เรื่องราวของ คนสวย สุดแสบ และ แสนซน 3 พี่น้อง
Group Blog
 
All Blogs
 

เต้น เต้น เต้น TooMuch SoMuch VeryMuch

มิคกี้มาแล้วคร้าบ ห่างหายไปนาน คราวนี้กลับมาพร้อมผลงานชิ้นโบว์แดง
ในงานรับสัมฤทธิบัตร ของ พี่อนุบาล 3

ครูซุ่มซ้อมให้อยู่หลายวัน โดยไม่ยอมเปิดเผยให้แม่รับรู้เลยว่าครูให้ทำอะไร จนถึง วันจริงน่านแหละ ได้ประจักษ์ต่อทุกสายตาอย่างน่าทึ่ง

มิคกี้ ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทน น้องอนุบาล 1 ให้มาเต้นส่ง พี่อนุบาล 3 ออกสู่โลกกว้าง ด้วยการเต้นประกอบเพลง Too Much So Much Very Much


มิคกี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเลยคร้าบ


ไปถึงรร.ถ่ายรูปกับเจ้ก่อนเป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึก ก่อนพาไปเก็บตัวที่ห้องเก็บตัวนักแสดง




ก่อนดูคลิป ขอโชว์ความตั้งใจหน่อยครับ เต้นแบบตั้งใจมากๆ ไม่เสียชื่อ ครูที่ซ้อมเลยสักนิด




สาวน้อยที่คู่มิคกี้ สวยคมเข้ม น่ารักมากๆเลย






เต้นเสร็จแล้วได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับเพื่อนๆด้วยครับ




ขอบคุณคุณครูนุชและครูกาญ ที่ทำให้เจ้าลูกชายกล้าแสดงออกคร้าบบ




 

Create Date : 18 มีนาคม 2554    
Last Update : 23 มิถุนายน 2554 13:08:33 น.
Counter : 850 Pageviews.  

หนูน้อยมารยาทงาม ห้อง อนุบาล 1/4

สวัสดีครับ วันนี้ ผมนายมิคกี้ มีผลงานมาให้ชมกันครับ



ครูได้คัดเลือกให้ผมเป็น หนูน้อยมารยาทงาม ประจำห้อง อนุบาล 1/4 ผลงานที่ผมได้มานี้ แม่ผมปลื้มมากๆเลยนะครับ ที่สำคัญคนอื่นได้ติดปลอกแขน 1 สัปดาห์ แต่ผมได้ 2 สัปดาห์ เพราะแม่ผมเอารูปไปให้ครูช้าครับ ครูเลยบอกว่าแถมให้อีก 1 สัปดาห์ล่ะกัน (ไหนว่าแม่ปลื้มงัยครับ หุหุ)

แถมรูปที่เอาไปให้ครู ยังเป็นรูปสมัยผมเด็กๆ อีกต่างหากครับ



ครูบอกว่า ผมไหว้สวย มารยาทดี พูดจาไพเราะ เลยได้รางวัลนี้มา

แต่แม่บอกว่า เวลาอยู่บ้าน ผมยังกะลิงเลยครับ เรื่องไหว้สวย แม่ยอมรับ แต่เรื่อง พูดจาไพเราะ นี่แม่ยังคลางแคลงใจอยู่

พราะอยู่บ้านผมชอบพูดกวนแม่ประจำค่ะ(แทนที่จะครับ) นี่แหละที่ว่ากวน

แต่แม่ก็ปลื้มนะครับ ถึงขนาดตามไปถ่ายป้ายถึงหน้าห้องเรียนเลยครับ แล้วก็ให้ผมไหว้สวยๆให้ถ่ายรูปทุกวันเลย ตั้งแต่ได้รางวัลมา ไม่ค่อยเห่อเลยนะครับแม่



ผมขอจบตอนนี้ด้วยยิ้มหวานๆของผมนะครับ



ขอบคุณทุกๆเม้นท์ และทุกๆแรงใจที่เชียร์ผมนะครับ

นายมิคกี้




 

Create Date : 30 กันยายน 2553    
Last Update : 18 มีนาคม 2554 14:14:41 น.
Counter : 2865 Pageviews.  

2 หนุ่ม เจอกับ ไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1

วันที่ 5 ก.ย. 53 ที่บ้านได้ไปทำบุญกันในตอนเช้า

กลับมาถึงบ้านตอนเย็น หลังอาบน้ำ น้องแมก เริ่มมีไข้ ตอนแรกก็คิดว่า สงสัยไปตากแดดมา แล้วก็โดนจับอาบน้ำ เลยไข้ขึ้น ไม่เคยได้คิดถึง ไข้หวัดใหญ่ มาก่อนเลย

คืนวันที่ 5 ก.ย. ทั้งคืน น้องแมกมีไข้ตลอดคืน ไข้สูงเสียด้วย 38.5 - 39.5 ตลอดทั้งคืน เช็ดตัวยังงัย ไข้ก็ไม่ลง ยาแก้ไขก็ไม่ได้ผล ตัวร้อนตลอดเวลาเลย

เช้าวันจันทร์ 6 ก.ย. รีบพาไปหาหมอแต่เช้าเลย พอบอกหมอว่า ไข้สูงไม่ลงเลยทั้งคืน หมอบอกเลย ไข้หวัดใหญ่ แล้วหล่ะ เอายาต้านไวรัส ไปเลยนะ พร้อมกับให้ยาลดไข้สูง (นูโรเฟน) มาด้วยเลย แล้วบอกว่า กลับไปดูอาการที่บ้านก่อนล่ะกัน หากทานไม่ได้ ไข้ไม่ลง ค่อยพามาแอทมิท

