Group Blog
 
All blogs
 
มาเล่าประสบการณ์การคลอดน้องมะลิค่ะ

ผ่านมาแล้วสามเดือนกว่า มัวแต่งมโข่งกับการเป็นแม่มือใหม่อยู่ วันนี้มีโอกาสขอมาเล่าให้ฟังค่ะ ยาวและละเอียดหน่อยนะ

วันกำหนดคลอดน้องมะลิวันที่ 5 กันยาค่ะ เห็นคนอื่นเค้าคลอดก่อนกำหนดกัน เราก็เตรียมตัวอย่างดี แม่จอยมาถึงเมลเบอร์นวันที่ 2 กันยา ก็บอกน้องมะลิว่า ยายมาถึงแล้ว น้องมะลิมาได้แล้วนะลูก วันกำหนดคลอดผ่านไป ก็ยังไม่มีแววจะคลอด เริ่มรู้สึกตัวหนักขึ้นทุกวัน รอแล้วรอเล่า เบื่อๆไม่มีอะไรทำก็พาแม่ไปเดินช๊อปปิ้ง เค้าบอกว่าเดินเยอะๆหัวลูกจะได้ลงต่ำๆ แต่ไปก็เดินไม่ค่อยไหวหรอกค่ะ ให้แม่ไปดูของ เราก็หาที่นั่งรอไปกินขนมไป ตอนกลางคืนนอนก็เมื่อยมาก ตื่นมาเข้าห้องน้ำ 4-5 รอบ มันเหมือนปวดฉี่แต่พอเข้าห้องน้ำฉี่ออกมาติ๊ดเดียว

พอเกินกำหนด หมอให้เข้าไปทำ CTG (ตรวจการเต้นหัวใจลูก) และตรวจปริมาณน้ำคร่ำทุกๆ 2-3 วัน ถ้าใครอ่านบล๊อกก่อนๆจะรู้ว่าจอยมีความมุ่งมั่นจะคลอดธรรมชาติ ได้คุยกับหมอถึงความตั้งใจอันนี้และหมอก็บอกว่าจะสนับสนุน พอเกินกำหนดจอยก็คุยกับหมอว่าอยากรอให้ลูกมาเอง ไม่อยากต้องเร่งคลอด หมอบอกว่าถ้าเช็คแล้วไม่มีปัญหา หมอก็ยอมให้รอซัก 10 วัน แล้วถ้ายังไม่คลอดเองก็ควรจะให้หมอเร่งคลอดให้เพราะยิ่งเกินไปเยอะความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น เช่นประสิทธิภาพการทำงานของรกต่ำลงอะไรประมาณนี้

จอยก็พยายามทำทุกอย่างที่เค้าว่าเป็นการเร่งคลอดวิธีธรรมชาติอย่างเช่นเดินเยอะๆ ดื่ม raspberry leaf tea ดื่มน้ำพรุนซึ่งเค้าว่ากันว่าช่วยให้ถ่ายแล้วช่วยให้การคลอดเริ่มต้น ผ่านไป 7 วันแล้วก็น้องมะลิก็ยังไม่ยอมมา หวั่นใจมากเลย จอยเลยไปนวดกดจุดที่เชื่อกันว่าช่วยทำให้มดลูกรัดตัว เกินกำหนดมา 8 วัน (13 กันยา) จอยมีนัดกับหมอทำ CTG อีกก็ยังปกติอยู่ หมอนัดมาอีกทีวันที่ 15 หมอบอกว่าถ้ายังไม่คลอด จอยจะต้องตัดสินใจเรื่องการเร่งคลอดแล้วนะ หมออธิบายขั้นตอนให้ฟังว่าจอยจะต้องไปโรงพยาบาลตอนเย็น หมอจะใช้เจลเร่งคลอดแล้วรอจนถึงเช้า ถ้ายังไม่คลอดก็จะใช้เจลอีกที ถ้าอีก 6 ชั่วโมงยังไม่คลอดหมอก็จะเจาะถุงน้ำคร่ำและให้ syntocin drip ด้วย การเร่งคลอดนั้นมักจะทำให้มดลูกหดตัวอย่างรุนแรงและนั่นก็มักจะเป็นสาเหตุให้คุณแม่ที่ถูกเร่งคลอดถามหา epidural จอยไม่อยากใช้ epidural ไม่อยากฉีดอะไรเข้าไปในสันหลังอ่ะ พอคุยกะหมอเสร็จถึงกับน้ำตาตกกลัวว่าจะไม่ได้คลอดอย่างที่ใจต้องการ

