W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 

Kawaguchi-ko trip 2/2: Snow sakura ของหายาก(รึเปล่านะ?) กับสวนกุหลาบสวยๆที่ Ukai Orgel no Mori



เครดิตภาพ Illustration ของฟูจิซังหาจาก google

------------------------------------------------------------------

>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive

ไหนๆก็เขียนแล้ว เปลี่ยนใจรีบๆเขียนให้จบเลยดีกว่า ตื่นเช้ามาวันรุ่งขึ้นสิ่งแรกที่ทำคือพุ่งไปที่หน้าต่างดูซิว่าฟูจิซังโผล่มาหรือยังหนอ มองไปนี่นึกว่ากลับไปฮอกไกโด หิมะขาวจั๊วะหนานุ่มไปทั้งสนามโรงแรมเชียว -"- ฟูจิซังควรจะอยู่ข้างหน้านี้นี่ล่ะ แต่ยังเช้าไปเมฆหิมะยังไม่จางลงเลยบังฟูจิซังซะสนิท


ตื่นแล้วก็ต้องกิน ก็เดินผ่านสนามหิมะของโรงแรมไปกินข้าวกันที่เดียวกับเมื่อคืน (ตึกกินข้าวก็คือ ตึกสีเหลืองๆในรูปด้านบน)


อาหารเช้าคล้ายๆบุฟเฟ่ต์รสชาติเฉยๆธรรมดาๆ ซึ่งก็ไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้วล่ะนะกับมื้อเช้า กินๆไปข้างนอกอากาศก็ดีขึ้นๆฟ้าเริ่มใสขึ้นเรื่อยๆ แดดออกดีเชียว จังหวะที่กินเสร็จมองไปนอกหน้าต่างเห็นด้านข้างของฟูจิซังโผล่ออกมาแล้ว รีบติดสปริงที่ก้นโดดไปถ่ายรูปทันทีเลย


ถ่ายจากในห้องอาหารติดกระจก ติดเสา ถ่ายไม่สะดวก เลยขอพนักงานออกไปที่ระเบียง(ที่หิมะเต็มไปหมด) อารามคนกำลังดีใจว่าฟูจิซังยอมออกมาให้เห็นแล้ว นาทีนั้นไม่หนงไม่หนาวแล้ว ใส่แต่ยูกาตะกับสลิปเปอร์นี่ล่ะ โดดไปเดินย่ำๆๆหิมะเพื่อหามุมถ่ายรูป


ยืนรอๆๆอยู่นาน แต่ยังไง๊ยังไงฟูจิซังก็ไม่ยอมออกจากเมฆเสียที ท้องฟ้าด้านขวาสีฟ้าใสขนาดนี้แท้ๆ(ไม่ต้องรีทัชหรือใช้ CPL filter เลยเนี่ย) จะใสเขยิบมาทางซ้ายอีกนิดก็ไม่ได้


รอยังไงๆฟูจิซังก็ไม่โผล่ให้เห็นมากกว่าเดิมเลย จำใจต้องกลับห้องเพราะต้องเตรียมเช็คเอ้าท์แล้ว (คุณพี่ชายไม่อยู่ถ่ายรูปด้วยกัน หนีไปแช่น้ำร้อนดูวิวตั้งนานแล้ว)


เวลามีน้อยวันนี้ทุกอย่างต้องเป๊ะ ออกมารอ Retro bus ที่ป้ายหน้าโรงแรมกันเลย โรงแรมนี้มีป้าย Retro bus เฉพาะเป็นชื่อโรงแรมเลย สะดวกดี


ตอนรถยังไม่มาก็ขอไปถ่ายซากุระหิมะสักหน่อย หลังจากหิมะผิดฤดูเมื่อวาน เช้านี้แดดแรงมากๆ กลัวว่ากลับมาอีกทีหิมะจะละลายหมดเลยต้องรีบถ่ายเก็บไว้ก่อน


ดูขัดๆกันยังไงไม่รู้ ทั้งที่ซากุระเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิแท้ๆ แต่ดันมาอยู่คู่กับหิมะที่เป็นสัญลักษณ์ของหน้าหนาวซะได้


ที่เที่ยวหลักวันนี้คือ Ukai Orgel no Mori เป็นเกี่ยวกับหีบเพลงอีกแล้ว ดูในโบชัวร์นำเที่ยวแล้วที่อื่นๆไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ มีอันนี้แหล่ะดูน่าจะสวยที่สุด


จริงๆไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ปรากฏว่าที่นี่สวยมากกว่าที่คิดไว้ซะอีก ผ่านประตูเข้ามาปุ๊บก็เจอสวนแบบยุโรปสวยเชียว ก่อนไปเดินสวนก็เข้ามาดูการแสดงข้างในก่อน เป็นคล้ายๆคอนเสิร์ตอัตโนมัติ ตุ๊กตาหีบเพลงรอบๆห้องจะบรรเลงเป็นเพลงและขยับไปขยับมา


นั่งฟังได้แป๊บเดียว คุณพี่ชายก็ให้ออกแล้วเดี๋ยวทำเวลาไม่ทัน แดดแรงๆๆๆมากๆแถมเจอหิมะสะท้อนแสงอีก เดินไปแสบตาไปลืมตาถ่ายรูปแทบไม่ขึ้นเลย ในสวนช่วงแรกๆก็เน้นดูตึกทรงน่ารักๆต่างๆ (จริงๆแดดแรงมาก แต่ฟ้าขาวจั๊วะ ภาพนี้รีทัชท้องฟ้าเอา)


มา Orgel no Mori ทั้งทีก็ต้องแวะดูหีบเพลงกันหน่อย เทียบกับที่ Otaru Orgel Doh ที่ฮอกไกโดแล้วที่นี่เล็กกระจิ๋วไปถนัดเลย หีบเพลงมีไม่ละลานตาเท่าที่ Otaru เลย


แต่ก็นะ ถึงมีไม่เยอะก็ยังอุตส่าห์จัดมาอีกหนึ่งอัน(อันที่เป็นกระต่ายคู่ในรูปด้านบน) ที่นี่ก็มีหีบเพลงรูปนางฟ้าคล้ายๆที่ Otaru ด้วยนะ ท่าทางแบบนี้จะฮิตจริงๆ


ออกไปเดินสวนกันต่อเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา สวยก็สวยอยู่นะ แต่ถ้าให้ดีไม่อยากให้มีหิมะเลย อยากเห็นแบบอารมณ์ฤดูใบไม้ผลิมากกว่าฤดูหนาวอ้ะ



มองซ้ายมองขวาหาดอกไม้ถ่ายมั่ง ก็เจอดอกนี้สีเหลืองๆส้มๆ ค่อยสดใสขึ้นมาหน่อย


สวนที่นี่ถ้าค่อยๆเดินก็กว้างกว่าที่คิดซะอีกเกือบเดินไม่ทั่วแล้ว รูปนี้เป็นวิวรูปสุดท้ายแล้วก่อนจะไปถ่ายรูปสวนกุหลาบของที่นี่มั่ง


ดอกกุหลาบที่นี่มีเยอะและหลากหลายสายพันธ์มากๆ ขนาดว่าตอนที่ไปยังบานไม่หมดนะเนี่ย ถ้าบานหมดน่าจะมีเป็นซุ้มประตูที่มีกุหลาบพันอยู่ด้วย


พันธ์นี้สีแดงสนิท (คิดว่าคงเป็นกุหลาบน่ะนะ)


พันธ์นี้ไล่สีธรรมชาติได้สวยมากๆ ข้างในสีเหลืองแล้วค่อยๆไล่สีไปเป็นสีแดงอมชมพูที่กลีบด้านนอก


ที่สวนด้านนอกมีกระถางกุหลาบหลากสีวางอยู่เต็มไปหมด เพิ่งรู้ก็ตอนนั้นล่ะว่ากุหลาบนี่มีหลายพันธ์หลายสีขนาดนี้เชียว บางพันธ์ก็ดูน่ารักผิดกับ look ปกติของดอกกุหลาบไปเลย


วันนี้อากาศดี(แต่แสบตา)พนักงานก็ทำงานกันขันแข็ง เห็นยกกระถางกุหลาบเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเวลา


ต่อกับภาพดอกไม้ด้วยพันธ์นี้สีขาวบริสุทธิ์


กระถางนี้ชอบมากๆเป็นการส่วนตัว หลากหลายสีดี แถมได้ฟ้าใสๆมาตัดสีกันด้วยไม่ต้องรีทัชท้องฟ้าให้เมื่อยมือ ;-)


ตรงนี้ก็กุหลาบแดงกับร่มสีแดง สีสดจี๊ดสะใจ


อันนี้เป็นต้นสุดท้ายที่ได้ถ่ายก่อนโดนคุณพี่ชายลากออกมา คิดว่าคงเป็นกุหลาบเหมือนต้นอื่นๆ แต่อันนี้กลีบลายแปลกๆดี


ดอกข้างบนชัดๆอีกที ลายมันเหมือนกับอะไรสักอย่างนะ แต่จนป่านนี้ยังนึกไม่ออกเลยว่าเหมือนอะไร


และแล้วก็ได้เวลาไปแล้ว ต้องรีบขึ้นรถไปเอาของที่โรงแรมให้ทัน ไม่งั้นที่ต่อไปอดไปแน่ๆ


เนื่องจากหิมะที่ตกกองกันมาก ทำให้รถมาช้ากว่าตาราง คุณพี่ชายก็กระวนกระวายว่าเดี๋ยวจะไม่ทันตามแพลนที่วางไว้ ถ้าวิ่งกลับโรงแรมได้คงพาวิ่งไปแล้วเนี่ย


ตอนนั่งรถกลับโรงแรมเห็นยอดฟูจิซังโผล่มาแว้บๆด้วย ถ่ายจากในรถเลยได้แค่นี้เอง (ที่จริงตรง Ukai no Mori เมื่อกี้ก็มองเห็นฟูจิซังได้ แต่วันนี้โชคไม่ดี เมฆบังฟูจิซังตลอดเลย)


