คำพูดที่ได้ฟัง ตัวอักษรที่ได้ยล บทเพลงที่แผ้วพาล...อาจทำให้ความรู้สึกของวันเปลี่ยนไป
Group Blog
 
All blogs
 

จะลองรักผู้หญิงคนนี้ดูบ้างได้ไหม

เคยอกหักกันบ้างไหมครับ


ผมเคยอกหักมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งก็รู้สึกว่าหนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ


ครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปก็เช่นกัน ผมซึมเศร้าแทบไม่พูดไม่จา ใช้ชีวิตแบบผลาญเวลาให้หมดไปวันๆ


เลิกงานก็ไปกินเหล้าจนเกือบเช้าจึงกลับบ้าน ถึงบ้านก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องนอน ไม่คุยกับใครเลย รวมทั้งแม่ของผมด้วย


จนเช้าวันหนึ่งแม่เข้ามาในห้องนอนของผมชวนผมคุยโน่นคุยนี่ ผมก็ตอบแบบขอไปทีแต่แม่ก็ยังชวนผมคุยไปเรื่อยๆ จนมาถึงเรื่องความรักของผม แม่บอกว่า


แม่จะแนะนำผู้หญิงคนหนึ่งให้ดีไหม... เธอทำกับข้าวเป็น...ดูแลบ้านได้ และพร้อมที่จะดูแลผมเสมอ เธอนั้นหน้าตาไม่สวยอย่างผู้หญิงที่ผมเคยชอบๆ มา ท้วมๆ หน่อย ดูจะอายุมากไปนิด แต่ที่สำคัญเธอรักผมมากกว่าใครๆ


เธอไม่ได้อยู่ไกลจากผมเลย แต่เธอนั่งอยู่ข้างๆ ผมนั่นแหละ


แม่ถามผมว่าจะลองรักผู้หญิงคนนี้ดูบ้างได้ไหม...น้ำตาของแม่เริ่มคลอ


ผมพูดอะไรไม่ออก แต่เข้าไปกอดแม่นิ่งแทนคำตอบ


ขณะที่กำลังวิ่งหาความรักอยู่นั้น บางทีเราก็ลืมไปว่ายังมีอีกคนนึงที่รักเราอย่างสุดหัวใจ

จำไม่ได้ว่าเราลืมเธอมานานเท่าไหร่แต่จะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2552    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 0:20:37 น.
Counter : 285 Pageviews.  

ความรักกับความผูกพันธ์

เนื้อความ ความรัก..กับความผูกพัน


หน้าตาคล้ายกัน .. เหมือนซ้าย-ขวา


แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ ...


รู้สึกว่า .. คิดถึง .. แล้วมาหา คือ .. รัก


รู้สึกว่า .. เคยมาหา .. เลยมาหา คือ .. ผูกพัน


รู้สึกว่า .. หิว .. แต่อยากรอ คือ .. รัก


รู้สึกว่า .. อิ่มแล้ว .. อยากเอามาฝาก คือ .. ผูกพัน


รู้สึกว่า .. อยากให้เวลากันและกัน คือ .. รัก


รู้สึกว่า .. อยากใช้เวลาด้วยกัน คือ .. ผูกพัน


รู้สึกว่า .. หงุดหงิดคือทำให้อีกคนไม่สบายใจ คือ .. รัก


รู้สึกว่า .. โกรธคือทำให้อีกคนสำนึกบ้าง คือ .. ผูกพัน


รู้สึกว่า .. ไม่มีนาทีไหนไม่คิดถึง คือ .. รัก


รู้สึกว่า .. นาทีไหนที่ว่างจะคิดถึง คือ .. ผูกพัน


ขอบคุณเหลือเกิน .. ความผูกพัน .. ที่ทำให้รัก


ขอบคุณเหลือเกิน .. รักที่เป็นมากกว่า .. ความผูกพัน




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2552    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 0:11:41 น.
Counter : 241 Pageviews.  