เหตุผลที่หมอไม่แอทมิทเลย คือ น้องแมก ร้องไห้ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องหมอ หมอรู้ดีว่า เจ้านี้ร้อง รพ.แตกแน่ๆ ถ้าให้น้ำเกลือตอนนี้ และเห็นว่ายังพอทานนมได้ เลยบอกให้กลับบ้านไปก่อนแล้วกัน

ตั้งแต่กลับบ้านมา ก็อุ้มกันตลอด ไม่ได้วางเลย ตัวก็ร้อนตลอด ไข้ไม่ลง ทั้งๆที่ ได้ยาแก้ไขสูงมาแล้วก็ตาม ทานยาเข้าไปสักพัก ไข้ลงมาแค่นิดเดียว ไม่ต่ำกว่า 38.5 เลย

จนบ่าย 3 เห็นท่าไม่ดี ไข้สูงขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้เกือบ 40 องศา เลยทีเดียว คาดว่าถ้าปล่อยไว้ ทะลุ 40 แน่ๆ เลยรีบโทรกลับไป รพ.อีกรอบ จะขอคุยกับหมอ ตั้งใจจะถามเรื่อง ยาลดไข้สูง ว่าทานก่อน 6 ชม. ได้มั้ย พยาบาลบอกขอเวลาไปเบิกประวัติมาให้หมอก่อน แล้วจะให้หมอโทรกลับ

ผ่านไป 1/2 ชม. ไร้สัญญาตอบรับจากหมอ เลยโทรเข้า รพ. อีกรอบ พยาบาลบอกว่า ประวัติอยู่ที่โต๊ะหมอแล้ว แต่ตอนนี้หมออยู่ ICU ถ้าลงมาเมื่อไหร่จะรีบให้หมอโทรกลับทันที

ผ่านไปอีก 1 ชม. 4โมงครึ่งแล้วนะ ยังไม่มีสัญญาตอบรับใดๆ ไข้ก็ทะลุ 40 ไปแล้ว ตัดสินใจเก็บของ พาน้องแมกไปแอทมิทที่รพ.เลยค่ะ ระหว่างทางก็โทรกลับไป รพ. อีกรอบ ให้บอกหมอว่าให้รอน้องแมกด้วย ปกติหมอออกตรวจถึง 5 โมง เกรงว่าจะไปไม่ทัน เลยต้องรีบโทรดักไว้ก่อนเลย พยาบาลบอกต้องถามหมอก่อนว่าหมอจะรอมั้ย ลองไม่รอดิ จะไปโวยถึงที่เลย หุหุ

พยาบาลกลับมาบอกว่า หมอจะรอให้รีบมานะค่ะ พอไปถึง รพ. รีบพาเข้าไปพบหมอ หมอบอกให้เจ้าอ้อ (ผู้ช่วยหมอ) ไปจองห้องไว้ให้แล้ว ให้ไปติดต่อเรื่องห้องพักได้เลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ขนาดจองห้องไว้ก่อนแล้ว ยังได้คิวที่ 5 ของวันนั้น เอาว่ะ ยังงัยก็ต้องรอ

กลับมาที่ห้องตรวจเด็กอีกรอบ คราวนี้แหละ น้องแมกโดนจับเช็ดตัวอยู่ ครึ่งชม. เพื่อให้ไข้ลง ร้องไห้ตลอดครึ่ง ชม. พอไข้ลง พยาบาลบอกอีก ครึ่ง ชม. วัดไข้ใหม่นะ ถ้ามีไข้ก็เช็ดอีก จากนั้นไม่นาน ก็ถึงเวลาขึ้นเขียงแล้วค่ะ น้องแมกจะโดนเจาะน้ำเกลือ เป็นรอบที่ 2 ในชีวิตแล้ว (รอบแรก ไวรัสลงกระเพาะ ต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา) พยาบาล 3 คน + แม่ ช่วยกันจับ กว่าจะเสร็จ เหงื่อตกกันเลยทีเดียว เจาะน้ำเกลือเสร็จ พยาบาลป้ายน้ำมูกไปตรวจ 2009 ด้วย

จากนั้นก็อุ้มกันต่ออีกจนกว่าจะได้ห้อง ที่แผนกรับผู้ป่วยในแจ้งแล้วว่า หลัง 2 ทุ่มนะค่ะ อุ้มกันไปลากน้ำเกลือปลอบกันไป เดินจนทั่วรพ. เพราะน้องแมกไม่ยอมให้นั่งลงเลยค่ะ แบกกันอย่างนั้นตลอดเวลา จะเปลี่ยนให้พ่ออุ้มก็ไม่ยอมอีก เตียงนอนรอก็ไม่มี เพราะมีอีก 4 คิวก่อนหน้าใช้อยู่ พยาบาลเลยให้ไปนั่งรอในห้องตรวจ ที่ไม่มีหมอออกตรวจแล้ว แต่ก็อยู่ไม่ได้ค่ะ น้องแมกไม่ยอมอยู่ในห้องตรวจเลย