พอลงรถบัสแล้ววิ่งกันหน้าตั้งเลย โชคดีว่าทันพอดีรถบัสยังไม่มา ขอถ่ายช็อตสุดท้ายที่ป้ายโรงแรมด้านหน้าตรงนี้ คงไม่ได้มาที่นี่อีกนานเลยล่ะ (หรืออาจไม่ได้มาอีกเลยก็เป็นได้)


เฮ้อ เสียดายจังเลยน้า จริงๆอยากมีเวลามาเดินเรื่อยเปื่อยถ่ายรูปรอบทะเลสาปหน้าโรงแรมซะหน่อย รอบๆทะเลสาปมีซากุระดอกเต็มต้นรายทางเต็มไปหมดแต่ไม่มีเวลาได้ค่อยๆเดินดูเลย


นั่งรถบัสโยกไปมาถ่ายวิวสวยๆข้างนอกก็ไม่ได้ สรุปทริปนี้จะได้รูปถ่ายวิวสวยๆเป็นชิ้นเป็นอันบ้างไหมละเนี่ยยยยย


กลับมาที่สถานี Kawaguchi-ko ไม่ทันไรหิมะเริ่มละลายหมดแล้วเนี่ยเร็วจริงๆ (แดดแรงมากวันนั้น)


เป้าหมายต่อไปที่อุตส่าห์รีบวิ่งกระหืดกระหอบกันมาให้ทันคือ Shiba-zakura 芝桜 (Moss Pink) จากสถานีนั่งบัสไปอีก 50 นาทีจะเป็นทุ่ง Moss pink ที่มองเห็นฟูจิซัง(ถ้าโชคดีนะ)


วันที่ไปนั้นเช็คมาแล้วว่าเป็นวันแรกที่เปิดสวนพอดี ก็ไม่ได้กะว่าจะเห็นดอกไม้บานเต็มสวนสวยพีคเหมือนในรูปโปรโมทที่เว็บเค้า (ตรงนี้) หรอกนะ แต่คิดว่าก็คงพอมีบ้างล่ะน่า แล้วก็เผื่อไปดูฟูจิซังด้วย

เครดิตภาพจาก //www.shibazakura.jp/shared/img/pho_main_001.jpg

แต่ที่ไหนได้ ด้วยความซวยซ้ำซวยซ้อน เนื่องจากหิมะหนักเมื่อวาน ทุ่งดอกไม้ที่อย่างน้อยก็น่าจะเขียวขจีกลับกลายเป็นทุ่งหิมะขาวโพลนไปซะงั้น -"- เห็นแล้วนี่อย่างเซ็งเลย เสียค่ารถบัสมาไม่คุ้มเล้ยยย (แต่เค้ายังไม่เก็บค่าผ่านประตู เพราะยังไม่มีดอกไม้)


ดอกไม้ที่ยังไม่บานโดนหิมะคลุมซะมิด แถมเมฆหนาก็บังฟูจิซังจนมองไม่เห็นเลยแม้แต่เงา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟูจิซังอยู่ตรงไหนกันแน่


ได้รูปดอกไม้มานิดนึงเท่าที่มีโผล่พ้นหิมะออกมา ถ้าช่วงพีคๆน่าจะมีดอกแบบนี้เต็มสวนเห็นเป็นพรมสีชมพูนะ แต่ครั้งนี้..........แห้วตามเคย.........


ยืนรอๆๆกับกลุ่มคุณลุงคนญี่ปุ่น(มาจากโอซาก้าแน่ะ)ที่ตั้งขากล้องรอฟูจิซังโผล่เพื่อถ่ายรูป แต่รอยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าฟูจิซังจะยอมโผล่ออกมา ที่สวนนั้นลมแรงหนาวมากคุณพี่ชายเลยพานั่งรถกลับ สรุปว่ามาเสียเที่ยวเลยสวนนี้ T_T

ระหว่างนั่งหลับในรถบัสมีตื่นมาเห็นฟูจิซังโผล่มาเลยรีบถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน หนนี้ก็เห็นฟูจิซังแค่ประมาณนี้แหล่ะ เห็นยอดนิดๆ กับเห็นขอบด้านข้างหน่อยๆ


หมดเวลาแล้วก็ต้องนั่งรถกลับ เฮ้อ ทริปนี้นี่ไอ้ที่ตั้งใจมาดูแห้วเกือบหมด ยังดีว่ามีดอกไม้สวยๆที่ Ukai Orgel ให้ได้ชื่นใจบ้างนิดหน่อย สงสัยคงต้องหาโอกาสมาแก้ตัวกับฟูจิซังก่อนเรียนจบซะแล้วเนี่ย


นั่งเปื่อยในรถบัสอีกสามชั่วโมงกว่าจะถึงโตเกียว ก่อนเข้าบ้านก็ขอแวะกินข้าวซื้อของจากอาเมโยโกะนิดนึง สุดสัปดาห์คนเยอะไม่เคยเปลี่ยนเลยที่นี่


ทริปนี้เป็นอันจบเพียงเท่านี้ จบแบบแห้วๆง่ายๆกันอย่างนี้นี่แหล่ะ เพราะมันไปแล้วแห้วจริงๆนี่นา แถบนั้นอาหารไม่ค่อยอร่อยเลย มีลองกินขนมโน่นนี่ที่ติดป้ายว่าแนะนำดูแต่ก็ไม่มีอันไหนถูกปาก สุดท้ายทริปนี้คงได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าเราคงดวงไม่สมพงษ์กันกับฟูจิซังน่ะนะ ไปบ่นให้คุณแฟนฟัง เค้าก็บอกว่าเค้าน่ะเห็นฟูจิซังจนเบื่อแล้วววว เพราะมหาลัยเค้าให้มาแคมป์ที่แถวนี้ทุกปีเลย (แต่มหาลัยเราไม่เคยมาที่นี่นี่นา เรายังไม่เคยเห็นฟูจิซังเต็มๆเลยสักทีเนี่ย >.< )


------------------------------------------------------------------


เครดิตภาพ Illustration ของฟูจิซังหาจาก google

ภาพในบล็อคนี้ถ่ายด้วย Canon Kiss X3 ใช้เลนส์ EF-S 15-85mm F3.5-5.6 IS USM ภาพผ่านการโพรเซสมาหมดแล้ว มากน้อยแล้วแต่กรณี

------------------------------------------------------------------

รวมลิงค์บล็อคทั้งหมดของทริป

1. Kawaguchi-ko trip 1/2: จะมาดูฟูจิซังช่วง full bloom sakura แต่ไหงเจอหิมะพัดถล่มซะได้นะ -"-
2. Kawaguchi-ko trip 2/2: Snow sakura ของหายาก(รึเปล่านะ?) กับสวนกุหลาบสวยๆที่ Ukai Orgel no Mori

------------------------------------------------------------------

>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive
>> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2558 1:18:18 น.
Counter : 3451 Pageviews.  

Kawaguchi-ko trip 1/2: จะมาดูฟูจิซังช่วง full bloom sakura แต่ไหงเจอหิมะพัดถล่มซะได้นะ -"-



เครดิตภาพ Illustration ของฟูจิซังหาจาก google

------------------------------------------------------------------

>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive

หลังๆชักเริ่มขี้เกียจเขียนบล็อคที่นี่แล้ว ย้ายฐานไป multiply แทนเพราะทางนั้นอัพรูปขึ้นง่ายกว่ากันเยอะแถมไม่ต้องมานั่งบีบไฟล์ให้พอดี 150 kb อีกด้วย (มิน่าคนชอบถ่ายรูปจะมี multiply กันหมดเลย)

รูปของทริปนี้ทำเสร็จมาสักพักแล้วแต่ไม่ได้มาเขียนเนื้อหาเสียที เหตุเกิดช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาไปเที่ยวดูฟูจิซังครั้งแรกกับคุณพี่ชายที่มาเที่ยว(อีกแล้ว)จากไทย ไปแบบฉุกละหุกนิดนึงจองที่พักก่อนไปไม่ถึงอาทิตย์ดี ค้างหนึ่งคืนเผื่อๆไว้ว่าวันไหนโชคไม่ดีจะได้มีอีกวันไว้แก้ตัว เพราะได้ข่าวว่าฟูจิซังขี้อายมากๆ

ถึงวันออกเดินทางก็เริ่มต้นกันแต่เช้ากับรถไฟเบียดๆของโตเกียว ปกติไม่เคยต้องมาเบียดอย่างนี้นะเนี่ยเพราะเดินไปมหาลัยเอาได้


จากโตเกียวไป Kawaguchi-ko (ทะเลสาปคาวากุจิ) ไปได้หลายทาง แต่คุณพี่ชายเช็คมาบอกว่าไปรถบัสคุ้มกว่ารถไฟก็เลยตกลงจองรถบัสออกจากสถานีโตเกียวกันแต่เช้าตรู่


นั่งรากงอกจนแทบจะออกดอกออกผลได้อยู่ในรถบัสประมาณสามชั่วโมงกว่าจะถึงปลายทาง ปีนี้ไม่รู้เกิดอาเพศอะไร อากาศวิปริตผิดเพี้ยนมากๆ เดี๋ยวๆหนาวจับใจ เดี๋ยวๆก็ร้อน ที่โตเกียวก็ผ่านหน้าหนาวมาจนซากุระร่วงหมดแล้ว แต่ไหงวันที่เดินทางนี่เกิดหนาวขึ้นมาอีกฝนเย็นๆตกตลอดเช้าไม่หยุดเลย ยิ่งนั่งรถบัสออกห่างจากโตเกียวมาเรื่อยๆฝนที่ตกๆก็กลายเป็นหิมะไปซะงั้น หิมะตกกลางเดือนเมษา??? เอ๊ะ นี่เรายังอยู่ในทริปเทศกาลหิมะที่ฮอกไกโดเมื่อเดือนกุมภาหรือเปล่าเนี่ย???

