WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

Cappuccino Grappa Cocktail























Cappuccino Grappa Cocktail
ส่วนผสม
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)



1. Grappa 2 cl

2. เอสเปรสโซ่ร้อน 200 มิลลิลิตร

3. น้ำตาล 2-4 ช้อนชา

4. นม 200 มิลลิลิตร

5. ผงโกโก้
วิธีชง
1. เติม grappa ใส่ในแก้วทรงสูง 2
แก้ว เติมน้ำตาลที่คนจนละลายเข้าที่แล้วกับเอสเปรสโซ่ 2 ช๊อต รินลงไป 2 ใน 3
ของแก้วทรงสูงที่มี grappa อยู่

2. ทำนมร้อนด้วยตัวทำคาปูชิโน่ แล้วผสมเอสเปรสโซ่ที่เหลือ
ให้ระมัดระวังในการรินใส่แก้ว ด้วยการรินผ่านช้อนยาวหรือรินอย่างช้าๆ
เพื่อป้องกันการเกิดชั้นจากการปั่นผสม

3. ตักฟองจากการทำนมด้วยตัวทำคาปูชิโน่ใส่ลงด้านบนของเอสเปรสโซ่
แล้วโรยผงโกโก้ตกแต่ง
กาแฟอโรม่ารส
ที่เหมาะสมสำหรับกาแฟสูตรนี้




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 14:16:52 น.
Counter : 414 Pageviews.  

Esmeralda Coffee


















ส่วนผสม
สำหรับ 2 ที่



1. กาแฟร้อน 300 มิลลิลิตร

2. น้ำตาลไอซิ่ง 5 ช้อนชา

3. วิปครีม 4 ช้อนโต๊ะ

4. Kahlùha (เหล้าหวาน) 40 มิลลิลิตร

5. เหล้าบรั่นดี หรือ คอนยัค 20 มิลลิลิตร

6. น้ำเชื่อมกลิ่นช็อกโกแลต 2 ช้อนชา

7. อบเชยหยิบมือ

8. ช็อกโกแลตสำหรับโรยหน้า 1 ช้อนชา
วิธีชง
1. ผสม Kahlùha และคอนยัค
เข้าด้วยกันกับ น้ำเชื่อมกลิ่นช็อกโกแลต และเติมอบเชยเพื่อเพิ่มรสชาติ

2. เทส่วนผสมที่เข้ากันดีแล้วในแก้วอุ่น 2 แก้ว และเติมด้านบนด้วยกาแฟ
และคนให้เข้ากัน

3. ผสมวิปครีม และไอซิ่งเข้าด้วยกันอย่างระมัดระวัง
แล้วใช้ช้อนตักลงบนกาแฟเพื่อตกแต่งให้ดูสวยงาม
พร้อมกับช็อกโกแลตที่เตรียมไว้สำหรับโรยหน้า
กาแฟอโรม่ารส
ที่เหมาะสมสำหรับกาแฟสูตรนี้




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 14:15:11 น.
Counter : 435 Pageviews.  

อย่าเปิด! ร้านกาแฟ แค่เห็น...เป็นแฟชั่น

//www.healthcorners.com/2007/coffee_web/pic/coffee_2010-07-08-023154.jpg
อย่า
เปิด! ร้านกาแฟ แค่เห็น...เป็นแฟชั่น



"ก่อนหน้านี้มักมีคนมาขอคำแนะนำ ว่าอยากเปิดร้านกาแฟบ้าง
จะต้องทำอย่างไร ซึ่งเธอมักย้อนถามกลับไปว่า อยากทำตามแฟชั่นหรือเพราะใจรัก
หลายคนตอบคำถามไม่ได้ จึงไม่ต้องแนะนำอะไรกันต่ออีก"







"ร้านกาแฟ...น่ารักๆ"



คงเป็นธุรกิจอยู่ในความใฝ่ฝันของใครหลายคน
แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถทำความฝันของตนให้เป็นจริง



หญิงสาววัย 33 ปีเศษ ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้
เคยมีหน้าที่การงานดี น่าพึงพอใจทั้งด้านรายได้และสถานภาพทางสังคม
อยู่มาวันหนึ่ง
เธอค้นพบว่าความปรารถนาในชีวิตของเธอไม่น่ายุติอยู่ตรงบทบาทของ
"มนุษย์เงินเดือน"



ตกผลึกกับความคิดตัวเองเบ็ดเสร็จ จึงเด็ดเดี่ยวพอที่จะขอลาออกจากงานประจำ
มาตั้งใจทำในงานที่รัก ก่อนทุกอย่างจะช้าเกินไป
สุดท้ายเธอค้นพบแล้วว่าการเป็นเจ้าของ "ร้านกาแฟสักร้านหนึ่ง" นั้น
เป็นงานเหนื่อยแต่สุขใจสำหรับเธอมากแค่ไหน







