Group Blog |
ชีวประวัติหลวงปู่ชา (ตอน ภาษิตอีสาน) ตอนที่4. ภาษิตอีสาน "บ่ ออกจากบ้าน... บ่ฮู้ห่อนทางเทียว... บ่เฮียนวิชา... ห่อนสิมีความฮู้" (ไม่ออกจากบ้าน...ไฉนจะรู้ทางไปมา...ไม่เรียนวิชา... ไฉนจะมีความรู้) ภาษิตอีสานบทนี้กระตุ้นเตือนเจตนาอันแรงกล้าของหลวงพ่ออยู่เสมอ เมื่อท่านกำหนดวิถีชีวิตลงในเพศบรรพชิตแล้ว จึงคิดสร้างรากฐานให้แก่ตนเอง ด้วยการศึกษาพระธรรมวินัยให้รู้แจ้งเสียก่อน ครั้นได้พิจารณาเห็นว่า ครูบาอาจารย์ในท้องถิ่นที่แตกฉานและชำนาญในการสอนปริยัติไม่ค่อยมี ดังนั้นในปี พ.ศ. 2484 หลวงพ่อจึงตัดสินใจไปแสวงหาความรู้ในต่างถิ่น สำนักแรกที่เข้าพำนัก คือ วัดสวนสวรรค์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี แต่เนื่องจากวัดนี้ยังไม่มีสำนักเรียน หลวงพ่อจึงต้องใช้วิธีเดินไปเรียนที่วัดโพธิ์ตาก ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักแล้วกลับมาพักที่วัดสวนสวรรค์ วัดสวนสวรรค์ในสมัยนั้น มีกุฏิสองหลังและศาลาโรงธรรมหนึ่งหลัง มีภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด พักเต็มไปหมด ประกอบกับขณะนั้นกำลังอยู่ในระหว่างสงครามเอเชียมหาบูรพา บางครั้งมีพวกทหารเข้ามาขอพักอาศัยด้วย บรรยากาศของวัดจึงไม่สงบเท่าที่ควร และอาหารขบฉันรวมทั้งน้ำดื่มน้ำใช้ขาดแคลนมาก แต่หลวงพ่อก็อดทน ตั้งใจเล่าเรียนอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 1 พรรษา ปี พ.ศ. 2485 หลวงพ่อจึงได้เดินทางไปสำนักเรียนวัดหนองหลัก ตำบลเหล่าบก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีพระครูอรรคธรรมวิจารณ์ เป็นเจ้าอาวาส แต่ระยะนั้นเป็นฤดูแล้ง อาหารการขบฉันฝืดเคือง เพื่อนที่ไปด้วยออกความเห็นว่า อยากไปอยู่สำนักอื่น หลวงพ่อไม่อยากขัดใจสหธรรมิก จึงตกลงเห็นด้วย ทั้งที่มีความรู้สึกชอบอัธยาศัยและสนใจในอุบายการสอนของครูอาจารย์ที่วัดหนองหลักมาก ในปีนั้นจึงจำพรรษาและศึกษานักธรรมชั้นโท รวมทั้งบาลีไวยากรณ์ที่วัดบ้านเค็งใหญ่ อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี (ในขณะนั้น) โดยมีพระมหาแจ้ง เป็นครูสอน ในปีนั้นสามารถสอบได้นักธรรมชั้นโท ปี พ.ศ. 2486 ได้กลับไปวัดบ้านหนองหลักตามที่ตั้งใจไว้ ในพรรษานี้หลวงพ่อพากเพียรทุ่มเทจิตใจให้กับการศึกษาอย่างเต็มที่ เพราะได้พบครูบาอาจารย์ที่มากด้วยความสามารถ บรรยากาศในวัดก็เหมาะต่อการพำนักอาศัย พรรษานั้นได้เรียนทั้งนักธรรมเอกและบาลีไวยากรณ์ ได้รับสาระประโยชน์จากสำนักเรียนนี้มาก หลังออกพรรษาและกรานกฐินผ่านไป หลวงพ่อได้รับข่าวจากทางบ้านว่า โยมพ่อป่วยหนัก จึงเกิดความพะว้าพะวง ห่วงทั้งพ่อและการศึกษา แต่เกิดความคิดว่า โยมพ่อนั้นเป็นผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวง ควรที่เราจะตอบแทนพระคุณท่านตามฐานะที่จะพึงกระทำได้ ส่วนเรื่องการเรียน หากเราไม่ตายเสียก่อนคงมีโอกาสได้ร่ำเรียนอีกตามที่เราปรารถนา ในที่สุดหลวงพ่อจึงตัดสินใจหยุดพักการเรียนและการสอบนักธรรมไว้ แล้วรีบเดินทางกลับบ้านเพื่อดูแลและช่วยพยาบาลโยมพ่อ เมื่อมาถึงบ้าน ได้พบเรือนร่างร่วงโรยซีดเซียวของโยมพ่อ นอนแน่นิ่งหายใจรวยรินอยู่บนที่นอน แม้ญาติมิตรและหมอจะเยียวยารักษาอย่างไร อาการป่วยไข้ของพ่อมาก็ไม่ดีขึ้น มีแต่ทีท่าว่าร่างกายที่ถูกบีบคั้นด้วยความชราและพยาธินั้นจะคืนสู่ธรรมชาติเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ โดยส่วนเดียว Free TextEditor |
yingu
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?] เมื่อเห็นให้สักแต่ว่าเห็น เมื่อฟังให้สักแต่ว่าฟัง เมื่อทราบให้สักแต่ว่าทราบ เมื่อรู้ให้สักแต่ว่ารู้ โดยไม่ปรุงแต่ง เมื่อใดเธอทำได้อย่างนี้ เมื่อนั้นเธอก็จักไม่มี คือ ว่างอย่างยิ่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า.. Friends Blog
|