หิมะที่เห็นตกๆ ตกหนักขนาดว่ามากกว่าซัปโปโรที่ไปมาเมื่อตอนกุมภาเสียอีก มองไปทางไหนมีแต่ต้นไม้ถูกหิมะปกคลุม ไม่เว้นแม้แต่ต้นซากุระที่ดอกเต็มต้นนี่ก็ด้วย จะเรียกว่าโชคสองชั้นได้ไหมนะ เห็นทั้งซากุระและหิมะพร้อมๆกันเลย (แต่หิมะเห็นจนเซ็งจากทริปฮอกไกโดแล้วนี่สิ)


ก้าวลงจากรถบัสในสภาพพร้อมรบเต็มที่ เราโชคดีว่าดูพยากรณ์มาเลยเตรียมกันหนาวมาอย่างดี แต่คุณพี่ชายที่มาจากไทยนี่สิ คงไม่คิดฝันว่าจะมาเจอพายุหิมะกลางเดือนเมษาเลยไม่ได้เตรียมเสื้อหนาวนวมมาก็ซวยหน่อย จะให้ยืมของเราเค้าก็ใส่ไม่ได้ซะด้วย


โรงแรมที่จะพักบอกว่ากว่าจะมีรถมารับก็ช่วงบ่ายโน่นแน่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็เลยไปเที่ยวกันก่อนแล้วค่อยกลับโรงแรมทีเดียวเลย แวะไปถามที่เที่ยวจาก Information แล้วก็แอบถ่ายภาพแบบสำรวจของเค้ามาด้วย สังเกตว่าวันที่ไปมีแต่นักท่องเที่ยวจากไทยๆๆๆๆทั้งนั้นเลย


Information ที่นี่พูดอังกฤษกันคล่องปรื๋อทุกคนสมเป็นจุดที่คนต่างชาตินิยมมาเที่ยวกัน สองพี่น้องซื้อเป็นตั๋ว Retro bus ใช้สองวันเที่ยวรอบ Kawaguchi-ko หน้าตา Retro bus ก็เป็นตามภาพเลย ทรงเหมือนรถซาฟารีสำหรับให้เด็กๆนั่งทัศนศึกษาเลยหนิ


นั่งรถโยกไปโยกมา เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไม่หยุด อยากจะถ่ายรูปซากุระหิมะข้างนอกซะหน่อยก็ถ่ายไม่ค่อยจะได้เลย


จริงๆเห็นวิวหิมะเยอะเลยล่ะ แต่แบบว่าเอียนหิมะมากแล้วจากทริปฮอกไกโด เห็นหิมะแล้วแทบไม่อยากยกกล้องขึ้นมากดให้เปลืองแบตเปลืองเมมเลย (จริงๆคือ ขี้เกียจนั่นแหล่ะ เพราะไม่ได้กะมาถ่ายหิมะซะหน่อย)


ที่แรกที่จะไปเที่ยวและถือโอกาสฝากท้องด้วยเลยก็ Bat Cave


เดินเข้าไปยังนึกอยู่ว่านี่มันที่เที่ยวจริงๆเหรอ ไหงเงียบยังกะเป่าสาก นอกจากสองพี่น้องนี้แล้วไม่เจอนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเลย ร้านอาหารก็ดูเหมือนเป็นครัวในบ้านมากกว่าจะเป็นร้านอาหารจริงๆ แต่เอาน่ะ หิวก็ต้องกิน สั่งไอ้ที่เค้าเขียนว่าแนะนำแล้วนะ แต่รสชาติเฉยมากๆ กินเพื่ออิ่มอย่างเดียวเลย


กินอิ่มแล้วก็ซื้อตั๋วเข้ากัน ก่อนเข้าจะมีหมวกกันน็อคให้ใส่ทุกคนด้วย ทีแรกก็นึกว่าเอาไว้กันค้างคาวมารุมทำร้ายหรือเปล่าเนี่ย แต่เอาเข้าจริงอย่าว่าแต่ค้างคาวรุมเลย หาค้างคาวตัวเป็นๆยังไม่เจอเลยสักตัว เจอหนึ่งตัวเท่านั้นอยู่ในส่วนที่มีประตูปิดต้องให้เจ้าหน้าที่เปิดถึงจะเห็นค้างคาวนอนเกาะผนังถ้ำอยู่...หนึ่งตัวถ้วน -"- ในเมื่อค้างคาวไม่มีให้ดูก็เลยอาศัยดูลายหินสวยๆของผนังและเพดานหินแทน


ส่วนสาเหตที่ต้องให้ใส่หมวกกันน็อคก็เพราะบางส่วนในถ้ำเพดานมันต่ำมากๆ แทบจะต้องลงไปคลานเข่ากันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีหมวกกันน็อคช่วย กว่าจะออกมานอกถ้ำได้คงได้โนมาหลายแผล เพราะกระดึบๆไปแต่ละคนก็คอยเอาหัวไปกระแทกเพดานถ้ำกันอยู่เรื่อย


ในตัวถ้ำไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ดีอย่างเดียวคือไม่ค่อยหนาว สวนที่อยู่ข้างนอกน่าจะเป็นไฮไลท์มากกว่าในถ้ำเสียอีก ที่พื้นสวนด้านนอกจะโรยคล้ายๆเศษไม้สีออกส้มๆไว้ตามทางเดิน ดูแล้วสีสดใสสวยดี


จบที่เที่ยวแรกอย่างไม่ค่อยมีอะไร ผิงไฟรอรถมาแล้วไปต่อกันเลย (เที่ยวที่นี่จนเสร็จยังงงอยู่เลยว่า นี่คือที่เที่ยวแนะนำจริงๆเหรอเนี่ย กะให้มาดูอะไรนะ สวนหรือถ้ำ?)


ที่ต่อไปไปที่ Wind cave บ้าง มาหนนี้นี่โชคร้ายจริงๆเจอพายุหิมะผิดฤดูพัดถล่มอย่างหนัก ระยะข้างหน้าเห็นแต่หมอกขาวๆ ไม่ต้องพูดถึงฟูจิซังเลย แม้แต่ฐานยังไม่มีโอกาสได้เห็น T_T ยิ่งบ่ายคล้อยไปหิมะก็ดูเหมือนจะตกหนักขึ้นอีกตะหาก


ที่ Wind cave นี้ก็คล้ายกับตะกี้คือมีส่วนเป็นสวนด้านนอก กับส่วนถ้ำ แต่สวนที่นี่เฉยๆอ่ะ เห็นแต่หิมะคลุมเต็มไปหมด


ส่วนในถ้ำก็คงมีไฮไลท์อยู่แค่ที่แท่งน้ำแข็งสปอตไลท์สีๆนี่แหล่ะ นอกนั้นก็เหมือนถ้ำธรรมดาที่ไทย มีน้ำหยดลงหัวเป็นระยะๆไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย เทียบกันแล้วถ้ำตะกี้ดูจะสวยกว่าอีก


เดินเดี๋ยวเดียวก็เบื่อแล้วเลยแวะซื้อของฝากซะหน่อยแล้วกลับสถานี Kawaguchi-ko ดีกว่า ซื้อมาสคอต Fuji-chan ตัวในภาพมา หน้าตาดูเหมือนพุดดิ้งหรือชูครีมมากกว่าฟูจิซังซะอีก ว่างั้นมั๊ย


ที่เคยได้ยินใครๆพูดว่า Softbank สัญญาณไม่ค่อยดีเพิ่งจะรู้จริงก็วันนั้นนี่เอง ช่วงที่ออกห่างจากสถานีมานี่โทรศัพท์หาสัญญาณไม่ได้เลย (แต่ถามคนญี่ปุ่นคนอื่นๆ เค้าบอกของเค้า docomo ยังใช้ได้อยู่เลย) ต้องลงมาจนถึงสถานี Kawaguchi-ko แล้วให้ Information ช่วยโทรหาโรงแรมให้แทน รอไม่ถึงสิบนาทีรถจาก Sunnide Resort Hotel ก็มารับ (รูปข้างล่าง ให้ร้องเพลง โยกเยก ประกอบไปด้วยจะเข้ากันมาก)


โรงแรม Sunnide Resort Hotel นี้เลือกมาเพราะมันเป็นอันที่ถูกที่สุดของ JTB ที่อยู่ในตำแหน่งเห็นฟูจิซังสะท้อนทะเลสาบได้ เพิ่งมารู้ทีหลังจากคุณพี่ชายนี่ล่ะว่าโรงแรมนี้ก็ดังไม่เบาในหมู่คนไทย พักแค่คืนเดียวนี่เจอคนไทยเพียบเลย เสียก็ตรงโรงแรมนี้ห่างสถานีมาก นั่งรถ 20 นาทีแน่ะกว่าจะถึง ห้องพักเป็นแบบญี่ปุ่นเต็มที่ พักกันแค่สองคนพี่น้องเลยที่เหลือสบายๆ เท่าที่กะด้วยสายตา ถ้าอนุญาตให้นอนเบียดกันได้เต็มที่ ห้องนี้น่าจะนอนได้เป็นสิบคนเลยทีเดียว


มาวันแรกหิมะตกไม่มีอะไรทำ ก็ดื่มชาพักผ่อนแล้วไปแช่น้ำร้อนก่อนกินข้าวเย็น ที่นี่ไม่มีน้ำแร่มีแต่อ่างน้ำร้อนธรรมดาๆ ตรงที่อาบน้ำรวมจะมีอ่างที่อยู่ข้างนอกด้วยแต่ส่วนอาบน้ำหญิงมีรั้วกั้นสูงแถมวันนี้ก็หิมะตกหนัก นั่งแช่ไปเห็นแต่ฟ้าขาวๆไม่เห็นฟูจิหรืออะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว T_T (แต่เห็นคุณพี่ชายบอกว่า อ่างกลางแจ้งของห้องผู้ชายเห็นวิวดีนะ)