ผมและเธอบนเส้นขนาน

ผมบอกว่าความรักก็เหมือนกับเส้นด้ายบาง ๆ หากขาดไปแล้ว ผูกอย่างไรก็มีปม


เธอบอกว่าความรักเหนียวแน่นคงทนกว่านั้น มันเปรียบเสมือนผืนผ้ามากกว่า แม้เส้นด้ายจะขาดไปสักเส้น ผ้าก็ยังเป็นผ้าได้อยู่


ผมไม่พกมือถือ ด้วยเหตุผลว่า พระนเรศวรทรงกู้เอกราชได้โดยไม่ต้องใช้เครือข่าย GSM


เธอพกมือถือ 2 เครื่อง ด้วยเหตุผลว่า ที่ไทยเสียเอกราชไปเพราะไม่มีเครือข่าย GSMใช้


ผมใส่กางเกงตัวละ 129 บาท ด้วยเหตุผลว่า จะยี่ห้ออะไรก็ปิดไอ้นั่นได้มิดเหมือนกัน


เธอใส่กระโปรงราคาตัวละหลายพันบาท ด้วยเหตุผลว่า มันปลอดภัย ถ้าเกิดไฟไหม้ กระโปรงที่เธอใส่ เนื้อผ้าจะไม่ละลายติดเนื้อผิวของเธอ


ผมไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน แต่ผมว่าขนมครก อร่อย และถูกกว่าเป็นไหน ๆ


เธอไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน แต่เธอชอบกินพิซซ่า ด้วยเหตุผลที่ว่า ขนมครกบางร้านเท่านั้นที่อร่อย แต่พิซซ่าฮัท ทุกร้านมีมาตรฐานเดียวกัน


ผมใช้ปากกาด้ามละ 5 บาท ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนได้ และมันมักจะหายไปทุกครั้งก่อนที่ไส้จะหมด


เธอใช้ปากกา ยี่ห้อ cross ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนติดกระดาษไม่ต้องสะบัดก่อนใช้ และไม่เลอะเทอะกระเป๋าเสื้อของเธอ


ผมชอบทำงานอิสระ ทำตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครบังคับ ไม่ต้องผูกมัดกับระบบ


บัตรตอกทำงานของเธอไม่เคยขึ้นตัวแดง เธอกลับค่ำทุกวัน เพราะงานทำให้เธอมีระบบ ระเบียบ และเห็นคุณค่าของชีวิต


ผมรักตัวของผมเองมากกว่าใคร ๆ ด้วยเหตุผลว่า ไม่ว่าเราจะทำดีเพื่อใคร ๆ มากมายขนาดไหนความสุขทางใจที่เราได้ ก็ได้กับตัวเอง


เธอรักครอบครัวของเธอมากกว่าสิ่งใดๆ ด้วยเหตุผลว่า ถ้าไม่มีพวกเขา ก็คงไม่มีเธอเกิดมาให้ป่าวประกาศว่าฉันรักตัวฉันเอง


คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่ผมว่า หาดทรายจะแปรเปลี่ยนไปทุกครั้งตามคลื่นที่กระทบฝั่ง แต่แม้จะเปลี่ยนอย่างไร ทรายก็ยังเป็นทราย และคลื่นก็ยังเป็นคลื่นไม่เปลี่ยน


คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่เธอว่า ไม่ว่าน้ำทะเลจะขึ้นจะลงอย่างไร คลื่นก็ยังขยันซัดกระทบฝั่ง


ผมบอกว่าถ้าไม่มี "ความว่าง" แล้ว "ความมี" ก็ไร้ความหมาย เพราะความมีต้องวางลงบนความว่าง


เธอบอกว่าถ้าไม่มี "ความมี" แล้ว "ความว่าง" จะมีประโยชน์อะไร มันคงไร้ความหมายเพราะมีความมี ความว่างจึงก่อเกิดการเปรียบเทียบ


