รวมมิตรเรื่องท่องเที่ยว และ สายการบิน
Group Blog
 
All Blogs
 
++แป๊บๆ ก็จะเรียนจบปี 6 แล้วเนอะ++ [ตอนที่ 1 : ติดสัด(แพ้ด)แล้ว]

สวัสดีครับ เห็นหลายๆ ท่าน เห็นชื่อผมแล้ว คิดว่าเข้ามาอ่าน blog ของคนชื่อ "ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์" แล้วจะต้องเจอเรื่องน้องหมาน้องแมว ประสบการณ์ขำๆ ระหว่างการเรียน ... ซึ่งพอคลิ๊กเข้ามา เอ๊ะ เปิดมาผิด blog ปล่าวหว่า

สัตวแพทย์อะไรฟระ มีงานอดิเรกคือการท่องเที่ยว ... ก็แน่นอนครับ ผมเองเป็นนิสิตสัตวแพทย์ (เอกการท่องเที่ยวและสายการบิน ... ก็ความชอบส่วนตัวนี่ครับ)

ตอนนี้ก็เปิดเทอมปี 6 เทอม 2 มาได้ 3 อาทิตย์แล้วครับ จะว่าไป ก็เหลือเวลาเรียนอีกเพียง 3 เดือน ก็จะจบหลักสูตรแล้ว ... รู้สึกใจหายครับ ว่า 6 ปี 12 เทอม ที่ผ่านมาทำไมผ่านไปรวดเร็วจังเลย

ก็เลยจะเขียนเป็นซีรีย์ละกัน ลงในหมวด diary ของผมนี่แหล่ะ หุหุ

ขอเริ่มตอนที่ 1 เลยนะครับ สำหรับตอนที่ชื่อว่า : ติดสัด(แพ้ด)แล้ว

... ย้อนอดีตไปเมื่อปี 2542 ครับ ตอนนั้นผมกำลังเป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ (ที่เชียงใหม่ โรงเรียนเอกชนจะดังกว่าโรงเรียนรัฐบาลนะครับ) ... ผมเองก็เป็นนักเรียนคนหนึ่ง ที่เรียนไม่เก่งเล้ย โดนอาจารย์เค้าบ่นๆ เป็นประจำ ... เกรดเฉลี่ยของผม ก็ไม่ได้หรูอะไร อยู่แค่ช่วง 2 ปลายๆ มาโดยตลอด ... เวลาประกาศคะแนนมาที ก็จะอยู่รั้งท้าย โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ที่จะได้เกรด 1-2 ตลอด (โง่มาก) แต่วิชาที่เชิดหน้าชูตาหน่อย ก็จะเป็นพวก ภาษาอังกฤษ กับชีววิทยาครับ

ความตั้งใจของผมตอนนั้นคือ ผมอยากเรียนบริหารธุรกิจครับ เพราะมีความฝันลึกๆ อยากจะบริหารงาน... แต่ด้วยความที่ คุณพ่อ-คุณแม่เป็นข้าราชการ และที่บ้านไม่ได้มีธุรกิจส่วนตัว ... ท่านอยากจะให้ผมได้ทำงานวิชาชีพอิสระ มากกว่าที่จะต้องมาเป็นลูกจ้างบริษัท เป็นนายของตัวเองไม่ได้ ... ผมเองก็เลยต้องเริ่มมองหาตัวเองว่า ตรูจะเรียนอะไรได้น้อ ... เรียนก็ไม่เก่ง

ยุคสมัยนั้น ค่านิยมด้านการเรียนสายวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังมาแรงครับ แต่เกรดเฉลี่ยอันน้อยนิด กับสมองที่มีหยักนิดหน่อยของผมจะไปสู้ เพื่อนๆ ระดับเทพ ระดับเซียนได้อย่างไร ... ผมรู้สึกว่าตัวเองชืนชอบ Lab วิชาชีววิทยามากกว่าวิชาอื่นๆ เลยแฮะ รู้สึกสนุกที่มานั่งผ่ากบ มานั่งดูเซลล์ มากกว่าไปต่อวงจรไฟฟ้า หรือพวก Lab ฟิสิกส์ และวิชาที่ผมเกลียดมากคือ คณิตศาสตร์(เว่อร์ๆ)

