Group Blog
 
All blogs
 
ทางเดินแห่งรัก จากไทยไปญี่ปุ่นแล้วมาลงเอยที่เมลเบอร์น

การได้เจอใครสักคน ที่เค้ารักเราหมดหัวใจแล้วเราก็รักเค้าหมดหัวใจเช่นกันนั้นถือเป็นความโชคดี คนที่อยากจะอยู่กับเราตลอดไป คนที่รักเราในแบบที่เราเป็น ไม่อยากให้เราเปลี่ยนอะไร รักเราไม่ว่าเราจะทำตัวงี่เง่าแค่ไหน จอยเจอเค้าแล้วค่ะ แต่กว่าจะได้เจอ ก็ผิดหวังกับความรักมาเยอะ แต่ถ้าไม่ได้ผิดหวังมาก่อน ก็คงไม่ได้มาพบเจอเค้าหรอกค่ะ ถือว่าฟ้าลิขิตมาแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกเสียใจเสียดายเวลากับเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นในอดีตเพราะมันเป็นเส้นทางที่ทำให้จอยมาเจอกับคนที่คิดว่าเป็น Soul Mate เป็นคนที่เราถูกใจมากๆ และกลายเป็นคนที่ดีกับเราและทำให้เรามีความสุขมากในวันนี้

ตอนจอยมาเมลเบอร์นเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2007 จอยมากับอดีตสามีคนญี่ปุ่น แต่งงานกับเค้ามาได้ 3 ปีมีปัญหากันมาตลอด เค้าชอบโกรธ โกรธแล้วไม่พูดด้วย บางที 2 อาทิตย์ บางทีก็นานกว่านั้น เจอกับเค้าตอนทำงานด้วยกันที่ไทย ก่อนแต่งงานเค้าก็เป็นอย่างงั้นแหละ แต่คิดว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น พอเค้าย้ายกลับญี่ปุ่น เค้าก็ชวนไปด้วย ชวนแต่งงาน จอยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่ารักเค้าอยากอยู่กับเค้าก็เลยแต่ง ไม่ได้คิดหรอกว่าจะอยู่กับคนๆนี้ได้ตลอดชีวิตหรือป่าว สามปีที่แต่งงานกับเค้า เค้าโกรธไม่พูดกับเราไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 ของเวลาที่อยู่ร่วมกัน ตอนอยู่ญี่ปุ่นจอยก็ทำงานบริษัท หาเงินได้เอง ไม่ได้ต้องให้เค้าเลี้ยง เวลาเค้าโกรธ ก็ชอบบอกให้จอยกลับเมืองไทย ทำอะไรต่างๆนาๆเพื่อให้เรารู้สึกผิด ทำอาหารให้เค้าก็ไม่กิน มีครั้งนึงโกรธแล้วไม่พูดกับจอย 2 เดือน แต่สุดท้ายก็ไม่บอกว่าโกรธเรื่องอะไร

ปลายปี 2006 แม่เค้าตรวจเจอว่าเป็นมะเร็ง หมอบอกว่าอยู่ได้อีก 6-12 เดือน เค้าลาออกจากงานเพื่อจะย้ายไปอยู่ใกล้ๆแม่ เค้าก็บอกให้จอยลาออกด้วย ตอนนั้นก็ไม่ได้เสียดายอะไร เพราะคิดว่าชาตินี้คงอยู่ญี่ปุ่นตลอดไปไม่ได้ จริงๆแล้วจอยชอบญี่ปุ่นนะ แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นคนท้องถิ่นไปได้ คงเป็นได้แค่คนต่างชาติที่มาอาศัยอยู่เท่านั้น เพราะนิสัยเราไม่ค่อยไปทางเดียวกับวัฒนธรรมเค้าเอาซะเลย อยากไปลองอยู่ประเทศอื่นดูบ้าง

ตอนที่ทำงานที่ญี่ปุ่น นายของจอยเค้าเป็นคนออสเตรเลียที่ถูกส่งมาทำงานที่ญึ่ปุ่น 3 ปี ตอนจอยลาออก เคยบอกนายไว้ว่าอยากไปอยู่ประเทศอื่น จอยลาออกไปได้ไม่กี่เดือน นายเก่าเค้ารู้มาว่ามีงานที่ต้องการคนมีประสบการณ์แบบที่เรามีที่บริษัทเดิมนี่แหล่ะ ที่เมลเบอร์น เค้าเลยโทรมาถามว่าสนใจจะไปมั้ย แต่เป็น contract ปีต่อปีนะ จอยก็อยากไป เลยชวนอดีตสามีมาด้วย ก่อนมาเปิดใจพูดกับเค้าว่า จอยไม่ชอบให้เค้าโกรธ เค้าโกรธบ่อยเกินไป โกรธทีละนานเกินไป จอยไม่มีความสุข ขอให้เค้าเปลี่ยนเป็นว่า ถ้าโกรธหรือไม่พอใจอะไร ขอให้พูดกัน เคลียร์กัน เค้าไม่ค่อยแฮ๊ปปี้เท่าไหร่แต่ก็บอกว่าเค้าจะพยายาม

