. คอว์ลีย์รอเขาอยู่แล้ว พร้อมความจริงทั้งหมด

..นั่นคือ...
ทุกอย่างเป็นจินตนาการของคนไข้จิตเภท แอนดรูว์ แลดดิส
ไม่เคยมีคนไข้ชื่อราเชล โซแลนโด ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่เท็ดดี้ แดเนี่ยลส์

รหัสตัวเลขที่เท็ดดี้พบช่วงหลัง คือ
13(M)+21(U)+25(Y)+18(R)+1(A)+5(E)+8(H)+15(O)+9(I)
ถอดได้ความว่า YOU ARE HIM

Andrew Laddis = Teddy Daniels
Rachel Solando = Doroles Chanal
ทั้งสองชื่อเป็นอะนาแกรม

แอนดรูว์ แลดดิสเป็นทหารผ่านศึกที่กลับมาเป็นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จริงในอดีต เขาพบรักแท้กับภรรยา..ดอโรเลส ชานัล..เหมือนที่เท็ดดี้ฝันถึงภรรยา แต่ดอโรเลสตัวจริงมีปัญหาทางจิต เธอเผาอพาร์ตเม้นท์ในบอสตันโดยบังเอิญ แพทย์แนะนำให้ทั้งคู่ย้ายไปเมืองที่สงบกว่านั้น
แอนดรูว์ห่างเหินจากภรรยาไปทุ่มเทให้งานและเหล้า มองข้ามสัญญาณเตือนทุกอย่าง แม้แต่สิ่งที่ลูกๆ สามคนเล่าว่าแม่แปลกไป

วันหนึ่ง เขากลับมาพบว่าดอโรเลสจับลูกสามคนกดน้ำตาย (คดีแบบเดียวกับราเชลในจินตนาการของเขา) เขาจึงยิงภรรยา และกลายเป็นคนเสียสติที่โรงพยาบาลรับมาตั้งแต่ปี 1952

ดร. คอว์ลีย์รับเฉพาะคนไข้อาการรุนแรงที่สุด แอนดรูว์คือคนไข้ที่เขาเสี่ยงด้วย ถ้าหลังการสร้างฉากและการเผชิญหน้าในประภาคารแล้ว เขาเลิกหนีความจริงและไม่กลับไปสร้างจินตนาการอีก ดร. คอว์ลีย์จะพิสูจน์ได้ว่าการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดไม่จำเป็นเสมอไป

พวกเขาผ่านการจำลองเหตุการณ์นี้มาแล้วหลายรอบ หมอจึงรู้รายละเอียดทั้งหมดอยู่แล้ว ประภาคารเป็นฉากสุดท้าย เท็ดดี้กลับไปนอนและฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และตื่นขึ้นมาในฐานะแอนดรูว์

ฉากสุดท้ายในเรื่อง เท็ดดี้เดินไปคุยกับชัค ดร. คอว์ลีย์กับเจ้าหน้าที่หลายคนอยู่ในสนาม ชัคมองพวกเขาแล้วส่ายหัว พวกนั้นเดินมาทางเท็ดดี้กับชัค เท็ดดี้คิดว่าเขาเห็นโลหะบางอย่างในกองผ้าขาวที่เจ้าหน้าที่ถืออยู่






 

Create Date : 07 ธันวาคม 2552    
Last Update : 7 ธันวาคม 2552 6:22:57 น.
Counter : 2269 Pageviews.  

Jinx by Meg Cabot

by Meg Cabot
Hardcover: 272 pages
Publisher: Harperteen (31 Jul 2007)

สิ่งเดียวที่จีน ฮันนี่เชิร์ชเกลียดยิ่งกว่าชื่อน่าเบื่อของเธอ (ไม่ใช่ ฌอง-มารี หรือจิเน็ตต์ แค่..จีน เฉย ๆ) ก็คือชื่อเล่นที่เหมาะกับเธอมากเกินไป ... Jinx [ซวย? ซุ่มซ่าม?--นึกคำแปลไทยไม่ออกแฮะ]

