...ความสุขของนักเดินทาง..ไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง..แต่อยู่ที่การได้เดินทาง...

เวียนนา นคราแห่งดนตรี

……ได้ฤกษ์กลับมาปัดฝุ่นบล็อกใหม่ หลังห่างหายจากการเขียนมาเกือบสองปี ช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันมีอันต้องโยกย้ายที่ทำงาน เลยต้องทำตัวดีๆ ให้เจ้านายไว้ใจ ก่อนจะลาได้ยาวๆ เพิ่มการเดินทางในชีวิตเข้าไปอีก คริ คริ..ไล่เก็บย้อนที่ขาดหายไปเลยแล้วกันนะ...

“......กลับมาแล้วจ้า....”




ฉันตะโกนเข้าไปในบ้าน แข่งกับเสียงดนตรีคลาสสิคจากเครื่องเล่นที่เปิดอยู่ รู้สึกแปลกใจว่าชายหนุ่มของฉันนึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้ฟังดนตรีคลาสสิค ทั้งๆ ที่เขาไม่เห็นจะชอบดนตรีแนวนี้ซะหน่อย....พอเข้าไปในบ้านเห็นเขาปีนบันได เหมือนจะทำอะไรอยู่ ก็เลยถามขึ้น

“ปีนบันไดทำอะไรหรือคะ”

“ไม่ได้ทำอะไร ฟังเพลงน่ะ” เขาตอบ

“ว่าไงนะคะ ปีนบันไดฟังเพลง?”

“ใช่.. ก็นี่เพลงซิมโฟนีหมายเลข 5 ของโมซาร์ต เลยต้องปีนบันไดฟัง จะได้หูถึงสุนทรียของดนตรีไง”

บ้าจัง..... อีตานี่.....กวนจริงๆ เลย

ปกติรายนี้ชอบดนตรีแนวสนุกสนานที่ใช้เครื่องเคาะจังหวะ แนวเพอร์คัสชั่น แต่เป็นเพราะโปรโมชั่นของสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ ที่นำเสนอแพคเกจทัวร์ ตั๋วเครื่องบินไปกลับออสเตรีย ที่พักสามคืนและตั๋วรถไฟภายในประเทศในราคาที่เย้ายวนใจ เลยทำให้เราสองคนไม่รีรอที่จะหาวันว่างให้ตรงกันแล้วซื้อแพคเกจทัวร์รายการนี้ พร้อมยืดวันเวลาที่จะเที่ยวในออสเตรียเพิ่มเติมเข้าไปอีก...



... อากาศที่เวียนนาช่วงเดือนกรกฎาคมค่อนข้างดีทีเดียว เย็นสบายไม่หนาวเกินไป ทำให้ไม่ต้องหอบกระเป๋าใบโตใส่เสื้อโอเวอร์โค๊ตมาด้วย ลากกระเป๋าเดินตามหาสัญลักษณ์รถไฟเข้าเมืองที่อยู่ในสนามบินนั่นแหละ ที่เวียนนามีรถไฟ City Airport Train จากสนามบินเข้าเมืองโดยเฉพาะ ตั๋วรถไฟเข้าเมืองซื้อได้ที่ตู้อัตโนมัติ จะใช้เงินสดหรือเครดิตการ์ดก็ได้ มีตารางเวลาบนจอ ขากลับยังสามารถเช็คอินที่สถานีรถไฟได้อีกด้วย สะดวกสุดๆ ได้ตั๋วก็ออกเดินไปตามลูกศรชี้ เดี๋ยวเดียวรถไฟก็มาจอด เอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ชั้นวางข้างประตูแล้วหาที่นั่ง สิบหกนาทีต่อมา เราก็ลากกระเป๋าเดินลงที่สถานีปลายทาง Wien Mitte



การซื้อเพคเกจทัวร์กับสายการบินก็ดีอย่าง ไม่ต้องหาโรงแรมเอง แล้วโรงแรมที่มีในลิสต์ของเค้าส่วนมากก็เดินทางสะดวกทั้งนั้น ประเภทอยู่ใกล้สถานีรถไฟหรือสถานีรถไฟใต้ดิน เราต่อรถไฟใต้ดินอีกสามป้ายก็ถึงโรงแรม เช็คอินล้างหน้าล้างตา พักผ่อนครู่ใหญ่ก็ออกมาเดินปร๋อ เดินทางในตัวเมืองเวียนนาสะดวกมาก มีรถไฟใต้ดิน 5 สาย (U1- U6 ไม่มี U5) จุดแรกในการเที่ยวชมเวียนนาของเราสองคน คือนั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานี Stephanplatz เพื่อชมวิหารหลังคาสวย Stephansdom ซึ่งพอโผล่ขึ้นมาก็เจอวิหารอยู่ตรงหน้า



