รวมมิตรเรื่องท่องเที่ยว และ สายการบิน
Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องขำๆ หมาๆ แมวๆ กับหมอสัตว์มือใหม่ไฟแรงสูง (ตอนที่ 3)

สวัสดีครับ จากสัปดาห์ก่อนได้มาเล่าเรื่องราวขำๆ ไปแล้ว สัปดาห์นี้ก็ยังคงมีเรื่องราวให้ได้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ หล่ะครับ ก็จะเอาส่วนที่ขำๆ มาพูดดีกว่า ส่วนที่ไม่ขำบางทีก็ถือว่าเป็นบทเรียน ที่ต้องนำกลับไปปรับปรุงแก้ไขตนเองอ่ะครับ (พอดีว่าขี้เกียจย่อรูปอ่ะครับ ตอนนี้ก็เลยยังไม่มีรูปน้องหมา น้องแมวมาประกอบภาพนะครับ)

เรื่องขำๆ ที่บางทีอาจจะขำไม่ออก
อย่างตัวผม เป็นหมอใหม่ไฟแรงสูงจริง แต่ช่วงบ่ายๆ จะติดนิสัยตอนสมัยเรียน คือตอนที่เรียนอยู่ เพื่อนๆ จะรู้ดีว่า ผมเป็นคนที่หลับในห้องเรียนมากกว่าชาวบ้านชาวช่อง หลับตลอด!! แม้แต่อาจารย์ตาเขียวปั๊ด ก็หลับได้ หรือแม้คลาส กรุ๊ปเล็กๆ ก็ยังคงหลับไม่เกรงใจใคร ผลรรมก็เลยตกอยู่ที่เกรดเฉลี่ยตอนจบไม่ค่อยสูงเท่าไหร่นัก เรียนๆ หลับๆ เที่ยวๆ แบบผมก็อย่างนี้แหล่ะครับ อย่างน้อยผมคิดว่าผมก็ใช้ชีวิตตอนสมัยเรียนได้คุ้มกว่าใครหลายๆ คนก็แล้วกันหล่ะ

พอตอนทำงาน บางทีบ่ายๆ ยามไม่มีเคส ง่วงจริงๆ ก็ต้องพยายามเดินเล่น ไปดูสัตว์ admit บ้าง แต่บางทีก็ง่วงจัด ไม่ไหวแฮะ ก็ต้องไปโด๊ปกาแฟ แต่มีบางบ่าย อารมณ์ขี้เกียจ ก็ไปเดินดูผู้ช่วยสัตวแพทย์ โกนขนน้องหมา รอทำแผล แล้วระหว่างรอผมก็เอามือเท้าโต๊ะตรวจ ยืนหลับซะอย่างนั้น (แก๊งค์ผู้ช่วยฯ ขำแทบฟันหัก ... ผมหรือจะเขินอาย หลับในห้องเรียนต่อหน้าธารกำนัลเป็นร้อยยังเคยมาแล้ว เหอๆ )

นอกจากเรื่องชอบหลับ (แต่ถ้ามีเคสเข้ามาก็เต็มที่ตลอดนะครับ ไม่ได้อู้งานแต่อย่างใด ) ตอนนี้ที่โดนหนักหน่อยคือ เรื่องขี้ลืม แห่ะๆๆ พอดีมีงานหลายๆ อย่างเข้ามาต้องทำพร้อมๆ กัน แล้วสิ่งที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ มักจะถูกลืมเสมอ ....ซึ่งก็ต้องแก้ไขกันไปหล่ะครับ

เจมส์ กะ ปังคุง และคุณป้าไฮโซ
มีอยู่เคสหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ฮามาก .... วันหนึ่งมีคุณป้าที่ดูค่อนข้างไฮโซ พาน้องหมาบูลด๊อกเข้ามารักษา ปกติคุณป้าท่านนี้มารักษาประจำอยู่แล้ว ตอนแรกหมอใหม่อย่างผมก็ไม่ค่อยอยากจะไปรับเคสนี้หรอกครับ เพราะเห็นประวัติว่าเคยรักษากับพี่หมออาวุโสกว่ามาโดยตลอด และดูท่าทาง คุณป้าเค้าน่าจะไม่ค่อยพิศมัยกับหมอใหม่แกะกล่องอย่างผมเท่าไหร่

