รวมมิตรเรื่องท่องเที่ยว และ สายการบิน
Group Blog
 
All Blogs
 
++และแล้วยุ่งชะมัดฯ ก็ตกเป็น "ผู้ต้องหา"++

วันนี้คงเป็นอีกวันหนึ่ง ที่ผมคงจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต ... นอกเหนือจากวันนี้จะเป็นวันเกิดของคุณพ่อผม อายุครบ 53 ปีแล้ว ผมยังทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจในวันเกิดของท่านอีก เมื่อท่านต้องเดินเข้า "โรงพัก" กับลูกชายของตนเอง

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมใช้เวลากับการฝึกงานในฐานะนิสิตฝึกงานที่กำลังขึ้นชั้นปีที่ 6 อยู่ในโรงพยาบาลสัตว์บ้านหมากะแมว ย่านหมู่บ้านเชียงใหม่แลนด์ ตั้งแต่เวลา 9.00 - 20.00 น. ตั้งแต่วันที่ 5 - 18 เมษายน 2549 ไม่หยุดแม้ช่วงสงกรานต์ ผมเองก็รู้สึกเหนี่อย ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานะนิสิตฝึกงาน ที่ยังไม่ต้องมีความรับผิดชอบ และต้องเอาใจใส่ดูแลสัตว์ป่วย(และเจ้าของสัตว์)อย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา .....

และแล้ว เหตุการณ์หนึ่ง ทางรถยนต์ ที่ผมคงจะไม่ลืมไปแน่ๆ เพราะภาพเหตุการณ์ยังจำแม่นในใจของผม

วันที่ 8 เมษายน พอดีวันนี้ที่โรงเรียนเก่า โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ที่ผมได้ศึกษาเล่าเรียนมาตลอด 14 ปีได้จัดงานรดน้ำดำหัวประจำปี ซึ่งความจริงคืองานพบปะเหล่านักเรียนเก่าของโรงเรียน แน่นอนว่า หลายๆ คนไม่อยากพลาดโอกาสนี้ เพราะเพื่อนๆ เก่า ปีหนึ่งจะได้มาพบกันก็วันนี้แหล่ะ

ผมเลิกฝึกงานตอน 2 ทุ่มตามปกติ ขับรถมาส่งคุณพ่อที่บ้าน ก่อนขับกลับไปร่วมงาน ถึงนั่นก็เกือบๆ 3 ทุ่ม ได้พบปะเพื่อนเก่ามากมาย แน่นอนหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทของผม ที่ไม่ได้คุยกันมากว่าครึ่งปี (เพราะมือถือหาย แต่ไม่ได้เปลี่ยนเบอร์ แล้วมันก็ไม่ยอมบอกผม ปล่อยให้ผมคิดถึง) ก็เลยคุยกันยาว แล้วกะว่าจะไปดูหนังด้วยกัน "บัดเดี๋ยวนี้" ที่เมเจอร์ซีนิเพลกซ์ เซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า

ผมกับเพื่อนแยกกันเดินทาง เพราะถ้าหนังจบ เราก็จะได้แยกย้ายกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องไปส่งกันเสียเวลา เพื่อนก็ขี่มอเตอร์ไซด์ตามผมมาตลอด

โดยปกติแล้ว ตั้งแต่ผมขับรถได้ จนมีใบขับขี่(ปัจจุบันไม่มีแบบตลอดชีพแล้ว) ก็ 4 ปีกว่าๆ แล้วครับ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใดเลย ... นอกจากเรื่องถอยรถชนเสาห้าง, ชนเสาหน้าบ้าน และ ชนประตูบ้าน (ตอนนั้นง่วงนอนครับ เปิดประตูรั้วไม่สุด แล้วถอยรถออกมาชนโคร๊มมม ประตูรั้วล้มทับรถแล้วล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น พ่อแม่รีบออกมาดู โชคดีรถไม่เป็นอะไร และคนก็ไม่เป็นอะไรครับ)

ผมเป็นคนขับรถค่อนข้างเร็วครับ แต่จะเร็วก็ต่อเมื่อมั่นใจว่า จะปลอดภัยแน่นอน และเวลาเลี้ยว แม้เปลี่ยนเลนก็เปิดไฟตลอดเลย .... แต่แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น

ผมก็ขับรถมาจนถึงสามแยกหน้าห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า เชียงใหม่ แล้วหล่ะครับ ตอนนั้น เกือบๆ 5 ทุ่มแล้ว (คงมาทันดูหนังรอบสุดท้ายพอดี) พอผมได้สํญญาณไฟเขียวผมก็พุ่งออกไป มองทางซ้ายหนึ่งครั้ง เห็นถนนโล่ง ก็เลยพยายามชะลอรถเข้าทางเลนซ้าย เพื่อเตรียมตัวเลี้ยวเข้าห้าง ...