รักค้าขาย



ลงทุนหลักล้าน




คุณรัชดา คลองโปร่ง ที่อนุญาตให้เรียกแบบกันเองว่า คุณก้อย เจ้าของร้านกาแฟ
Coffee Cafe Re Gelato (ค็อฟฟี่ คาเฟ่ เร เจลาโต้)
ซึ่งตั้งอยู่ในย่านถนนเสนานิคม 1
กรุณาสละเวลามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ดูแลอยู่
โดยเริ่มต้นให้ฟังถึงประวัติส่วนตัวเล็กน้อยว่า จบการศึกษาระดับปริญญาตรี
คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เคยทำงานในบริษัทย่านธุรกิจดังของกรุงเทพฯ
ในตำแหน่งฝ่ายการตลาดตั้งแต่เรียนจบ เมื่อทำงานประจำรับเงินเดือนต่อเดือน
ได้พักใหญ่ เริ่มเกิดความสงสัยว่าตัวเองชอบทำงานอะไรกันแน่



"ตอนนั้นงานประจำทำแล้วมีความสุขดีทุกอย่าง
แต่ตัดสินใจลาออกมาเพราะรู้ตัวเองแล้วว่าชอบงานขายของ
และหากอยากเริ่มต้นชีวิตในแบบที่ต้องการ คิดว่าช่วงอายุไม่เกิน 30
ปีนี่แหละ กำลังเหมาะ ไม่งั้นคงไม่ได้เริ่มต้นนับหนึ่งเสียที" คุณก้อย
เล่ามาให้ฟัง



เมื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงพบแล้ว
คุณก้อยจึงเดินหน้าต่อด้วยการเดินทางไปฝึกปรือฝีมือด้านการทำ "เจลาโต้"
หรือไอศกรีมสัญชาติอิตาเลียน
ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือมีรสชาติอร่อยเหมือนกับไอศกรีมทั่วไปแต่มีไขมัน
ต่ำกว่า กับพี่สาว ซึ่งเปิดร้านไอศกรีมดังว่าอยู่ก่อนแล้ว ที่จังหวัดภูเก็ต
เพื่อฝึกปรือฝีมือด้านการทำและการขาย เมื่อทำได้กว่าปี ทำให้ทราบว่า
ตัวเธอเองนั้น ชอบ "ชงกาแฟ" อีกงานหนึ่งด้วย



"ตลาดที่ภูเก็ตเน้นบริการนักท่องเที่ยวแทบทั้งหมด รายรับจึงผันผวนง่าย
เลยคิดว่าหากจะหวังรายได้จากนักท่องเที่ยวอย่างเดียว คงไม่รอดแน่
จึงตัดสินใจกลับมากรุงเทพฯ เพื่อเปิดร้านกาแฟหน้าบ้านตัวเอง" คุณก้อย
ย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่ม



สำหรับบ้านพักอาศัยครอบครัวของคุณก้อยนั้น ตั้งอยู่ในซอยเสนานิคม
ซึ่งหลายท่านอาจพอทราบมาบ้างแล้วว่า
เป็นย่านมีชื่อเสียงมานานเกี่ยวกับอาหารการกินแทบทุกประเภท



"ซอยเสนาฯ เป็นแหล่งของอร่อย บางร้านขายมานานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่
แทบทุกวันจึงมีลูกค้าทยอยมาอุดหนุนกันตลอด
ประกอบกับบ้านที่อาศัยอยู่มีบริเวณกว้างขวางพอจะดัดแปลงพื้นที่ส่วนหนึ่งให้
เป็นร้านกาแฟได้ และแม้ในละแวกจะมีร้านกาแฟอยู่แล้ว
แต่ของเราจะเป็นกาแฟบวกกับไอศกรีมอิตาเลียนโฮมเมด ตามแนวที่ตัวเองถนัด"
เจ้าของเรื่องราว เล่า



ฟังเพลินๆ เหมือนธุรกิจนี้จะเริ่มต้นได้ไม่ยาก
หากในความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะคุณก้อย เผยให้ฟังว่า ช่วงแรก
คุณพ่อคัดค้านไม่อยากให้ลาออกจากงานประจำมาเปิดร้านกาแฟ แต่ทางคุณแม่นั้น
สนับสนุน สุดท้ายคุณพ่อ ทนแรงเชียร์จากคู่ชีวิต และ "ลูกตื๊อ"
ของลูกสาวไม่ไหว จึงอนุญาตให้ลงทุนในเวลาต่อมา