แต่วันนั้น ที่โรงพยาบาลเคสเยอะมาก พี่หมอทุกคนต่างวุ่น ทีนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหมอใหม่อย่างผมหล่ะ เดินเข้าไปตรวจ น้องหมาเป็นสุนัขบูลด๊อก ... ซึ่งอาการก็ไม่ได้รุนแรงอะไรหรอกครับ เป็นแผลเป็นรูตรงใกล้ใต้ตา แล้วมีหนอนไชเข้าไป แต่เจ้าของอยากจะฝาก admit รักษาให้หาย ซึ่งผมก็ไม่ขัดศรัทธาของท่าน ..... ก็ดูแลเป็นอย่างดี

น้องบูลด๊อกตัวนี้ ก็ได้เข้ามาอยู่ในคอกประจำ มีพัดลมเป่าสบายแฮ .... ถ้าหิวน้ำก็จะเห่า และน้องเค้าก็ทานอาหารเป็น อาหารเม็ดชีวจิตที่ทางคุณป้าเจ้าของจัดมาให้ทุกวัน แล้วคุณป้าก็จะมาเยี่ยมทุกวันช่วงเย็น

โปรแกรมก็ทำแผลทุกวัน วันแรกๆ ก็คีบหนอนก่อน แล้วก็ให้ยาปฏิชีวนะกับยาลดอักเสบ แผลก็เล็กลงเรื่อยๆ ... น้องบูลด๊อกก็จะชอบไปเดินเล่นมากๆ วันๆ หนึ่งผู้ช่วยฯ แทบจะพาเดินเป็น 10ๆ รอบ ส่วนตัวผมเองเดินผ่านก็จะแวะไปทักทายลูบหัวเล่นทุกครั้ง ซึ่งน้องบูลด๊อก ตัวนี้ก็จะชอบนั่งทำท่าโต้ลมสบายๆ แลดูมีความสุข

เช้าวันหนึ่ง พี่หัวหน้าผู้ช่วยฯ ที่เป็นผู้ชาย ก็พาน้องบูลด๊อกไปเดินเล่นตามปกติ ตรงพงหญ้าแถวหลังโรงพยาบาล ตรงด้านหลังโรงพยาบาลจะมีที่จอดรถด้วย .... ก็มีเจ้าของสุนัขที่เป็นชาวญี่ปุ่น มาพบเห็นพอดี .... ก็เลยตะโกนทักทาย และชี้มาว่า ....

"เจมส์ .... ปังคุง"

ภาพนั้นคือ พี่ผู้ช่วยกำลังจูงน้องบูลด๊อก เดินเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ .... น้องบูลด๊อกก็หน้าตาเหมือนเจมส์เสียยิ่งกว่าอะไร .... พี่ผู้ช่วยก็เลยได้รับฉายาว่าปังคุง เป็นที่ฮากันทั้งโรงพยาบาล ในช่วงเวลานั้น ....

ส่วนคุณป้าก็แฮปปี้ดีครับกับการรักษา และการดูแลเอาใจใส่ที่ดี (เอาอกเอาใจดีด้วย) จนกระทั่งรับน้องบูลด๊อกกลับบ้านในอีกเพียง 2 วันต่อมา ....

เทศกาลโรคไตจ้า
หลังจากที่หมอใหม่ไฟแรงสูง ได้รับโอกาสได้มารับเคสวัคซีน และทำแผลล้างแผลต่างๆ มากขึ้น .... ก็ได้เริ่มไปรับเคสที่ advance ขึ้นมาอีกนิดหน่อย นั่นก็คืออาการกลุ่มโรคไต ....