คนอื่นบอกว่า ผู้หญิงรักผู้ชายจาก 0-100 แต่ผู้ชายรักผู้หญิงจาก 100-0 ผมแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายแค่ 0-1 เหมือนไบนารี่ ทำดีมากมายขนาดไหนก็เป็นเพียงแค่ 1 หากผิดพลั้งไป จะเหลือเพียง 0


เธอแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายไม่ใช่ 0-1 และไม่ใช่ 0-100 แต่เป็นจาก 100-200 หญิงรักชายได้ 100 และจะมากขึ้นเรื่อยๆ ตามที่เธอปรารถนา


ผมมองคนที่ความคิด


เธอแย้งว่าความคิดไม่ใช่นิสัย


ผมเหมือนกับแก้วใสๆ จะเห็นคุณค่าตัวเองก็ต่อเมื่อมีเธอเป็นน้ำมาเติมเต็ม


เธอเหมือนกับน้ำใส ๆ เธอจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีภาชนะมารองรับ


ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกัน


ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ถึงแม้จะไม่มีวันบรรจบกัน แต่เราก็จะตีคู่ไปด้วยกันเสมอ

เพราะเธอชอบกินไข่แดง แต่ผมชอบกินไข่ขาว เราจึงอยู่ด้วยกันได้...ในไข่ใบสีน้ำเงินแห่งนี้




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2552    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 0:11:53 น.
Counter : 261 Pageviews.  

นิทานความรัก

When a man loves a woman


10.


ผมเกือบเดินกลับเข้าออฟฟิศแล้วสิ ถ้าไม่เห็นเธอเดินเข้ามา


นางฟ้าของผมวันนี้เธอใส่เสื้อสีขาว กระโปรงสีชมพู เธอดูน่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นแก้มแดง


ผมเดินเสไปเสมาหาอะไรกินอีกหน่อย ทั้งที่อิ่มจะแย่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อเฝ้ามองนางฟ้าเวลาพักเที่ยงของผม


อยากรู้จักเธอจัง ทำไงดีหว่า


9.


วันนี้ผมตัดสินใจจะแอบตามเธอไปดู ว่าเธอทำงานที่ไหน เพราะเธอไม่ใช่พนักงานบริษัทเดียวกับผม แต่ที่แน่ กว่าเธอจะลงมากินข้าวก็เกือบบ่าย และกว่าจะกลับก็จวนบ่ายสอง แต่ที่ทำงานเธอคงอยู่แถวนี้แหละ


8.


เธอทำงานแถวนี้จริงด้วย เธอทำงานอยู่ในสถานทูตแห่งหนึ่งในหลายแห่งแถวนั้น แต่เป็นหน่วยงานย่อยเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความร่วมมือ และเป็นโรงเรียนสอนภาษาไปในตัวด้วย


โรงเรียนสอนภาษาเหรอ... เออเข้าท่า


7.


พักเที่ยง ผมยังไม่ไปกินข้าว แต่เดินมานั่งกินกาแฟอยู่ที Cafe ของสถานทูต รอนางฟ้าเสด็จลงมาเสวยภักษาหาร


หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเรื่อย ที่นี่เขาใช้กาแฟพันธุ์อะไรมาชงเนี่ย


เมื่อเธอลงมา คราวนี้ผมจะต้องชวนเธอคุยให้ได้


6.


 “คุณครับ ทำงานที่นี่ใช่หรือเปล่าครับ” ผมเดินเข้าไปถามเธอ


“ผมสนใจจะเรียนภาษาฝรั่งเศสครับ แต่มีคอร์สไหนสำหรับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างผมมั่งไหมครับ


5.


วันนี้เธอน่ารักเป็นพิเศษขึ้นอีกหลายเท่า แก้มงี้แดงน่ารักเชียว เธอบอกให้เพื่อนคนอื่นไปทานข้าวกันก่อน ส่วนเธอยอมเข้ามาคุยกับผมใน Café และแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียนให้ฟัง


4.