โชคร้ายดูจะตามเธอไปทุกหนแห่ง นั่นเป็นสาเหตุที่เธอตื่นเต้นกับการย้ายไปอยู่กับน้าและน้าเขยในนิวยอร์คซิตี้ บางที ถ้าย้ายไปไกลครึ่งประเทศ จิ๊งซ์อาจหนีพ้นจากความโชคร้ายได้ในที่สุด หรืออย่างน้อยก็พ้นจากความวุ่นวายที่เธอก่อขึ้นในบ้านเกิดเล็ก ๆ ของเธอได้ล่ะ

แต่ปัญหาตามจิ๊งซ์มาถึงนิวยอร์ค และมันกำลังสร้างปัญหาใหญ่ให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอ..ทอรี่ ซึ่งไม่พอใจกับการมีแกะดำของครอบครัวอยู่ใกล้ตัว ทอรี่คนสวยแอบซ่อนความลับอันตรายเอาไว้--ความลับที่เธอแน่ใจว่าจิ๊งซ์จะเปิดเผย

จิ๊งซ์กำลังจะได้รู้ว่าสิ่งที่เธอวิ่งหนีไม่ใช่แค่ความโชคร้ายเท่านั้น แต่เป็นบางอย่างชั่วร้ายกว่านั้น และคำสาปที่ติดตัวจิ๊งซ์มาตั้งแต่เกิดอาจเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยชีวิตเธอได้

(แปลจากปกในของฉบับปกแข็ง)

* * * * * * *


เนื้อเรื่องเป็นระดับ young adult นางเอกย้ายมาเมืองใหญ่ ได้รู้จักสังคมใหม่ แล้วก็ได้แฟน จบ

ถ้าไม่อยากโดนสปอยล์ อ่านแต่ข้างบนพอค่ะ เพราะมันไม่บอกอะไรเลยดี เวลาอ่านจะได้เซอร์ไพรซ์หน่อย

หลังจากนี้ SPOIL นะจ้ะ

จิ๊งซ์เปิดตัวในเรื่องด้วยภาพน้องนางบ้านนา หนูใสที่ย้ายมาเมืองใหญ่และพร่ำบ่นถึงความซวยที่มักเกิดกับชีวิตเธอ เช่น น้าเอเวอลีนจำวันที่เธอมาถึงผิด เธอเลยต้องหาทางจากสนามบินมาบ้านน้าเอง

พอได้เจอทอรี่--ญาติที่เธอจำได้ว่าหุ่นปุ้กลุ้กและนิสัยน่าคบ--ก็ตะลึง เพราะทอรี่กลายเป็นสาวเฉี่ยวหุ่นไฉไลที่ไม่ได้ต้อนรับเธออย่างอบอุ่นเลย แถมก๊วนเพื่อนของทอรี่ยังใช้ยาเสพติดกันด้วย (น่ากลัวอ่า) แต่ในกลุ่มนี้มีหนุ่มน่าสนใจไม่ใช้ยาอยู่คน นั่นคือแซค หนุ่มเพื่อนบ้านซึ่งจิ๊งซ์ช่วยชีวิตเขาไว้ ด้วยการผลักเขาหลบรถจักรยานยนต์ที่พุ่งขึ้นทางเท้า
...และโดนชนเสียเอง ในวันแรกที่มาถึงนิวยอร์ค (บอกแล้วไงว่าชีวิตเธอมีแต่เรื่องซวย)

เหตุการณ์คราวนี้ทำให้ทอรี่หันมาสนใจจิ๊งซ์ เพราะแน่ใจว่าพวกเธอสองคนคือผู้สืบทอดพรสวรรค์จากบรรพบุรุษชื่อแบรนเวน ทวดของทวดของทวด..ฯลฯ ซึ่งเป็นแม่มดในเวลช์ และบอกเล่าผ่านลูกสาวต่อมาเรื่อย ๆ ว่าลูกสาวคนโตของครอบครัวจะมีพรสวรรค์แห่งเวทมนตร์เหมือนแบรนเวน ...แม้ว่าบางครั้ง พรสวรรค์จะเกิดขึ้นข้ามรุ่น

ตอนนี้ ทอรี่เชื่อว่าตัวเอง (ลูกสาวคนโตของน้าเอเวอลีน) กับจิ๊งซ์ (ลูกสาวคนโตของแม่) ต่างก็มีพรสวรรค์ของแม่มด และอยากได้จิ๊งซ์เป็นพวก

