โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 
Incredible India- Thali , the Famous Menu of india!!!

Namaste

14.00 a.m. 9 March 2008

เราตกลงใจที่จะพากันไปกินทาลิ อาหารประจำชาติอินเดียที่ร้านมยุระ ตอนแรกโทนี่กลัวว่าฉันจะไม่ชอบทาลิ แต่หารู้ไม่ว่า ฉันมันพวกชอบลองของ(กิน) ไปไหนก็ตามขอลอง(กิน)ไว้ก่อน ดีกว่ามานั่งเสียดายทีหลัง ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยนี่นา แต่ก่อนไปนั้นเรานั่งดูข่าว BBC กัน เป็นรายการ The Doha Debates ประมาณว่าถกกันเรื่องของมุสลิมเขา ฟังเข้าใจไม่หมดหรอกนะ (ถ้าเข้าใจหมด ฉันคงจะเซียนแน่แล้ว)
ระหว่างทางไปร้าน ฉันก็ได้ดูเมืองปูเน่ไปด้วย ปูเน่รึปูนา(สำหรับคนอังกฤษ) เป็นเมืองที่สงบสุขดี ไม่คับคั่งเหมือนมุมไบ เป็นเมืองแห่งการศึกษา ไม่ว่าด้านวิศวกรรม รึศิลปะ จะเห็นมหาวิทยาลัยและโรงเรียนอยู่ตลอดสองข้างทาง และยังมีพื้นที่ทางการทหาร และโรงพยาบาลมากมาย แต่กระนั้นหลุยส์ก็ยังพูดถึงการติดยาเสพติดของวัยรุ่นที่นี่ ที่มีเพิ่มขึ้นจากคำบอกเล่าของเพื่อนผู้เป็นเชฟ อยู่ในตัวเมือง ซึ่งฟังแล้วไม่น่าเชื่อสำหรับเธอในเมืองแห่งการศึกษาเช่นปูเน่
ช่วงนี้ฝนทิ้งช่วงแล้วบ้านเมืองจึงดูสกปรกไปหน่อย และก็แห้งมาก มองเห็นกองขยะได้ทั่วไปหมด ซึ่งปกติถ้าเป็นหน้าฝน มันจะเขียวสดใสไปหมด (และแน่นอน ขยะจะหายไป เนื่องจากถูกความเขียวกลบไปหมด พอหน้าร้อนก็โผล่มาด้วยกองที่ใหญ่กว่าเดิม ไม่ได้ถูกธรรมชาติย่อยไปแต่อย่างใด)
แล้วเราก็มาถึงร้านอาหาร ทาลิบุปเฟ่ กินไม่อั้น และไม่อั้นจริงๆ พี่แกจะเดินเสริฟตลอดเวลาแถมบางทีเห็นอาหารในถ้ายไหนพร่องไป เขาก็จะถือวิสาสะตักให้ทันที ซึ่งบางทีเห็นเขารี่มาปุ๊ป เราก็ต้องรีบยกมือเบรกขอดูก่อนว่าอะไรมา


การทานทาลิให้เข้าถึงนั้นต้องเปิปมือ และต้องมือขวาเท่านั้นนะ เพราะมือซ้ายเขาไว้ใช้.... นะสิ (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เหมือนเวลาที่อ่านแฮรี่ พอตเตอร์ไง... คนที่คุณก็รู้ว่าใคร!!!—ฮา) ก็เลยออกจะลำบากสักนิดนึงเวลาจะกินนาน(โรตีแขก)โดยที่ใช้มือข้างเดียวตัดแบ่ง บางทีก็เลยแอบใช้มือซ้ายบ้าง (ก็แบบว่า... ก่อนกินอาหารก็ล้างแล้วนิ) ซึ่งจะมีพนักงานเสริฟยกอาหารแต่ละกลุ่มมา เช่นถ้าเป็นแกง ก็จะเป็นแกงมาสามสี่ถ้วย จะตักอันไหนเขาก็จะหมุนถ้วยอย่างแคล่วคล่องว่องไว แล้วก็จากไปด้วยความรวดเร็วเหมือนเวลาขามา
ในถาดทาลิจะมีถ้วยเล็กๆ5ถ้วย ไว้ใส่แกงและซุปต่างๆ ดังนี้


