โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 
Incredible India- Last day in Pune

Namaste

11 มี.ค. 51
11.00 a.m.

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความสดใส เพราะสัญญากับตัวเองว่าจะไม่พลาดแน่ที่จะไปเดินออกกำลังกายในเช้าวันนี้ ฉันลุกมาล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเก่า เพราะเมื่อวานนี้เขาหายไปหลายชั่วโมง ท่าทางจะเดินกันจนรอบเมืองแน่

เช้านี้อากาศสดชื่นค่อนข้างเย็นเล็กน้อย เช็คดูบนคอมฯ ปรากฎเลข 20 ให้เห็นอยู่ ก็ให้หวั่นใจว่าที่นาสิกคงจะไม่หนาวแล้วนะตอนเช้าๆ เพราะเตรียมเสื้อแขนยาวมาตัวเดียวเอง

เราเริ่มออกเดินตอนหกโมงเช้า บนถนนยังว่างปล่าวจากรถราที่บ้าคลั่ง มีเพียงผู้คนที่ออกมาเดินเล่นหรือพาสุนัขออกมาเดินเล่นเท่านั้น แล้วโทนี่กับหลุยส์ก็พากันเดินจูงมือไปด้วยสปีดอันรวดเร็ว ใช่ ใช่.. ฉันรู้ว่าฉันเพิ่งบอกว่าเราออกมาเดินเล่น แต่การเดินของเขาจะไม่เหมือนคนไทย คนไทยเดินคือเดินจริงๆ ชมนกชมไม้ไปเรื่อย แต่อันนี้เขาจะออกแนวจ้ำเล็กน้อย ทำเอาฉันแทบเดินตามสาวไซส์ใหญ่อย่างเธอไม่ทัน แถมยังคุยกันกระหนุงกระหนิงทำเอาฉันอดยิ้มในความรักที่ทั้งสองมีให้กันไม่ได้

ทั้งสองพาฉันออกเดินไปจนกระทั่งถึงสนามใหญ่ที่ฉันเคยเล่าว่า พอถึงหน้าฝนมันก็จะเต็มไปด้วยต้นไม่ปกคลุมไง พอครบรอบก็ทำท่าจะเดินกลับไปทางเดิม ทำเอาฉันงงว่า แค่เนี๊ยนะ?? ทำไมใช้เวลาร่วมสองสามชั่วโมงเมื่อวานนี้ แต่ก็เหลือบไปเห็นว่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังยกแขนแกว่งไปรอบๆอยู่ ทั้งสองก็เดินลงสนามเข้าไปสมทบกับผู้คนในสนาม ซึ่งฉันพบว่าพวกเขาเป็นกลุ่มผู้สูงอายุนั่นเอง แล้วเราก็เริ่มต้นการยืดเส้น ต้องบอกว่าเป็นการยืดเส้น เพราะไม่ได้มีท่าที่รุนแรงใดๆ เริ่มจากข้อต่อใหญ่ๆไปจนกระทั่งถึงส่วนที่เล็กๆอย่างลูกตา แม้กระทั่งลิ้นก็ต้องยืดด้วยนะเออ ช่วงท้ายของการยืดเส้นจะเป็นการฝึกปราณยาม ซึ่งก็มีทุกท่าที่ได้รับการสอนมาในวิทยาลัย แต่ใช้เวลาไม่นานเท่า และการทำในท่ายืนมันก็ไม่สะดวกสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็ทำตามไม่มีอิดออก แม้จะฟังภาษาฮินดูไม่รู้เรื่องก็เถอะ

ที่ฉันชอบมาก เห็นจะเป็นการหัวเราะ เขาจะให้ทุกคนฝึกเหมือนฝึกหายใจเข้าไปลึกๆแล้วก็เปล่งเสียงออกมาดังๆ หัวเราะดังๆ เวลาที่ทำอย่างนั้นเนี่ย ฉันก็รู้สึกสดชื่นจริงๆ ได้กระตุ้นปอดและช่องท้อง และใบหน้าเพราะต้องพลอยยิ้มด้วยความเขิน

เสร็จแล้วฉันก็เห็นเขาเรียกชายคนหนึ่งออกไป และก็ทำท่าหายใจและหัวเราะตรงกลางกลุ่มพร้อมกับผู้นำกลุ่ม หลุยส์บอกว่า เมื่อวานนี้เธอกับโทนี่ก็โดนเรียกออกไปเหมือนกัน
และอย่างไม่ทันคิดอะไร เขาก็ผายมือมาทางฉัน ทำเอาฉันสะดุ้ง เพราะเป็นคนใหม่ ชายคนนั้นก็ถามชื่อฉันและซักถามว่ามากับใคร อย่างไร แล้วก็แนะนำกับกลุ่ม จากนั้นจึงบอกให้ฉันทำตาม ฉันก็ทำตามด้วยความเขิน แต่ไม่อิดออดนะ เพราะเห็นว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม คงจะเป็นการแนะนำคนใหม่ๆให้สมาชิกได้รู้จัก ทำให้ไม่เขินอายในการพบปะกันในครั้งต่อไปนั่นเอง