ตอนจองโรงแรมคุณพี่ชายสั่งมาว่าให้เลือกที่มีอาหารด้วย เพราะแถวนี้ไม่กี่โมงก็ปิดกันหมดแล้วเดี๋ยวจะไม่มีข้าวกิน แต่เท่าที่ดูในแพลนของ JTB ทุกโรงแรมมีรวมอาหารให้อยู่แล้วเลยสบาย อาหารเย็นมาแบบอาหารญี่ปุ่นชุดใหญ่ค่อยๆทยอยลงมาทีละอย่าง


จานแรกๆ เริ่มจากเอาความอลังการเข้าสู้ (เปลือก)กุ้งมาตัวเบ้อเริ่มเลย


จานถัดๆไปก็มีนู่นมีนี่มาอย่างละนิดละหน่อย


กินๆไปเนี่ยอิ่มเลยทีเดียวนะ แต่บอกตามตรงว่ารสชาติเฉยๆมากเลยอ่ะ สองมื้อที่ฟูจินี้ยังไม่มีอาหารอะไรประทับใจหรือรู้สึกว่าอร่อยกว่าปกติเลยสักอย่างเดียว(โดยเฉพาะพวกปลาดิบนี่ สู้ร้านดังที่กินบ่อยๆที่อาเมโยโกะไม่ติดเลย) หรือว่าแถบนี้เค้าไม่เน้นอาหารนะ มีฟูจิซังเป็นจุดขายอย่างเดียวก็เหลือจะพอแล้วมั้งเนี่ย


กินอิ่มกลับไปห้องเค้าก็มาปูที่นอนเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำก็แยกย้ายกันนอนตีพุงเล่นตามอัธยาศัย พยากรณ์อากาศพรุ่งนี้เหมือนจะอากาศดีไม่มีหิมะ ก็ได้แต่นอนลุ้นกันตัวโก่งขอให้พรุ่งนี้ได้เห็นฟูจิซังด้วยเถ๊อะะะ จ่ายเงินทั้งรถบัสทั้งโรงแรมนี่ก็เพื่อมาดูฟูจิซังโดยเฉพาะเลยนะ


จบวันแรกแบบค่อนข้างผิดหวัง อากาศก็ไม่เป็นใจ ที่เที่ยวที่ไปมาก็ไม่ค่อยสมกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเอาซะเล้ยยยย แต่อย่างนึงที่ไม่เคยผิดหวังเวลาเที่ยวในญี่ปุ่นคือการบริการนี่ล่ะ ไปที่ไหนมายังไม่เคยเจอใครบริการไม่ดีมาก่อนเลย เอาน่ะ ถึงอาหารโรงแรมจะไม่ค่อยอร่อยแต่คุณป้าคนเสริฟเค้าก็อัธยาศัยดีน่ารักนะ ^^ โชคดีว่าวันรุ่งขึ้นอากาศดีขึ้นผิดหูผิดตาเลยพอได้ภาพสวยๆกลับมาบ้าง เอาไว้หายขี้เกียจเขียนบรรยายเมื่อไหร่จะกลับมาเขียนต่อนะคะ

------------------------------------------------------------------


เครดิตภาพ Illustration ของฟูจิซังหาจาก google

ภาพในบล็อคนี้ถ่ายด้วย Canon Kiss X3 ใช้เลนส์ EF-S 15-85mm F3.5-5.6 IS USM ภาพผ่านการโพรเซสมาหมดแล้ว มากน้อยแล้วแต่กรณี

------------------------------------------------------------------

รวมลิงค์บล็อคทั้งหมดของทริป

1. Kawaguchi-ko trip 1/2: จะมาดูฟูจิซังช่วง full bloom sakura แต่ไหงเจอหิมะพัดถล่มซะได้นะ -"-
2. Kawaguchi-ko trip 2/2: Snow sakura ของหายาก(รึเปล่านะ?) กับสวนกุหลาบสวยๆที่ Ukai Orgel no Mori

------------------------------------------------------------------

>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive
>> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2558 0:30:10 น.
Counter : 4106 Pageviews.  

เดินเล่น Ueno park ในวันฟ้าใสของโตเกียว...ดอกไม้น่ารักๆหลังฤดู 花見 Hanami



เครดิตภาพลายเส้นหาเอาจาก //www.google.com

--------------------------------------------------------------------------------

ภาพบล็อคนี้เพิ่งถ่ายมาได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์เอง สถานที่เดิมๆคือสวนสาธารณะอุเอโนะ(ก็ที่นี่ใกล้บ้านนี่นา) จริงๆหมดช่วงฮานามิไปแล้วซากุระเยอะๆที่ว่ามีเป็นพันต้นในสวนก็กลายเป็นใบเขียวๆหมดแล้ว แต่บังเอิ๊ญวันนึงเดินผ่านไปเห็นที่ตรงรอบ Shinobazu pond มีดอกไม้หลายๆสีตัดกับใบไม้ทั้งสีเขียวสีเหลืองสวยมากกก

เสียดายวันนั้นมีแต่ iPhone ไปแต่ยังไงก็ต้องขอถ่ายเก็บไว้ก่อน ทั้งอากาศดีทั้งใบไม้กำลังสีสวย



อีกภาพจาก iPhone ถ้ามองจากฝั่งตรงข้ามถนนมาตรงนี้จะสวยมากๆเลย มีทั้งต้นในภาพดอกสีชมพูใบสีออกเหลืองส้ม มีทั้งต้นที่ดอกสีขาว(แต่ในภาพไม่เห็น) แล้วก็ยังมีต้นเมเปิ้ลหลงฤดูใบสีแดงๆอีกต้นอยู่ใกล้ๆด้วย



วันที่เจอวันนั้นไม่มีเวลากลับบ้านไปเอากล้อง แต่ก็อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือว่าสุดสัปดาห์จะกลับมาถ่าย แต่โอกาสดีๆก็ใช่ว่าจะมีมาเสมอไป พอเตรียมกล้องไปอย่างดีต้นข้างบนก็กลายเป็นใบสีเขียวไปซะหมดแล้ว T_T เหลือต้นสีขาวกับต้นเมเปิ้ลนี่ล่ะที่ยังสีสวยเหมือนเมื่อวันก่อนที่เห็นอยู่



ไม่รู้เหมือนกันว่าโมมิจิต้นนี้มาอยู่นี่ได้ยังไง (ปกติไม่ค่อยเดินผ่านสวนนี้ ยกเว้นแต่ว่าตั้งใจจะมาสวนเลย) แต่ก็เลยพลอยได้สีแดงสดๆมาแอ๊บฤดูใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางบล็อคใบไม้ผลิช่วงนี้สักหน่อย สีใบโมมิจินี่ขึ้นกล้องจริงๆ



ถึงจะพลาดต้นไฮไลท์ที่เล็งไว้วันก่อนไปแต่ก็ยังดีว่าในสวนก็ยังมีซากุระหลงฤดูและดอกไม้อื่นๆให้ถ่ายรูปได้อยู่ รอบๆ Shinobazu pond นี้มีหลายต้นเลยที่กำลังออกดอกสีชมพูหวานแหวว ใบก็ยังไม่เขียวอื๋อ (แต่มีไม่ละลานตาเท่าซากุระจานหลักก่อนหน้านี้) เดาว่าพวกนี้คงเป็นพันธ์ที่จะออกดอกทีหลังจากซากุระจานหลักล่ะมั้ง



ซูมๆกับดอกสีชมพูน่ารักๆ ไม่ทันอ่านป้ายมาว่านี่คือซากุระหรือเปล่า คิดๆดูก็แปลกทำไมซากุระตอนที่ฮานามิกันมักเป็นพันธ์สีออกขาวหน้าตาคล้ายๆกันไปซะหมด พันธ์อื่นๆที่หน้าตาผิดแปลกไปหน่อยนี่ตอนช่วงฮานามิไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่เลย



มองอย่างห่างๆบ้าง นอกจากต้นที่มีดอกแล้ว ต้นอื่นๆก็ใบเขียวอื๋อกันซะหมดแล้วล่ะ ดูเผินๆอาจนึกว่าถ่ายที่ไทยก็เป็นได้



วันนี้ถือโอกาสมาเดินเล่นสวนสาธารณะสุดสัปดาห์เสียเลย ถึงจะหมดช่วงฮานามิแล้วแต่วันเสาร์อากาศดีๆนี่คนมานั่งเล่นที่สวนก็ยังเยอะอยู่ จขบ ก็เดินชิวๆเลียบขอบสระรับแดดอุ่นๆผลิตวิตามิน D ไปเรื่อยๆ



ตรงซุ้มน้ำชาแบบมีนั่งร้านเป็นทรงญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ก็มีปลูกดอกไม้ในกระถางสวยดี แอบเก็บภาพถ่ายจากนอกรั้วมาซะหน่อย



ดอกสีขาวๆนี้น่ารักดี ดูเผินๆทรงมันคล้ายดอกลิลลี่นิดๆแต่ไม่น่าจะใช่หรอก



ตรงร้านน้ำชานี้เจอโมมิจิหลงฤดูอีกต้นแล้ว แดงๆเหลืองๆอย่างนี้นี่นึกว่าอยู่ฤดูใบไม้ร่วงนะนี่


นอกจากดอกไม้บนต้น ก็ยังมีแปลงปลูกดอกไม้เล็กๆน้อยๆตามรอบขอบสระด้วย ดอกนี้นี่เห็นแล้วนึกถึงสมัยเรียนศิลปะตอนประถมเลย วาดดอกไม้ทีไรจะหน้าตาออกมาประมาณนี้ทุกทีทรงเบสิคของดอกไม้เลย


