อารมณ์ไหน ?
เพราะ...รัก
...เธอเคยถามกับฉัน ที่ฉันรักเธอ ว่าอยากจะรู้รักเพราะอะไร กลับไปคิดไปค้น ใคร่ครวญมากมาย ไม่เจอ...คำตอบ ที่ผ่านมานั้นไม่คิดอยากรู้ที่มา และไม่เคยหาเหตุผลใดๆ แค่ตัวฉันเพียงรู้ ว่าเป็นสุขใจเมื่ออยู่เคียงกัน...เสียงเพลงเบาๆจากวิทยุที่กำลังเล่นอยู่นี้ ทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ สำหรับผมแล้วทุกครั้งที่ผมได้ฟังเพลงนี้ ภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะชัดเจนในใจของผมเสมอผมอดเหลียวไปมองเจ้าของภาพในใจของผมไม่ได้ เธอกำลังขะมักเขม้นอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อสะสางงานด่วน เมื่อตอนเย็นหลังเลิกงานผมไปรอรับเธอที่ออฟฟิศเพื่อจะไปฉลองครบรอบปีที่ 7 ที่เราคบกัน "ขอโทษนะ สันต์ สงสัยวันนี้เราคงไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ มีงานด่วนเข้ามา เนี่ยฝนกำลังจะหอบกลับไปทำต่อที่บ้าน" ในวันที่มีความหมายสำหรับเราสองคน แทนที่จะได้พาเธอไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน ฟังเพลงเบาๆอย่างที่ตั้งใจไว้ กลับต้องมานั่งแกร่วอยู่ที่บ้านของเธอแบบนี้ น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกน้อยใจเธอเลย ผมเข้าใจดีถึงความรับผิดชอบของเธอที่มีต่องานที่ได้รับมอบหมาย และผมก็ไม่อยากให้เธอกังวลใจใดๆ จึงอาสามานั่งอยู่เป็นเพื่อน ดูเธอทำงานเงียบๆอยู่แบบนี้เราสองคน ฝนกับผม เจอกันครั้งแรกเมื่อตอนที่เธอเข้ามาเป็นน้องใหม่ที่คณะ ในตอนนั้นผมรู้จักกับเธอในฐานะรุ่นน้องคนหนึ่ง แต่เราได้เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นเมื่อตอนที่ผมเข้าไปจีบเพื่อนเธอ และมีเธอคอยเป็นกองเชียร์อยู่กลายๆ เธอมักจะให้กำลังใจและช่วยให้ข้อมูลดีๆแก่ผมเสมอ หนึ่งปีเต็มๆที่ผมเฝ้าตามจีบเพื่อนของเธอ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความผิดหวัง ผมคงจะเสียใจมากกว่านี้ ถ้าตอนนั้นไม่ได้เธอมาคอยปลอบใจ เธอมักจะยิ้มให้ผมเสมอในเวลาที่ผมทำหน้าเศร้า รอยยิ้มของเธอทำให้ผมอาการอกหักของผมทุเลาลงได้ จนวันหนึ่งเธอมาสารภาพกับผมว่าเธอแอบชอบผมมานานแล้วและเพราะความที่ผมก็รู้สึกดีๆกับเธออยู่บ้าง จึงทำให้เราตัดสินใจคบกันอย่างเปิดเผยจนถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่ความรู้สึกของเธอยังมั่นคงต่อผมไม่เคยเปลี่ยน แต่สำหรับผมแล้วยิ่งนานวันก็เหมือนจะรู้ใจตัวเองมากขึ้นทุกที ผมเฝ้าถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอมันลึกซึ้งแค่ไหน แต่คำตอบที่ได้ก็ไม่เหมือนเดิมเลยสักครั้ง จนเมื่อเดือนที่แล้วผมบังเอิญได้เห็นเธอวงปฏิทินวันนี้เอาไว้ คำสั้นๆที่เขียนว่า "Anniversary" ทำให้ผมตัดสินใจเลือกวันนี้เพื่อจะเปิดใจคุยกับเธอผมตั้งใจจะเรียกเธอ แต่แล้วก็ตัดสินใจผละจากโซฟายาวที่นั่งอยู่ สาวเท้าเข้าไปหาเธอที่โต๊ะแทน "เบื่อรึยังคะ สันต์" เธอหันหลังมาส่งยิ้มหวานให้ผม ดวงตาใสแจ๋วของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักยามเงยขึ้นสบตาของผม ผมเริ่มใจสั่น ประหม่ากับสายตาแบบนี้ จนเกือบเปลี่ยนความตั้งใจที่คิดไว้ก่อนหน้านี้"ผม..เอ่อ...ขอคุยด้วยสักหน่อยได้มั๊ย" เธอทำตาโตเป็นเชิงแปลกใจ แต่ก็ยอมให้ผมจับจูงมานั่งที่โซฟายาวกลางห้องอย่างว่าง่าย เธอดูเหนื่อยล้าจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แต่ก็ยังส่งยิ้มให้ผม ขยับตัวให้ผมนั่งลงข้างๆ"ฝน..7 ปีแล้วนะที่เราคบกันมา" ผมเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน "ตลอดเวลาคุณดีกับผมเสมอ แต่ผมไม่เคยทำอะไรที่ดีๆให้คุณเลย" "สันต์ คุณก็รู้ ฉันไม่เคยอยากได้อะไร.." เธอเอื้อมมือเล็กอุ่นๆมากอบกุมมือใหญ่ๆของผมเอาไว้ "ผมเคยคิดนะว่าอยากให้คุณได้เจอใครสักคนที่ดีกว่าผม แต่ตอนนี้คุณทำให้ผมรู้สึกว่าอยากเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้เพื่อคุณบ้าง.....ผมมีอะไรอยากให้คุณ" กล่องสี่เหลี่ยมแบนๆสีชมพูอ่อนถูกวางลงในมือของเธอ เธอทำหน้าประหลาดใจเมื่อเปิดมันออก ล็อกเก็ตรูปหัวใจทำจากทองคำขาววางอยู่อย่างสงบ เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทาภายในล็อคเก็ตมีรูปของเธออยู่ ด้านหลังมีรอยสลักคำว่า 'FD' "คืออะไรคะ" เธอเอ่ยถามผมเบาๆเมื่อมองเห็นรอยสลัก"ชื่อย่อของคุณไง" "ชื่อย่อของฉัน คือ 'FT' ต่างหาก คุณจำผิดแล้วล่ะค่ะ" สีหน้าของเธอผิดหวังเล็กน้อย น้ำเสียงนั้นบอกให้รู้ว่ากำลังน้อยใจ"อ้าว...หรอ" ผมตีหน้าสำนึกผิด "ถ้าอย่างนั้น......แทนที่เราจะให้เขาแกะสลักให้ใหม่ ทำไมเราไม่เปลี่ยนนามสกุลคุณแทนล่ะ"ผมล้วงหยิบกล่องกำมะหยี่เล็กๆสีเดียวกันออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนเปิดมันต่อหน้าเธอ แหวนเพชรเม็ดงามกำลังเปร่งประกายสู้กับนัยน์ตาของเธอที่บัดนี้พร่างพราวไปด้วยหยดน้ำใสๆ"ฝนคุณรู้มั๊ย ผมรักคุณมากขึ้นทุกๆวัน แต่งงานกับผมนะ" ผมกระซิบข้างหูเธอเบาๆ ชั่ววินาทีนั้นที่เธอโผเข้าโอบกอดผมแล้วร้องไห้ ผมรู้สึกหัวใจตัวเองกำลังพองโต "แบบนี้หมายความว่าตกลงรึเปล่าครับ" โดยปราศจากคำพูดใดๆ มีเพียงอาการพยักหน้าน้อยๆเท่านั้นแทนคำตอบ.....หากจะหาเหตุผลสักคำ ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันรักเธอ นั่นเป็นเพราะตัวฉันมาเจอ เจอสิ่งดีงาม...