วันถัดมา 14 กันยาตอนเย็นๆก็ออกไปเดินกับคริส รู้สึกถ่วงๆหนักๆช่วงล่างมากๆ พอเดินเสร็จก็กลับมากินน้ำพรุนเพราะวันนั้นทั้งวันยังไม่ได้ขี้เลย คืนนั้นปู่กะย่ามาถึง คริสไปรับที่สนามบินตอนสามทุ่ม จอยก็ขี้แตกสมใจอยาก ปู่ย่ามาถึงที่บ้านสี่ทุ่มกว่า มาถึงก็นั่งคุยกันถึงห้าทุ่ม จอยก็ขอตัวไปนอนเพราะรู้สึกเหนื่อยมาก

คืนนั้นนอนไปได้ซักพัก ตีสองนิดๆก็รู้สึกปวดท้องเหมือนปวดขี้ ก็คิดว่าสงสัยจะกินน้ำพรุนเยอะไปหน่อยก็ไปนั่งห้องน้ำแต่ก็ไม่ขี้ ซักพักก็หายปวด ก็ไปนอนต่อ อีกซัก 15 นาทีก็ปวดอีก ก็ไปนั่งห้องน้ำอีก ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรออกมาแล้วก็หายปวดไป ก็มานั่งคิดว่าเอ๊ะ นี่มันปวดท้องคลอดหรือป่าววะเนี่ย หนังสือเค้าบอกว่าถ้าเริ่มปวดท้องตอนกลางคืนให้พยายามนอนเอาแรงไว้ จอยก็พยายามหลับต่อแต่ก็นอนไม่หลับ พอตีสามกว่ามันชักปวดถี่ขึ้นเลยปลุกคริสขึ้นมา คริสลองจับเวลาดูปรากฎว่าปวดทุกๆ 4 นาทีครั้งละประมาณ 50 วินาที จับเวลาอยู่เกือบชั่วโมง เข้าไปเช็คในห้องน้ำมีเลือดออกมานิดๆ ตี 4 เลยตัดสินใจโทรบอกอาการหมอ เกรงใจจัง หมอบอกให้กิน panadol 2 เม็ดแล้วไปอาบน้ำอุ่นๆ แล้วพยายามไปนอนต่อ ถ้าไม่ดีขึ้นอีกชั่วโมงให้โทรหาหมออีกที

ก็ทำตามที่หมอบอก แต่ไม่ดีขึ้น นอนไม่ได้ เลยเอา TENS Machine มาแปะหลัง ระหว่างนั้นคริสก็เอาของที่เตรียมไว้ใส่รถ พอตีห้าไม่ดีขึ้นเลยไม่ไหวแล้ว โทรหาหมอบอกหมอว่าอยากไปโรงพยาบาล หมอก็โอเค ออกจากบ้านหลังตีห้าครึ่งระหว่างทางปวดท้องมาก จับที่จับประตูแน่นเลย คริสก็ซิ่งเงียบๆ ถึงโรงพยาบาลหกโมงเช้า พยาบาลให้ไปที่ Birth Suite # 3 ห้องรอคลอดกะห้องคลอดห้องเดียวกัน พยาบาลจับขึ้นเครื่อง CTG เช็คการเต้นหัวใจน้องมะลิประมาณ 20 นาที พอเสร็จจอยก็พยายามเดินไปมา ยืนโน้มตัวไปข้างหน้าโยกสะโพกซ้ายขวา พอเจ็ดโมงหมอมาถึง หมอถามว่าจะให้หมอเช็คปากมดลูกให้มั้ย ตอนแรกจอยก็ลังเล หมอบอกว่าตามใจนะ ไม่ต้องเช็คก็ได้ถ้าไม่อยาก จอยบอกว่าอยากอยู่หรอกแต่กลัวหมอเช็คแล้วบอกว่าเพิ่ง 1-2 ซ.ม.นะสิ ปวดซะขนาดนี้ หมอมีการพูดเล่นอีกว่าถ้าเป็นอย่างงั้นเดี๋ยวหมอจะโกหกให้สบายใจ ปรากฎว่าตอนนั้นเปิด 6 ซ.ม.แล้ว หมอบอกมะลิอยู่ posterior position คือหงายหน้าอยู่ ซึ่งจะทำให้ใช้เวลาในการคลอดนานขึ้น หมอบอกว่าพยายาม active โน้มตัวไปข้างหน้า อาจจะช่วยทำให้ลูกหมุนตัวแล้วคว่ำหน้าออกมาแล้วเดี๋ยวหมอจะมาดูใหม่