1. Flower Vatana เป็นกะหล่ำดอกผัดกับถัวลันเตาและเครื่องเทศ
2. Paneer Pasanda เป็น ผักโขมกับชีส
3. Jaipuri Gatta เป็นอะไรไม่รู้ (ขออภัยด้วย เนื่องจากเจ้าตัวเขาก็อธิบายไม่ถูก จับได้แต่ว่าเป็นรากอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน)
4. Panchkuti Dal อันนี้คือ แกงถั่วจะมีรสเผ็ดนิดหน่อย
5. Gujarati Kadhi อันนี้เป็นแกงทำจากโยเกิร์ต จะหวานหน่อย เอาไว้แก้เลี่ยน
และก็จะมีอีกอย่างที่แขกชอบก็คือ Aloo Capsicum Dry จะตัดไว้ในถาด Aloo คือมันฝรั่ง ส่วน Capsicum คือพริกหวาน และก็ Dry ก็ผัดแห้งเจ้าค่า นอกจากนี้ก็มีเครื่องเคียงที่ทำจากโยเกิร์ตอีก
แล้วเขาก็จะเสริฟพวก นาน (ไม่ได้ปล่อยให้รอนานนะ แต่เป็นชื่อเรียกโรตีอีกแบบหนึ่งต่างหาก) แล้วก็ ซาโมซ่า—อันนี้ก็ยอกฮิต เช้าๆจะเห็นเยอะ ใส้มันฝรั่งบ้าง ราคาถูกแค่ 3 รูปีต่อชิ้น (อาหารเช้าสำหรับชาวแบ็กแพคบางคนก็จะเป็นซาโมซ่า 2 ชิ้น ราคา6 รูปี กับจ๋าย แก้วละ3รูปี รวมแล้ว ไม่เกิน10 รูปี ก็อิ่มได้สบายแฮ) แต่อันนี้ข้างในเป็นข้าว เพราะเป็นแบบจีน แล้วก็มีปาปาดาม อันนี้พวกแขกชอบกินกับเบียร์(เขาบอกมานะ) นอกจากนี้ก็มี Dahi Wada เป็นแป้งทอดเล็กแข็งๆ ปุรี—อันนี้ของโปรด เป็นแป้งทอดกรอบพอง ข้างในกรวง อร่อยมาก เผลอๆจะให้เขาเสริฟจนอาจกินไม่หมดเลยทีเดียว
ถ้าเราไม่ชอบพวกโรตี เขายังมีข้าวผัดด้วย และก็คิเชอรี เป็นข้าวต้ม ต้มกับดาลและผงขมิ้น พ่วงด้วยเครื่องเทศบางชนิด มักจะราดด้วยกี(เนยใสของแขก) จะออกเค็มๆนิดนึง อันนี้เขามักจะทำให้คนป่วยหรือว่าผู้พักฟื้อนกิน เพราะย่อยง่าย ดีกับกระเพาะอาหารและลำไส้ รึถ้าไม่ถูกใจจะเอาข้าวสวยธรรมดาเขาก็มี
นอกจากนี้เขาก็จะเสริฟนมเค็มๆ ซึ่งโทนี่บอกว่าดีกับระบบย่อยของเรา ป๋าแกก็เลยดื่มไปซะสองแก้วเลย
พอจ่ายเงินเสร็จเขาก็มีเครื่องเทศเคลือบน้ำตาล เพื่อไปช่วยกระเพาะอาหารให้ทำงานดี ไม่ปวดท้อง
แต่ก็เรียกว่าถ้ากินทั้งหมดนั่นได้ ฉันก็คงจะปวดท้องแน่นอน ขนาดนี่กินอย่างละนิดละหน่อยแล้ว ไม่ได้แตะถึงของหวานเลย ยังไม่วายอิ่มเป็นชูชกออกมา ที่นี่ราคาต่อหัว 200รูปี แต่ที่เคยกินที่ออรังกาบาด แค่ 85 รูปีเท่านั้นเอง
หลังจากนั้น หลุยส์ก็พาวนไปรอบอีกด้านของเมืองปูเน่ จริงๆวนไม่กี่รอบก็ทั่วแล้วหละ แต่หลุยส์เธอมีความสุขกับการชมเมืองเช่นกัน เลยเพลิดเพลินทั้งเกสและไกด์
หลุยส์เป็นคนน่ารัก ฉันเห็นเธอโบกมือให้คนทั่วเมือง ชาวบ้านก็โบกมือตอบ ท่าทางเธอป๊อปปูล่าอยู่ แต่พอถามกลับได้คำตอบว่า ก็ไม่รู้จักสักคน แต่เขาคงต้องดีใจแหละที่เราโบกมือให้ ไม่งั้นจะโบกตอบทำไม แถมบางวันก็นั่งนับว่าวันนี้มีคนไม่รู้จักยิ้มให้กี่คน เออ เอากะเธอสิ
หลังจากนั้นเราก็แอบมางีบกันที่บ้าน ก่อนที่ฉันจะตามหลุยส์ไปโบสถ์ในตอนเย็น ร้องเพลงเล่น เย็นๆใจ ส่วนป๋าโทนี่ขอบาย นอนอยู่กับบ้านดีกว่า (เพราะไปบ่อยแล้วน่ะ)
อย่านึกแปลกใจว่าทำไมถึงไปโบสถ์ ก็เป็นชาวพุทธนะ แต่ฉันกับโทนี่ต่างก็มีความเชื่อเดียวกันว่าเราทุกคนล้วนมีพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้นไม่มีการแบ่งแยกศาสนาแต่อย่างใด ใครจะทำอะไร ไปไหน ได้หมด ..... อาเมน...สาธุ....บลาๆๆๆ(ไม่มีแคลอรี่)
โอมมมมมม ขอสันติสุขจงบังเกิดแก่ท่าน รักเด็ก รักสัตว์ พิทักษ์โลก(สโลแกนใครเอ่ย คุ้นๆนะ)

Hari Om



Create Date : 10 มีนาคม 2551
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 8:22:38 น. 2 comments
Counter : 815 Pageviews.

 
ยังอ่านไม่หมดเลย เด่วรออ่านรอบเดียวเลยหลังสอบ(ซ่อม)เสร็จ แต่ว่า..อยากกินซาโมซ่าอ่ะ หม่ำเผื่อด้วยนะ


โดย: มยุระแปลว่านกยูง IP: 125.24.95.9 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:10:28:23 น.  

 
หุหุ ขากลับแวะ sydney ด้วยนะ..


โดย: jack IP: 58.106.7.247 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:10:55:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.