ผมก็มองไปตรงทางเข้า ซึ่งปกติตอนกลางวันจะเปิดสองช่องทาง แต่ตอนดึกอย่างนี้คงเปิดช่องทางเดียว ผมจึงมองว่า เราจะเข้าช่องไหนดีหว่า .... ช่องไหนที่เปิด

แต่แล้ว สิ่งที่ผมพลาดอย่างแรง และผมคงจะไม่ลืมไปตลอดชีวิตคือ ครั้งนี้ [b]"ผมลืมเปิดไฟเลี้ยวซ้ายครับ"[/b] ผมก็ชะลอความเร็วแล้วก็หักเข้าทางเข้า โดยไม่ได้หันไปมองด้านข้าง ....

แล้ว รถมอเตอร์ไซด์สีเหลืองก็วิ่งแซงซ้ายมาด้วยความเร็วสูง (น่าจะเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ชนเข้ากับหัวรถผม (ตรงบริเวณไฟหน้ารถ) อย่างจัง ส่งผลให้ ผู้ขับขี่และมอเตอร์ไซด์กระเด็นออกไปไกลกว่า 10 เมตร

ร่างของผู้ขับขี่คนนั้น กระแทกฟุตบาทอย่างจัง ......

ผมหยุดนิ่ง อึ้ง ได้แต่รีบจอดรถตรงนั้น ดับเครื่องยนต์แล้วคว้ากุญแจออกมา วิ่งไปหาเขาทันที

แน่นอนว่า ผมรีบมองสภาพร่างกายของเขาก่อน แน่นอนว่า เขายังคงลุกขึ้นมานั่งได้ .... และเขาก็ตะโกนด่าผมทันที [b]"ขับรถยังไงวะไม่เปิดไฟเลี้ยว"[/b] ผมเริ่มหน้าชามากกว่าเก่า ได้แต่ยกมือไว้ว่าผมขอโทษครับ แล้วรีบวิ่งตรงไปยังมอเตอร์ไซด์ของเขาที่พังยับเยิน เครื่องยนต์ยังคงติดอยู่ เศษชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ผมรีบดับเครื่องยนต์และจับมอเตอร์ไซด์ตั้งขึ้น ... แล้วผมก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เพราะทำอะไรไม่ถูก แม้แต่จะหยิบโทรศัพท์ขึนมาโทร

โชคดีครับ ที่เพื่อนผมที่ขีมอเตอร์ไซด์ตามมา ขับมาถึงที่และมาช่วยคลื่คลาย ช่วยพูดให้

และพี่ๆ รปภ. ห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า ที่รีบวิ่งมาดูทันที (เพราะเสียงดังมากๆ ) พี่ๆ เขารีบโทรแจ้งหน่วยกู้ภัย และตำรวจทันทีครับ

พี่คนขับรถมอเตอรืไซด์เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น ขณะที่ผมยังคงทำอะไรไม่ถูก ก้าวขาก็ไม่ออก เพื่อนผมช่วยพูดให้ และพี่ รปภ. เขาก็ดีมากๆ ครับ ผมรู้สึกดึว่า พี่เขาไม่เป็นอะไรมาก และไม่ได้บาดเจ็บรุนแรง แต่ผมเองก็รู้สึกผิด รู้สึกเสียใจกับการกระทำ [b]"อันประมาท"[/b] ของผม เพราะผมทำให้พี่เขาเจ็บ .... เศษถุงก๋วยเตี๋ยวกระจัดกระจายเต็มถนน เพราะเขากำลังรีบกลับบ้านโดยซื้อก๋วยเตี๋ยวไปให้ภรรยาทาน

เพียงไม่เกิน 5 นาที หน่วยกู้ภัยก็มาถึง พี่ๆ อาสาสมัครได้ทำการตรวจร่างกายของพี่คนขับมอไซด์คร่าวๆ ก่อนพาขึ้นรถไปส่งที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ ตอนแรกพี่เขาบ่ายเบี่ยง บอกว่าตัวเขาแค่ถลอกปอกเปิก ไม่เป็นอะไร ยืนได้ มองจากภายนอกไม่มีอะไรแตกหัก เขาอยากจะยอมความกันตรงนั้น โดยผมชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดกับมอเตอร์ไซด์เขาเท่านั้น .... แต่ผมเห็นภาพพี่เขากระแทกฟุตบาทอย่างแรง พี่ๆ รปภ. และเพื่อนผมก็ได้ช่วยกันโน้มน้าวจนพี่เขายอมขึ้นรถไปโรงพยาบาล เพื่อทำแผล และ x-ray ดูภายใน