ผมเองก็ได้เริ่มมองลู่ทาง คุณแม่เอาหนังสือหลักสูตรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาให้ดู อืมมม .... ก็เปิดไปเรื่อยๆ ครับ ... คณะแพทย์ ไม่ไหวหรอกจ้า ฉลาดเกิน ... ทันตแพทย์ ... ไม่เอาอ่า นอกจากฉลาดเกินแล้ว วุ่นๆ อยู่กับปากคนคงไม่น่าพิศมัยเท่าไหร่ .... คณะเภสัช... (ความจริงคือผมไม่ค่อยจะชอบเคมีเท่าไหร่หน่ะครับ)

อืมม... คณะสัตวแพทยศาสตร์ .... พลิกๆๆ ต้องเรียน 249 หน่วยกิต ไม่มีวิชาคณิตศาสตร์เลยแฮะ มีแต่ stat นิดหน่อย ... น่าจะไปได้วุ้ย ... หมาแมวผมก็เล่นกับมันได้ รู้สึกสนุกเวลาวิ่งไล่จับหมาอาบน้ำ ถึงแม้ว่าผมจะกลัวงูก็เหอะ (กลัวงูขึ้นสมอง และ นิสิตคณะนี้ก็กลัวงูกันเยอะนะครับ ขอบอก เหอๆ)

แล้ว... ช่วงนั้นพอดีที่ มีพี่ที่เป็นลูกชายของเพื่อนคุณพ่อผมสอบติดเข้า สัตวแพทย์จุฬาได้ (ปัจจุบันพี่คนนี้ทำงานอยู่กรมปศุสัตว์ครับ) ... เค้าก็เชียร์ใหญ่เลยสิครับ ... ผมจำแม่นว่า คำแรกที่ผมถามคือ "มีผ่างูป่ะคับ" ... พี่เค้าบอกว่า อาจจะได้เรียนช่วงปี 5 อืมมม คงไม่เป็นไรม้าง... ไม่ตายหรอก

เอาหล่ะ ผมก็ตัดสินใจว่า เราจะต้องเข้า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ใกล้ๆ บ้านผม) ให้ได้ ... ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปี 2543 เป็นต้นมา คุณแม่ผมก็เริ่มจับผมกวดครับ ... โดยคุณแม่ผมค่อนข้างเชื่อมันในตัวผมว่า ... ถึงแม้ว่าผมจะเรียนไม่เก่ง แต่ผมก็ตั้งใจที่จะทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จให้ได้ ผมอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วก็อ่านอีกได้ ....

วิถีชีวิตของนักเรียน ม.6 ช่วงนั้น สำหรับโรงเรียนผม เรียนวันจันทร์-เสาร์ วันธรรมดาเลิกเรียนพิเศษตอน 4 ทุ่ม วันเสาร์เริ่มเรียนพิเศษตอน 6 โมงเช้า คุณแม่ผมก็จะขับรถพาผมไปส่งที่บ้านครูแขก (ติวเตอร์ฟิสิกส์ชื่อดัง ... คิดว่าเด็กเชียงใหม่รู้จักกันหมดแหล่ะครับ) ... พอเลิกเรียน 7.45 น. ผมก็จะซ้อนท้ายมอไซด์เพื่อนออกไปเรียนให้ทันก่อนคาบแรกเวลา 8.20 น. เลิกเรียนก็เรียนพิเศษภาษาอังกฤษต่อ ... ช่วง ม.6 ผมแทบจะไม่เคยได้อยู่บ้านช่วงกลางวันเลย รู้สึกเหนื่อย กลับมาอ่านหนังสือ

รุ่นผมยังคงสอบเอนทรานซ์เดือนตุลาคม และเดือนมีนาคม ดังนั้น ทุกคนจึงต้องตั้งใจเป็นอย่างมาก ในการทำคะแนนให้ได้ดี เพื่อที่จะมีโอกาสเลือกคณะตามที่ตัวเองอยากเลือก ... ซึ่งผมเองก็พยายามที่สุดแล้ว และผลคะแนนออกมาก็ค่อนข้างพอไหวอยู่ สำหรับคนที่เรียนไม่เก่งอย่างผมคือ คะแนน 7 วิชาเต็ม 700 ผมได้ 365 คะแนน