เดินต่อไปเจอเป้าหมายใหม่ที่ข้างหน้าแล้ว ต้นนี้ดอกสีชมพูสวยงาม กิ่งโน้มต่ำพอประมาณท่าทางจะ่ถ่ายได้ง่ายๆ


อันนี้ทันได้อ่านป้ายมามันคือซากุระพันธ์หนึ่งชื่อว่า Yama-zakura (Sato-zakura) กลีบดอกดูแล้วไม่เหมือนซากุระพันธ์ที่คนไทยคุ้นหน้าคุ้นตากัน ถ้าไม่อ่านป้าย จขบ เองก็คงไม่รู้ว่านี่คือซากุระ (ชอบภาพนี้มากๆ ขอลงภาพใหญ่นิดนึง)



พันธ์นี้ดอกที่ยังไม่บานเต็มที่ก็สีแดงๆเล็กสวยดี เหมือนมีกุหลาบแดงเล็กๆแซมต้นอยู่เลย



พอเย็นลงแล้วรู้สึกน้องนกจะบินกันขวักไขว่เป็นพิเศษ แบบว่าเฉียดหัวไปมาจนรู้สึกได้เลย ยิ่งถ้าไปเดินใกล้ๆรั้วด้วย น้องนกบินผ่านหัวมาเกาะรั้วเต็มเลย


น้องนกที่ญี่ปุ่นเจอที่ไหนๆก็ไม่กลัวคนเอาซะเลย เกาะรั้วไซร้ขนเฉ๊ยทั้งที่คนยืนห่างไปนิดเดียว


จริงๆถ่ายภาพน้องนกมาแบบหลายแอ็คชั่นเลย (ก็เล่นบินเฉียดหัว ล่อกล้องกันขนาดนั้น เลยอดขอลองถ่ายหน่อยไม่ได้) แต่เห็นว่ารูปเยอะ&นอกเรื่องไปพอควรเลยแยกไปในกลุ่มบล็อคภาพถ่ายแทน ถ้าสนใจอยากช่วยติมือใหม่หัดถ่ายน้องนกหรืออยากชมแอ็คชั่นแบบนกๆแวะได้ ที่นี่ นะคะ


เดินกินลมชมวิวต่อไป แดดดีๆอากาศกำลังเย็นสบายเลยเชียว
ร้านโอเด้ง(อยู่ข้างสระน้ำ)นี่จริงๆอยากลองกินสักครั้งนะเนี่ย ดูได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นๆแต่สั่งไม่เป็นอ้ะ เคยแต่กินแบบลดราคาที่ Lawson (แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวนี่จะน่าสนมากๆ)



ที่ตรงสนามเด็กเล่นเล็กๆของสวนมีครอบครัวมาลูกๆมาเล่นกันเต็มเลย ดูแล้วสดชื๊นสดชื่น ได้บรรยากาศวันหยุดสุดสัปดาห์ วันของครอบครัวดีจัง



อันนี้คร๊อปมาจากภาพบน ชอบน้องหมาตัวนี้เหมือนกันยืนดูอยู่นานขอตั้งชื่อว่าน้องหมาไฮเปอร์ เพราะเค้าจะวิ่งเข้าหาเพื่อไปเล่นกับทุกคนที่เดินเฉียดเข้าใกล้เค้าเลย


ตรงที่สนามเด็กเล่นนี้ก็มีต้นดอกไม้สีชมพูเหมือนกัน โชคดีวันนี้ จขบ รีบตื่นเพื่อมาถ่ายรูปเลยทันได้สูดอากาศดีๆตอนฟ้าใสๆกะเค้ามั่ง (ปกติตื่นมาก็แทบไม่เห็นแสงแดดแล้ว)



แคนดิตน้องหมาไฮเปอร์สักภาพ ยอมยืนนิ่งๆจนได้ในที่สุด



จริงๆอยากเข้าไปเล่นกับน้องหมาบ้างแต่ไม่กล้า มัวลังเลสุดท้ายเจ้าของเค้าก็พาน้องหมากลับไป อดเลย



เดินวนจนรอบสระแล้ว มาเจอเอาดอกไม้สุดท้ายที่หน้าร้านน้ำชา(คนละร้านกับตอนแรก) ดอกนี้นี่ใครผ่านไปผ่านมาก็มารุมถ่ายรูปกันใหญ่ ยิ่งผู้หญิงนี่กรี๊ดกร๊าดกันมากเพราะกลีบดอกมันดูนิ่มๆน่ารักจริงๆ แถมออกดอกเกาะกลุ่มกันเป็นช่อกลมเพอเฟ็ค ได้เป็น The Wedding Bouquet แบบไม่ต้องเสียเงินจัดช่อดอกไม้หรือตัดแต่งกันเลย (นี่ก็ภาพโปรด ขอใหญ่อีกภาพนึง)



แดดเริ่มจะซาลงแล้วรูปเลยชักไม่ค่อยใส รูปสุดท้ายต้นเดียวกับด้านบน ดอกที่ยังไม่บานเต็มที่เหมือนกุหลาบแดงเล็กๆ(อีกแล้ว)ติดกิ่งเต็มไปหมดเลย



ดอกสุดท้ายนี้ไม่ได้อ่านป้ายชื่อมาตามเคย แต่มีคนในห้อง @Japan ช่วยคอมเฟิร์มมาว่าเป็นซากุระแน่นอน ตอนนี้กำลังนึกๆอยู่ว่าสรุปดอกไม้สีชมพูทั้งหลายทั้งปวงที่เห็นในวันนี้(ในบล็อคนี้)มันเป็นซากุระหมดเลยหรือเปล่าหนอ หน้าตามันต่างกันนิดๆหน่อยๆแต่ดูไม่ออกอ้ะว่าซากุระต้องดูยังไง มีหลายพันธ์เกิน

สำหรับสวนสาธารณะอุเอโนะนี้ในฤดูใบไม้ผลิ นี่น่าจะบล็อคเป็นบล็อคสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าถัดไปจะไปถ่ายรูปอะไรดีขอเวลาเคลียร์ของเก่าและคิดของใหม่แป๊บนึง แต่ที่เล็งๆอยู่คืองาน 富士芝桜まつり Fuji Shiba-zakura Matsuri (url) เพราะไม่ไกลมากแล้วเผื่อได้แก้ตัวหนก่อนที่ไม่ได้เห็นฟูจิซังแบบเต็มๆแถมไปเจอทุ่งหิมะแทนทุ่งดอกไม้อีกด้วย

เพิ่งสมัคร multiply สดๆร้อนๆเลยเอาไว้อัพรูปสำหรับบล็อคขึ้นง่ายๆหน่อย คลิกที่ลิงค์ด้านล่างสุดของหน้านี้เพื่อไป multiply ได้นะคะจะมีรูปมากกว่าในบล็อคหน่อย

--------------------------------------------------------------------------------


เครดิตภาพลายเส้นหาเอาจาก //www.google.com

ภาพในบล็อคนี้มาจาก Canon Kiss X3 กับเลนส์ EF 50mm F1.4 USM (ยกเว้นสองภาพแรกถ่ายจาก iPhone 3GS) ภาพถูกโพรเซสด้วย PS มากน้อยแล้วแต่ภาพ ( หมุนภาพ / คร็อป / ปรับแสง / ปรับ contrast / high pass filter / ย่อUSM / ใส่โลโก้ )

>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด
>> //willselection.multiply.com




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 23 มกราคม 2554 17:01:37 น.
Counter : 7475 Pageviews.  

มาช้ายังดีกว่าไม่มา....ซากุระ 2010....ภาพบรรยากาศส่งตรงจากสวนสาธารณะ Ueno โตเกียว


ตามหัวข้อเป๊ะเลยเพราะว่าซากุระบล็อคนี้มาช้ามากกกกกก จนที่สวนอุเอโนะซากุระร่วงหมดไปหลายอาทิตย์แล้วเพิ่งจะได้ฤกษ์มาโพสนี่เอง แต่อย่างว่ามาช้าดีกว่าไม่มาอุตส่าห์ถ่ายไว้แล้วจะเก็บใส่ฮาร์ดดิสก์ให้เน่าไปตามกาลเวลาก็ใช่ที่ ขอเปิดตัวแบบใหญ่ๆสะใจสักภาพกับมาลัยซากุระ(แน่นอนว่ารีทัชเอา)ต้อนรับคนที่หลงคลิกเข้ามาชมบล็อคนี้นะคะ



ซากุระต้นแรกๆของสวนอุเอโนะบานตั้งแต่ประมาณอาทิตย์แรกของเดือนมีนาแล้ว ต้นในสวนยังใบเขียวๆอยู่เลยแต่ที่ตรงด้านหน้าสวนสองต้นที่ขนาบป้ายชื่อสวนนั้นชมพูอร่ามนำเทรนด์มาก่อนเลย



บานแต่เนิ่นๆยังงี้ก็สวยไปอีกแบบสีสันตัดกันฉับๆดี ทั้งสีดอกไม้หวานๆ สีต้นไม้เขียวๆเหลืองๆ สีท้องฟ้าสีฟ้าๆ



ซากุระพันธุ์นี้เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้แต่ข้างในดอกสีชมพูเข้มๆดูหวานๆดี (รูปเปิดบล็อคเป็นภาพถ่ายจากต้นนี้นี่ล่ะ)



ซากุระนี่เป็นดอกไม้ที่ขึ้นเกาะกันเป็นกลุ่มๆก้อนๆ ดูแล้วเป็นช่อกลมๆตามธรรมชาติให้ความรู้สึกเหมือนช่อดอกไม้เลย



อีกรูปกับซากุระแรก(มั้ง)ของสวนนี้ วันนั้นฟ้าใสได้ใจจริงๆถ่ายรูปออกมาสีสวยถูกใจ๊ถูกใจ >.< เสียดายว่าต้องรีบไปขึ้นรถไฟเลยอู้มาถ่ายได้แป๊บเดียวเอง