ผมตัดสินใจโทรบอกคุณพ่อ คุณพ่อรีบเกาะรถตุ๊กๆ มายังห้างโดยทันที สีหน้าคุณพ่อผมเรียบเฉย และเข้าใจว่า เหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุจริงๆ และเป็นอุบัติเหตุครั้งแรกของผม

ประมาณ 15 นาที ตำรวจ และร้อยเวร ของ สภ.ต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก็มาถึง ผมยื่นใบขับขี่ของผมไป และให้ปากคำ(อีกนัยหนึ่งคือสารภาพ)กับตำรวจ โดยไปชี้จุดเกิดเหตุต่างๆ และนายตำรวจได้ถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มเป็นหลักฐาน

โดยร้อยเวร ถามผมคำแรกว่า เคลียร์กันได้หรือเปล่า? ซึ่งผมก็บอกว่าเคลียร์กันได้แล้ว และตำรวจได้บอกกับผมอย่างสุภาพว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของผม ที่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว และไม่เห็นมอเตอร์ไซด์ที่ปาดมาทางซ้าย .....

หลังจากนั้น ตำรวจได้ยกรถมอเตอร์ไซด์ที่เสียหายยับ พร้อมกับนัดให้ไปพบที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ ที่ซึ่งทางตำรวจได้สอบปากคำพี่คนขับมอเตอร์ไซด์อีกครั้งหนึ่ง โชคดีครับที่เพื่อนผมไปด้วย ชำระค่าทำแผลของพี่เขา 500 บาท ....และแล้ว ผมกับพ่อ ก็ได้พาพี่เขาพร้อมภรรยา เดินทางด้วยรถคันเดียวกัน สู่ สภ.ต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ ..... (เพราะเขาไม่มีพาหนะแล้ว นอกจากมอเตอร์ไซด์คันนั้น ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นไปอีก)

บนรถยนต์ที่พ่อขับ ผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆ ครับ ผมเองได้กลายเป็นผู้ต้องหากระทำการอันประมาท ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บไปเสียแล้ว ..... แต่พี่เขาและแฟนก็ไม่ได้ว่าอะไรผมอีก

ถึงสถานีตำรวจ ในเวลาเที่ยงคืนพอดี... ร้อยเวรได้เรียกไปคุยกัน โดยผมจะต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 400 บาทในฐานะผู้ต้องหา

แน่นอนครับว่า คำนี้ ถึงแม้บางคนอาจจะไม่ให้ความสำคัญ แต่ผมเองรู้สึกเจ็บปวดมากๆ เมื่อได้เซ็นชื่อลงในบันทึกประจำวันในฐานะ "ผู้ต้องหา" .... น้ำตาผมเริ่มจะไหลอีกแล้ว แต่ผมได้แต่พยายามข่มใจไว้ โดยมีเพื่อนสนิทยืนให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง .... เพื่อนผมคนนี้ดีมากๆ ครับ ถ้าวันนี้ผมไม่ได้มากับเขาผมคงจะแย่ แต่เขาก็เป็นฝ่ายที่พูดว่า ถ้าวันนี้เขาไม่ชวนผมมาดูหนัง ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น .... เอาหน่านะ ยังไง รถเขาก็บุบไปแล้ว

นายตำรวจได้อ่านบันทึกประจำวัน ที่บันทึกเหตุการณ์ในวันนี้ลงอย่างละเอียด ผมก้มหน้าด้วยความสำนึกผิด ถึงแม้ว่า ใจลึกๆ ของผมเองจะรู้สึกผิดแค่ไม่เปิดไฟเลี้ยวซ้ายเท่านั้นเองก็ตาม

ผมรับใบเสร็จที่ชำระค่าปรับ พร้อมตัวเบ้งๆ เขียนว่า นาย.... ในฐานะผู้ต้องหา ผมมองหน้าพ่อและเพื่อนอีกครั้ง ก่อนที่จะส่งใบนั้นให้กับพี่คนขับมอเตอร์ไซด์

สรุปว่า .... ทางฝ่ายผมจะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมแซมรถมอเตอร์ไซด์ และค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บครับ ซึ่งทางพี่คนขับมอเตอร์ไซด์ ก็ยินยอมและเซ็นต์รับทราบ

และแล้ววันนี้ ก็คงเป็นอีกวันหนึ่ง ที่ผมจะต้องจดจำไปอีกนานครับ .... และตอนนี้ผมรู้สึกผวา ที่จะขับรถไปเลย ผมบอกพ่อว่า ช่วงนี้พ่อขับรถพาผมไปส่งได้ไหม ผมไม่อยากขับรถเองอีกแล้ว .....

เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษครับ

ผมอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับใครก็ตามที่จะขับรถ โปรดเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น อย่าประมาทเลินเล่อ อย่าใจลอย และมีสติมองซ้ายมองขวาให้ดีก่อนจะทำอะไรซักอย่างหนึ่งนะครับ

ถือว่า blog อันนี้เป็น blog ระบายความในใจที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานะครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ


Create Date : 09 เมษายน 2549
Last Update : 8 พฤษภาคม 2549 19:42:41 น. 11 comments
Counter : 2101 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะที่เอามาเล่าป็นอุทธาหรณ์ ขอให้ฝันร้ายครั้งนี้ของคุณผ่านไปด้วยดีและโดยเร็วนะคะ


โดย: brasserie 1802 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:3:27:43 น.  

 
ขอบคุณนะครับ ที่เอามาเล่าให้ฟังกัน เป็นประโยชน์ช่วยเตือนสติสำหรับผู้ขับขี่รถนะครับ

ขอให้คุณยุ่งฯ ผ่านเรื่องราวนี้ไปได้ด้วยดีนะครับ


โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:11:00:47 น.  

 
คิดในแง่บวกนะครับ ไม่มีคนบาดเจ็บ หรือ ล้มตายนี่ ก็นับว่ายังโชคดีมากครับ .... ถือว่า ฟาดเคราะห์ไปนะครับ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ กับคำว่า "ผู้ต้องหา" ....ในคดีประเภท "ประมาท" หรือ "ลหุโทษ" ไม่มีผลต่อประวัติ ฯลฯ เพราะ ทางทฤษฎีนั้น คนทำผิดเพราะประมาทนั้น ไม่มีเจตนาชั่วร้ายอะไรครับ

ปล. ผมเคยปฏิบัติงานอย่างนายร้อยเวรท่านนี้ เหมือนกัน เข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายสูญเสีย ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และ ฝ่ายตำรวจดี


โดย: POL_US วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:11:17:27 น.  

 
อืม เพราะอย่างนี้ไง มังคุดถึงไม่กล้าขับรถออกถนนใหญ่ซักที
ทั้งที่ขับรถเป็นมาตั้งนานแล้ว
แต่พอขับออกถนนที่มีรถเยอะๆ
มังคุดกลัวมากๆเลยค่ะ
กลัวจะขับไปเฉี่ยวชนมอเตอร์ไซด์
เพราะเคยเห็นอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตาบ่อยเกินไป
ตอนนี้เลยขี้ขลาดไปเลย



โดย: mungkood วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:13:48:39 น.  

 
โชคยังดีที่ไม่ได้มีใครเป็นอันตรายถึงชีวิตนะคะ
บางทีความปรมาทเนี่ยเราก็ไม่อยากให้มันเกิด แต่มันก็จ้องจะมาอยู่กับเราเรื่อยเชียว
ถือว่าฟาดเคราะห์ไป ต่อไปก็จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกนะ


โดย: ZAZaSassY วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:13:55:40 น.  

 
อย่าคิดมากค่ะ ให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนโชคดีแล้วค่ะที่ไม่มีใครเป็นไรถึงชีวิต ถือว่าฟาดเคราะห์ รับปีใหม่ไทย
ต่อไป เราก็จะเรียนรู้จากความผิดพลาด
มองในแง่ดี ต่อไปนี้ เราจะขับรถด้วยความระมัดระวังกว่าเดิมแน่ๆ คือไม่ประมาทละ
อุบัติเหตุ คือสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดค่ะ ไม่มีใครตั้งใจ
เราทำได้แค่ อย่าประมาท และมีสติ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆๆ


โดย: ใบตองByTong IP: 58.9.81.245 วันที่: 10 เมษายน 2549 เวลา:14:14:25 น.  