ผมลองประเมินดูว่า เกรดเฉลี่ยอันน้อยนิดของผม กะ Percentile Rank ในรุ่นที่โรงเรียน ผมเองก็จะอยู่กลางๆ ค่อนไปทางท้ายซะด้วย ... คะแนน GPA+PR คงไม่ดีแท้แน่ๆ ... ถ้าได้โควต้าไปก่อนก็คงจะดีไม่น้อย ... (เรียนโรงเรียนใหญ่ในเมือง ข้อเสียก็ตรงนี้หล่ะครับ โรงเรียนผมยิ่งขึ้นชื่อเรื่องการกดเกรดอยู่ด้วย)

ผมอยากจะเล่าความจริงว่า ... ผมยังตัดใจกับคณะบริหารฯ ไม่ได้ครับ ... ผมก็เลยขอคุณพ่อ-คุณแม่ มาสอบโครงการรับตรง ของ ม.ธรรมศาสตร์ (ซึ่งคุณสมบัติคือ ผู้มีสิทธิ์สมัครต้องมีเกรดมากกว่า 2.75 ขึ้นไป ... แล้วผมก็ผ่านคุณสมบัติแบบเฉียดฉิวด้วยเกรด 2.80 ก๊ากกก) ..... ตอนนั้นผมเลือกคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาบริหารธุรกิจ ... แล้วเด็กเชียงใหม่อย่างผม ก็ต้องนั่งรถไฟเข้ากรุงมาสอบที่ มธ. ศูนย์รังสิต ...... ด้วยผู้สมัครกว่า 3,000 คนเอาแค่ 100 กว่าคน ... ข้อสอบก็มีหลายแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นเขียนวัดเชาว์ปัญญากันน่าดู

แล้วอย่างผมสอบจะติดเรอะ ก๊ากกกก

หลังจากที่ผมกลับจากกรุงเทพได้ 1 อาทิตย์ ก็มีเพื่อนเดินมาบอกว่า เอ่อ นี่ ครูแนะแนวเรียกให้ไปพบ .... ครูเค้าก็บอกว่า มีโควต้าพิเศษจาก ม.เกษตรศาสตร์ มีคณะสัตวแพทย์ด้วย เธอสนใจจะสมัครไหมหล่ะ?

ผมยืนมองใบสมัครซีรอกซ์เยินๆ ที่เหมือนเป็นสำเนาจากแฟกซ์ที่ถูกส่งมาจากกรุงเทพ อืมมม ... ม.เกษตรศาสตร์เหรอ

มหาวิทยาลัยที่รับน้องหนักๆ หน่ะเหรอ? (ในหัวตอนนั้นผมคิดได้แค่นี้จริงๆ ที่อยู่ตรงบางเขนใช่ป่ะ?) แล้วผมก็รับเอกสารนั้นมาจากอาจารย์ ... เดินตรงไปขอใบรับรองการศึกษา(ตัวจริง) กรอกเอกสารแล้วก็ส่งให้อาจารย์ โดยที่ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนัก .... ซึ่งการพิจารณาของโครงการนี้จะใช้คะแนนเอนทรานซ์เดือนตุลาคม 5 วิชาครับ

เดือนพฤศจิกายน 2543 .... อีกแค่เดือนกว่าๆ จะต้องสอบ โควต้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แน่นอนว่า เราจะต้องทำให้ดีที่สุด เพราะต้องสอบใหม่หมดเลย .... ที่โรงเรียนก็จัดกิจกรรมเข้าค่ายไปเก็บตัวกันอยู่ 3 อาทิตย์ กินนอนอ่านหนังสือ มีติวเตอร์เข้าไปติวในค่าย ... ช่วงนั้นเองที่ โควต้าเรียนดีประกาศผลออกมา ... (คือ โควต้าเรียนดีของ มช. ต้องเกรดเกิน 3.00 จึงจะสมัครได้ครับ แต่ผมเกรดแค่ 2.8 ก็ปิ๋วไป) ... เพื่อนๆ ที่โรงเรียนติดคณะสัตวแพทย์กันอยู่ 5 คน ...