แปดโมงกว่าเริ่มปวดมากขึ้น ดมแก๊สอ่อนๆ (30-40%) ช่วยได้พอสมควร ลองไปลงอ่างน้ำดู มีแก๊สให้ดมในอ่างด้วย ก็เอา TENS machine ออก แต่ไม่ชอบเลยเพราะน้ำลึกไม่พอเวลาจอยอยู่ในท่าคุกเข่า พอน้ำลึกไม่พอช่วงบนมันก็หนาวอ่ะ ได้แค่ครึ่งชั่วโมงก็ขึ้นดีกว่า เอา TENS machine แปะหลังต่อ ดมแก๊สไปเรื่อยๆ แก๊สเนี่ยมันใช้เวลาประมาณ 15 วินาทีเราถึงจะรู้สึกมึน จอยก็พยายามดมก่อนมดลูกจะหดตัว ไปๆมาๆ ไม่สนแล้วมดลูกจะหดตัวเมื่อไหร่ สูดเอาๆ พอเริ่มมึนมากก็เอาออก สูดอากาศบริสุทธิ์ พอหายมึนก็สูดแก๊สต่อ หมอกลับมาอีกทีสิบโมงครึ่ง หมอเช็คปากมดลูกอีกทีบอกว่า 8-9 ซ.ม.แล้ว จอยปวดมาก โอดครวญถามหมอว่าจอยต้องทนอีกนานแค่ไหน จะไม่ไหวแล้วนะ หมอบอกพยายามต่อไปจะได้เจอหน้าลูกน่าจะหลังเที่ยง อะไรกันเนี่ยต้องทนอีกอย่างน้อยสองชั่วโมงเนี่ยนะ บอกหมอว่าไม่ไหวแล้ว ช่วยที หมอก็ถามว่าจะเอา epidural มั้ย สติยังมี ตั้งใจไว้นิ่ว่าจะไม่เอา ไม่ได้ลังเลหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธเพราะรู้สึกหมดหนทางว่าต้องทนต่อไป อย่าโวยวาย ตอนนั้นถุงน้ำคร่ำยังไม่แตกเลยอ่ะ สิบเอ็ดโมงกว่า ก็ยังร้องคร่ำครวญกับพยาบาลและคริสอยู่ (ดังลั่นห้องเลย) ว่าไม่ไหวแล้ว ช่วยหน่อย จะตายอยู่แล้ว พยาบาลก็ให้กำลังใจและลงท้ายว่าเอายาแก้ปวด pethedine มั้ยล่ะ จอยก็เงียบ ทนต่อไป ฮือๆ ดมแก๊สไปดมแก๊สมา ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง max ที่ 70% เลย มึนดี

จนประมาณเที่ยง บอกพยาบาลว่ารู้สึกอยากเบ่ง อีกซักพักถุงน้ำคร่ำแตก พยาบาลเลยไปตามหมอให้ พอหมอมาจอยก็ขึ้นเตียง ร้องลั่นห้อง หมอบอกหยุดกรี๊ดแล้วฟังหมอและทำตามที่หมอบอกอย่างตั้งใจ หมอบอกเมื่อไหร่ให้เบ่ง เมื่อไหร่ให้หยุด ตอนนั้นตั้งใจฟังหมอมากและทำตามอย่างเคร่งครัดเพราะอยากให้มะลิออกมาซะที ความเจ็บปวดจะได้หยุด สุดท้ายน้องมะลิก็หมุนตัวคว่ำหน้าออกมาก่อนบ่ายโมงแป๊ปนึง ตอนออกมาเกือบจะไม่ต้องกรีดปากช่องคลอดแล้วแต่ปรากฎว่าคุณลูกสาวงอแขนเอามือไว้ที่แก้มตอนออกมา เลยโดนกรีดหน่อยนึง