รอจน 18.30 พยาบาลเอายาหลังอาหารเย็นมาให้ ตอนนั้นอุ้มน้องแมกกล่อมจนเริ่มหลับแล้ว กลับต้องปลุกขึ้นมากินยา คราวนี้ก็ร้องต่ออีกจนกินยาเสร็จ แล้วก็ต้องลากน้ำเกลือเดินทั่วรพ.อีกหลายรอบ พยาบาลที่บอกว่าจะวัดไข้ใหม่อีกครึ่ง ชม. คงลืมน้องแมกไปแล้ว ไม่เห็นมาวัดอีกเลย แต่คงเป็นเพราะ เด็กที่มาตรวจก็เยอะมากๆ คงยุ่งจนลืมไปแล้วแหละ

รอต่อไปจน เกือบ 2 ทุ่ม มีสายเข้ามา ถามว่า น้องยังอยู่ที่ รพ.หรือป่าวค่ะ จนท.รับผู้ป่วยใน หาน้องแมกไม่เจอ เค้าจะบอกว่าได้ห้องแล้ว แต่....ห้องที่ได้ ไฟในห้องน้ำ+ระเบียง ดับ จะรับห้องเลยมั้ยค่ะ หรือจะขึ้นไปดูห้องก่อน ก็เลยขอขึ้นไปดูห้องก่อนล่ะกัน พอขึ้นไปก็ถึงบางอ้อ ไม่ใช่ห้องที่น้องแมกจะได้ห้องเดียวที่ดับ แต่กลับกลายเป็นห้องทั้งแถบนั้นที่ดับหมดทุกห้อง ทางวอร์ด กำลังตามช่างไฟอยู่ เราก็เลยต้องรับสภาพแบบนั้นไป ดีกว่าต้องแบกน้องแมกเดินร่อนทั่วรพ. (ไม่รู้มีใครติดเชื้อน้องแมกไปบ้างจากการเดินร่อนวันนั้น)

พอขึ้นห้องได้ ก็ถูกวัดไข้ จับเช็ดตัวอีกรอบ ก็ร้องอีกตามระเบียบ คืนนั้นทั้งคืนก็ถูกวัดไข้ สลับกับเช็ดตัว เป็นระยะๆ ทั้งคืน น้องแมกนอนหลับไม่เต็มตาเลยค่ะ สะดุ้ง ผวา ทั้งคืน บางครั้งก็ร้องไห้ บางครั้งก็ส่ายหัวตลอดทั้งคืน ยังดีหน่อยที่ยอมทานนมไปได้บ้าง

วันอังคารที่ 7 ก.ย. ไข้ยังคงสูงอยู่ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ร้องๆหลับๆมาตลอดคืน ข้าวไม่แตะเลยสักคำ วันนี้แหละจะได้รู้ผลว่าเป็น ไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่ พอเช้ารีบโทรกลับบ้าน แม่บอกว่า มิคกี้ ก็เริ่มมีไข้แล้ว ไข้สูงเหมือนกันเลย เลยรีบให้พามาหาหมอเลยค่ะ พอมาถึง รพ. หมอบอกอาการเดียวกันเลย ให้ยาไปทานก่อนแล้วกัน ไม่ไหวจริงๆค่อยมาแอดมิท ก็รีบพากลับบ้านไปไม่อยากให้อยู่รพ.นานๆ วันนี้ทั้งวัน น้องแมกเริ่มไข้ลงบ้างแล้ว อาการไอ เริ่มตามมา หมอฟังหลอดลมแล้วไม่ค่อยดี เสมหะก็เยอะ แต่ปอดยังดีอยู่ ก็เริ่มพ่นยาทุก 6 ชม.

พ่นยาแต่ละครั้ง ต้องให้พ่อรัดตัวให้แน่น อุ้มกอดไว้ น้องแมกดิ้นตลอดเวลาที่พ่นยา จนคนจับ 3 คนแทบหมดแรงทุกครั้ง แม่จับหัว พยาบาลจับที่พ่นครอบไว้ที่จมูก น้องแมกส่ายหัวไปมาตลอด ทำให้ได้รับยาน้อย พอถึงพ่นยารอบเย็น ดิ้นแรงมากขึ้น ดิ้นจนมือที่เสียบสายน้ำเกลืออยู่หลุด เลือดไหลออกมาเต็มผ้าห่มที่ห่อตัวอยู่ จนทะลุออกมาเปื้อนผ้าปูที่นอน เยอะมาก พยาบาลต้องรีบหยุดพ่นยา หันมาจัดการกับน้ำเกลือก่อนเลย ปรากฏว่าเข็มหลุดออกจากมือแล้ว เลยต้องถอดสายออกเลย

วันนี้ทั้งวัน แม่เองก็อาการย่ำแย่ มีไข้ขึ้น เจ็บคอ ปวดตัวไปหมด ตอนแรกคิดว่าคงเป็นเพราะอุ้มน้องแมกมาตลอด 2 วันเลยทำให้เมื่อยตัว แต่ก็ไม่ใช่เพราะอาการเหมือนจะแย่ลงไปทุกที แต่พอได้ยาแก้ไข ก็หายสักพัก พอครบ 4 ชม. ก็กลับมีไข้กับปวดตัวขึ้นมาอีก