ด้วยความตื่นเต้นกับการค้นพบนี้ ทอรี่นำตุ๊กตาที่เธอติดผมจริงของแซคกับเธอรวมไว้ด้วยกันให้จิ๊งซ์ดู ตุ๊กตานี้เป็นการทำเสน่ห์ให้แซครักกับใครไม่ได้นอกจากทอรี่ ทอรี่เล่าว่าหลังทำตุ๊กตาผ้าตัวนี้ แซคออกเที่ยวน้อยลงและมาบ้านเธอบ่อยขึ้น แต่จิ๊งซ์คิดว่านั่นเป็นเพราะเขาสนใจเพตรา..พี่เลี้ยงเด็กของบ้านมากกว่า และเตือนทอรี่ว่าการใช้คาถาไม่ใช่เรื่องดี มันอาจสร้างผลสะท้อนในแง่ลบให้ผู้ใช้ได้

แน่นอนว่าทอรี่ยุติการสนทนาด้วยความไม่พอใจ และเมื่อแซคให้ความสนิทสนมกับจิ๊งซ์มากขึ้นเรื่อย ๆ (จิ๊งซ์คิดว่าเพราะเขาอยากได้แม่สื่อ) และจิ๊งซ์แอบทำลายการใช้มนต์ดำสาปเพตราของทอรี่ สองสาวจึงบาดหมางกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

สงครามเริ่มขึ้นแล้ว ระหว่างจิ๊งซ์ผู้ซวยเป็นนิจและผวาเวทมนตร์เพราะเรื่องในอดีต กับทอรี่ ผู้โอบกอดเวทมนตร์ทรงพลังอย่างเต็มใจ

...
ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็สนุกค่ะ อ่านเพลินดี เรื่องรักในเล่มค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าแซคถูกใจนางเอกตั้งแต่แรกแล้ว แต่นางเอกไม่รับรู้เสียที

อีกใจก็แอบลุ้นด้วยว่าจิ๊งซ์ทำอะไรไว้ที่บ้านเกิด

(ตรงนี้ SUPER-SPOIL)

แต่สักพักก็พอจะเดาเรื่องได้ เพราะมันคล้ายกับหนัง The Craft (1996) มากๆๆ

ไม่ว่าจะเป็นการใช้มนต์ทำเสน่ห์หนุ่มฮ็อต แล้วมนต์ได้ผลดีเกินไปจนเขากลายเป็นพวกคลั่งรัก ตามตอแยนางเอกไม่เลิก
หรือการที่นางเอกปฏิเสธเวทมนตร์ตัวเอง แต่ก็มีฉากเข้าไปในร้านขายของเกี่ยวกับแม่มด ได้คำแนะนำจากผู้ใหญ่-คนขายในร้าน (ที่ในเรื่องไม่บอกรายละเอียด แต่เดาได้ว่าเป็นผู้ใช้คาถาเช่นกัน) คนขายยังให้บางอย่างกับเธอด้วย
อีกจุดคือคู่แข่งของนางเอก จะเป็นพวกใช้มนต์ดำ และมีลูกน้องอีกสองคน (แต่ในหนังใส่รายละเอียดน่าสนกว่า โดยให้สี่คนนี้เป็นพวกเดียวกันก่อน เป็นแม่มดประจำสี่ทิศ ดังนั้น แม่มดอีกสองคนเลยมีบทบาทและมีมิติกว่าในนิยายเล่มนี้)
และตอนใกล้ไคลแมกซ์ สถานที่ที่นางเอกเลือกไปก็คือร้านนี้
ส่วนวิธีเอาตัวรอดก็คล้ายกัน..คือยอมรับพลัง แค่นั้นเอง (โคตรง่าย)

--- หมดเขต SPOIL ---

สรุปว่าเป็นเรื่องรัก ปนแนวเหนือธรรมชาติที่สนุกใช้ได้ ถ้าไม่เดจาวูเหลือหลายแบบนี้ พอดีจขบ. ชอบดูหนังเรื่องนั้นและดูหลายรอบมาก การอ่านเล่มนี้จึงเป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้เซอร์ไพรซ์เท่าไหร่ค่ะ




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2550    
Last Update : 26 สิงหาคม 2550 7:39:11 น.
Counter : 2813 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.