Stephansdom หรือ วิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen's Cathedral) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1147 จุดเด่นคือหลังคาที่มีลวดลายสีสันสดใสแนวกราฟิก วิหารแห่งนี้ถือเป็นวิหารหลักที่มีความสำคัญของเวียนนา รอบๆ เป็นลานกว้าง มีรถม้าจอดเรียงรายด้านข้าง ส่วนบริเวณด้านหน้ามีนักแสดงเปิดหมวกมาเปิดการแสดง เล่นดนตรี หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราเดินถ่ายรูปรอบๆ วิหารแล้วเดินเข้าไปด้านใน มีส่วนแยกสำหรับนักท่องเที่ยวเข้าชมได้บางส่วนโดยไม่ต้องเสียเงิน อยู่ด้านในเดี๋ยวเดียวก็เดินออกมา จุดหมายต่อไปอยู่ด้านหลังวิหารนี่เอง



เราเดินแวะไปเยี่ยมบ้านโมสาร์ท (Mozarthaus Vienna) ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนท์ที่โมซาร์ทเคยมาอาศัยอยู่ตลอด 4 ปี ในช่วงที่เขามาใช้ชีวิตอยู่ที่เวี่ยนนา อาคารนี้มีสามชั้น จัดแบ่งเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวของนักประพันธ์เพลงอัจฉริยะชื่อก้องโลก โซนดนตรี ห้องพักซึ่งมีของใช้โมซาร์ทบางส่วน และร้านขายของที่ระลึก เราเดินดูครู่หนึ่งก็ออกไปเดินต่อ



เดินกลับไปทางหน้าวิหาร บริเวณรอบๆ แถวนี้เรียงรายไปด้วยร้านกาแฟน่านั่ง อาคารแถบนี้มีรูปแบบที่สวยงาม มีถนนคนเดินเส้นยาวจากหน้าวิหารให้เดินดูข้าวของได้ตลอด ระหว่างทางเดินมีประติมากรรมน้ำพุ และประติมากรรมบนยอดอาคารหลากหลายแบบชวนให้ถ่ายรูปได้ไม่เบื่อ ร้านรวงแถบนี้ก็สวยงามละลานตา แถมตกแต่ง Display หน้าร้านได้อย่างน่าดู มีทั้งสินค้าแบรนด์เนม ร้านของที่ระลึก ร้านขายช๊อกโกแล็ตและเค๊กที่น่ากิน แต่ฉันมีร้านในใจอยู่แล้ว ตอนนี้เลยเดินเล่นชมเมืองไปก่อน



จุดท่องเที่ยวในโซนนี้เดินได้ต่อเนื่องกันโดยตลอด ถ้าไม่ขี้เกียจที่จะเดิน สามารถเดินทะลุไปยังอิมพีเรียล อพาร์ตเมนท์ของราชวงศ์ฮับสบรูกส์ (The Imperial Apartments) ซี่งประกอบด้วยอพาร์ตเมนท์ที่พักอาศัยของสมาชิกราชวงศ์ และพิพิธภัณฑ์ซิซี่ (Sisi Museum) ที่รวบรวมสิ่งของและเรื่องราวของจักรพรรดินีอลิซาเบธ จักรพรรดินีองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ฮับสบรูกส์



ภายในพิพิธภัณท์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงแห่งแคว้นบาวาเรีย ที่ต้องอภิเษกสมรสกับจักรพรรดิ์ ฟรานซ์โจเซฟ แห่งจักรวรรดิออสเตรียโดยไม่เต็มใจเท่าไหร่ ต้องอยู่ในกฎระเบียบ ไม่เคยได้รับการสนใจจากองค์จักรพรรดิ์ สูญเสียพระธิดาองค์โต แถมพระโอรสองค์เดียวก็ทำอัตวิบากกรรม และสุดท้ายพระองค์เองก็ถูกลอบปลงพระชนม์… น่าสงสารจัง เราเดินถ่ายรูปอยู่แถวนี้สักพัก สมควรแก่เวลาฉันก็ลากชายหนุ่มไปยังร้านเค๊กเจ้าอร่อยที่หาแผนที่ไว้ล่วงหน้าแล้ว