คืนนั้นน้องแมกนอนหลับได้ดีขึ้น พอ 2 ทุ่ม ผลตรวจ 2009 ออกมาแล้ว พยาบาลเดินมาบอกว่า "คุณแม่ค่ะ ตกลงน้องเป็น 2009 นะค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง คุณหมอให้ยาต้านไวรัส ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" พอได้ฟังแค่นั้น แม่ก็นึกห่วงมิคกี้ ขึ้นมาในทันที เกรงว่าการที่อยู่ที่บ้านจะทำให้คนอื่นในบ้าน พลอยติดเชื้อไปด้วย จึงได้ตัดสินใจโทรไปหาแม่ บอกให้พามานอน รพ.ดีกว่า อย่างน้อยก็กันให้ห่างออกจากวินนี่ด้วย

มิคกี้มาถึง รพ. เกือบ 4 ทุ่มแล้ว พอพบหมอก็บอกหมอว่า น้องแมก อยู่รพ.อยู่แล้ว อยากให้มาอยู่ด้วยกันที่รพ. มิคกี้มีไข้ แล้วก็เพิ่งอ้วกก่อนจะออกมารพ.ด้วย ทำให้ดูเหมือนอ่อนเพลีย ปัญหาในตอนนั้นก็คือ ที่รพ.ไม่มีห้องว่างเลย ห้องที่น้องแมกอยู่ก็ไม่สามารถเสริมเตียงเข้าไปอีกได้ หมอบอกว่า ถ้าให้น้อง 2 คน นอนเตียงเดียวกัน คุณแม่รับได้มั้ย ณ นาทีนั้น ด้วยความห่วงลูก ก็ต้องยอมรับกันไป แผนกรับผู้ป่วยในก็ไม่เห็นด้วย และว่าต้องถามบนวอร์ดก่อนว่าอนุญาติมั้ย ต้องให้ผู้ตรวจการขึ้นไปสำรวจห้องก่อน ก็ติดต่อกันไปๆมาๆ สรุปว่า ทางรพ.จะนำห้องใหญ่ ที่สามารถใส่ได้ 2 เตียง ที่มีคนจองอยู่แล้วจะเข้าพรุ่งนี้ สลับมาให้เราก่อน แล้วให้คนที่จองใช้ห้องที่น้องแมกอยู่ในตอนนี้แทน ปัญหานี้ก็จบไป แต่มิคกี้ต้องนอนรออยู่ข้างล่าง จนกว่าจะย้ายน้องแมกไปห้องใหม่เรียบร้อยก่อน

คราวนี้ก็ถึงคราวมิคกี้ เจาะน้ำเกลือบ้างแล้ว มิคกี้ไม่ร้องไห้สักแอะ มีแต่น้ำตาซึมๆอยู่ที่หัวตา ถามว่าเจ็บมั้ย มิคกี้บอกไม่เจ็บ แค่น้ำตาไหลเอง พยาบาลที่เจาะเลือด ต้องดูดเลือดไปตรวจด้วย แต่มิคกี้เลือดแห้งมาก ดูดไม่ออกจนต้องเปลี่ยนคนที่ชำนาญมาดูดเลือดให้ ก็ได้เลือดมานิดเดียว มารู้ตอนผลเลือดออกมาว่า มิคกี้ ร่างกายขาดเกลือแร่ ขาดน้ำ ทำให้เลือดแห้ง แต่ยังโชคดีที่รีบมารพ.ไม่งั้นอาจถึงขั้นช็อคได้เลยทีเดียว กับภาวะขาดน้ำ

คืนนั้นทั้งคืน มิคกี้มีไข้ทั้งคืน ตี 3 นอนๆอยู่ก็ต้องถูกจับเช็ดตัว แต่ไม่ร้องงอแง สักนิด ถือว่าเก่งมากๆสำหรับเด็กขนาดนี้ พยาบาลยังชมกันทุกคนเลย

วันพุธที่ 8 ก.ย. น้องแมก ไข้ลงแล้ว แต่มิคกี้ ยังมีไข้อยู่บ้าง แต่เริ่มทิ้งช่วงห่างแล้ว ทั้งวัน 2 หนุ่ม ออกมาเดินเล่นนอกห้องตลอด เดินไปทั่ววอร์ด พอทานข้าวได้ ทานนมได้บ้าง น้องแมกดูร่าเริงขึ้นมาก แต่ยังคงร้องไห้ทุกครั้งที่ต้อง ทานยา วัดไข้ หรือ พ่นยา แม้กระทั่ง คนทำความสะอาดห้อง ก็ยังร้องไห้ตลอด แต่ถ้าอยู่กันเอง วิ่งเล่นทั่วห้อง เพราะไม่มีสายน้ำเกลือแล้ว แต่อาการที่โผล่มาอีกอย่างของวันนี้ คือ ถ่ายเหลว หลายรอบ รวมๆแล้ว 7 รอบได้ คืนนี้อาการไอของน้องแมก หนักขึ้น ไอตลอดทั้งคืน แทบไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว

วันนี้แม่เลยไปหาหมอบ้าง ขอตรวจ 2009 ไปด้วยเลย แต่ผลออกมาว่าไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา หมอก็จ่ายยามาให้ทาน



วันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ย. เช้ามา น้องแมก ไข้เริ่มกลับมาอีกรอบ ทำให้เครียดอีกแล้ว คราวนี้ไข้มาได้ยังงัยเนี่ย รีบบอกพยาบาลให้รีบตามหมอเลยค่ะ หมอขึ้นมาตรวจแล้วบอกว่า สงสัย ยาฆ่าเชื้อ ทางสายน้ำเกลือ ที่ได้รับมา 2 วัน คงยังไม่ครบโดสดี เลยทำให้มีไข้กลับขึ้นมา ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากติดเชื้อแบคทีเรียร่วมเข้าไปอีกด้วย