ปีนี้อากาศวิปริตแปลกๆแถมหนาวนานมากกกก กว่าซากุระที่ในสวนอุเอโนะจะบานเต็มที่จนมา 花見 Hanami กันได้ก็ปาเข้าไปอาทิตย์แรกของเดือนเมษาแล้ว สองต้นแรกที่บานตั้งแต่ตอนมีนาก็กลายเป็นใบเขียวอื๋อไม่เหลือดอกแล้ว ถึงเวลาหลีกทางให้ซากุระหลักของสวนนี้ออกโรงบ้างแล้วล่ะ เริ่มที่หนึ่งในต้นไฮไลท์ที่อยู่ตรงป้ายชื่อสวนพอดี



พันธุ์นี้เป็นกิ่งย้อยๆลงมา กิ่งโน้มต่ำและดอกซากุระแน่นไปหมดเลือกถ่ายรูปได้ง่าย เห็นซากุระเยอะขนาดนี้นี่เหมือนดอกไม้จะทะลักท่วมจอเอาเลย


ต้นนี้ดอกอัดกันแน่นไม่พอเกสรตุ่มเหลืองๆก็เยอะและเห็นชัดกว่าซากุระแบบอื่นที่เคยเห็นมา ดูไปดูมาเกสรดูจะเด่นเด้งออกมามากกว่ากลีบเสียอีก อย่างว่านะซากุระมันก็มีหลายพันธุ์


ภาพสุดท้ายชัดๆกับซากุระต้นด้านหน้านี้ กลีบดอกดูจะอมชมพูๆนิดนึงนะเนี่ย (ต้นอื่นๆในสวนอุเอโนะมันเป็นแบบกิ่งอยู่ซู๊งสูงอ่ะ ซูมถ่ายมาก็ยังเห็นดอกไม่ค่อยชัดเลย)


แซมเปิ้ลต้นด้านหน้าเรียกน้ำย่อยไปแล้วก็เข้าในสวนเลยดีกว่า วันนั้นอากาศดีเสร็จมีตติ้งที่แล็บอุตส่าห์รีบโดดขึ้นรถบัสตรงมาถ่ายรูปที่สวนนี้เลยทันพอดี(ก่อนแสงจะหมด) ไม่รู้สวนที่อื่นเป็นไงแต่ถ้า จขบ เห็นโคมไฟแบบนี้เมื่อไหร่จะนึกไว้ก่อนเลยว่าถ่ายที่สวนอุเอโนะแหงๆ



วันที่ไปนั้นเป็นวันธรรมดาแถมยังไม่ถึงเวลาบริษัทเลิกงานเลย แต่ผู้คนที่มาเดินในสวนก็ล้นหลามล้านแปดแสนแล้ว ปีนี้อากาศยังหนาวอยู่เลยถ้าใส่เสื้อหนาวนวมประมาณคนในภาพก็คงอุ่นพอดี แต่ จขบ น่ะเก็บเสื้อนวมลงกล่องไปแล้วขี้เกียจรื้อเลยใส่เสื้อคลุมบางๆแนวฤดูใบไม้ผลิ เดินถ่ายรูปไปนี่เจอลมพัดหนาวไปถึงเครื่องในขนลุกตั้งฉาก 90 องศาเลย บรื๋อออออ


ซากุระหลักในสวนนี้จะเป็นพันธุ์ต้นสูงๆดอกสีขาวอย่างรูปด้านล่าง ถ้าถ่ายใกล้ๆก็สวยน่ารักดีแต่ถ้าถ่ายมุมกว้างๆอย่างรูปข้างบนมันจะดูขาวๆจืดๆไปหน่อยนึง ครั้งแรกที่ จขบ มาญี่ปุ่นก็ตอนหน้าซากุระของสวนนี้พอดียังแอบผิดหวังเลยว่าถ่ายรูป(บรรยากาศ)ออกมามันดูจืดไม่สวยหวานโรแมนติคอย่างที่หวังไว้เท่าไหร่


ไหนๆอุตส่าห์โดดงานในแล็บออกมาแล้วก็ต้องถ่ายรูปกันให้เต็มที่ เดินขึ้นบันไดมาถ่ายจากมุมศาลเจ้าที่อยู่ชั้นบนบ้าง ซากุระสีขาวๆกับโคมไฟสีแดงๆ และผู้คน (เดินขึ้นไปก็กลัวหงายหลังกลิ้งตกบันไดไป บันไดมันสูงแล้วก็ชัน คนก็เยอะอีกตะหาก เกาะราวบันไดไม่ได้เลย)



คั่นฉากดอกไม้ด้วยมังกรตัวนี้หน่อยนึงแสงกำลังสวยดูน่าเกรงขามดี ไม่รู้เป็นที่ล้างมือหรือว่าเป็นจำพวกน้ำศักดิ์สิทธิ์อะไรหรือเปล่าเห็นผู้คนเอากระบวยมารองน้ำจากปากมังกรเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้ (แบบว่าไม่ค่อยสนใจอ่ะ เดินดูอย่างเดียว)


ชมซากุระจากระเบียงศาลเจ้าด้านบนนี้ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ใกล้ชิดซากุระ(ต้นสูงๆ)ขึ้นอีกนิดนึง อยากบอกว่าถ่ายรูปมาเป็นร้อยเนี่ยไม่มีรูปตัวเองแม้แต่รูปเดียว มาคนเดียวก็งี้ล่ะนะ ขอให้ใครช่วยถ่ายให้ก็ได้อยู่ แต่ก็ต้องหันหน้าแอ็คให้กล้อง ไม่ได้บรรยากาศว่ากำลังชมดอกไม้อยู่เท่าไหร่เลยมันเหมือนมาถ่ายรูปคู่กับดอกไม้เฉยๆ (จขบ ชอบแนวแคนดิตเพราะมันได้อารมณ์และบรรยากาศมากกว่า)



แว่บไปส่องป้ายขอพรที่ข้างๆศาลเจ้ากันนิดนึง วันนั้นเดินชนคนไทยไปตั้งหลายกลุ่มอุตส่าห์มามองหาว่ามีป้ายไหนภาษาไทยมั่ง แต่ดูผ่านๆแล้วไม่เจอเลยอ่ะ สงสัยต้องเป็นช่วงสงกรานไปเลยคนไทยถึงจะล้นหลาม


เดินวนที่ส่วนด้านบนของสวนกันต่อ เจอไฮไลท์ต้นซากุระสีชมพู๊ชมพูนี้อีกต้น ดอกสีชมพูแน่นเต็มต้นน่ารักมากๆ เสียดายว่ามีแค่ต้นเดียวเดี่ยวๆน่าจะปลูกรวมกันเยอะๆให้เป็นสีชมพูอร่ามไปส่วนนึงเลยนะเนี่ย คงสวยหวานน่าดูผู้หญิงชอบแน่ๆ



อ้ะนี่ภาพชัดๆที่สุดเท่าที่สามารถถ่ายมาได้ อยู่ญี่ปุ่นมาก็หลายปีปกติไม่เคยสังเกตชัดๆเลย รู้แต่ซากุระมันมีแบบสีขาวกับสีชมพู แต่พอได้มาบ้าถ่ายรูปแล้วถึงจะเห็นว่าที่เห็นขาวๆกับชมพูๆนี่ก็ยังแบ่งแยกย่อยไปอีก อันนั้นสีต่าง อันโน้นเกสรคนละแบบ อันนี้รูปร่างกลีบไม่เหมือนกัน โอ๊ย แตกต่างกันเยอะแยะมากมายไว้เดี๋ยวว่างๆอาจรวมภาพซากุระชนิดต่างๆไว้เทียบกันสักบล็อคนึง


จขบ ไปถึงสวนประมาณบ่ายสามกว่าๆ แต่ทั้งสวนก็แทบไม่เหลือที่ว่างแล้ว คนมาปูเสื่อจองที่สำหรับมาก๊งเหล้า เอ้ย มากินข้าวชมดอกไม้กันเต็มไปหมดแล้ว แต่ละเสื่อนี่เสบียงกองไว้อย่างเพียบ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้รถไฟในการเดินทางกว่าจะช่วยกันหอบเสบียงทั้งหมดมาเนี่ยก็คงยุ่งยากไม่เบา

ตอน จขบ ไปถึงส่วนใหญ่ยังไม่เริ่มกินกัน มองไปทางไหนเห็นแต่คนนั่งเฝ้าเสื่อ นอนเฝ้าเสื่ออยู่ ส่วนใหญ่เตรียมตัวรับอากาศหนาวมาดีทั้งผ้าห่มทั้งถุงนอน กะมานอนอุ่นรอเวลากันเต็มที่เลย บางเสื่อก็เห็นนั่งเบื่อเฝ้าอยู่คนเดียว แต่ส่วนใหญ่ก็มักอยู่กันหลายคนนะ (เพิ่งรู้จากที่อ่านในห้อง @Japan ว่าถ้าไม่มีคนนั่งเฝ้า เดี๋ยวจะโดนคนดูแลสวนมาเก็บเสื่อออกไป มิน่าล่ะต้องมานั่งเฝ้ากันแต่หัววันเลย)


เสื่อส่วนใหญ่ก็เห็นเป็นเสื่อเล็กเสื่อน้อยมากันกลุ่มไม่ใหญ่มาก (สักสิบคน) แต่บางเสื่อก็เตรียมกันมาแบบจริงๆจังๆเลยดูแล้วเดาเลยว่าเป็นงานชมดอกไม้ของบริษัทแหงๆ ยกกันมาทั้งแผนก เอาลังมาจัดตั้งเป็นโต๊ะกินข้าวซะเรียบร้อยเลย (เสื่ออื่นๆเห็นส่วนมากก็วางอาหารกินกันบนเสื่อนี่ล่ะ)