แมวหรือสุนัขตัวไหนที่มีประวัติผอมลงเยอะมากๆ ไม่ค่อยทานข้าว แต่อาจจะทานน้ำเก่งและปัสสาวะบ่อย และอายุมากแล้ว ก็ตั้งข้อสงสัยได้ ... แล้วตรวจร่างกาย และตรวจเลือดวัดดูค่าไตเพื่อยืนยัน บางตัวเปิดปากดู โอ้โห กลิ่นนี้โรคไตชัดๆ ตรวจค่าไตดู แม่เจ้า ค่ามาตรฐานคือไม่เกิน 2 แต่พี่แกทะลุ >10 ไปแล้ว ....

ช่วงนี้มีบ่อยมากๆ และพี่หมอก็มักจะส่งให้ผมเข้าไปช่วยดู เพราะการรักษาสัตว์กลุ่มโรคไต ต้องใช้เวลา และเป็นการรักษาเพื่อพยุงอาการให้ดีขึ้น หลายๆ ตัวก็ต้องมาให้น้ำเกลือ และให้ยาปฏิชีวนะคุมการติดเชื้อ อีกทั้งต้องปรับการให้อาหารใหม่ ... มีหลายตัวที่ดูดีขึ้น แต่ก็มีหลายตัวที่อาการทรุดหนัก .... แล้วก็ไม่รอด

ลองนึกถึงสภาพคนดูนะครับ เวลาคนเป็นโรคไตวายก็ต้องฟอกไต ในสุนัขหรือแมวเมื่อไตวาย ในเลือดก็จะมีปริมาณของเสียต่างๆ ที่ไตไม่สามารถกำจัดและขับทิ้งได้เหมือนเคย โอกาสที่จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตในเวลา 24-48 ชั่วโมงย่อมเป็นไปได้สูงครับ

ที่ขำๆ บางทีก็ขำไม่ออกเหมือนกัน เพราะเห็นใจเจ้าของ ต้องบอกว่าเจ้าของต้องใจเย็นๆ และอดทนในการดูแลน้องหมาน้องแมวโรคไตพอสมควร อาทิเช่นอาหารโรคไตอาจจะต้องปั่นแล้วทยอยป้อนๆ ใส่ไซริงค์ หลายๆ ตัวที่ตอบสนองก็อยู่ไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าตัวไหนที่อาการหนักมากๆ บางทีวันรุ่งขึ้นก็เห็นผลเลยครับว่าน้องเค้าทนไม่ไหวแล้ว

นอกจากโรคไตแล้ว โรคลำไส้ก็ระบาดหนักมากๆ
ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงหนึ่งที่ผมเองรู้สึกเหนื่อยมากๆ กับน้องหมา เพราะมีเคสที่ป่วยเป็นโรคลำไส้อักเสบมากันมากมายเหลือเกิน และหลายๆ รายก็หนักหนา ร่อแร่เต็มที ต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด

ใบ OPD ถูกส่งเข้ามาในห้องพักหมอ เขียนว่า สุนัขอาเจียนและท้องเสีย แน่นอนครับ คำว่า "ลำไส้อักเสบ" ย่อมผุดขึ้นมาในหัวหมอหลายๆ คนตอนนี้ทันที แล้วอาการไหนบ้างหล่ะที่ต้องสงสัย
-- กลุ่มอายุต้องสงสัย : เป็นพวกหมาเด็กๆ อายุประมาณ 1 เดือนครึ่ง-2 เดือนขึ้นไป มักจะเป็นพวกที่ยังทำวัคซีนยังไม่ครบโปรแกรม (ช่วงอายุต่ำกว่า 6 เดือนจะเจอกันได้มากๆ ส่วนสุนัขที่อายุเยอะกว่านี้แล้ว อาจจะเป็นสาเหตุอื่นมากกว่า)
-- เริ่มมีอาการอาเจียน ตอนแรกก็อาเจียนเป็นอาหาร ต่อมาเริ่มอาเจียนเป็นฟองขาวๆ บางทีอาเจียนเอาพยาธิไส้เดือน (เป็นต้น) ออกมาด้วย
-- อุจจาระจากเดิมที่เป็นก้อน ก็เริ่มถ่ายเหลวมีเลือดปน สีอุจจาระเริ่มเข้มขึ้น และเริ่มเหลวขึ้น จากเหลวๆ บางทีเริ่มเป็นมูกๆ หรือบางทีก็พุ่งเป็นสีโอวัลตินเลย
-- อุณหภูมิร่างกาย ในช่วงแรกอาจจะปกติหรือผิดปกติก็ได้ แต่ที่แน่ๆ น้องหมาจะมีอาการซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ทานอาหารได้น้อยลง (และอาเจียนออกมาตลอด)
-- เมื่อตรวจอุจจาระกับกล้องจุลทรรศน์ จะพบว่า มีเชื้อแบคทีเรีย และเม็ดเลือดแดงปนอยู่เป็นจำนวนมาก

