iT'S Me, i'M yacht7.
Group Blog
 
All Blogs
 
ประมวลเหตุการณ์สุดซี้ดดดดดดด ในรอบปีที่ผ่านมา

ประมวลเหตุการณ์สุดซี้ดดดดดดด ในรอบปีที่ผ่านมา
ปี 2554 ถือว่าเป็นปีที่ตลาดหุ้น sideway ครับ สิ้นปี 2553 SET ปิดที่ 1,032.76
ทีนี้มาประมวลเหตุการณ์สุดซี้ดดดดดดดในแต่ละเดือนกันดีกว่า มีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจริงๆ มีเยอะกว่านี้ แต่ผมจะยกมาแค่เดือนละ 2 ตัวเจ็บๆ นะครับ

มกราคม 2554 (BANPU, IVL)
BANPU
ต่อเนื่องจากปี 2553 ทุกคนมองว่าตลาดเป็นขาขึ้นหมด หุ้นหลายๆ ตัวทำ new high ได้อย่างสวยงาม
ในช่วงเวลานั้น หุ้น blue ship ตัวเป้งๆ อย่าง BANPU ถูกจับตามองมากที่สุด
มีอย่างที่ไหน 4/1/53 จ่ายปันผล 5 บาท แถมราคาขึ้นอีก 50 บาท ในวันเดียว ปิดที่ 842 !!
ช่วงนั้นมีแต่คนบอกว่า เห็นพันแน่ๆ แตกพาร์แน่ๆ นู่นนี่นั่น วันถัดมา ขึ้นไปทำยอดดอยที่ 868 แล้วไหลลงมาจนปัจจุบัน
IVL
ในเดือนเดียวกัน กระแสหุ้นร้อนแรงอย่าง IVL ก็ยังแรงต่อเนื่อง แต่ในปี 2554 นี้ IVL เป็นขาลงสมบูรณ์แบบ
จากวันแรกในรอบปี ทำจุดสูงสุดที่ 59 บาทในวันที่ 4/1/54 ไหลรูดอย่างเดียว ไม่มีเด้งมาให้ขายเลย ทั้งๆ ที่จะเพิ่งจะประกาศแจกหุ้นเพิ่มทุน IVL-T1 ไปเมื่อปลายปี 53
จนกระทั่งถึงวันที่ 14/1/54 มี Big lot เทพครับ IVL ทำดีลขายหุ้นล็อตใหญ่ 270 ล้านหุ้น!! โดยที่ธ.กรุงเทพ รับไปอิ่มอ้วน ที่ราคาเฉลี่ย 43-44 บาท
นักลงทุนมั่นใจว่าถ้วนหน้าเลยว่า นี่เป็นราคาก้นเหวแล้ว เพราะรายใหญ่มากๆ ซื้อที่ตรงนี้ แถมกราฟเทคนิคอยู่ที่แนวรับพอดี อีกทั้งมี IVL-T1 ออกมาอีก หุ้นดีขนาดนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว
แต่สุดท้าย.. จุกกันถ้วนหน้าครับ สิ้นเดือนไหลรูดไปปิดที่ 39 บาท พร้อมกับ IVL-T1 ที่เทรดกันวันแรก ลากไปเชือดที่ 15.50 แล้วทุบปิดสิ้นเดือนที่ราคา 2.04 บาท

กุมภาพันธ์ 2554 (PTL, ADVANC)
PTL
บริษัทผลิตฟิล์มชื่อดังของไทย ได้ผลประโยชน์เต็มๆ จากการที่ฟิล์มขาดตลาดทั่วโลก ทำให้มีสเปรดสูงปรี๊ด บทวิเคราะห์แทบทุกสำนักประเมินราคากันไม่ต่ำกว่า 50 บาท
จริงอย่างว่า.. ข่าวดีให้ขาย ข่าวร้ายให้ซื้อ พวกแมงเม่าแห่กันเข้าไปซื้อที่ราคา 38-40 เมื่อเดือนมกราคม แต่พอดีกับช่วงเดือนนี้ SET เกิดอาการสะดุด ปรับตัวฐานดี
แจ๊คพอตสิครับ.. รายใหญ่ที่ถือทุนต่ำมากๆ แห่กันเทขาย บวกกับรายย่อยที่แย่งกันคัทลอส ราคารูดมาปิดสิ้นเดือนที่ 23.50 ตกจากต้นปีเกือบ 50% ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน
ADVANC
มีเสียวครับ ข่าวดีให้ขาย ข่าวร้ายให้ซื้อ ช่วงเวลานั้นมีข่าวว่าจะโดนยกเลิกสัมปทานโทรคมนาคม!! ซวยสิครับ หนีตายกันจ้าละหวั่น เทขายกันทุกวัน
ราคาแน่นิ่งในช่วง 79-85 บาททั้งเดือน หารู้ไม่ว่ารายใหญ่เค้าช้อนเก็บกันไปหมดแล้ว ถือถึงสิ้นปีมี 1 เด้ง แถมได้ปันผลกินอิ่มๆ ไปหลายรอบเลยทีเดียว