แดดก็จะหมดแล้ว แต่ที่สำคัญกว่าคือ จขบ ไม่ไหวแล้วปวดแขนมากต้องหาที่พักวางของกินข้าวเสียหน่อย ตอนที่ออกมาตอนเย็นๆเห็นบางเสื่อเริ่มกินกันแล้วล่ะ


แวะไปพักวางของกินข้าว ชาร์จแบตกันนิดนึง จริงๆกล้องกับเลนส์น่ะไม่เท่าไหร่แต่ที่หนักและเหนื่อยเพราะกระเป๋าถือกับกระเป๋าหนังสือนี่สิ แบบว่าโดดออกจากแล็บมาทั้งอย่างนี้เลยของพะรุงพะรังกระเป๋าลากก็ไม่ได้เอามา เวลาถ่ายรูปต้องแขวนทุกอย่างไว้ที่แขนแล้วยกกล้องถ่ายมันเกร็งอ่ะเลยปวดแขน แถมตอนไปพักกินข้าวก็ไม่พักเปล่าไปช้อปเพิ่มได้มาอีกถุงเบ้อเริ่ม -"-

คราวนี้มาถึงคราว 夜桜 Yo-zakura หรือซากุระยามค่ำคืนกันบ้างแล้ว ทฤษฎี(ตั้งเอาเอง)บอกไว้ว่าถ้าเมื่อไหร่ถ่ายกลางวันไม่สวย ไม่ว่าจะเพราะฝนตก เมฆบัง อากาศไม่อำนวยหรืออะไรก็ตามแต่ ให้แก้ตัวโดยย้ายมาถ่ายตอนกลางคืนแทนเพราะแสงสีต่างๆจะทำให้ภาพดูดีขึ้น และก็ไม่ผิดจากที่คิด ซากุระสีขาวๆตัดกับฉากท้องฟ้ากลางคืนดูเด่นขึ้นอีกเยอะเลย


จะว่าไปตอนกลางวันก็ไม่ทันสังเกต แต่พอกลางคืนถ่ายรูปมาเลยเห็นชัดๆเลยว่าต้นที่ป้ายชื่อสวนนี้มีทั้งดอกขาวและดอกชมพูในต้นเดียวกัน แหม มืดๆแล้วเปิดไฟอย่างนี้ดูอะไรๆมันเด่นเด้งออกมาจากฉากหลังดีจัง



ตกกลางคืนมาก็มี Illumination ให้ดูในสวนเหมือนกัน เป็นรูปหัวใจท่ามกลางเหล่าสิงสาราสัตว์ของสวนสัตว์อุเอโนะ


ชัดๆ หัวใจอันนี้สวยดีนะ ยิ่งกลางคืนเปิดไฟขึ้นมานี่เด่นมากๆ


เดินตามแนวโคมไฟสีแดงๆขึ้นบันไดไปก็เจอการเล่นไฟบนต้นไม้ ไฟจะวิ่งไล่ระดับจากด้านล่างขึ้นด้านบนแล้วก็มีสลับสีด้วย แต่ถ้าเป็นภาพนิ่งก็เห็นได้แค่ประมาณนี้แหล่ะ


ถ่ายกลางคืนอยากเน้นไฟกลางคืนมากกว่า เลยจงใจถ่ายมาให้มืดๆอย่างนี้ เห็นไฟชัดๆไม่เน้นฉากเท่าไหร่ รูปนี้ถ่ายจากบันไดด้านบนตรงศาลเจ้าที่มีมังกรเมื่อตอนเย็นลงไป เห็นการประดับโคมไฟวนไปทั่วเลย


อันนี้ก็อีกหนึ่งบันไดแต่จะลงไปล่างสุดถึงตรงส่วน Shinobazu pond เลย ตึกในภาพคืออะไรไม่รู้(หลังคาจริงๆจะสีเขียวๆ) แต่ที่ด้านหน้ามีร้านขายขนมขายของกินเยอะแยะเหมือนตามพวกงานปีใหม่ (แต่ตอนนั้น จขบ เหนื่อยแล้วอ่ะขี้เกียจเดินไปถึงโน่น)


เห็น Illumination กันไปพอประมาณแล้ว กลับมาที่ซากุระตามหัวข้อดีกว่า ถ่ายกลางคืนค่อยยังชั่วดูเด่นขึ้นเยอะเลย (แต่แลกกับภาพสั่นแทน ปวดแขนมากๆที่ต้องห้อยทุกอย่างสี่ห้าถุงไว้ที่แขนซ้ายข้างเดียว ยิ่งเวลาถ่ายรูปมุมสูงแล้วต้องยกกล้องให้นิ่งที่สุด เลนส์ก็ไม่ใช่เลนส์ไวแสงเสียด้วยดีว่า IS 4 stops ของเลนส์นี้ช่วยชีวิตไว้)


ช่วงซากุระพีคๆมีแค่ไม่นาน ถึงจะมืดแล้วแต่ผู้คนก็ไม่ได้น้อยลงเลย เผลอๆจะเยอะกว่าตอนกลางวันอีกเพราะคนเลิกงานก็มากัน คนที่มาปูเสื่อกินข้าวก็มากันพร้อมแล้ว


ตอนมืดนี้มองไปเสื่อไหนก็ตื่นนอนกันหมดแล้ว กำลังกินข้าวก๊งเหล้าล้งเล้งกันเสียงระงมเลย (ร้านไหนๆรอบๆสวนนี้ก็ขายอาหารเป็นเซ็ตใหญ่สำหรับ Hanami กันทั้งนั้นเลย น่ากิ๊นน่ากินอ่ะ แต่คนเดียวกินไม่หมดเลยอด)



เท่าที่แขนล้าๆสองข้างจะไหว พยายามถ่ายเก็บภาพบรรยากาศซากุระแบบแน่นๆของสวนนี้มาให้ได้มากที่สุด



รูปตะกี้ซากุระยังไม่อลังการพอเอารูปนี้แทนดีกว่า เห็นกันจะๆเลยว่าซากุระเยอะสุดขอบฟ้าเลยจริงๆ (ขอบคุณช่วง 15mm ของเลนส์ตัวนี้ด้วยที่ทำให้ได้ภาพที่ดูกว้างอลังการขึ้น)



รูปตะกี้สุดขอบฟ้า รูปนี้ขอเป็นสุดขอบสวน(ขอบถนน)บ้าง ซากุระที่สวนนี้เยอะจริงๆแหล่ะ แต่ถ้าถ่ายรูปมาตอนกลางวันมันดูไม่ค่อยอลังการเท่าไหร่ดูกลืนๆไปกับท้องฟ้าซะมาก



ถ่ายออกมาสวยเลยถ่ายมาเยอะเลย ปีหน้าจะเป็นใบไม้ผลิสุดท้ายของ จขบ ที่ญี่ปุ่นก็คงจะย้ายไปถ่ายที่อื่นไม่กลับมาถ่ายที่สวนนี้อีก (ยกเว้นว่าว่างๆ เพราะสวนนี้ใกล้บ้านอยากมาเมื่อไหร่ก็ได้)



ดี๊ด๊าถ่ายรูปได้สักพักจนแขนซ้ายมันออกอาการยกไม่ขึ้นเลยต้องเดินกลับบ้านแล้ว(ปวดแขนซ้ายไปตั้งอาทิตย์กว่าจะหาย) ทางเดินด้านหน้าประดับโคมไฟตลอดแนวเห็นเป็นไฟสีแดงๆตลอดทางเลย ปรับยังไง๊ยังไงก็ได้แค่นี้



ประสบการณ์หนึ่งที่ได้จาก Hanami ที่นี่คือการเจอโรคจิตแบบถึงเนื้อถึงตัวเป็นครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมาเจอแต่พวกมาชวนทำงานพิเศษ นานๆก็พวกมาชวนไปกินข้าวดื่มกาแฟ หนักสุดที่เคยเจอก็แค่อยู่ๆเดินมาคว้าข้อมือเฉยเลยเรียกเฉยๆไม่เป็น แต่พวกนี้นี่เดินหนีก็หมดปัญหาแล้วไม่มีอะไร มาหนนี้นี่อย่างงงเลย กำลังยืนเล็งๆพยายามถ่ายรูปพระจันทร์ลอดผ่านกิ่งไม้อยู่(แต่สุดท้ายก็เหลว ถ่ายมาไม่ได้) รอบตัวก็คนเดินกันขวักไขว่ อยู่ๆรู้สึกมีใครมาจับก้น(จริงๆเหมือนตีแปะเข้าที่ก้นมากกว่า) มองไปเห็นตาลุงโรคจิตคนร้ายเดินไปข้างหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อย่าว่างั้นงี้เลย แต่ความรู้สึกแรกคือ "เมื่อกี้มันอะไรกันแฮะ?" แบบว่ามันไม่ใช่อาการบังเอิญมาโดนแน่ๆอ่ะมันจงใจชัดๆ ไม่รู้ว่าจะแปลกมั๊ยนะ แต่ความรู้สึกต่อมาคือ "ฉงน" สงสัยว่าไอ้ที่ทำแบบนี้มันทันได้รู้สึกอะไรด้วยเหรอแฮะ จขบ เป็นคนโดนยังงงๆอยู่เลยว่ามันอะไรยังไง แว้บเดียวแล้วก็ผ่านไป จขบ ประหลาดหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่ไม่ทันได้รู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยงอะไรเลยอ่ะ งงอย่างเดียวเลยว่าทำไปเพื่ออะไรเนี่ย

บล็อคแบบซากุระเน้นๆที่โตเกียวก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่ฤดูใบไม้ผลิยังไม่หมดไปก็ยังเหลือควันหลงซากุระและดอกไม้อื่นๆที่จะตามมาอีกในบล็อคถัดๆไป สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณผู้อุปการะคุณทุกท่านที่คลิกเข้ามาในบล็อคร้างๆนี้ด้วยค่า

--------------------------------------------------------------------------------

ภาพในบล็อคนี้มาจาก Canon Kiss X3 กับเลนส์ EF-S 15-85mm F/3.5-5.6 IS USM ภาพถูกโพรเซสด้วย PS มากน้อยแล้วแต่ภาพ ( หมุนภาพ / คร็อป / ปรับแสง / ปรับ contrast / high pass filter / ย่อUSM / ใส่โลโก้ )

>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 28 เมษายน 2553    
Last Update : 23 มกราคม 2554 17:09:29 น.
Counter : 4786 Pageviews.  