วันนี้ต้องเจาะน้ำเกลือกันใหม่อีกรอบ แล้วเริ่มยาฆ่าเชื้อต่อ ตอนเจาะน้ำเกลือ ก็ต้องใช้คนจับอีก 3 คน + แม่ เช่นเดิม คราวนี้น้องแมกร้องหนักยิ่งกว่าเดิมอีก จนแม่ต้องบอกพยาบาลเลยว่า น้องดิ้นแรงมาก ขอให้ครั้งเดียวเจาะให้ได้เลยนะค่ะ ไม่ยากให้ลูกเจ็บตัวหลายรอบ พยาบาลต้องไปตามมาอีก 1 ใช้เวลาแป๊ปเดียวก็สำเร็จ พร้อมกลับน้ำตาน้องแมกอีก พอผลเลือดออกมา หมอบอกว่าเป็นที่ร่างกายขาดน้ำด้วยเลยทำให้เป็นไข้กลับขึ้นมาอีก คงเพราะจากการที่ท้องเสีย ถ่ายหลายรอบเมื่อวานนี้

ส่วน มิคกี้ เริ่มดีขึ้น ไข้เริ่มลงแล้ว แต่ความซ่าส์ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อ้อนตามน้องแมกบ้างในบางช่วงเวลา


วันนี้ปรึกษาหมอเรื่องวินนี่ มีน้ำมูกเขียวมาหลายวันแล้ว ทานยาไปดูเหมือนไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ หมอเลยบอกว่าให้พามาตรวจ 2009 ดีกว่า แต่ผลตรวจออกมา วินนี่ไม่ติดเชื้อ หมอเลยให้ยาฆ่าเชื้อกลับไปทานที่บ้าน


วันศุกร์ที่ 10 ก.ย. อาการทั้ง 2 คนเริ่มดีขึ้น ก็ถามหมอว่า ระยะแพร่เชื้อ นานแค่ไหน หมอบอกว่า ได้ยาครบ 5 วัน ก็หมดระยะแพร่เชื้อแล้ว ตอนนี้ให้อยู่จนกว่าได้ยาครบ 5 วันก่อน วันนี้ น้องแมก เริ่มกลับท้องเสียอีกแล้ววว ทั้งๆที่เมื่อวานถ่ายไปแค่ 1 รอบ (แต่คงเพราะไม่ได้ทานอะไรเข้าไปด้วยในตอนที่ไข้ขึ้น) กลางคืนก็นอนหลับกันได้ดีขึ้น แต่อาการไอ ก็ยังคงมีอยู่ตลอด




วันเสาร์ที่ 11 ก.ย. วันนี้เป็นวันที่อาการดีสุดทั้ง 2 คน ไม่มีไข้ ทานกันได้มากขึ้น เล่นกันทั้งวัน วันนี้ มีของเล่นใหม่ คือ ลูกโป่งลูกใหญ่ รูปปลา กับ ช้าง ที่อากงซื้อมาให้จากหน้ารพ.ตอนมาเยี่ยม ก็เล่นกันได้ทั้งวัน อาการท้องเสียและไอยังคงมีอยู่ แต่แล้วก็มีเรื่องกลุ้มมาให้อีกจนได้





วันอาทิตย์ที่ 12 ก.ย. น้องแมกมีไข้กลับขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้แม่เครียดหนักยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ พยายามคิดถึงสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ยาฆ่าเชื้อที่ได้รับดูเหมือนจะไม่ได้ผล การพ่นยาก็ดูเหมือนจะทำอาการไอไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ หมอมาตรวจแล้วบอกว่า ต้องดูดเสมหะและเคาะปอดร่วมด้วยจะทำให้ดีขึ้น น้องแมกเคยผ่านการดูดเสมหะและเคาะปอดมาแล้วตอนที่เป็นหวัดตอน 6 เดือน แม่รู้เลยว่าลูกต้องทรมานแค่ไหน ไม่อยากให้ลูกต้องโดนอีกเลย แต่หมอก็บอกว่า จะทำให้ดีขึ้นนะ จนแม่ก็ต้องยอมตามที่หมอเห็นควร ตกบ่ายได้เวลาไปห้องกายภาพบำบัด เพื่อเคาะปอดและดูดเสมหะ ก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ได้ น้องแมกร้องไห้ดิ้นตลอดเวลา ตอนดูดเสมหะก็ดิ้น แทนที่จะกลืนสายยางเข้าไปเพื่อดูดเสมหะ กลับกลายเป็นไปเคี้ยวสายยางเข้าไปอีก ทำให้สายยางที่แหย่เข้าไป คงทิ่มผนังหลอดอาหาร จนทำให้เสมหะที่ดูดออกมามีเลือดสดๆออกมาด้วย พยาบาลเห็นยังตกใจเลย ทำเอาแม่น้ำตาไหลไปเลยค่ะ พอพยาบาลปล่อยตัวน้องแมก ก็รีบไปอุ้มมากอดเลย น่าสงสารมากๆ แต่ทำให้น้องแมกดีขึ้นเยอะในคืนนั้น ไอน้อยลงไปเยอะเลยทีเดียว จากการที่ยังคงมีท้องเสีย และ เสมหะเยอะอยู่ หมอเลยปรับยาฆ่าเชื้อให้ใหม่ เริ่มตอนเย็นนั้นเลย หมอก็ปลอบใจว่าแม่ซีเรียสกับพ่นยานัก เอาเท่าที่ได้ก็ดีแล้ว น้องแมกเล็กกว่ามิคกี้ เลยดูแลยากหน่อย เด็กเล็กมักจะแสดงอาการมากกว่าเด็กโตอยู่แล้ว ยิ่งในรายที่ใช้ยายากเลยทำให้อาการค่อนข้างหนักกว่า (น้องแมกแพ้ยา Amoxycillin , Omnicef)