ผมคุยกับน้องหนิง (เธออ่อนกว่าผมสี่ปี) สองสามคืนติดต่อกัน คืนละหลายชั่วโมง


ตอนกลางวันก็ไปนั่งกินข้าวด้วยกัน แต่ก็ได้แค่นั้นเองง่ะ... พอจวนบ่ายสองก็แยกย้ายกันไปทำงาน


เคยลองชวนไปดูหนังเธอก็บอกไม่อยากดู ตอนเย็นก็ต้องรีบกลับบ้าน ไปนั่งที่ไหนต่อก็ไม่ได้ สงสัยเดี๋ยวกลับบ้านช้า แม่จะดุละมั้ง


3.


น้องหนิงน่ารักจริงและเธอเป็นนางฟ้าจริง


เธอช่างมองโลกในแง่ดี สวยงาม และใสสะอาด เสียจนผมละอาย...


ผมเริ่มได้คิดว่า ผมเหมาะกับเธอหรือเปล่า ผมสามารถใช้ชีวิตแบบเธอได้ไหม การเลี้ยงดูของเรามันต่างกันเหลือเกิน


เธอไม่เคยพบกับความยากลำบากและสิ่งอันชั่วร้ายอะไรในโลกเลย...


ถ้าเธอเป็นนางฟ้าจริง ส่วนผมน่ะเหรอ เรียกว่าคนเดินดินยังยากเลย เธอเรียนจบจากโรงเรียนสตรีชื่อดัง จบมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียง และเข้าทำงานกับสถานทูต


ส่วนผมน่ะเหรอ... อย่าให้เล่าเลยคุณ ยาว


2.


วันนี้ตอนเช้า ผมซื้อดอกไม้ให้เธอ...


เพราะรู้ว่าเธอจะมีแจกันใบเล็ก ใส่ดอกกุหลาบน่ารัก


เอาไว้บนโต๊ะทำงานเสมอ แต่เธอรับไปแล้วก็ไม่ว่าอะไรสักคำ...


ตอนเที่ยง ผมไปหาเธอที่ห้องทำงานตามปกติ ดอกไม้บนโต๊ะทำงาน เป็นดอกเดียวกับที่ผมเห็นเมื่อวาน... เธอไม่ได้เอาดอกไม้ที่ผมให้มาปักแจกันหรือนี..


สงสัยดอกไม้ถูกช่อเล็ก ซื้อที่สถานีรถไฟฟ้าแบบนี้ มันคงจะไม่ถูกใจเธอละมั้ง


1.


ผมพยายามที่จะยอมรับความจริง ว่าผมกับเธอนั้นแตกต่างกันแค่ไหน...


นางฟ้าก็มีไว้สำหรับคนบนฟ้า...ผมคิด


ผมพยายามทำงานให้หนักขึ้น กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเหมือนเดิม และคุยกับเธอให้น้อยลง (หรือถ้าให้ถูก เธอเองก็ไม่ค่อยโทรหาผมสักเท่าไรแล้วช่วงนี้)


ผมจะจำเธอไว้ในฐานะความทรงจำที่สวยงามแล้วกัน


0.


ผมทำงานจนเกือบบ่ายสองแล้วนึกได้ว่าลืมกินข้าว


“พี่เอกคะ ทานข้าวมั่งป้ะเนี่ย” น้องออย เด็กฝึกงานมาถามผมด้วยความเป็นห่วง


“ออยไปซื้อให้ไหมคะ”


“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปกินเองก็ได้แล้วออยล่ะกินหรือยัง” เธอสั่นหน้าแทนคำตอบ


“งั้นไปกินข้าวกับพี่ไหม... พี่เลี้ยงเอง” น้องออยพยักหน้าตอบรับ เออ...วันนี้น้องออยแก้มสีชมพูเลย




When a woman loves a man


0.