มีนาคม 2554 (TRUE, RAIMON)
TRUE
ในช่วงเดือนปลายนี้มีการประกาศเพิ่มทุน 6.72 พันล้านหุ้น เสนอขายให้ผถห.เดิมอัตรา 1:0.865 หุ้น ราคา จองซื้อ1.95 บ./หุ้น ทำให้ราคารูดลงมาจากประมาณ 5 บาท เหลือ เกือบๆ 4 บาท
พอประกาศเพิ่มทุนเสร็จ เท่านั้นแหละ.. เล่นข่าว 3G ต่อเลยครับ หุ้นก็วิ่งจาก 4 บาท ไปสูงสุดที่ 5.30 บาท ในอีกไม่ถึงเดือน ข่าวจบ ก็เหมือนราคาหุ้นจบเหมือนกัน จากวันนั้น ถึงวันนี้ ไม่มีรับคนบนดอยอีกเลย
RAIMON
จากการที่เป็นบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นขายคอนโดหรูเป็นหลัก หนี้บานตะเกียง แต่พอมาลองมองอนาคตที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า พบว่ามีโอกาส Turnaround ได้เลยจากโครงการ The River และ 185 Rajdumri
ทีนี้ล่ะ.. วิ่งเป็นม้าเลยครับ จากหุ้น 50 สต. ไม่ค่อยมีวอลุ่ม เทรดกันไม่เกินวันละ 10ล. หุ้น ช่วงปลายเดือน ต่อเนื่องถึงต้นเดือนเมษายน ราคาพุ่งไปเล่นกันที่ 1.2 บาท เดือนเดียวอิ่มกันไปเท่าตัว

เมษายน 2554 (UKEM, JAS)
UKEM
อาการเดียวกับ RAIMON เลยครับ นอนแน่นิ่งไม่เกิน 1 บาทนิดหน่อยมาได้เป็นปีๆ พอสบโอกาส มีข่าวรั่วออกมาว่างบโตกระฉูด บวกกับแรงเชียร์ตามสื่อต่างๆ ปรอทแตกเลยครับ ขึ้นไปสูงสุดในเดือนนี้ที่ราคา 2 บาท
และนั่นก็เป็นฐานใหม่ของหุ้นตัวนี้ไปเลย หุ้นพื้นฐานดี ถ้าราคายังถูก ก็ซื้อแล้วถือลืมไปเลยก็ดีครับ ซักวันนึงราคาจะวิ่งไปหาพื้นฐานเอง
JAS
อาตี๋ บ๊วยสี่เม็ด !! ประสบการณ์รถแจ๊สคว่ำตกเขา เป็นหนึ่งในเหตุการณ์แห่งปีที่ลืมกันไม่ลงแน่ๆ หุ้นบ้าอะไรไม่รู้ ปีที่แล้วยังเทรดกันที่ 40-50 สต. มาปีนี้วิเคราะห์กันว่า internet broadband มาแรง ยอดใช้งานต่างจังหวัดทะลัก
พื้นฐานเปลี่ยน ชัวร์ !! พอกดไปดูรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ เห็นเซียนวีไอถือกันทั้งแผง ร่วมสิบราย แถมโบรคเชียร์อีก 6-7 บาทได้เห็นแน่ๆ ใช่ครับ พื้นฐานเปลี่ยน แต่ว่าราคาสะท้อนพื้นฐานไปรึยัง? ต้นทุนวีไอเค้าเท่าไหร่ แล้วต้นทุนเราเท่าไหร่?
การลงทุนแนววีไอคือซื้อเมื่อเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่า และขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน หรือว่าราคาสูงเกินมูลค่า และนี่เป็นเคสที่ราคาสูงกว่ามูลค่า ไม่ขายตอนนี้ จะไปขายตอนไหน? เค้าก็เทขายกันสิครับ
หุ้นบ้าอะไรขึ้นได้ทุกวัน จาก 2.7 ไป 3.9 แต่ตอนหล่น หล่นแค่ 3 วัน กลับไปอยู่ที่เดิม พอเจ็บแทนที่จะโทษตัวเอง ก็ไปหาว่าวีไอปั่นหุ้น เม่าหนอเม่า..