พอมาถึงเมลเบอร์น เกือบปีผ่านไปเค้าก็ยังโกรธจอยอยู่เหมือนเดิม โกรธนานเหมือนเดิม จอยก็ทนไม่ไหวแล้ว ก็บอกเค้าว่าไม่สามารถมีชีวิตอยู่แบบนี้ได้อีกแล้ว ขอเลิกกับเค้า ขอหย่ากับเค้ากลางปี 2008 พอสิ้นปี 2008 เค้าก็ย้ายออกไป ที่ออสเตรเลียนี่ ต้องแยกกันอยู่อย่างน้อย 12 เดือน ถึงจะจดทะเบียนหย่าได้ แต่เค้ากลับไปเยี่ยมบ้านที่ญี่ปุ่น จอยก็เลยรวบรวมเอกสารให้เค้าไปทำเรื่องหย่าที่ญี่ปุ่น แล้วชีวิตแต่งงานก็จบลง

เรื่องที่เค้าโกรธเป็นสาเหตุหลักในการเลิกกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเดียว ชีวิตแต่งงานวนเวียนอยู่รอบๆชีวิตเค้า ชีวิตจอยไม่มีความหมาย เค้าไม่สนใจจะมาสนิทกับครอบครัวเรา เวลาจอยกลับไทยก็มาเชียงใหม่กับเราแค่ 3-4 วัน แล้วก็ไม่ยอมพักที่บ้าน ขอไปพักที่โรงแรม ที่ญี่ปุ่น เสาร์อาทิตย์ก็ทำแค่สิ่งที่เค้าชอบ ถ้าจอยอยากไปช้อปปิ้งเราก็ต้องไปคนเดียว งานบ้านก็ไม่ช่วยทำ เราทำอยู่คนเดียว ไม่ได้เยอะอะไรมากมายเพราะอยู่อพาร์ตเมนต์ แต่ทั้งสองคนทำงาน Full time จอยไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆขอเงินเค้ากินนี่นา หลายๆอย่างมันสะสมมาหลายปี ในที่สุด ก็เหมือนในหัวจอยมันมีหลอดไฟสว่างขึ้นมาบอกว่า เลิกเหอะถ้าอยากมีความสุข

การแต่งงานและการหย่าทำให้จอยเข้าใจตัวเองขึ้นเยอะว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร ชีวิตแต่งงานหรือชีวิตกับใครสักคนที่ดีๆมันควรจะเป็นยังไง เข้าใจว่าตัวเองน่าจะไปได้ดีกับคนแบบไหน เข้าใจว่าคนเราเปลี่ยนแปลงได้ไม่เยอะเพราะฉะนั้นถ้าเค้าไม่ดีกับเราวันนี้ก็อย่าคาดหวังว่าเค้าจะดีขึ้นมากมาย พอตัดใจเลิกกับเค้าได้ รู้สึกโล่งใจมาก กลับมาเป็นคนโสด ทำงานไปวันๆ เสาร์อาทิตย์ก็ไปหาเพื่อน แต่เรามันเป็นพวกโสดได้ไม่นานอ่ะคะ ก็มองซ้ายมองขวาจนได้เรื่องหวานๆเข้ามาให้ชุ่มชื่นซาบซ่านหัวใจ เดี๋ยวไว้มาเล่าต่อตอนหน้านะคะ






Create Date : 09 กรกฎาคม 2554
Last Update : 5 สิงหาคม 2554 19:43:56 น. 3 comments
Counter : 618 Pageviews.

 
ชีวิตคู่ก็เป็นแบบนี้ มีทั้งสุขทั้งทุกข์ แต่ถ้าทุกข์มากกว่าสุข เอาตัวเองออกมาจากตรงนั้นได้น่าจะดีที่สุดค่ะ

รออ่านนะคะ


โดย: PrettyNovember วันที่: 9 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:27:25 น.  

 
มารออ่านด้วยคนนะคะ ^^


โดย: noonamwan วันที่: 9 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:49:05 น.  

 
เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: tuktikmatt วันที่: 10 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:10:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Windy Maui
Location :
Melbourne Australia

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Windy Maui's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.