ฉันสังเกตเห็นเขาตั้งหลายวันแล้วละ คนอะไรก็ไม่รู้


กินเส้นเล็กน้ำเนื้อเปื่อยได้ทุกวัน ไม่รู้จักเบื่อมั่งเลย


หน้าตาเขาตลกดีนะ นี่ถ้าเขาจะสร้างหนังโดราเอมอนเดอะมูฟวี ฉันคงจะอี-เมลไปบอกผู้กำกับให้มาเชิญพี่แกไปเล่นเป็นโนบิตะ


1.


พี่กุ้งชี้หมอนั่นให้ฉันดูแล้วหัวเราะคิกคัก อีตาโนบิตะนั่นเอง! เขาทำเป็นเดินโทรศัพท์ตามพวกเรามาห่าง สงสัยพี่แกจะแอบชอบใครสักคนในกลุ่มเราแน่ๆ เลย (สงสัยจะเป็นพี่กุ้งแฮะ ก็เธอสวยออกซะงั้น)


เอาเข้าจริงอีตานี่มองจากมุมเฉียงก็ดูดีเหมือนกันนะ


2.


อีตาโนบิตะถ้าจะเอาจริงแฮะ! วันนี้บุกมาถึงที่เลย มาหยิบโบรชัวร์อะไรให้วุ่น เลยอยากรู้เหมือนกันแฮะว่าแกจะมาจีบใคร


3.


“นีพี่กุ้ง อีตาโนบิตะมารอพี่แหนะ นั่งกินกาแฟอยู่ที่คาเฟ่ด้วย


“จริงง่ะ! เขาสมัครเรียนอะไรหรือเปล่าอ้ะหนิง”


“ไม่หรอกพี่ เขามารอพี่อ้ะแหละ สงสัยวันนี้พี่กุ้งไม่ได้กินข้าวกะพวกหนูแล้วละ”


“บ้า เหลวไหล!!!


4.


อีตาโนบิตะเขาเข้ามาคุยกับฉัน เขาถามฉัน!!! เขามารอฉันหรอกเหรอเนี่ย


แล้วอย่างงีทุกวันที่เขามอง...ก้อ.... หวาย


5.


พี่กุ้งน่ะสิ ทำขยิบหูขยิบตาให้ฉันคุยกับเขา จะบ้าเหรอ แต่ก่อนที่ฉันจะทันตอบอะไรได้พี่กุ้งก็ชิงบอกว่า


"ยินดีค่ะ มีอะไรก็ปรึกษาน้องหนิงได้นะคะ น้องเขาดูแลเรื่องนี้อยู่พอดีค่ะ "


“คุณ...เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาบ้างหรือเปล่าคะ”


“ไม่เคยครับ เอ้อ...ผมชื่อเอกครับ...”


“หนิงค่ะ”


“หนิงทำงานที่นี่นานหรือยังครับ หนิงจบเอกภาษานี้มาเหรอครับ”


“ค่ะ หนิงเพิ่งจบได้ปีเดียวเอง


“ขอผมเลี้ยงข้าวนะครับ หนิงอุตส่าห์คุยกับผมตั้งนาน อดไปกินข้าวกับเพื่อนเลย


“อย่าเลยค่ะ ในนี้แพงออก ไว้คราวหน้าดีกว่าค่ะ”


คราวหน้า!!! คราวหน้า ได้ยินกันไหมครับ ท่านผู้ฟัง


เข้าทางผมเลย


“คุณหนิงมีเบอร์มือถือไหมครับ ยังคุยไม่จบเลย พอดีผมต้องกลับไปทำงานแล้ว


บ้า!!! ฉันพลาดไปได้ไงอ้ะ


“อ้อ...ก้อ เอ้อ มีค่ะ ... 0 9 6 1 5...”


ให้เบอรค้าไปทำไมอ่า.. แง้ๆๆๆ


ฉันจิกกระดาษทิชชูในมือจนเละเป็นปุยเหมือนปลาดุกฟู


6.