การรักษาเบื้องต้น ที่สัตวแพทย์จะทำกันได้ ขึ้นอยู่กับอาการของน้องหมา ส่วนมากเจ้าของมักจะพามากันในระยะต้นๆ คืออาเจียนและท้องเสีย ส่วนมากคุณหมอจะฉีดยาปฏิชีวะนะคุมการติดเชื้อในทางเดินอาหาร และฉีดยาระงับการอาเจียนให้

แต่ถ้ายังคงมีอาการอาเจียนอยู่ไม่หยุด .... ก็จะต้องเริ่มให้น้ำเกลือ เพราะร่างกายน้องหมาเริ่มสูญเสียน้ำไปมาก รวมไปถึงปรับชนิดยาปฏิชีวนะ จากเดิมเป็นแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ก็อาจจะต้องให้ตัวอื่นที่สามารถคุมการติดเชื้อได้ดีกว่า เช่นยาที่ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ

ในช่วงต่อมาอุณหภูมิร่างกายของน้องเค้าก็จะสูง อาจจะต้องมีการฉีดยาลดไข้ให้ หรือมีการเช็ดตัว ที่สำคัญต้องมีการเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลา (แน่นอนว่า น้องหมาจะต้อง admit ครับ)

สิ่งที่ฟ้องว่าเป็นโรคลำไส้อักเสบแน่ๆ นอกจากกลิ่นอุจจาระที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว (คือเดินเข้ามาได้กลิ่นก็ฟันธงได้ จะเป็นอุจจาระกลิ่นคาวเลือด แบบว่าคาวสุดๆ) สามารถยืนยันได้โดยการใช้ชุดตรวจสำเร็จรูป (Canine Parvovirus และ Canine Coronavirus) และดัชนีที่ฟ้องแจ่มแจ้ง จากการตรวจค่าเม็ดเลือด ก็คือ ค่าเม็ดเลือดขาวของน้องหมาจะลดต่ำลงมากๆ อาจจะต่ำกว่าระดับ 2,000 (ค่าปกติอยู่หมื่นกว่าๆ) บางตัวอาจจะเหลือแค่ 500-700 ซึ่งโอกาสจะรอดก็มีแต่ก็ต้องดูแลดีๆ และขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาของน้องหมาเค้าด้วย โดยจะมีการฉีดยาเพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดเข้าไปช่วยอีกแรงหนึ่ง

ดังนั้น ใครที่เลี้ยงน้องหมา แล้วน้องเค้าเป็นโรคลำไส้อักเสบขึ้นมา ก็ต้องใช้เวลารักษากันพอดูหล่ะครับ อย่างน้อยก็ 3-4 วันขึ้นไป บางทีอาจจะนานเป็นสัปดาห์ ... ค่าใช้จ่ายในการรักษาก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ที่ครับ แต่ส่วนมากก็ถือว่าค่อนข้างสูงเพราะต้องมีการ admit นอนให้น้ำเกลืออยู่ตลอดเวลา น้องหมาจำนวนไม่น้อย ที่มีอาการดีขึ้น เริ่มมีเรี่ยวมีแรง หยุดอาเจียน หยุดถ่ายเหลวและทานอาหาร กลับบ้านได้ก็มีเยอะ แต่ที่ไม่รอดก็เยอะเช่นกัน