"ช่วงแรกคุณพ่อคัดค้าน อาจเพราะท่านคงเหมือนกับผู้ใหญ่ทั่วไป
ที่อยากให้ลูก-หลาน ได้มีงานประจำทำ แต่ช่วงนั้นตัวเองออกอาการดื้อ
เพราะรู้แล้วว่าชอบและอยากทำอะไร เมื่อตั้งใจแล้ว
จึงเพียรอธิบายให้ท่านเข้าใจ จนยอมควักทุนหลักล้านบาทมาให้ก่อน
เพื่อดัดแปลงพื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านทำเป็นร้านกาแฟติดแอร์" คุณก้อย เล่า



ได้ยินตัวเลขหลักล้านสำหรับการลงทุนร้านกาแฟแล้วตกใจ
เหตุใดจึงกล้าขนาดนั้นทั้งที่เป็นธุรกิจเริ่มแรก คุณก้อย จึงอธิบายว่า
เพราะอาคารร้านกาแฟนั้น สร้างอยู่บนพื้นที่ดินของตัวเอง ฉะนั้น
เมื่อจะสร้างอะไรแล้ว ก็ควรทำให้ดีไปเลยดีกว่า
เพราะถึงอย่างไรในอนาคตข้างหน้า
เชื่อว่าทั้งที่ดินและตัวอาคารจะมีมูลค่าสูงขึ้น







กลัวคนไม่เข้า



ตอบรับเกินคาด




ร้าน ค็อฟฟี่ คาเฟ่ เร เจลาโต้ เปิดให้บริการมาแล้วปีเศษ
แต่กว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างนี้ คุณก้อย บอกยอมรับว่า เหนื่อยมามาก
เพราะงานเกี่ยวกับร้าน เธอทำแทบทุกอย่าง ตั้งแต่คุมคนงานก่อสร้างลงเสาเข็ม
ไปจนทำไอศกรีม ชงกาแฟ กระทั่งเสิร์ฟให้ลูกค้าถึงโต๊ะ



"การเริ่มต้นนับหนึ่งนั้นยากมาก ตอนจะเปิดร้านวันแรก จำได้ว่ากลัวสารพัด
กลัวมากที่สุดคือลูกค้าไม่เข้าร้าน
ซึ่งวิธีการประชาสัมพันธ์ไม่ได้ทำเป็นใบปลิว ทำแค่ติดป้ายบอกหน้าร้าน
และอี-เมล บอกเพื่อน แต่แล้วก็ผ่านมาได้
มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนเกินคาดจนถึงวันนี้" คุณก้อย บอกก่อนยิ้มภูมิใจ



เจ้าของกิจการ บอกต่อว่า อาจด้วยเพราะในละแวก หายากที่จะมีร้านบรรยากาศดี
ตั้งอยู่ริมบึงน้ำกว้าง มีต้นไม้ขนาดใหญ่ไว้ให้ร่มเงาตอนจอดรถ แต่ที่นี่มี
จึงมีลูกค้าทยอยมาอุดหนุนอยู่ตลอด
แต่เพียงแค่นั้นคงยังไม่พอที่จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ เพราะต้อง
"ทำการบ้าน" อยู่ตลอด



"ตอนเป็นสาวออฟฟิศ จะมีเวลาส่วนตัวไปช็อปปิ้ง แต่พอมาทำธุรกิจ ตลอด 24
ชั่วโมง สมองต้องคิดตลอดว่าต้องทำอะไรต่อ จะทำโปรโมชั่นร้านยังไง
ไอศกรีมตัวใหม่จะออกรสอะไรดี ซึ่งบางคนหาก 24
ชั่วโมงต้องคลุกคลีกับธุรกิจตลอดอาจรู้สึกทรมาน แต่สำหรับตัวเอง
ยังมีความสุขกับมันดีอยู่" คุณก้อย เล่าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเป็นสุข



สนทนามาถึงตรงนี้ มีคำถามเกี่ยวกับอุปสรรคในร้านกาแฟที่ดูแลอยู่
คุณก้อยยิ้มกว้าง ก่อนแย้มให้ฟัง ตั้งแต่ทำมาปีเศษ
ยังไม่เคยเจออุปสรรคอะไรที่หนักใจ ยอดขายไม่เคยตกตั้งแต่เปิด
แม้แต่ช่วงเกิดวิกฤตทางการเมือง หลายธุรกิจได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน
แต่กิจการของเธอนั้น ดูเหมือนจะไปได้ดีกว่ายามปกติเสียอีก