 
ตกใจเลยอะ อย่าคิดมากนะคะ ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ คิสขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจนะ

เรื่องบางเรื่องเก็บไว้เป็นบทเรียนชีวิตก็พอ แต่อย่าให้มันทำให้บั่นทอนเรานะคะ

อืมม...พอดีพี่IISGบอกว่าแขนที่ลอกไม่ใช่ของพี่เค้า แต่เป็นของคุณยุ่ง เลยแว๊บมาบอกว่าให้ดูแลดีๆนะคะ คิสเห็นแล้วแทบชอคอะ ลอกน่ากลัวมากๆ

เทคแคร์ค่า


โดย: KissAholicGal (mandy_HK ) วันที่: 12 เมษายน 2549 เวลา:17:22:08 น.  

 
ดีเท่าไหร่แล้วครับ ที่ไม่เป็นอะไรมาก
ต้องคิดในแง่บอกไว้ครับ

ต่อไปก็ระวังหน่อยล่ะกันครับ

สู้โว้ยย... เกี่ยวไรฟ่ะ อิๆ


โดย: JayMel IP: 124.121.80.29 วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:20:17:49 น.  

 
มาให้กำลังใจค่ะ เก็บมันไว้เป็นบทเรียนและเราจะไม่พลาดอีกในครั้งต่อๆ ไป

อย่างน้อยพี่ก็มี P.R.C Spirit นะคะ

ยินดีที่ได้เข้ามารู้จักรุ่นพี่น้ำเงินขาวและลูกพระพิรุณเหมือนกัน (หนู KU 62 คับผม)


โดย: YUI_MUNMOO วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:17:51:48 น.  

 
เข้ามาให้กำลังใจ น้องยุ่ง สู้ๆ (น้ำเสียงแบบจีอุน)
ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ที่ผิดพลาดไปแล้วเป็นครู
จับรถคราวหน้าเมื่อไหร่
ก็ให้ระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิมนะจ๊ะ
อย่าใจลอยไปไหนๆ อีกล่ะ สู้ๆ


โดย: โอลี่จู IP: 203.209.107.104 วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:10:15 น.  

 
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีกับคนเชียงใหม่ ที่มีคนดีอยู่ในจังหวัดนี้ การสำนึกผิดควรค่ากับการให้อภัยเสมอ ความผิดพลาดมักเป็นบทเรียนให้เกิดความระมัดระวังในอนาคต โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต เพราะมันหมายถึงอนาคตของคนสองคน พ่อแม่จะเสียใจมากกว่า เป็นกำลังใจให้คุณสัตวแพทย์คนดี เชื่อว่าถ้าคุณพ่อคุณอ่าน ท่านต้องภูมิใจ ถือโอกาสขอเตือนคนอื่นๆในเชียงใหม่ ช่วยเคารถกฏจราจรอย่างเคร่งครัด อาทิเช่น ทุกครั้งที่จะออกรถไม่ว่าแซงด้านซ้ายหรือขวากรุณาให้สัญญานไฟและมองรถหลังด้วย เพราะรถคันหลังมีแรงสะสม หากเบรคไม่ทันคุณจะโดนชนแน่นอน กรุณาเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยว ภาพที่พบอยู่ทุกวันคือเปิดไฟและเลี้ยวทันที ชนครับและผิดกฏหมายด้วย กรุณาจอดรถห่างกันพอสมควรเมื่อรถติด ภาพที่เห็นคือรถคันหลังชนจะชนซ้อนกันสามสี่คัน เพราะจอดชิดกันเกินไป ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพ และรถบนตร์มักชอบตัดหน้ารถจักรยานยนต์ที่เหลืออีกหนึ่งคัน ทำไมครับรอไม่ได้หรือ ส่วนรถมอเตอร์ไซด์กรุณาใช้ไฟเลี้ยวให้เป็นและทุกครั้ง อย่าประหยัดไฟเลี้ยว อาจถึงแก่ชีวิต และมองรถหลังทุกครั้งไม่ว่าจะออกซ้ายหรือขวา ทุกวันจะเห็นภาพเมื่อมีรถติดจากรถแดงบ้าง รถยนตร์บ้าง มอเตอร์ไซด์จะออกซ้ายขวาโดยไม่สนใจรถคันหลังที่วิ่งครงมา อันตรายครับ ปัญหาและการสูญเสียจะลดลงมากหากทุกคนมีจิตสำนึกดีดังเช่นคุณสัตวแพทย์ ขอให้คุณทำดีต่อไปเพราะชาติต้องการคนเช่นคุณนะ


โดย: คนที่อยากเห็นเชียงใหม่ดีทุกด้าน IP: 222.123.65.217 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:09:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Friends' blogs
[Add ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.