แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็พาชีวิตที่แทบไม่มีความหวัง 4 ชีวิตมาพบกัน Charles Howard อดีตช่างซ่อมรถ ที่ผันตัวเองจนกลายเป็นคนร่ำรวยด้วยธุรกิจขายรถยนต์ แต่มีบาดแผลในชีวิตจากการสูญเสียลูกชายไปจากการขับรถตกเหว และภรรยาก็ทิ้งเขาไปเพราะโทษว่าเป็นความผิดของเขา Howard มีความสนใจจะเปิดคอกม้า เขาไปสะดุดตากับผู้ฝึกม้ารักสันโดษที่ไม่เคยสุงสิงกับใครชื่อ Tom Smith ซึ่งรับปากว่าจะหาทั้งม้าและคนขี่ให้เขา เขาได้ซื้อ Seabiscuit ม้าที่ไม่มีใครต้องการมา ขณะเดียวกันก็พบกับ Red Pollard จ๊อกกี้ตกอับไร้บ้านที่สูญเสียตาข้างหนึ่งจากการชกมวย แต่วิธีที่ Red สื่อสารกับม้าก็ทำให้เขารู้ว่าน่าจะจับคู่กับ Seabiscuit ได้
Seabiscuit กับ Charles Howard และ Tom Smith
Seabiscuit กับ Red Pollard
จากการฝึกฝน Seabiscuit เริ่มประสบความสำเร็จในการเข้าสนามแข่ง มันแข่งชนะและทำเงินรางวัลมากมาย จนถึง กุมภาพันธ์ คศ.1938 ขณะที่มันอายุได้ 5 ขวบ Pollard จ๊อกกี้ของมันก็ประสบอุบัติเหตุจากการขี่ม้าตัวอื่นทำให้ซี่โครงและขาหัก Howard ซึ่งเป็นเจ้าของจึงได้ให้ George Woolf เป็นคนขี่มันแทน ในปี คศ.1937-1938 นั้น สื่อมวลชนกำลังจับตามองม้าแข่งดาวรุ่งพุ่งแรงตัวหนึ่งชื่อ War Admiral ซึ่งเป็นลูกของ Man o War (ปู่ของ Seabiscuit) ม้า War Admiral เป็นม้าเชื้อสายดี รูปร่าง และสถิติดีไม่มีที่ติ ม้าทั้ง 2 ตัวนี้ถูกวางตัวจับคู่เดิมพันกันหลายครั้ง แต่ก็ต้องมีเหตุให้ตัวใดตัวหนึ่งถอนตัวเสียก่อน ในเดือนมิถุนายน 1938 Pollard ซึ่งหายดีแล้วและกลับมาขี่ม้าตัวใหม่ ก็ประสบอุบัติเหตุอีกครั้งคราวนี้ทำให้กระดูกขาของเขาแตกละเอียด และดูเหมือนว่าเขาจะต้องจบสิ้นอาชีพจ๊อกกี้ทันที ในปีนั้น Seabiscuit ยังได้ชนะรางวัลอีกหลายรายการ ชนะม้าอีกหลายตัว แต่ยังไม่เคยได้แข่งกับ War Admiral เสียที และแล้วการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์ก็มาถึง วันที่ 1 Nov,1938 Seabisciut ก็ได้แข่งกับ War admiral จนได้ ที่สนาม Pimlico Race Course ในวันนั้นมีคนดูในสนามถึง 40,000 คน และคนอีก 40 ล้านคนคอยฟังการถ่ายทอดสดทางวิทยุ ผลการแข่งขันปรากฏว่า Seabiscuit เข้าเส้นชัยชนะไป 4 ช่วงตัว ชัยชนะในครั้งนั้นทำให้ Seabiscuit ได้รับรางวัลเกียรติยศว่าเป็น "Horse of the Year" for 1938
ภายหลังการแข่งขันในครั้งนั้น Seabiscuit ไม่ได้ลงสนามแข่งอีกเลย ในเดือนเมษายน 1940 Seabiscuit อำลาสนามแข่งอย่างเป็นทางการ มันได้พักผ่อนหลังเกษียณอยู่ที่ไร่ Ridgewood ใกล้กับ California มันได้ให้กำเนิดลูก 108 ตัว ซึ่งต่อมาประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงพอประมาณ 2 ตัว คือ Sea Swallow and Sea Sovereign ระหว่างที่มันใช้ชีวิตอยู่ในไร่นั้น มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมมันราว 50,000 คน Seabiscuit ตายเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม คศ.1947 อายุได้ 14 ปี Red Pollard ไม่ได้เป็นจ๊อกกี้ให้ Howard อีกเลย เขาอำลาอาชีพเมื่อปี 1955 และมีชีวิตยืนยาวจนแก่เฒ่า George Monroe Woolf จ๊อกกี้ที่ขี่พามันชนะในการแข่งขันกับ War Admiral นั้น ต่อมาได้กลายเป็นจ๊อกกี้ที่มีชื่อเสียง แต่น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตกจากหลังม้าขณะฝึกซ้อม เมื่อปี 1947 ด้วยวัยเพียง 35 ปี ในอดีตเมื่อมีใครถามเขาว่าม้าแข่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยขี่คือตัวไหน เขาจะตอบทันทีโดยไม่ลังเลเลยว่า Seabiscuit
Seabiscuit ม้าที่ไม่มีใครต้องการ กลับเป็นม้าที่ชนะเงินรางวัลในการแข่งขันชั้นนำมากมาย ม้าตัวเล็กตัวนี้กลายมาเป็นแรงบันดาลให้ใครอีกหลายคน เป็นม้าในตำนานของคนอเมริกัน มันได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดม้าแข่งใน 20Th century อันดับที่ 25 ปัจจุบันมีรูปหล่อทองเหลืองขนาดเท่าตัวจริงอยู่ที่ Santa Anita Park และในวันที่ 23 มิถุนายน คศ. 2007 ได้มีการเปิดอนุสรณ์ Seabiscuit ขึ้นที่ Ridgewood Ranch บ้านหลังสุดท้ายของมัน May the World Never Forget the Magnificent Seabiscuit - Laura Hillenbrand
We don't throw a whole life away just 'cause it's banged up a little bit. เราคงไม่ทิ้งชีวิตทั้งชีวิต เพียงเพราะมันบาดเจ็บนิดหน่อยหรอกนะ