"ตอนบ้านเมืองวุ่นวาย หลายกิจการในย่านการค้าสำคัญ
มีอันต้องเสียหายไปตามกัน จึงอาจเป็นโอกาสสำหรับร้านค้ารายย่อยในชุมชน
เพราะแม้ผู้คนจะหยุดงาน แต่อาหารการกิน รวมไปถึงกาแฟ ยังต้องทานกันอยู่
ช่วงนั้นเลยขายดีมากเป็นพิเศษ" คุณก้อย เล่า



ก่อนจากกันไป คุณก้อย บอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้มักมีคนมาขอคำแนะนำ
ว่าอยากเปิดร้านกาแฟบ้าง จะต้องทำอย่างไร ซึ่งเธอมักย้อนถามกลับไปว่า
อยากทำตามแฟชั่นหรือเพราะใจรัก หลายคนตอบคำถามไม่ได้
จึงไม่ต้องแนะนำอะไรกันต่ออีก



"ที่ตั้งคำถามกลับไปอย่างนั้นไม่ใช่อยากจะทดสอบอะไร
เพราะมันจะเชื่อมโยงต่อไปถึงการเลือกซื้อชุดอุปกรณ์ในการชง
ว่าจะเลือกใช้แบบไหน อย่างไรก็ตาม อยากให้คนที่กำลังคิดจะลงทุนร้านกาแฟ
ถามตัวเองให้ดีก่อน ไม่ใช่อยากทำเพราะเห็นว่าคนเขาทำกันเยอะ"





 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 14:12:51 น.
Counter : 425 Pageviews.  

เอสเปรสโซ (อิตาลี: espresso)

//raikhunyah.krubpom.com/pic/espresso.jpg

เอสเปรสโซ (อิตาลี: espresso)
คือกาแฟที่มีรสแก่และเข้ม
ซึ่งมีวิธีการชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วที่บดละเอียด
ที่มาของชื่อ เอสเปรสโซ มาจากคำภาษาอิตาลี "espresso" แปลว่า
เร่งด่วน เอสเปรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้
โดยเฉพาะประเทศอิตาลี การสั่งกาแฟ "caffe"
ในร้านโดยทั่วไปก็คือสั่งเอสเปรสโซ
เอสเปรสโซถูกผลิตที่อิตาลีเอสเปรสโซมีต้นกำเนิดที่อิตาลีตอนที่อิตาลีล่า
เอธิโอเปียมาเป็นอาณานิคมกาแฟก็นำมาปลูกที่อิตาลีส่วนใหญ่
ด้วยวิธีการชงแบบใช้แรงอัด
ทำให้เอสเปรสโซมีรสชาติกาแฟซึ่งเข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่ว ๆ
ไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำหยด
และเพราะรสชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง
ทำให้คอกาแฟดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนม และมักจะเสิร์ฟเป็นชอต
(แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป (ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ
30-60มิลลิลิตร แตกต่างตาม พฤติกรรมการดื่ม ของแต่ละประเทศ)
การสั่งเอสเปรสโซตามร้านกาแฟทั่วไป มักสั่งตามปริมาณเป็น "ซิงเกิ้ล" หรือ
"ดับเบิ้ล" (ชอตเดียว หรือ สองชอต)
เอสเปรสโซมีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน
เพื่อไม่ให้เสียรสชาติจึงควรดื่มตอนชงเสร็จใหม่ ๆ



ผงกาแฟที่ใช้ ขึ้นอยู่กับแต่ละระบบการชง
ระบบการชงแบบแรงดันน้ำ หรือแรงอัด จะต้องใช้ผงละเอียด
แต่ไม่ถึงกับเป็นแป้ง (ขนาดของไซด์ผงกาแฟที่บด จะแปรผันตาม
ระยะเวลาที่ทำกาแฟ อาทิ เครื่องชงแบบ เอสเปรสโซ่ เวลามาตราฐานอยู่ที่ 18-30
วินาที ก็ต้องใช้ ผงละเอียด แต่หากเป็นการชง ลักษณะอื่นๆ เช่น
ชงโดยที่ชงแบบเฟรนช์เพรส
ก็ต้องบดให้หยาบขึ้นและระยะเวลาที่ชงก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ)