พี่ๆ ล้อว่าฉันเป็นแฟนอีตาโนบิตะ เอ้ย! พี่เอก


ไม่ใช่ซะหน่อย ก็แค่เพื่อนคนนึง ทำงานอยู่ใกล้ๆ กัน ตอนกลางวันต่างคนต่างก็ต้องกินข้าวอยู่แล้ว ให้เขากินด้วยอีกคนจะเป็นอะไรไป


แต่พี่เอกเค้าคุยสนุกดีเหมือนกันนะ ฟังเขาคุยทีเพลินเลย บางทีนึกว่าคุยแปปเดียว ที่ไหนได้ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน


7.


พี่เอกนี่มีอะไรมากมายกว่าที่ฉันคิดแฮะ


พี่เขาผ่านอะไรต่ออะไรในชีวิตมามากมายกว่าที่จะนึกถึง


เขาไม่เหมือนใครที่ฉันรู้จักเลย เขาเริ่มต้นจากเด็กเกเรคนหนึ่ง ลองมาหมดแล้วอะไรแสบทั้งหลาย เหล้า ยา การพนัน เคยเข้าบ้านเมตตาก็เคย


แต่แล้วเขาก็สามารถตั้งใจเรียน จนจบทั้งการศึกษานอกโรงเรียน และเรียนมหาวิทยาลัยเปิดจนจบด้วยตัวเองตลอด และทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนี้ได้ในตำแหน่งและเงินเดือนที่ไม่น้อยทีเดียว


ฉันทึ่งในชีวิตของพี่เขาเหลือเกิน


8.


พี่เขาให้ช่อดอกไม้เล็กกับฉันละ...


มันน่ารักจนฉันพูดอะไรไม่ออกเลย แม้แต่คำว่าขอบคุณ


สงสัยฉันต้องรีบไปหาซื้อซิลิก้าเจลมาเก็บดอกไม้นี่เสียแล้วสิ... ไม่อยากให้มันเหี่ยวไปเลย


9.


เพื่อนฉันที่ทำงานบริษัทเดียวกับพี่เอกบอกว่า ช่วงนี้พี่เขาทำงานหนักมาก บางวันสี่ทุ่มก็ไม่ยอมกลับบ้าน มาถึงก็ก่อนแปดโมง


ฉันก็เหงานะ แต่เราก็ชอบที่พี่เขาเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ ผู้ชายที่มีพลังและความรับผิดชอบ ที่พุ่งไปข้างหน้าตลอดเวลา


สิ่งที่ฉันทำได้ ก็คือให้เขาทำสิ่งที่เขาตั้งใจนั้นอย่างเต็มที่โดยไม่ขัดขวางหรือแง่งอน...


ถึงจะไม่ได้คุยกับพี่เขาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะไว้ถ้าพี่เขาว่าง คราวนี้ถ้าจะชวนไปดูหนังหรือกินข้าวเย็นบ้าง ฉันจะไปละนะ


10.


“พี่กลับไปก่อนนะหนิง”


“ค่ะ เดี๋ยวหนูรอแถวนี้อีกแปปนึงแล้วกันนะ”


พี่เอกคงงานยุ่งจนไม่ได้ออกมาทานข้าว วันนี้แหละ ถ้าพี่เอกชวนฉันไปดูหนัง ฉันจะไปดูกับเขา...




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2552    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 0:12:06 น.
Counter : 268 Pageviews.  