พอมะลิออกมา พยาบาลก็เอามาแปะอก กินนมทันทีขณะที่คลอดรกและเย็บแผลอยู่ น้องมะลิออกมาตัวดำๆปากบึนๆหัวหยิกๆ ตกใจหมดเลยว่าลูกนิโกรที่ไหน ร้องให้ดังลั่น น้ำหนักแรกเกิด 3080 กรัมค่ะ สเลนเดอร์กำลังดี นี่ขนาดตัวไม่ใหญ่ยังออกมายากเย็นขนาดนี้ วันสองวันหลังคลอดเหนื่อยมากๆแต่นอนไม่ค่อยจะหลับ รู้สึกว่ายังตื่นเต้นอยู่ไม่หาย เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ ตอนนั้นบอกคริสว่าเปลี่ยนแผนเถอะ แผนที่ว่าจะมีลูกสองคนน่ะ ไม่เอาอีกแล้ว เจ็บจิ๊หาย

พอกลับบ้านมาเลี้ยงลูก สองเดือนแรกจะตายเอา ก็บอกคริสอีกว่ามีคนเดียวพอแล้วนะ ไม่เอาอีกแล้ว ลำบากลำบนมากเกินไป ตอนนี้น้องมะลิจะสี่เดือนแล้ว จอยเริ่มลืมความเจ็บปวดของการคลอดไปหน่อยละ แล้วก็เริ่มจะลืมความยากลำบากของการเลี้ยงลูกสองเดือนแรกไปหน่อยเหมือนกัน ลืมหมดเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีนะ ไอ้เรื่องลูกคนที่สองเนี่ย






Create Date : 01 มกราคม 2555
Last Update : 3 มกราคม 2555 12:37:03 น. 8 comments
Counter : 11738 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านไดอารี่คุณจอยแล้ว สบายใจขึ้นเยอะเลยคะ
กรรมวิธีในการตรวจของคุณหมอ ก็เหมือนกันเลยตอน
แรกก็โดนคนถามเยอะว่าทำไมต้องตรวจน้ำคร่ำไม่เห็น
จะเกี่ยวกันเลย ตอนนี้มาอ่านของคุณจอยสบายใจแล้วคะ
แต่ก็ยังอดอยากรู้ไม่ได้ ใช้เข็มเจาะเข้าไปเจ็บมากมั้ยคะ
>< คุณจอยนี่ไม่ได้ใช้ยาอะไรช่วยเลย เก่งมากเลยคะ
หมอนุ๊กก็ไม่ให้ใช้เหมือนกัน ท่านบอกว่าอยากให้ลองแบบ
ธรรมชาติก่อน
จะอึดสู้คุณจอยได้มั้ยน้อ
สุดท้ายน้องมะลิน่ารักมากคะ คุณพ่อท่าทางจะหลงน่าดู
เลยละ อิอิ


โดย: berrynooknik วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:12:58:24 น.  

 
แวะมาแปะหัวใจให้หนูมะลิคนสวยค่ะ
โตขึ้นต้องสวยอยู่แล้วค่ะคุณแม่ ขอให้เลี้ยงๆง่ายนะคะ


โดย: Namphung-79 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:39:52 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณจอย

อ่านบทความแล้วเหนื่อยแทนจังเลยค่ะ
ของดิฉันนี่ไม่ต้องรอนาน คนแรกไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่เพราะว่าบล๊อกหลัง 555 ไปโรงพยาบาลตอนตี 2 คลอดตอนบ่าย 2 กับอีก 15 นาที

คนที่สองเร่งคลอดเพราะเลยกำหนด แล้วน้ำตาลในเลือดสูง รอไม่นานเพราะว่าปวดแล้วมาเลย ผดุงครรภ์ก็มีคนเดียว แต่ปากช่องคลอดฉีก ต้องเย็บแผล จากนั้นก็ให้ผดุงครรภ์ที่ทำคลอดไปทำแผลให้ที่บ้านค่ะ เป็นเดือนกว่าจะเดินได้

ที่บ้านปกติจะกลับเมืองไทยปีละครั้งค่ะ
ตอนนี้กลับมาที่บ้านแล้ว มารับอากาศหนาวกัน อิอิอิ

Photobucket

ขอให้ตัวเล็กเลี้ยงง่ายๆนะค่ะ สู้ๆ


โดย: bear hunt วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:03:44 น.  