ในการชงเอสเปรสโซ จะต้องควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อรสชาติ
อาทิ เมล็ดกาแฟที่ใช้ (สมควรเป็นเมล็ดกาแฟที่คั่ว เก็บมาไม่เกิน 1 เดือน)
,การบดกาแฟ (ขนาดของผงกาแฟที่บด ต้องสัมพันธ์
กับเครื่องชงและระยะเวลาการไหล ของกาแฟ ขณะชง) , น้ำที่ใช้ชงกาแฟ
(คุณภาพเป็นน้ำที่ใช้ บริโภค ไม่ควรใช้นำสะอาดบริสุทธิ์ จนเกินไป เพราะ
นอกจากไม่ได้รับ สารอาหารที่มากับน้ำแล้วยังมีผลกระทบ ต่อรสชาติ ด้วย) ,
ระยะเวลาในการชง (ดังที่กล่าวไว้ ในข้างต้น หากใช้เวลา
การชงเอสเปรสโซ่ตำกว่า 18 วินาที หรือ underextract แสดงว่า การแพคกาแฟ
ต่อชอต ไม่แน่นพอ หรือ ปริมาณผงกาแฟในชอต มีน้อยเกินไป หรือ
ขนาดผงกาแฟหยาบเกินไป หากการกลั่นกาแฟเอสเปรสโซ่ นานเกินกว่า 30 วินาที
จะมีผลทำให้เอสเปรสโซ่ที่ได้ มีรสขม bitter ไม่เข้ม มีกลิ่นไหม้ burn
จากการชงแบบเครื่องอัด ศัพท์ฝรั่งเรียก overextract)







 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 14:09:32 น.
Counter : 442 Pageviews.  

โฟมของน้ำกาแฟสดของคุณจางลง หายเร็ว หรือไม่มีใช่ใหม?

//www.wattanakaffee.net/spaw2/uploads/images/activities/Espresso.JPG



        เครื่องทำกาแฟสด
ทุกยี่ห้อทุกเครื่องโฟมของน้ำกาแฟสดที่เรียกว่าคลีม่าจะจางลงเอง
ทั้งทีดูแลอย่างดีแล้วหลังจากที่ใช้ไปได้ 6 เดือนถึง 1 ปีเพราะเครื่องทำ
กาแฟสดไม่ใช่เครื่องวิทยุโทรทัศหรือไมโครเวพที่ซื้อไปแลัวจะใช้งานได้ตลอด
หากเครื่องยังไม่เสียแต่สำหรับเครื่องทำกาแฟสดนั้นเป็นเครื่องที่ใช้งาน
เกี่ยวกับกลิ่นและรสชาติ
หากความร้อนแรงดันหรือเครื่องบดกาแฟเมล็ดและคุณภาพเมล็ดกาแฟเปลี่ยนไปคุณภาพ
ของนำกาแฟสดก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะเครื่องทำกาแฟสดเป็นผู้กำหนดรสชาติของน้ำ
กาแฟ
ผู้สอนทำกาแฟสดจึงจำเป็นต้องเป็นผู้มีความรู้เรื่องเครื่องทำกาแฟมากพอ
สมควรในการเลือกใช้เครื่องทำกาแฟสดและรวมถึงการดูแลเครื่องอย่างถูกวิธีการ
ตรวจดู โฟม ของน้ำกาแฟสก การตรวจเช็คขยะของกาแฟที่เรียกว่า
เค็กเพราะจะเป็นตัวบอกถึงคุณภาพของน้ำกาแฟสดทั้งสิ้น
การชงกาแฟสดชนิดต่างๆทั้งที่ผิดวิธีและอย่างถูกวิธีอย่างมากและต้องรู้ถึง
กลุ่มคนผู้บริโภคว่ามีกี่กลุ่มคนกลุ่มคนไหนมีมากกว่าและกรุ่มคนไหนมีน้อย
กว่าการชงด้วยนมข้นหวานชนิดต่างๆ ไม่ใช้อยู่ๆนึกก็อยากสอนก็มาสอน
หรือสั่งเครื่องที่ไม่ได้คุณภาพเข้ามาไม่มีถึงการบริการหลังการขายอะไหล่
หรือลองถามอายุการผ่านงานด้านนี้มาลองถามถึงโฟมกาแฟสดที่จางหายไปการที่ผู้
สอนให้ความรู้แค่การชงเท่านั้นไม่สนใจหากผู้อบรมเกิดปัญหาด้านการขายการดูแล
เครื่องชงการเลือกซื้อเครื่องชงไม่ใข่ขายแต่เครื่องที่มีอยู่เท่นั้นหรือ
เมล็ดกาแฟสดของตัวอร่อยที่สุด
โดยไม่สอนให้ผู้ชงกาแฟสดได้มีความสามารถในการเลือก
ซื้อเมล็ดกาแฟสดการเลือกซื้อเครื่อง การดูแลรักษาเครื่อง และ โฟม
ของตัวเองได้เป็น

 
 





 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 14:06:22 น.
Counter : 437 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.