พฤษภาคม 2554 (KTC, GUNKUL)
KTC
หุ้นวีไอที่ใครๆ ก็แห่ตามมาลงทุนจากการที่มีนักลงทุนระดับ idol ชื่อดังของไทยถือหุ้นจนติดชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทถึงหลายราย แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันว่า หุ้นนั้นจะต้องขึ้นเสมอไป เพราะวีไอก็หลงทางเป็นเหมือนกัน
เมื่อท่านๆ เหล่านั้นมองว่าพื้นฐานเปลี่ยน !! จากการที่มีหนี้สูญพุ่งขึ้นสูงปรี๊ดจนเกินความคาดหมาย และนั่นเป็นผลให้มีการเทขายออกมาเป็นจำนวนมากจากนักลงทุนรายใหญ่ และรายย่อย
ทีนี้ถ้าใครดูงบแค่ 2-3 บรรทัดมาเข้าซื้อ ก็บรรลัยเกิดพอดีครับ.. ยิ่งถูกยิ่งซื้อ ยิ่งซื้อยิ่งติด ยิ่งติดยิ่งถัว ก็เลยจบเจ็บๆ แบบราคาไหลรูดไร้แนวรับ จากเกือบๆ 20 บาท ไปเหลือ 14 บาทในเวลาไม่ถึงเดือน แต่ถ้าคัทไม่เป็น ราคาปิดสิ้นปีอยู่ที่ 11 บาทครับ
GUNKUL
นี่เป็นตัวอย่างของ growth stock ครับ หุ้นอะไรไม่รู้ ขึ้นได้เกือบทุกวัน ในเดือนนี้เดือนเดียว วิ่งจาก 11 บาท ไปเกือบ 20 บาท โดยที่ไม่มีย่อ ไม่มีพักเลย ทั้งๆ ที่เมื่อต้นปีราคายังแกว่งอยู่ที่ไม่เกิน 8 บาทอยู่เลย
GUNKUL ถือว่าน่าจับตามองจากโปรเจคที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะหลายๆ โครงการน่าสนใจทีเดียวครับ

มิถุนายน 2554 (EARTH, MALEE)
EARTH
กู้โลก !! ชื่อฮิตติดปากในห้องค้าทุกที่ จากการที่มีการรีแฮพ APC (Advance Paint & Chemical) ที่โดน SP ออกจากตลาดไปเมื่อปลายปี 2005 ที่ราคาสุดท้ายคือ 0.60 บาท/หุ้น
มาคราวนี้เปลี่ยนแนวธุรกิจเป็นขายถ่านหิน โดยที่มีเหมืองของตัวเองที่อินโดนีเซีย กลับมาเทรดอีกครั้งในชื่อของ EARTH เมื่อกลางเดือนพ.ค. โดยสร้างความฮือฮามากที่สุดในเดือนถัดมา
โดยการที่ราคาหุ้นนั้น พุ่งขึ้นแบบไร้แนวต้าน ขึ้นทุกวัน โดย Cash Balance ก็เอาไม่อยู่ ราคาวิ่งจาก 2.XX ไปยัง 5 บาทในระยะเวลาแค่เดือนเดียว ซึ่งโดยตัวธุรกิจของ EARTH ถือว่าน่าจับตามองตัวหนึ่ง
MALEE
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายน้ำผลไม้อันดับต้นๆ ของไทยคงหนีไม่พ้นมาลีสามพราน จากที่มีอดีตไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดน SP ออกจากตลาดไปเมื่อปี 2009 ที่ราคา 1.57 บาท/หุ้น (พาร์ 10 บาท!!)
ได้กลับมาเทรดอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2011 เนื่องจากขายสมบัติล้างหนี้ จึงกลับมาเทรดได้อีกครั้ง โดยการแจกรางวัลสำหรับผู้กล้า daytrade ไปหลายชุดเลยทีเดียว (no ceiling, no floor)
ราคาเปิด ณ วันนั้นอยู่ที่ 8.20 บาท โดนตบลงมาที่ 7.80 บาท แล้วลากไม้เดียวไปปิดที่ราคา 15.00 บาท จะเห็นว่ามีการแกว่งของช่วงราคาเกือบ 100% พร้อมกับปริมาณการซื้อขายหลัก 100 ล้านหุ้น!!