หลังจากนั้นก็มีการฉลองวันเกิดให้กับสมาชิกท่านหนึ่ง ฉันก็ได้ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์กับเขาด้วย แล้วก็มีกล่องของว่างแจกให้กับสมาชิก พร้อมกับชาทานหลังยืดเส้นเสร็จ ฉันจึงได้อานิสงฆ์ไปด้วย
หลายคนเดินแวะเวียนเขามาคุยกับพวกเรา หลุยส์บอกว่าบางคนเป็นถึงนายพลเลยนะ ไม่ธรรมดา บางคนก็เป็นหมอ เป็นครูโยคะ ส่วนสาวๆ(น้อย) ก็เป็นแม่บ้าน พวกเขาส่วนใหญ่จะมีฐานะดี เพราะแถวนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่น่าอยู่แห่งนึงในปูเน่เลย แต่ไม่ว่าแต่ละคนจะมีฐานะอย่างไร พวกเขาก็น่ารักมากๆเลย พอฉันบอกว่าจะไปแล้วคืนนี้ ชายคนหนึ่งถึงกับทำท่าเสียดายแล้วบอกว่า เสียดายที่จะไม่ได้เห็นสาวหน้าตาหวานๆอย่างฉันอีก บางคนนี่นึกว่าฉันเป็นลูกสาวของหลุยส์ (ว่าไปนั่น!!X

เรามักจะได้ยินคำกล่าวบ่อยๆว่า ถ้าเจอแขกกับงู ก็ให้ตีแขกก่อนแล้วค่อยตีงู ฉันเคยคิดว่า ถ้าเป็นฉัน จะตีแขกให้หล่นลงมาทับงูซะ เรียกว่ายิงนกตัวเดียวได้นกสองตัว

แต่คำกล่าวนี้คงไว้ใช้กับคนที่มาท่องเที่ยวคงจะเหมาะกว่า แต่ผู้มาเยี่ยมเยือนอย่างฉัน พวกเขากลับมาอัธยาศัยดีมากๆ คงเพราะถ้าเรามาท่องเที่ยว เราก็แค่มาและจากไป คงไม่ใส่ใจจดจำว่าโดนเอาเงินไปเท่าไหร่ แต่นี่เขาหวังว่าฉันจะอยู่ที่นี่นานด้วยความสุขใจ จึงไม่จำเป็นแต่อย่างใดที่ฉันจะต้องตีหัวใครในกลุ่ม ไม่เหมือนกับที่ได้ประสบมาเมื่อตอนเท้าเหยียบสนามบินมุมไบ

หลังจากนั้นฉันก็เห็นว่ามีสาวน้อย (จริงๆ) เดินเข้ามาตรงกลางและอธิบายถึงแผนการท่องเที่ยวที่น่ามหัศจรรย์ ที่เธอทำให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ พวกเขาสอบถามกันด้วยความตื่นเต้น ฉันฟังแผนแล้วก็ยังอยากไปเลย แต่ติดว่าฉันมาที่นี่เพื่อมาเรียน ไม่มีเวลาท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่หลุยส์กับโทนี่ได้ซักถามและลงชื่อไว้ พร้อมกับสอบถามวันกลับ เพราะเธอกลัวจะกลับมาต้อนรับแขกจากออสเตรเลียไม่ทัน (นี่เธอเป็นตัวแทนการท่องเที่ยวรึไงเนี่ย ) เพราะนอกจากฉันแล้ว เธอจะมีแขกมาอีกสองกรุ๊ป ก่อนที่จะออกเดินทางจากปูเน่ไปทำงานที่ซาอุดิอารเบีย ส่วนโทนี่ก็จะไปอังกฤษ
พอเราเดินกลับมา โทนี่ก็ลงไปว่ายน้ำต่อ (โอ้!! พระเจ้า เขาอายุ 64 แล้วนะ) ส่วนฉันก็ทานอาหารเช้าหลังจากอาบน้ำเสร็จ และก็มานั่งหลับอยู่ที่ระเบียงด้วยความสุขแบบที่ไม่อยากจะไปไหนเลยจริงๆ ซึ่งหลุยส์ก็บอกว่าทำแบบนั้นเป็นประจำเหมือนกัน
พอใกล้เที่ยงพวกเราก็ออกไปซื้อซิมการ์ดกันอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะโทนี่เตรียมเอกสารมาเรียบร้อย หลุยส์เปรยว่า เธอจะลองไปเอาใบรับรองจากตำรวจดูสักที อยากรู้ว่าจะนานและยุ่งยากขนาดไหน ฉันก็เลยบอกว่า คราวหน้าหากได้มาอินเดียอีก ฉันคงจะเขียนในบล็อกว่า สถานที่แรกที่ฉันแวะไปในอินเดียคือสถานีตำรวจเป็นแน่ น่าประทับใจดีแท้