คนเรามักจะยึดติดและไม่ยอมปล่อยผลประโยชน์ตรงหน้า

มีบริษัทหนึ่งประกาศรับสมัครพนักงานใหม่หนึ่งคน และมีคนมาสมัครมากมายหลายร้อย บริษัทนั้นให้ผู้สมัครทุกคนทำตอบคำถามหนึ่งข้อ ซึ่งคำถามมีอยู่ว่า


ในดึกคืนหนึ่งที่ฝนตกฟ้าคะนองขนาดหนักมากและคุณกำลังขับรถกลับบ้าน ขณะที่ขับผ่านป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง คุณพบคนสามคนกำลังรอให้ฝนหยุดเพราะดึกเกินกว่าจะมีรถเมล์วิ่งแล้ว คนสามคนนั้นคือ


1. หญิงชราที่กำลังป่วยและต้องการการรักษาด่วน มิฉะนั้นเธออาจจะตายได้


2. หมอซึ่งครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตคุณไว้


3. ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนของคุณ และคุณรักเขามากขนาดจะแต่งงานกับเขาให้ได้


คำถามมีอยู่ว่า


รถคุณเป็นแบบนั่งได้แค่สองคน ดังนั้นคุณจะรับคนไปด้วยได้อีกแค่คนเดียว คุณจะรับใครไปด้วย และให้เหตุผลที่ตัดสินใจอย่างนั้น


พวกเราก็ลองคิดดูสิว่าถ้าเราเป็นคนตอบคำถามข้อนี้ เราจะตอบว่ายังไง แล้วเทียบกับเหตุผลข้างล่าง


เอาล่ะ ลองดูเหตุผลของคำตอบแต่ละแบบแล้วเทียบกับเหตุผลของคุณ


เนื่องจากแต่ละข้อก็มีเหตุผลที่เหมาะสมในตัวของมันเอง เหตุผลข้างล่างนี้ เป็นเหตุผลของคนเกือบทุกคน


1. ถ้าคุณตอบว่ารับคนแก่ เหตุผลก็เพราะเขากำลังจะตาย ถ้าคุณรับไปก็เท่ากับช่วยชีวิตคนได้


2. ถ้าคุณตอบว่ารับหมอ เหตุผลก็เพราะเขามีบุณคุณกับคุณ และนี่คือเวลาที่จะตอบแทนได้บางส่วน


3. ถ้าคุณตอบว่ารับแฟนคุณ เหตุผลก็เพราะ เขาเป็นคนที่คุณรัก คิดว่าตรงแค่ไหนล่ะ


แต่ผู้ที่บริษัทนั้นรับเข้าทำงาน เป็นผู้เดียวที่ตอบอีกแบบนึง...ให้คิดอีกที


เขาตอบว่า "เขาจะให้กุญแจรถกับหมอ ให้หมอพาคนแก่ไปโรงพยาบาล และเขาก็จะอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้น กับคนที่เขารัก"


เป็นไง ประหลาดใจกับคำตอบใช่ไหม และคิดว่ามันเป็นคำตอบที่ดีมากใช่ไหม


ข้อคิดของเรื่องนี้คือ


คนเรามักจะยึดติดและไม่ยอมปล่อยผลประโยชน์ตรงหน้า (กุญแจรถ และการกลับบ้าน) ทำให้เรามองอะไร ด้วยมุมมองที่แคบลง จะเห็นว่าการมอบกุญแจรถให้หมอ นอกจากจะได้ตอบแทนบุญคุณ (หมอก็คงไม่ยึด รถไปเป็นของตัวเองหรอก ภายหลังก็เอามาคืน) เรายังได้ช่วยชีวิตหญิงชรา แถมได้อยู่กับคนที่เรารัก แบบสองต่อสอง เรียกได้ว่าเสียไปแค่ไม่ได้กลับบ้านในตอนนั้น แต่เราบรรลุวัตถุประสงค์ใหญ่อีกหลายอย่างได้


คุณล่ะ คิดว่าคุณมีมุมมองที่กว้างหรือแคบและยึดติดกับผลประโยชน์ต่างๆ แค่ไหน





 

Create Date : 07 มิถุนายน 2552    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 0:12:15 น.
Counter : 191 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

youringmybell
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วันว่าง จาก วันงาน เลยเอา เวลา มา ใช้จ่าย ในโลก cyber

เพื่อ หลบลี้ จาก โลก แห่ง ความเป็นจริง บ้าง..ในบางเวลา
Friends' blogs
[Add youringmybell's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.