กรกฎาคม 2554 (MLINK, SMT)
MLINK
หลังจากประกาศผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่ามีหุ้นตัวที่ขึ้นแบบถล่มทลาย จากการได้ผลประโยชน์เต็มๆ ด้านธุรกิจ และหนึ่งในนั้นคือ MLINK ที่งบดูแล้วไม่น่าจะรอด แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งทยาน new high ในช่วงข้ามคืน
เนื่องจากนักลงทุนมองว่า MLINK เป็นบริษัทของสามีนายกฯ ยังไงต้องได้ประโยชน์สูงสุด หลายๆ สำนักฟันธงว่า Turnaround ได้เห็น 5 บาทแน่ๆ แต่สุดท้ายทำราคาดอยสูงสุดได้แค่ 2.30 บาท ก่อนที่จะซึมลงเรื่อยๆ มาปิดสิ้นปีที่ 1.31 บาทเท่านั้น
SMT
ว่าที่หุ้นมหัศจรรย์หลายเด้งถัดจาก AJ, PTL แถมผู้บริหารซื้อต่อเนื่อง ในปริมาณที่มาก แต่ก็โดนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมราคาหุ้นจึงย่ำอยู่กับที่ จนมีกระแสว่า ผู้บริหารซื้อเรียกแขก แล้วโอนหุ้นออกไปขายในกระดาน
และนั่นคือจุดเริ่มต้นครับ.. มีแรงขายผสมโรงจากนักลงทุนจนราคาหลุดแนวรับ 17 บาท แล้วดิ่งเหวรวดเดียวไปเหลือ 6 บาทในอีก 3 เดือนถัดมา ได้พบความมหัศจรรย์แบบ AJ, PTL สมใจอยากเลยครับ

สิงหาคม 2554 (TWZ, TGPRO)
TWZ
ทีดับบลิวแซ่ด เป็นหุ้นมหัศจรรย์ที่คงความมหัศจรรย์ต่อเนื่องมานานมาก เพราะราคาซึมลงมาตั้งแต่กลางปี 2009 (1.59 บาท) จนกระทั่งปลายเดือนส.ค. มีรายงานผู้บริหารขายถล่มออกมาแบบล้างพอร์ท
ราคาก็เลยร่วงแบบไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวันอีกเลย จาก 0.49 บาท เหลือ 0.33 บาท ก่อนที่จะเทรดกันไม่เกิน 0.30 บาทในอีก 1-2 เดือนถัดมาจนถึงปัจจุบัน
TGPRO
หุ้นเน่าๆ ก็เอามาตีข่าว turnaound กันได้.. TGPRO เป็นบริษัทที่ขาดทุนสาหัสต่อเนื่องกันมาหลายปี จนกระทั่งมีข่าวฟื้นฟูกิจการ (สงสัยจะฟื้นฟูแรงไปหน่อย) มีการลากราคาจากไม่ถึง 20 สตางค์ ขึ้นไปสูงสุดที่ 63 สตางค์
ก่อนที่ทั้งเดือนนี้จะเล่นทางลง ไม่มีเด้ง ไม่มีฟื้น หล่นไปเหลือ 30 สตางค์ แต่ถ้าทำใจคัทไม่ได้ ราคาก็หล่นไปจมกองเลือดที่เดิม ที่เคยเทรดกันอยู่ที่ 20 สตางค์เท่านั้นในวันสิ้นปี