ส่วนมิคกี้ ได้ยาครบแล้ว 5 วัน หมอให้กลับบ้านได้ พอดีตอนนั้นอาม่ามาเยี่ยมน้องแมกด้วยความเป็นห่วง เพราะแม่โทรกลับไปเล่าให้ฟัง ว่าน้องแมกมีไข้มาอีกแล้ว อาม่าเลยเครียดไปด้วย ฝากวินนี่ไว้กับน้องสาวอีกคน แล้วรีบมารพ.เยี่ยมน้องแมกเลย มิคกี้เลยได้กลับบ้านไปพร้อมอาม่า ด้วยสายตาที่เสียดายที่ไม่ได้อยู่กับแม่ แต่ก็ไม่ถึงกับร้องไห้ แม่ก็สัญญาว่าจะรีบพาน้องกลับบ้านทันทีที่น้องหายดีแล้ว

วันจันทร์ที่ 13 ก.ย. เช้าตื่นมาด้วยความรู้สึกที่ว่าทำไมกางเกงตรงหัวเข่าเปียก หาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ก็เจอว่าน้ำเกลือซึมออกมาที่มือน้องแมกเต็มผ้าก็อซไปหมดเลย เลยเรียกพยาบาลมาดู พยาบาลบอกว่าน้ำเกลือซึม คงเพราะเส้นเลือดตัน น้ำเกลือเลยไม่เข้าไป ต้องเอาเข็มออกอย่างเดียว นั่งคิดในใจ น้องแมกต้องโดนเจาะน้ำเกลืออีกแล้วหรือนี่ คราวนี้จะเจาะที่ไหนล่ะเนี่ย เจาะมาครบ 2 มือแล้ว พอหมอมาตรวจก็บอกว่า เสมหะน้อยลงเยอะเลย หมออยากให้เคาะปอดอีกสักรอบ แต่ไม่ต้องดูดเสมหะ เราก็เอาว่ะ ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะร้องอีกหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกนะลูก ร้องจนแม่เริ่มชินแล้ว วันนึงไม่ต่ำกว่า 10 รอบเห็นจะได้ พอหมอเห็นไม่ได้ใส่สายน้ำเกลือก็ตกใจ พยาบาล(เวรดึก) คงไม่ได้รายงานว่าเอาออกให้แล้ว ก็เลยบอกให้หมอฟัง แล้วก็ถามเลยว่าต้องเจาะอีกมั้ย หมอก็สงสารแล้วก็เกรงว่าจะมีเส้นให้เจาะอีกมั้ยเนี่ย เลยบอกว่า ไม่ต้องเจาะล่ะกัน แต่ยาฆ่าเชื้อใช้วิธีฉีดแทนล่ะกัน แค่วันละครั้งคงไม่เจ็บเท่าไหร่ (หรอค่ะหมอ) วันนี้น้องแมกไม่มีไข้แล้ว ทานนมได้มากขึ้น กลางคืนก็หลับได้ยาวขึ้น แต่เสียงเริ่มแหบแห้งแล้วเพราะร้องไห้มาเยอะมากในช่วง 6 วันที่ผ่านมา

วันอังคารที่ 14 ก.ย. แม่ต้องแอบน้องแมกออกมาทำงาน พอเคลียร์งานด่วนเสร็จก็รีบกลับไปรพ.ในตอนเที่ยง ไปถึงก็เห็นน้องแมกสดใสกว่าเดิม เล่นได้ ทานได้ดีขึ้น ที่สำคัญวันนี้น้องแมกยอมให้พ่นยาแบบไม่ต้องห่อตัว รัดตัว แต่อย่างใด เพียงแต่ต้องให้แม่ถือที่ครอบให้เท่านั้นเป็นพอ ส่วนเรื่องกินยาก็ยอมอ้าปากแต่โดยดี ไม่เหมือนกันที่ผ่านมาต้องบังคับกันตลอด น่าจะยอมตั้งแต่ต้นก็หายไปนานแล้วลูกเอ้ย



หมอมาตรวจแล้ว ให้กลับบ้านได้ แต่ก่อนกลับบ้านต้องฉีดยาฆ่าเชื้ออีก 1 เข็มก่อน แม่ก็เตรียมเก็บของกลับบ้าน นอนรอไป 1 ตื่น ค่าใช้จ่ายก็มาพอดี ก็ไปชำระค่าเสียหาย แล้วก็กลับบ้านกัน

พอถึงบ้านแค่นั้นแหละ ดีใจกันใหญ่ 3 พี่น้อง วิ่งเล่นกัน ความวุ่นวายก็กลับสู่สภาพเดิม