ผมเริ่มใจเสียแระ ... แล้วตรูจะติดไหมน๊อ .... ไม่เป็นไรครับ ก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ

วันคริสต์มาส ปี 2543 ผมจำแม่นว่า เป็นช่วงสอบโควต้า มช. พอดีเลย ... เค้าให้เลือกแค่ 2 อันดับครับ อันดับ 1 ผมเลือกคณะสัตวแพทยศาสตร์ และอันดับ 2 ผมเลือก คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์ (จบมาเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ได้เลย ... อันที่จริงผมก็ไม่ชอบหรอก) ... สองอันดับนี้ คะแนนห่างกัน 110 คะแนนครับ

วันที่ 10 มกราคม 2544 .... เสียงตามสายในโรงเรียนก็ดังทั่วทั้งโรงเรียน เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ... "มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ของเรา..." เป็นเสียงวิทยุ ที่จะมีการออกอากาศเป็นประจำทุกปี เพราะวันนี้คือวันประกาศผลโควต้า มช. ครับ ....

การจัดลำดับประกาศรายชื่อของ ชม. คณะสัตวแพทย์ กับ คณะศึกษาศาสตร์จะอยู่ติดกันพอดี ....

นักเรียน ม.6 ทุกคนใจไม่อยู่สุขแล้วหล่ะครับ .... บ่ายวันนั้นทุกคนรู้สึกจะว้าวุ้น (ยกเว้นคนที่ติดโควต้าเรียนดีไปแล้ว) และตอนบ่ายแก่ๆ ก็เริ่มมีเสียงเฮ ... เพราะเริ่มประกาศของคณะแพทย์ก่อน ... ไล่มาเรื่อยๆ ..

คณะสัตวแพทยศาสตร์
1. นาย........... โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย
2. นางสาว........ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
3. นางสาว........ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย
4. นาย........... โรงเรียน ฯลฯ
.... ไล่ไปเรื่อยๆ ....
25. นางสาว....... โรงเรียน........... (เค้ารับแค่ 25 คน)

(ผมอึ้งเล็กน้อย... มีเวลาเว้นให้หายใจแป๊บนึง)

คณะศึกษาศาสตร์ สายวิทยาศาสตร์
1. นาย....(ชื่อผมเอง)......... โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ....

(ช๊อกครับ .... อึ้งไปเลย)

ผมสอบไม่ติดเหรอนี่ ..... โลกหมุนเคว้งคว้าง ...
ตรูจะกลับบ้านยังไง สงสัยแม่เตรียมไม้หน้าสามมารอหน้าบ้านแล้วแน่ๆ ... ผมนั่งรถไป ใจเสียไปตลอดทาง

แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ผมคิด ... วันนั้นเหมือนเป็นวันโลกาวินาศของผม ที่โรงเรียนไม่มีใครว่ากันหรอกครับ มีแต่จะให้กำลังใจกัน แต่บ้านผมนี่ซี่ .... คุณพ่อผมไม่เคยว่าอะไรผมเลย แต่วันนั้น ... ผมโดนแม่แสดงพระธรรมเทศนากันไปหลายกัณฑ์ทีเดียว แม่ผมร้องไห้ด้วย (ผมรู้สึกผิดอย่างแรง)

วันรุ่งขึ้น .... ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ ปาดน้ำตาเล็กน้อย เอาหล่ะฟระ ตรูต้องติดเฟ้ย .... เตรียมสอบเอนทรานซ์เดือนมีนาคม ... ผมเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลง เพื่อนๆ ที่ได้โควต้ากันแล้ว ก็ดูท่าทางเค้าริ่นเริงกันดีนะ แต่ผมเอง รื่นเริงไม่ค่อยออกอ่ะ ....

วันสัมภาษณ์โควต้า มช. คณะศึกษาศาสตร์ ผมก็ไปนะครับ ... อาจารย์ที่สัมภาษณ์ผมบอกว่า คะแนนผมมาเป็นอันดับ 1 ของคณะเลยนะ ผมได้ 305 จาก 600 คะแนน ... แล้วคะแนนต่ำสุดของคณะสัตวแพทย์คือ 309 คะแนน (พลาดไป 4 คะแนนเท่านั้น ผลจากคะแนนฟิสิกส์ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าที่ควร)

เอาหน่า .... มันก็ต้องมีวันของเราบ้างอ่ะสินะ บางทีฟ้าอาจจะลิขิตอะไรเราไว้แล้วก็ได้ .... ที่จะต้องทำให้ เด็กนักเรียนคนนึง ซึ่งบ้านอยู่พื้นที่ตำบลเดียวกันกับ คณะสัตวแพทย์ มช. ต้องระเห็จไปเรียนอยู่แดนไกลก็ได้ ....