 
น้องมะลิน่ารักน่าชังจังเลยค่ะ

ตอนเราไปเร่งคลอด เราเอาพวกยาแก้ปวดหมดทุกอย่างเลยทั้ง Gas & Air, Pethedine, Epidural เพราะของเรานี่เพิ่งผ่าตัดอย่างอื่นมาก่อนที่จะคลอดเพียงสองเดือนนิดๆ เจ็บมามากพอแล้ว พอตอนคลอดเลยขอแบบไม่เจ็บก็แล้วกัน มิดไวฟ์ก็บอกไว้ด้วยว่า ให้เปิดใจเอาไว้ ถ้าเป็นไปได้หากหมอหรือมิดไวฟ์ในห้องคลอดให้พวกยาแก้ปวดก็รับไว้นะ ไม่งั้นถ้ารอให้ปวดก่อนแล้วค่อยกินนี่นจะไม่ไหวเอาได้

แต่เรากลัว Epidural มาก รู้สึกยังไงก็ไม่รู้ที่ต้องมีอะไรเข้าไปอยู่ในไขสันหลังเรา ถ้าสมมติตั้งท้องและคลอดอีกทีก็ยังกลัวอยู่นะ แต่ว่าดีก็ตรงที่หายปวดเป็นปลิดทิ้ง ทั้งกลัวทั้งชอบ

คุณแม่จอยอัพเดทรูปน้องมะลิเพิ่มบ้างสิคะ


โดย: AUTUMN IN LOVE วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:54:50 น.  

 
อุ๊ยเห็นบล็อกเกี่ยวกับน้องมะลิแล้ว เดี๋ยวตามไปอ่าน พอดีเมื่อกี้คลิ๊กเข้ามาแล้วเจอหน้านี้หน้าแรกน่ะค่ะ


โดย: AUTUMN IN LOVE วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:56:24 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันนะคะ
น้องมะลิน่ารักมากมายค่ะ

ขออนุญาตเรียกคุณจอยนะคะ ถ้าพี่จำไม่ผิดเคยอ่านเรื่องที่นัดกับเพื่อนบล๊อกแก๊งค์ และเดาว่าเป็นน้องปังปอนด์ผู้เป็นคนแม่ของน้องพลอย พอใจ ไชโยแน่ ๆ เลย
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตอนนั้นทั้งสองคนกำลังท้องแก่ใกล้คลอด ได้มาเจอบล๊อกคุณจอยอีกทีน้องมะลิโตขึ้นเยอะเลยค่ะ น่ารักพอฟัดพอเหวี่ยงกับน้องพลอยบ้านโน้นแบบกินกันไม่ลงเชียวล่ะ



โดย: เนินน้ำ วันที่: 1 มีนาคม 2555 เวลา:20:41:35 น.  

 
ยินดีด้วยกับคุณแม่ยังสาวค่ะ
น้องน่าเกลียดน่าชังมากๆ
เปิดหน้าบล็อกมาเห็นรูปแล้วอดจ้องดูแล้วยิ้มไม่ได้เลย
คิ้วเข้มสวยดีจัง
โตขึ้นไม่ต้องพึ่งดินสอเขียนคิ้วเลยนะคะ

ว่าแต่เพิ่งสามเดือนเอง จะมีเวลาทำขนมแล้วเหรอคะ
ลูกอ่อน...คงต้องใช้เวลาดูแลมากใช่มั๊ยคะ


โดย: little mouse in big apple วันที่: 1 มีนาคม 2555 เวลา:22:29:12 น.  

 
ยินดีด้วยน่าาาา ^.^ อ่านแล้วอยากมีลูกบ้างจัง


คลอด


โดย: น้องเทพโคตรน่ารัก วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:10:58:33 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Windy Maui
Location :
Melbourne Australia

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Windy Maui's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.