อาม่าบอกว่า ช่วงที่ 2 หนุ่มอยู่รพ. บ้านเงียบมาก วินนี่ก็ไม่ดื้อไม่ซนเลย นั่งเขียนหนังสือ ระบายสีไปเรื่อยเปื่อย ช่วยอาม่าทุกอย่าง ที่สำคัญคุยโทรศัพท์กับแม่ เก่งมาก บางครั้งคุยกันเกือบ 30 นาที ไม่รู้มีเรื่องอะไรคุยกันหนักหนา

เฮ้อ! จบซะที บล็อคนี้คงยาวที่สุดตั้งแต่เคยเขียนบล็อคมา ที่เขียนไว้อย่างละเอียด เพื่อเตือนตัวเองและขอจดจำการเจ็บป่วยครั้งใหญ่ของลูกทั้ง 2 คน ไว้เป็นบทเรียน

จริงๆแล้ว หากนึกถึงวัคซีน ไข้หวัดใหญ่ 2009 สักนิด คงไม่ต้องเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ด้วยความที่เข้าใจว่า 2009 อยู่ห่างตัวเราพอสมควร เลยลืมนึกถึงวัคซีนไปเลย อีกอย่าง มิคกี้ ก็ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่ ปลายปีแล้ว เลยทำให้ลืมนึกถึงไป ไม่คิดว่าจะโชคดีขนาดนี้ที่ได้เจอกับจังจัง





 

Create Date : 23 กันยายน 2553    
Last Update : 24 กันยายน 2553 11:34:31 น.
Counter : 777 Pageviews.  

งานวันแม่ ปี 53 มาม่าสุดๆ 555

งานวันแม่ปีนี้ จัดขึ้นในวันที่ 11 ส.ค. 53

ทางโรงเรียนจัดลานอนกประสงค์แทนการจัดกลางแจ้ง มีกิจกรรม ถวายพระพรและการแสดงของนักเรียน

ซึ่งพอย้ายมาจัดในร่มแล้ว สถานที่จึงไม่เพียงพอให้พ่อแม่ได้เข้าไปชื่นชมได้ จึงจับแม่ๆแยกไว้ในห้องเรียนทำกิจกรรมกับครูแทน

ก่อนที่ครูจะพาเด็กๆไปทำกิจกรรม ก็ให้เด็กๆไปตั้งแถว

มิคกี้ก็เริ่มโศกาแล้วบ่อน้ำตาแตกในทันใด จริงๆแตกตั้งแต่ครูให้ไปเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าห้องเรียนแล้วค่ะ แม่ต้องไปยืนเข้าแถวกับลูกด้วย เพราะไม่ยอมให้แม่ห่างสายตาไปไหนเลยค่ะ

ก่อนจะออกไปได้ก็วิ่งกลับมาหาหลายรอบ

รอบที่ 1 แม่ๆ เช็ดนน้ำตาให้มิคหน่อย พูดพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าส่งให้แม่ แล้วก็วิ่งกลับไปเข้าแถว สักแป๊ปก็วิ่งมาหาอีก

รอบที่ 2 แม่ๆ เสียะมิคหน่อย แม่ก็ต้องปลอกกันไปอีกรอบ พร้อมกันบอกว่าแม่จะรอในห้องนะ มิคเสร็จแล้วมาหาแม่ในห้องนะ แล้วก็วิ่งกลับไปเข้าแถว สักแป๊ปก็วิ่งมาหาอีก

รอบที่ 3 แม่ ๆ รอมิคในห้องนะ แล้วก็บ๊ายบายทั้งน้ำตาอีก

รอบที่ 4 คงรู้นะค่ะว่าจะให้แม่ทำอะไร เหมือน รอบที่ 1 + 2 + 3 อีกรอบ หุหุ

กว่าจะออกไปพร้อมเพื่อนได้ ร่ำลากันหลายนาที 555


หลังจากลูกออกไป ครูให้แม่ประดิษฐ์ดอกมะลิจากกระดาษทิชชู่ ไว้ให้ลูกนำมากราบแม่ กว่าจะออกมาได้ แม่แทบเหงื่อตกเลยค่ะ

แล้วนี่ก็คือผลงาน ส่วนการ์ดรูปหัวใจมิคกี้ทำให้แม่ค่ะ (คาดว่าครูคงช่วยทำด้วย อีกแรง)




หลังจากเสร็จกิจกรรมข้างนอกแล้ว เด็กๆก็กลับเข้ามาในห้อง ก็เริ่มกิจกรรมแม่กับลูกค่ะ ครูให้ตัวแทนพ่อแม่เล่านิทานให้เด็กๆฟัง มิคกี้ก็เกาะเป็นลิงเหมือนเดิม ไม่ยอมลุกไปนั่งฟัง

แล้วก็มีการเล่นเกม เหยียบลูกโป่ง แม่ก็ต้องพาไปรับลูกโป่งจากครู แล้วก็ต้องพาไปเล่นกับเพื่อน แต่เหยียบลูกโป่งเพื่อนไม่โดน ก็ร้องไห้อีกรอบ 555 สรุปสุดท้าย นั่งจับลูกโป่งแล้วเรียกเพื่อนมาเหยียบของตัวเองจนแตก แล้วก็มานั่งกอดแม่เหมือนเดิม