วันวาเลนไทน์ 2544 ....
ตอนสายของวันนั้น ... มีเพื่อนวิ่งเข้ามาบอกว่า ... "แสดงความยินดีด้วยนะ แกสอบติดคณะสัตวแพทย์เกษตรว่ะ" เพื่อนบอกให้ผมลงไปพบกับอาจารย์ ผมก็ทำหน้างงๆ อะไรหว่า what happen?? เดินลงไปหาอาจารย์ ..... อาจารย์ท่านก็ย้ำคำพูดอีกทีนึงว่า "เธอสอบติดคณะสัตวแพทย์เกษตรแล้วนะ ... แล้วนี่ รายละเอียดการสัมภาษณและการรายงานตัว" ...

ผมก็ยังไม่หายงงครับ .... เอ้ย ... สัมภาษณ์ที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2544 ... ตั้งสติได้ รีบขอบพระคุณอาจารย์

อันดับที่ 1 ผมคิดว่าคุณลูกทุกคนจะต้องทำแน่ๆ ก็คือการโทรรายงานกับบุพการีของตน .... คุณพ่อผมท่านก็มีน้ำเสียงเฉยๆ ของท่านอยู่แล้ว .... แต่ผมคิดว่า เย็นนี้คงต้องมีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านผมอีกแน่ๆ

เย็นนั้นผมก็กลับไปบ้าน เปิดประตูบ้านปุ๊บ ... ตามปกติเจ้าจั่นเจา ลูกชายผมจะต้องวิ่งมาก่อน (เจ้าจั่นเจาน้องหมาผม ปัจจุบันตายไปแล้วอ่ะ แห่ะๆ) ... ก็ปรากฎว่า แม่ผมวิ่งมาก่อนครับ ...

กอดกันกลมตรงหน้าบ้านนี่แหล่ะ .... ผมเองก็รู้สึกดีใจ ที่ทำให้แม่ดีใจได้ ... อย่างน้อยคราวนี้ แม่ผมก็ร้องไห้ เพราะยินดีปลาบปลื้มก็แล้วกันหล่ะน่านะ....

ผมเองสอบติดคณะนี้ ด้วยระบบโควต้าพิเศษครับ เป็นรุ่นแรกที่ทาง ม.เกษตรศาสตร์ เปิดรับนักเรียน ม.6 จากทั่วประเทศจำนวน 70 คน (จากรุ่นก่อนๆ ที่จะรับเฉพาะเขตภาคกลางเท่านั้น) .....

ผมเดินทางด้วยรถไฟสปรินเตอร์จากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพ (แล้วก็เดินทางอย่างนี้เป็นกิจวัตร ก่อนยุคสมัยมีสายการบินโลว์คอสต์) มาสัมภาษณ์ .... มีนักเรียนมาสัมภาษณ์ 37 คน แต่รายงานตัวจริงแค่ 18 คนเท่านั้นครับ อาจารย์ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะเป็นการสัมภาษณ์รับเข้า ไม่ใช่สัมภาษณ์คัดออก .....

ผมเริ่มรู้สึกว้าวุ่นใจอีกครั้ง ก็ตอนที่จะตัดสินใจ สละสิทธิ์เพื่อเอนทรานซ์ มาเรียนคณะใกล้ๆ บ้านดีไหม หรือจะรายงานตัวเซ็นสัญญา เรียนที่นี่ซะเลย ...

เสียงผู้คนรอบข้าง ทุกคนเชียร์ให้เรียนที่นี่ครับ ... ที่นี่เก่าแก่กว่า น่าจะทำให้ได้เรียนรู้อะไรได้มากกว่า ....