กลางวันเรากลับมาทานอาหารที่บ้านเช่นเคย หลุยส์ทำคิเชอรี่ซึ่งเป็นแบบข้าวสวย นั่นทำให้ฉันรู้ว่า แท้จริงคิเชอรี่ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนข้าวต้มเสมอไป สามารถหุงเหมือนข้าวสวยแต่ว่านิ่มกว่า ต้องให้เม็ดข้าวบานนะเอง นอกนั้นก็ใส่เครื่องเทศและดาลเหมือนกัน

ฉันได้ตำราอาหารอินเดียจากหลุยส์มานั่งอ่านในช่วงกลางวัน มีคำถามมากมายที่ให้หลุยส์ได้ตอบ ให้พอมึนๆกับภาษาอังกฤษอันอ่อนแอของฉัน
จริงๆฉันก็ทำอาหารไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ก็พยายามที่จะหัดทำอาหารง่ายๆสักสองสามอย่าง นี่ก็ว่าจะหาช้อนตักเครื่องเทศอันเล็กซื้อเก็บไว้บ้าง เพราะมันดูน่ารักดี เป็นช้อนขนาดเล็กๆความยาวแค่5-6เซ็น เท่านั้นเอง เผื่อไปใช้ที่เมืองไทย ไม่รู้ว่าที่เมืองไทยจะมีมั๊ยเนี่ย

กว่าโทรศัพท์จะใช้ได้ก็เกือบสามทุ่ม แย่จริงๆ แต่ก็ยังดีกว่าใช้ไม่ได้นะ เนี่ยแหละอินเดีย
คืนนี้ต้องไปขึ้นรถไฟไปนาสิกแล้ว ฉันคงคิดถึงหลุยส์และโทนี่น่าดู เพราะสองคนนี่ทำให้น้ำหนักฉันขึ้นมาอีกโข ซึ่งฉันหวังว่าเวลาหนึ่งเดือนที่วิทยาลัยคงทำให้ฉันกลับมาเหมือนเดิมได้นะ

ฉันอาจจะมาอัพเดทบล็อกไม่ได้อีกหลายวัน ก็อ่านของเก่าไปก่อนนะ ฉันว่า....มันออกจะยาวอยู่ทีเดียว

Hari Om



Create Date : 11 มีนาคม 2551
Last Update : 11 มีนาคม 2551 22:58:22 น. 6 comments
Counter : 681 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ คุณหมวย ดีใจจังที่เจอบล๊อคนี้
สนใจโยคะ อยากเรียนค่ะ เล่าได้ละเอียด
มากเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เองเลยค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
มีคำถามหลังไมค์นะค่ะ


โดย: แมวขี้อ้อน วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:16:54:18 น.  

 
seng it's all in thai
chok dee


โดย: Camille (amureen ) วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:21:55:53 น.  

 
หวัดดีอาหมวย ฉันเองบอยสบายดีมั้ยฝึกวิชาเป็นไงถึงไหนแล้วพร้อมออกมาโลดแล่นอีกยัง เหงามั้ยที่โน้น คิดถึงลูกเปล่า ตอนนี้ฉันขาหักปีนตกใส่เฝือก3เดือนหายแล้วคงไม่เหมือนเดิมแต่แจ๋วกว่าเดิม กลับมาจะขอเรียนโยก๊ะด้วยนะ บาย boy9plus@hotmail.com


โดย: buey IP: 58.9.145.196 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:9:05:13 น.  

 
Haha sorry Camille but Aw can help you
I also try to type in English but it didn't work ...in thai ...mun kwar


โดย: หมวยเกี๊ยะA2 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:16:16:31 น.  

 
I'll try to show picture later so...now...can do only let's u read


โดย: หมวยเกี๊ยะA2 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:16:20:56 น.  

 
everybody can look some of my photo at Photobucket.com

in name MuayKiey

Thanks


โดย: หมวยเกี๊ยะA2 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:16:45:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.