ซึ่งสุนัขที่ไม่รอดนั้น สาเหตุเด่นๆ อาจจะเกิดจากการดูแลที่ไม่ดี เช่นสุนัขไม่ได้รับสารน้ำที่เพียงพอ หรือไม่ได้รับเลย และเรื่องอุณหภูมิของร่างกายน้องหมา ถ้าเป็นไข้อุณหภูมิสูงมากๆ (มากกว่า 105 องศาฟาเรนไฮต์) อยู่ตลอดเวลา .... น้องเค้าก็ทนไม่ไหวเช่นกันครับ อีกส่วนหนึ่งที่ต้องคุมก็คือ การคุมการติดเชื้อแทรกซ้อนด้วยการให้ยาปฏิชีวนะเข้าไปคุม ....

สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เลยทำให้หมอใหม่ไฟแรงสูงอย่างผม แทบจะหมดเรี่ยวแรง ล้มหมอนนอนเสื่อเลยหล่ะครับ แต่ก็ได้รับประสบการณ์ในการรักษาสุนัขที่มีอาการแบบนี้มากพอสมควร และสุนัขหลายๆ ตัวที่ได้รับการรักษาก็มีอาการที่ดีขึ้น หลายๆ ตัวก็ได้กลับบ้านไปแล้ว

น้องหมามีความสุข เจ้าของก็มีความสุข
และหมอเองก็มีความสุขครับ

สุขใจที่ทำให้เค้าได้หายป่วย ได้อยู่สุขสบายและมีชีวิตอยู่ต่อไป นั่นเองหล่ะครับ ....


เอาเป็นว่าจบตอนที่ 3 แบบยืดเยื้อ อาจจะไม่ขำเท่าไหร่ ไว้เท่านี้แล้วกันนะครับ ถ้าหากมีโอกาสจะเขียนบล๊อกตอนที่ 4 คาดว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานรับปริญญาของผม ในช่วงสิ้นเดือนนี้ มาลงครับ

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ มีอะไรก็ติชมกันได้เสมอนะครับ


Create Date : 27 มิถุนายน 2550
Last Update : 13 กรกฎาคม 2550 0:47:59 น. 3 comments
Counter : 895 Pageviews.

 
พอทราบหรือเปล่าคะว่า แถวๆ ถนนนวมินทร์ มีรพ.สัตว์ที่ไม่แพงหรือเปล่า
เจ้าโมเช่เป็นโรคไต ไปหาหมอมาแล้ว ค่ารักษาแพงมาก
ตอนนี้ป้อนน้ำตามที่หมอแนะนำให้ได้วันละไม่ต่ำกว่า 150 ซีซี เพื่อให้ค่าไตลดลง แต่ลำบากมากทั้ง ดึงหนังแล้วยังตั้งได้อยู่เลย แสดงว่ายังขาดน้ำอยู่ เลยคิดว่าจะให้น้ำเกลือเอง ควรใช้น้ำเกลือแบบไหนคะ
แล้วถ้าป้อนน้ำโดยผสมน้ำข้าว (ข้าวบดๆ ผสมน้ำ แล้วเอาน้ำขุ่นๆ มาใช้) ใช้ได้ไม๊คะ
อาหารโรคไต ถ้าเราปรุงเอง ใช้อะไรทำได้บ้าง
ถ้าอาหารกระป๋องสำหรับโรคไต มีขายที่ไหนบ้างคะ (รพ.สัตว์ที่ไป เขาไม่มีขาย)

ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ปูเป้ (กลุ่มต้นธรรม ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:17:04 น.  

 
ชอบเรื่องที่คุณหมอเขียนมากๆเลยค่ะ

ได้ทั้งรอยยิ้มและความรู้ ^___^


โดย: ก๋วยเจ๋ง28 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:12:59:19 น.  

 
น้องหมาที่บ้านก็ตายไปด้วยลำไส้อักเสบตัวนึงค่ะ

ร้องไห้กันเป็นอาทิตย์เลยอ่ะ ไปไวมาก นั่งรถพาไปหาหมอ แล้วชักตายบนตักเลยอ่ะ ฮือๆ


โดย: หมวยแก้มป่อง วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:10:42:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Friends' blogs
[Add ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.