ร้านเค๊กเจ้าดังของเวียนนามีชื่อว่า Café Sacher ราคาอาจแพงสักนิดแต่อร่อยมากกก....ขายทั้งเค๊กทั้งช็อกโกแล็ตหลากหลาย ต้องยอมกัดฟันซื้อกินให้สมใจหน่อย มายุโรปหลายครั้งก็จริงแต่นานๆ จะได้มาเจอร้านเค๊กแบบนี้สักที ร้านนี้มีสาขาอีกแห่งที่ซาลส์บวร์กด้วย เอาไว้อีกสองวันจะไปกินที่นั่นอีก ตอนนี้ขอหม่ำที่นี่ก่อน

แวะทานแถมหิ้วถุงขนมเดินออกจากร้านไปเที่ยวต่อ เนื่องจากมีเค๊กตุนไว้ในกระเพาะแล้ว เราสองคนจึงรวบมื้อเย็นกับมื้อเที่ยงไว้เป็นมื้อบ่ายแก่ๆ จุดหมายอยู่ที่ตลาดแนชท์มาร์ค (Naschmarkt) ซึ่งมีร้านอาหารเพียบ แต่เห็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มานั่งดื่มมากกว่านั่งทานอาหาร ตลาดแห่งนี้เปิดวันจันทร์ - เสาร์ ส่วนวันอาทิตย์เปลี่ยนเป็นตลาดนัดและสินค้ามือสอง เราแวะทานอาหารประเภทกระทะร้อน ควันฉุย ได้ปลาทอดอร่อยๆ อิ่มไปเลย เค๊กที่ซื้อมาเก็บไว้ละเลียดที่ห้องพักตอนเย็นๆ คนเดียว อิ อิ...



วันรุ่งขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะ เราจึงนั่งรถไฟใต้ดินไปยังพระราชวังเชินน์บรุนน์ (Schonbrunn Palace )ตั้งแต่เช้าก่อนเลย ลงสถานี Schönbrunn ชื่อเดียวกันกับพระราชวัง โผล่ขึ้นมาข้างกำแพงทางเข้าหลักพอดี เราตัดสินใจถูกที่มาแต่เช้า คิวซื้อตั๋วยังไม่ยาวเท่าไหร่ มีกลุ่มทัวร์ญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่กำลังทยอยเดินเข้ามา แต่พวกเขาซื้อตั๋วกรุ๊ปทัวร์เลยได้เข้าไปก่อน ตั๋วเข้าชมมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบถูกสุดชมพระราชวัง 35 นาที 22 ห้อง Grand tour ชมพระราชวัง 50 นาที 40 ห้อง Classic Pass ชมพระราชวังและอื่น ๆ เช่น โซนเขาวงกต ส่วน Gold Pass แพงสุด ควรมีเวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 ชั่วโมง



พระราชวังแห่งนี้เคยใช้เป็นที่พำนักของราชวงศ์ฮัมบูร์ก มาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 - 20 สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในยุคสมัยที่จักรวรรดิออสเตรียเรืองอำนาจ โดยเริ่มจากจักรพรรดิโยเซฟที่ 1 ซึ่งหวังจะให้ยิ่งใหญ่กว่าพระราชวังแวร์ซายน์ แต่ต่อมาในรัชสมัยของพระจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซาก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและสีสัน ซึ่งถึงแม้ว่าภายนอกจะดูไม่วิจิตรพิศดารมากนัก แต่ภายในมีความงดงามมาก และก็ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป



ภายในพระราชวังมีห้อง 1,441 ห้อง เเต่เปิดให้เข้าชมเพียง 400 ห้อง เราใช้เวลาเดินชมห้องต่างๆ ประมาณชั่วโมงเศษ ผ่านห้องซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ ห้องบรรทมของจักรพรรดินีอลิซาเบธ ห้องทรงงาน ห้องรับรอง ห้องแกลลอรี่ ไปจนถึงห้องอื่นๆ ว่ากันว่าพระราชวังนี้เป็นหนึ่งในสามพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ของยุโรป และมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับพระราชวังแวร์ซายน์ของฝรั่งเศสเสมอๆ ในเรื่องของความหรูหราอลังการ



นอกจากตัวอาคารแล้ว พระราชวังเชินน์บรุนน์ยังมีพื้นที่กว้างขวาง เดินจนเมื่อยหากจะต้องการดูให้ทั่ว ทั้งสวนดอกไม้ ประติมากรรมน้ำตก สวนปาล์มและสวนสัตว์ เราเดินขึ้นไปเยือนนกอินทรี (Glioriette) ผ่านประติมากรรมน้ำตกขึ้นไปยังเนินเขา ขึ้นไปนั่งชมภาพในมุมสูงที่มองเห็นอาณาบริเวณอันกว้างขวางของพระราชวังแห่งนี้ และเพราะเราเดินจนเหนื่อย จึงใช้เวลาอยู่ที่นี่นานหน่อย เอ้อระเหยรับลมเย็น ดูนักท่องเที่ยวที่เริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ



เรานั่งเล่นอยู่นานทีเดียว ก่อนจะเดินกลับมาบริเวณอาคารพระราชวังเพื่อจะไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ก็ได้ยินเสียงเพลงเพราะมาก มีนักดนตรีกลุ่มใหญ่กำลังบรรเลงดนตรีคลาสิค และมีชายหญิงในชุดเครื่องแต่งกายโบราณสามคู่กำลังเต้นรำ เลยเข้าไปหยุดดูครู่หนึ่งก็เลิกเล่น หันมาโค้งให้กับผู้ชม เราสองคนจึงเดินออก



กลับออกจากพระราชวังเราก็ไปหาอะไรทานมื้อเที่ยง แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีสตาร์ดพาร์ค (Stadtpark) แวะเดินเล่นในสวนเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ อากาศเย็น ต้นไม้กำลังเขียวขจี ชวนให้รู้สึกสบายจนไม่อยากเดิน เปลี่ยนเป็นเอ้อระเหยอยู่ในสวน ดูกระรอกสีสวยวิ่งไปมา แล้วก็เดินไปถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นของโยฮันสเตราส์ (Johann Strauss) นักดนตรีเอกซะหน่อย



เวียนนาเป็นดินแดนแห่งนักดนตรีอยู่แล้ว คีตกวีและนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงก้องโลกหลายต่อหลายคนล้วนแล้วแต่เป็นคนออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็น โมสาร์ท, บราห์ม, ชูเบิร์ต, โยฮันสเตราส์ ที่เวียนนานี้จึงมีสถาบันดนตรีมากมาย เราเจอเด็กๆ แบกกระเป๋าใส่ไวโอลิน วิโอล่า กระทั่งบางคนแบกแชลโล่ตัวโต เดินไปมา มีเด็กญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่สะพายกระเป๋าเครื่องดนตรีขึ้นรถไฟใต้ดินขบวนเดียวกับเรา เห็นแล้วรู้สึกดีจัง แต่เสียดายที่โลโซอย่างเราสองคนไม่ได้มีความรู้และความสนใจในดนตรีคลาสสิคมากนัก แนวเพลงถนัดของเราดูจะเป็นแนวเพลงเพื่อชีวิตซะมากกว่า ประเภทหนุ่มบาว สาวปาน..อิ..อิ..เราจึงไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าชมดนตรี หรืออุปรากรที่จัดแสดงทุกวันในโรงอุปรากรกลางเมือง ได้แต่ผ่านไปดูเฉยๆ



นอกจากนั้นที่เวียนนายังมีหอศิลปะ และงานจิตรกรรมของศิลปินหลายคนที่น่าสนใจเช่นที่ Secession ซึ่งเราแวะไปถ่ายรูปแต่ไม่ได้เข้าไปดู สรุปว่าเวลาสองคืนสองวันเต็มในเวียนนาสำหรับเราสองคนได้เห็นและสัมผัสอะไรเยอะทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปฟังดนตรีคลาสสิคหรือดูโอเปร่าก็เถอะ

......พรุ่งนี้เราจะเดินทางต่อ มีตั๋วรถไฟในมืออยู่แล้วนี่ ที่หมายของเราคือแวะไปเยี่ยมบ้านเกิดของโมสาร์ทซะหน่อย แล้วก็แวะไปดูโลเกชั่นของ “The Sound of Music” ภาพยนตร์เพลงที่โด่งดังตั้งแต่ยุคคุณแม่ยังสาว ซึ่งสมัยที่ฉันเป็นเบบี๋ แม่เคยสอนให้ฉันร้องเพลงในเรื่องด้วย.....

.......โด่...เร....มี....ฟา...ซอล....ลา....ซี...โด๊.....ยุคนี้มีใครรู้จักไหมเนี่ย !!


Create Date : 28 พฤษภาคม 2555
Last Update : 28 พฤษภาคม 2555 23:44:05 น. 0 comments
Counter : 1453 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

world not wide
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บันทึกการเดินทางของเขาและเธอ
ที่ใช้ชีวิตคู่กับการเดินทาง
155 เมือง 34 ประเทศ ใน 5 ทวีป...




*รูปภาพทั้งหมดที่ปรากฏบน Blog นี้ ถ่ายด้วยตนเองทั้งสิ้น และไม่หวงห้ามแต่ประการใด หากมีผู้ต้องการนำไปใช้
[Add world not wide's blog to your web]