ต่อไปก็เป็นการกราบแม่ ครูก็ให้เด็กๆท่องคำกลอนให้แม่ พร้อมทั้งนำดอกมะลิมากราบแม่ มิคกี้ก็นั่งร้องไห้อย่างเดียวบนตักแม่ ไม่ยอมลงไปนั่งพื้นหันหน้าหาแม่ เลยไม่ได้รูปมาเลยค่ะ


งานวันแม่ปีนี้ แม่มีแผนในใจคือจะไปดูหน้าเพื่อนของมิคกี้ ที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนเค้า ถึง 2 คน แม่เลยมองหาเป็นพิเศษ ให้ชี้ให้ดู บอกว่าให้ไปหาเพื่อนแม่จะถ่ายรูป ก็เขินไม่กล้าไป เพราะแม่เพื่อนก็มาด้วย

ผลงานที่แอบถ่ายมาได้



วันแม่ปีนี้ ถึงแม้ว่ามิคกี้จะยังติดแม่อยู่มาก จนยังไม่สามารถร่วมกิจกรรมกับเพื่อนและครูได้อย่างเต็มที่ แต่ก็หวังว่าปีหน้าคงดีขึ้นกว่านี้

ส่วน เจ่วินนี่ ต้องขอชื่นชมเลยค่ะ ร่วมกิจกรรมกับครูและเพื่อนอย่างสนุกสนาน น่ารักมากๆคะ ติดตามผลงานในวันแม่ได้ที่ group เจ่วินนี่ คนสวย นะค่ะ




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2553    
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 12:39:01 น.
Counter : 1260 Pageviews.  

Update เด็กนักเรียนอนุบาล 1

หลังจากเปิดเทอมมาได้เดือนกว่าๆแล้ว (ไม่รวมซัมเมอร์)

มิคกี้ ชอบการไปโรงเรียนแล้วค่ะ ไม่มีร้องไห้งอแงอีกแล้ว

พูดเป็นประโยคยาวๆได้เยอะขึ้น สื่อสารได้เก่งขึ้น แถมด้วยต่อรองได้เก่งขึ้นด้วยค่ะ

ที่สำคัญทีต้องชมเลยคือ เลิกเพิสตอนกลางคืนได้อย่างรวดเร็วกว่าที่แม่คิดไว้

ทุกวันที่แม่ไปส่งแค่หน้าโรงเรียน จะลงจากรถ จากนั้นก็ บ๊าย บาย จุ๊บ จุ๊บ กับแม่อย่างยิ้มแย้มแจ่มใส จนบางวันครูยังยิ้มไปด้วยเลย

แล้วก็ยื่นมือให้เจ่เจ้จูง พากันเดินไปที่โต๊ะวัดไข้ ก่อนขึ้นไปส่งที่ห้องเรียนเก็บของแล้วก็ตามเจ่เจ๋ขึ้นไปบนห้องของเจ่เจ้เอง

จากนั้นก็ลงมาเล่นที่สนาม ไม่ก็นั่งดูการ์ตูนหน้าทีวีจอใหญ่ที่ลานอเนกประสงค์ (ทำยังงัยก็ไม่ยอมอยู่เล่นในห้องตัวเอง 555)

จนได้เวลาเข้าแถว เจ่เจ้ก็เดินไปส่งที่แถวแล้วก็ไปเข้าแถวของตัวเอง

บางครั้งทะเลาะกัน ก็จะบอกว่าจะไม่เลี้ยงน้องที่โรงเรียนแล้วนะ ตัวน้องก็บอกไม่ต้องมาเลี้ยงแล้ว มิคทำเองได้ (ปากดีว่างั้น)

แป๊ปเดียวก็หายโกรธกันคะ เล่นกันเหมือนเดิม (เด็กหนอเด็ก)

กลับมาบ้านก็จะมีเพลงมาร้องให้ฟังเสมอๆ ถูกบ้างผิดบ้างเป็นเรื่องปกติ

ถ้าร้องไม่ได้ก็ดำน้ำไปเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญจะร้องได้ซะมากกว่าเพราะเคยได้ยินเจ่เจ้ร้องมาเป็นปีๆ

มิคกี้เป็นเด็กอารมณ์ดีค่ะ แต่ขอบอกซนยิ่งกว่าลิงเป็นไหนๆ ไม่มีอยู่นิ่ง วิ่งเล่นได้ทั้งวันไม่มีเหนื่อย

ที่สำคัญอ้อนแม่แบบสุดๆ

ช่วงนี้ชอบมากเพลงนี้ ลองฟังกันดูนะคะ



แม่ชอบที่มิคกี้พูดก่อนเข้าเพลงได้ครบถ้วนค่ะ

คิดว่าน้อยคนนะที่จะจำได้แม่นขนาดนี้ (ชมลูกตัวเอง อิอิ)

ถ้าให้เทียบกับ เจ่เจ้วินนี่ ตอนที่เข้าโรงเรียนใหม่ๆแบบนี้ ยังร้องไม่เก่งเท่านี้

มิคกี้ร้องได้เก่งกว่า คงเพราะได้ฟังเจ่เจ้ร้องแล้วก็หัดจากที่บ้านมาก่อนไปโรงเรียนแล้ว ก็เลยได้คล่องกว่าค่ะ




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 6 กรกฎาคม 2553 10:17:48 น.
Counter : 507 Pageviews.  

1  2  

WiNnY_mIc_MaX
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add WiNnY_mIc_MaX's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.