โอเคแล้วนะครับ ตอนแรก ... ก็จบว่า "ผมติดสัด(แพ้ด)แล้วค้าบบบบ"

หมายเหตุ : การเรียกชื่อคณะสัตวแพทยศาสตร์ ของแต่ละสถาบันจะเรียกไม่เหมือนกันนะครับ
-- สัตวแพทย์จุฬา = สัตวะ
-- สัตวแพทย์เกษตร = สัด-แพ้ด
-- สัตวแพทย์ขอนแก่น = สัด-แพ้ด (ถ้าจำไม่ผิด)
-- สัตวแพทย์เชียงใหม่ = สัตวะ เป็นต้น


เอาหล่ะครับ รออ่านตอนสองได้แล้วกันนะครับ ในตอนที่ชื่อว่า "จากบ้านนอกสู่เมืองกรง และชีวิตนิสิตปี 1" ครับ

ขอขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ เรียนเชิญเม้นท์ได้ตามอัธยาศัยครับ


Create Date : 25 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2549 5:44:45 น. 11 comments
Counter : 13265 Pageviews.

 
ยินดีด้วยนะครับ เย่ๆๆ
ที่แน่นอนที่สุดคือตอนสอบติด พ่อกับแม่ดีใจแน่นอนเลยครับ


ในกรณีผม แม่ดีใจมากกว่าผมอีก ผมเลยเป็นเฉยๆไปเลย


โดย: Seraphyros DeCameron วันที่: 25 พฤศจิกายน 2549 เวลา:6:17:29 น.  

 
เย้ๆๆๆๆๆ เข้ามายินดีด้วยจ้า แต่เมื่อย้อนไปครั้งยังเรียนม.ปลายของคุณเนี่ย เรียนหนักน่าดูนา....ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนเล้ย ให้ตายซิ...เป็นเราคงทำไม่ได้แน่

จบแล้วก็ใช้วิชาชีพเพื่อสัตว์โลก.....ให้พวกเค้าได้รับรู้ถึงความรักจากคุณ สัด-แพ้ด คนนี้ละกันนะค่ะ


โดย: ฝนริน...เดือนหก (fonrin ) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2549 เวลา:7:14:16 น.  

 
ยินดีด้วยค่ะ
และก็ยังถือว่าเป็น ลูกช้าง เช่นกันค่ะ
โรงเรียนเดียวกับหลานเลย PRC
ยินดีค่ะ ยินดี


โดย: komi_to วันที่: 25 พฤศจิกายน 2549 เวลา:7:35:38 น.  

 
ยินดีด้วยนะคะ
เรื่องราวสมัย ม.ปลายอ่านแล้วนึกภาพตามไปด้วยเลยค่ะ
ว่าแล้วก็นึกถึงตัวเอง เด็ก ม.6 สอบนั่นนี่


โดย: นู๋ตาโต๊โต วันที่: 25 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:02:22 น.  

 
เขียนต่อนะครับ สนุกดี


โดย: P Q BOY วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:37:41 น.  

 
ลูก ๆ คือความคาดหวังของพ่อแม่ทุกคนคะ
ยินดีกับความสำเร็จอีกขั้น ไว้จะแวะมาถามเรื่องน้องหมาบ้างนะคะ เผอิญมีน้องหมาชื่อเปียกปูนคะ ขอถามไม่ทราบว่าเรียน สัตว์ใหญ่หรือสัตว์เล็กคะ


โดย: nakwan6 วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:18:33:54 น.  

 
เรียนที่เกษตร ไม่แบ่งสัตว์ใหญ่หรือสัตว์เล็กอย่างที่จุฬาครับ เรียนเหมือนๆกันหมด

อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลยแฮะ..

ยังไงก็ add blog เอาไว้อ่านคิดถึงอดีตแล้ว...อิอิ


โดย: prapasawat วันที่: 3 มกราคม 2550 เวลา:19:21:58 น.  

 
แหะๆ มาแอบอ่าน หนู vet70 ค่ะ ฝากตัวด้วยค๊าบบ บ


โดย: แก้วตาขาร็อค วันที่: 11 มกราคม 2550 เวลา:23:15:48 น.  

 
ยินดีด้วยนะคะ
เป็นคณะที่เราอยากเรียนที่สุดเลย แต่ไม่ติด
เลยเรียนประมง


โดย: nit161026 (หม่ามี้ของม่าเหมียว ) วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:7:06:14 น.  

 
มันส์ๆๆ


โดย: i can't do it !! วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:51:32 น.  

 
รู้ว่ามีน้องที่อยากเรียนที่นี่ ก็รู้สึกดีใจนะ


โดย: นายบอม (bucx ) วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:21:26:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Friends' blogs
[Add ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.