กันยายน 2554 (PAO, PS)
PAO (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น NUSA)
ท่านเปา!! กระแสแรงมากตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาเทรดใหม่ ได้ยินมาว่า มีการขายหุ้นกันนอกกระดานก่อนเทรดจริงในราคา 1.20-1.50 บาท/หุ้น ด้วยซ้ำไป ซึ่งถ้าใครเข้าไปวัดดวงเดย์เทรดในวันแรก มีเจ็บทุกคนครับ
แย่งกัน cut loss แทบไม่ทัน ราคาเปิด 1.15 บาท ลากขึ้นไป 10 ช่วงราคาก่อนทิ้งดิ่ง มาปิดที่ 0.73 บาท ถ้ายังทำใจคัทไม่ได้ ในอีก 1 เดือนถัดมาร่วงยาวเหลือแค่ 40 สตางค์เท่านั้น เป็นหุ้นที่นักลงทุนสาปส่งตัวนึงเลยก็ว่าได้
GSTEEL
ความหวังในการ turnaround ของ GSTEEL มีเพียงความหวังเดียว คือ Arcelor Mittal จะมาเทคโอเวอร์ ฟื้นฟูกิจการ และก็เล่นแต่ข่าวนี้จนเบื่อ ความแน่นอน ความชัดเจนก็ไม่มี
แถมในช่วงเดือนนี้ ก็มีปัญหาระดับโลก คือวิกฤติหนี้ยุโรป ทำให้หุ้นตกหนักทั่วโลก เศรษฐกิจชะลอตัว นักลงทุนแห่กันเทขาย และ GSTEEL ถือว่าตกหนักเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดเลยก็ว่าได้
ราคาร่วงจาก 60 สตางค์ เหลือ 30 สตางค์ใน 1 เดือน แถมยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น อีกทั้งในช่วงปลายปี Arcelor Mittal แถลงล้มโต๊ะเป็นของขวัญสั่งลาไปอีกชุด อนาคตของ GSTEEL จะเป็นอย่างไรมิอาจทราบได้

ตุลาคม 2554 (PTTGC, NEP)
PTTGC
PTTGC เกิดจากการควบรวมของ PTTCH และ PTTAR โดยที่กำหนดราคาใหม่ได้ว่า PTTAR 2 หุ้น แลก PTTGC ได้ 1 หุ้น และ PTTCH 1 หุ้น แลก PTTGC ได้ 2 หุ้น (พาร์ 10 บาท) และการประกาศควบรวมคราวนี้
อยู่ในช่วงที่ตลาดหุ้นลุ่มๆ ดอนๆ พอดี ราคาเลยดูต่ำมาก เข้าเทรดในวันแรกคือ 21 ต.ค. 54 ราคาเปิดที่ 56 บาท ก่อนที่จะหล่นมาปิดที่ราคา 54 บาท
และในวันถัดมานี่เอง ที่ PTTGC ทำเรื่องเหลือเชื่อ คือเป็นหุ้น Blueship ที่มีราคาบวกในวันเกือบ 20% ด้วยมูลค่าการซื้อขายถล่มทลาย กว่าห้าพันล้านบาท !!
ในอีก 3 วันถัดมา ยังแรงไม่หยุด ขึ้นไปทำราคาดอยที่ 68.50 บาท และหลังจากนั้น จนวันสิ้นปี ไม่มีขึ้นมารับคนบนดอยอีกเลย
NEP
หลังจากช่วงที่หุ้นไทยลดกระหน่ำในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา NEP บริษัทผู้ผลิตกระสอบรายใหญ่ที่ราคาร่วงยาวจากบาทกว่า เหลือ 50 สตางค์ ก็ถูกเก็งกำไรจากช่วงวิกฤติน้ำท่วมต่อเลย เพราะกระสอบทรายขาดตลาด
ช่วงนี้ข่าวน้ำท่วมหนักมาก ข่าวยิ่งหนัก NEP ยิ่งขึ้น ขึ้นจาก 50 สตางค์ ไปเกือบบาทในระยะเวลาไม่กี่วัน แต่พอน้ำลด ราคาหุ้นก็ลดตามน้ำ มาปิดสิ้นปีที่ 70 สตางค์

พฤศจิกายน 2554 (SINGER, JMART)
SINGER
ต้องยอมรับว่าผู้บริหารเค้าเก่งจริงๆ พลิกวิกฤติ เป็นโอกาส จากการที่มีการประเมินว่า น้ำท่วมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น SINGER อาจจะมีหนี้สูญพุ่งปรี๊ด เพราะเก็บเงินจากลูกค้าเงินผ่อนไม่ได้ ราคาก็เลยหล่นยาวจาก 6.50 บาท เหลือ 4 บาท
แต่ SINGER ก็มองวิกฤติ เป็นโอกาส เนื่องจากมีฐานลูกค้าในมืออยู่แล้ว ก็แค่หาของมาขาย ชดเชยรายได้ แค่นี้ก็ฟื้นแล้ว ก็เลยเอาเรือไฟเบอร์ กับเครื่องสูบน้ำมาขายจนขายไม่ทัน
ราคาหุ้นเลยฟื้นกลับในชั่วข้ามคืน ไปเทรดกันที่ 6 บาทเหมือนเดิม แถมมีแนวโน้มจะทำ new high ไปได้อีกด้วยซ้ำไป
JMART
หุ้น VI แห่งปีนี้ต้อง JMART ที่แม้ว่าจะวอลุ่มเบาบางมาก แต่ก็ทำ new high ได้เรื่อยๆ ทั้งปีที่ผ่านมา พี่แกเล่น flat ยาวในช่วงราคาสามบาทกว่ามาทั้งปี แต่เพิ่งมีจุดพลุ ทำราคา all time high ได้ในเดือนนี้
เมื่อหุ้นดี มีนิวไฮ ก็เข้าตำรา growth stock ทันที ราคาจะสูงขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ยิ่งตก ยิ่งน่าซื้อ ต้องยอมรับเลยว่าปรมาจารย์วีไอของไทยแกอ่านขาดจริงๆ ทุนแกบาทกว่า ซื้อไปได้.. อีกไม่นานปันผลก็ท่วมต้นทุนแล้วครับ

ธันวาคม 2554 (KAMART, APCO)
KAMART
สุดยอดหุ้นของปีนี้คงหนีไม่พ้น KAMART ที่มีการเปลี่ยนธุรกิจจากยานยนต์ และอิเล็กทรอนิคส์ มาขายเครื่องสำอางค์นำเข้าจากเกาหลี (คิดได้ไง?)
จากที่มีผลขาดทุนบักโกรก พลิกกลับมาเป็นกำไรมหาศาลจากเทรนด์เกาหลีที่วัยรุ่นนิยมมากในไทย โดยมีการขยายสาขาต่อเนื่อง แว่วๆ มาว่าปีหน้าจะเริ่มจ่ายปันผลได้แล้วด้วย
KAMART ถือว่าเป็นหุ้น Turnaround อย่างแท้จริงครับ ใครอ่านขาด ซื้อตั้งแต่วันแรกที่เปลี่ยนชื่อมาเทรดในกระดานมีรวยขึ้นไปร่วมสิบเท่าเลยทีเดียว จาก 40 สตางค์มาปิดสิ้นปีที่ 3.84 บาท (จริงๆ น่าจะเอะใจตั้งแต่ผู้บริหารซื้อไปร่วมร้อยล้านหุ้นตั้งแต่วันแรกๆ ได้แล้วครับ)
APCO
สั่งลาปีกระต่ายด้วยหุ้นน้องใหม่ไฟแรงอย่าง APCO ที่พอเข้ามาเทรดในวันแรกๆ ก็มองกันว่าจะรอดมิรอดแหล่.. มองกันถึงตัวผู้บริหารว่าทำธุรกิจตามใจตัวเอง นู่นนี่นั่น กว่าจะรู้ตัวว่าราคามี upside เหลือเพียบ ก็ตอนที่ธนูปักหัวเข่าาไปที่เรียบร้อย..
ราคา IPO 2.80 บาท ในเดือนพ.ย. เล่นไป 1 ซิลลิ่ง แล้วราคาหล่นลงมาต่ำ 4 บาท จากนั้นพี่แกขึ้นรวดเดียวมาปิดสิ้นปีที่ 7.90 บาท (สูงสุด 8.00 บาท) นักลงทุนยิ้มกันแก้มปริ สองเดือนซัดไปร่วม 200% ปิดฉากปีกระต่ายตื่นน้ำได้อย่างสวยงาม



จริงๆ ยังมีตัวจี๊ดๆ แสบๆ คันๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น TTA, DTAC, TT&T, CAWOW, YNP, THL, IHL, LL, BROOK, TFD ฯลฯ กลัวจะยาวไป แล้วขี้เกียจอ่านกันครับ

แนวโน้มธุรกิจในปีมังกรทอง
ส่วนตัวผมคิดเอง เออเองนะครับ ที่ผมมองไว้จะเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบายหาเสียงของทางรัฐบาล ที่ต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังแรก, แจก tablet, ค่าแรงขั้นต่ำ และธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากน้ำท่วมใหญ่ พวกกลุ่มก่อสร้าง และวัสดุภัณฑ์ สินเชื่อและบัตรเครดิต ประมาณนี้ครับ
โดยที่หุ้นหลายๆ ตัวที่ได้รับประโยชน์ ราคายังไม่สูงมากนัก


สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกๆ ท่านโชคดีในการลงทุนในปีมังกรทองครับ


Create Date : 02 มกราคม 2555
Last Update : 2 มกราคม 2555 14:24:03 น. 0 comments
Counter : 1880 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

yacht7
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add yacht7's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.