ดอกไม้บานกลางมหาวิทยาลัยโตได (Spring2010 @Tokyo)


หลังจากบล็อคมาราธอนของทริปฮอกไกโดก็ห่างหายจากการเขียนบล็อคไปพักนึงเลย ช่วงนี้ทั้งเที่ยวหนักทั้งงานหนัก ถ่ายรูปไว้เพียบแต่ไม่มีเวลามาทำรูปมาเขียนบล็อคสักที วันนี้ขอเคลียร์ไปสักบล็อคก่อนด้วยหัวข้อหากินเดิมๆ บรรยากาศในมหาลัยช่วงฤดูใบไม้ผลินี่เอง (ก็ชีวิตที่นี่ก็อยู่แต่มหาลัยนี่แหล่ะ ที่บ้านมีไว้นอนเป็นหลัก)

ความรู้สึกที่ว่าฤดูใบไม้ผลิมันมาแล้วนะเริ่มตั้งแต่ต้นๆเดือนมีนาเลย(ไ่ม่นับว่าอากาศยังหนาวอยู่เลย เส้นทางที่เดินมามหาลัยทุกวันพอเข้ามีนาปุ๊บเดินผ่านพุ่มดอกไม้นี้ก็เห็นดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอ่อนๆชื่นใจ๊ชื่นใจ ตลอดเดือนมีนาจะต้องข้ามถนนเพื่อมาเดินสูดกลิ่นหอมๆที่ทางฝั่งนี้เป็นประจำเลย


ไม่ใช่แค่ดอกไม้แต่เพิ่งสังเกตปีนี้เองว่า ต้นไม้เหนือหัวที่เดินผ่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี่เป็นต้นผลไม้กะเค้าด้วย เดินผ่านเห็นผลสีส้มๆหลายผลอยู่บนหัวน่าปีนสอยลงมาลองกินยิ่งนัก (แต่ไม่ยักกะเห็นผลร่วงกะพื้นสักที สงสัยคงมีคนคอยเก็บผลอยู่แล้วล่ะมั้งเนี่ย)


ต้นๆมีนายังไม่ถึงเวลาที่ซากุระจะบานที่โตเกียว แถมปีนี้ก็หนาวนานแสนนานเกิดอาเพศอะไรก็ไม่รู้ ก่อนซากุระจะมาก็ซึมซับบรรยกาศเบื้องต้นกับดอกไม้อื่นๆในมหาลัยไปก่อน ดอกนี้คล้ายๆดอกโบตั๋นหรือดอกป๊อปปี้ หน้าตาเหมือนเข็มกลัดที่ขายที่ไทยวันทหารผ่านศึกเปี๊ยบเลย เพิ่งเคยเห็นดอกจริงๆบนต้นก็ที่นี่เอง (ปีก่อนๆไม่ค่อยสนใจมองอะไรรอบข้างนัก แต่พอเริ่มถ่ายรูปก็จะคอยมองหาโน่นนี่เพื่อเก็บภาพอยู่เรื่อยได้เห็นอะไรๆในมหาลัยขึ้นอีกเยอะเลย)


ยังอยู่ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมีนาอยู่ แต่ที่หน้า Starbucks ใกล้ Seimon ก็มีต้นซากุระมาให้ได้ถ่ายรูปกันซะต้นนึง วันที่ถ่ายดอกยังไม่บานเต็มที่เลย แต่ก็เห็นเกสรสีชมพูๆเต็มต้นสวยไปอีกแบบ (มองไกลๆอย่างในรูปอาจไม่ค่อยสวย แต่ดูดอกใกล้ๆนี่สวยจริงๆนะ)


ต้นนี้กิ่งอยู่ซู๊งสูงต้องซูมกันสุดกระบอกเลย คิดว่าน่าจะเป็นซากุระนะ แต่พันธุ์นี้ดูต่างกับที่เคยเห็นที่ด้านหลังมหาลัย อันนี้เกสรแฉกๆสีชมพูเหมือนมีดอกเล็กซ้อนอยู่ข้างใน ถ่ายรูปออกมาสีหวานเจี๊ยบถูกใจ๊ถูกใจ คู่สีโปรดของเราเลยสีขาวกับสีชมพู


ชัดๆ(เท่าที่สามารถถ่ายมาได้)กันอีกสักรูป ใครว่าซากุระต้องรอบานเต็มที่ถึงจะสวย เราคนนึงล่ะว่าตอนที่ยังไม่บานเต็มที่นี่ล่ะถ่ายรูปสวยดี มีทั้งดอกสีขาวๆ มีทั้งสีเขียวสีเหลืองจากใบไม้ มีทั้งสีของดอกตูมๆสลับๆกันไป ไม่ขาวจั๊วะอย่างเดียว


ซากุระพันธุ์นี้มีแต่เกสรก็ยังสวยถ่ายรูปเพลินเลย เหมือนมีดาวดวงเล็กๆสีชมพูติดเต็มกิ่งเต็มไปหมด


รูปนี้ชอบมากๆเป็นการส่วนตัวเน้นๆแต่ที่ยังไม่ออกดอก มีแสงด้านหลังทำให้ดูเบลอๆเห็นรูปร่างเกสรเป็นดวงดาวชัดเจนขึ้น ภาพดอกซากุระเห็นกันบ่อยแล้ว ถ้าเบื่อๆลองเปลี่ยนมาถ่ายดอกตูมๆหรือเกสรอย่างนี้บ้างก็สวยไปอีกแบบนะ


ถัดจากซากุระต้นข้างบน เดินๆมามหาลัยวันนึงก็เจอต้นนี้เข้า ดอกสีขาวบริสุทธิ์ดอกใหญ่กำลังบานเต็มต้นที่หน้าป้ายทางเข้าโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตไดเลย


ดอกอะไรไม่รู้แต่สวยดี ให้ความรู้สึกแบบว่าขาวสะอาดบริสุทธิ์ สง่าและนุ่มนวลบอกไม่ถูก


ถ่ายย้อนแสงพระอาทิตย์ช่วงบ่ายแก่ๆหน่อย เห็นกิ่งก้านเป็นลวดลายเสริมดอกไม้ที่ถูกแสงอุ่นๆย้อมให้เป็นสีอมเหลืองซ๊วยสวย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าวันรุ่งขึ้นเดินผ่านมาอีกที ต้นนี้ถูกตัดกิ่งซะเหี้ยนเลยเสียดายจัง เดาว่ากิ่งมันคงยื่นไปเกะกะรถบัสที่วิ่งอยู่บนถนนมั้งนะ โชคดีว่าถ่ายภาพมาได้วันสุดท้ายพอดี


หัวข้อว่าถ่ายที่โตไดทั้งทีมีหรือจะขาดสัญลักษณ์หอนาฬิกาไปได้ แต่ที่ประตูด้านหน้าไม่ค่อยมีดอกไม้เท่าไหร่เน้นต้นแปะก๊วยสำหรับฤดูใบไม้ร่วงมากกว่า นอกจากสองต้นนี้ที่ขนาบอยู่ข้างๆหอนาฬิกาก็ไม่มีต้นอื่นที่มีดอกแล้วล่ะ ขอถ่ายเสยซะนิดนึงให้เห็นทั้งดอกไม้ทั้งหอนาฬิกาสักหน่อย


สองต้นนี้เห็นทุกปี ออกดอกสีชมพู๊ชมพูหวานแหววมากๆ ได้ยินแว่วๆจากคุณป้าที่มาเที่ยวมหาลัยว่าไม่น่าใช่ซากุระนะ แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นอะไร


ที่รู้คือถ้ามีต้นที่มีดอกสียังงี้ปลูกเรียงกันเยอะๆนี่คงจะสวยหวานน่าดูกลายเป็นโลกสีชมพูไปเลย (รูปนี้ถ่ายมาไกลๆแถมคร๊อปภาพอีก ได้ชัดสุดแค่นี้เอง T_T )


ปีนี้หนาวนาน กว่าที่จุดชมซากุระของแคมปัสนี้ที่อยู่ทางด้านหลังมหาลัย(ด้านหน้าโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโตเกียว)จะเริ่มบานเต็มต้นก็ปลายๆมีนาโน่นไปเลย ในภาพต้นยังดูแดงๆอยู่เพราะดอกซากุระยังบานไม่เต็มที่เลย


ถ้าด้านหน้า Seimon คือที่สำหรับชมต้นแปะก๊วยในฤดูใบไม้ร่วง ด้านหลังตรงทางเดินมาจาก Tatsuoka-mon ก็คือที่สำหรับชมซากุระนั่นเอง เดินมาไม่ยากมาตามป้ายทางที่ชี้มาโรงพยาบาลมหาลัยโตไดนั่นล่ะแล้วก็จะเห็นแนวต้นซากุระเรียงรายอยู่เอง


เดินผ่านตรงนี้ทุกวัน ก็รอร๊อรอว่าเมื่อไหร่จะบานเต็มที่สักที ปีนี้ถือว่าช้าพอควรรอไปถึงเกือบต้นเดือนเมษาเลย แต่ในที่สุดตรงนี้ก็พร้อมแล้วสำหรับ Hanami ดอกซากุระสีขาวจั๊วะบานเต็มต้นครบทุกกิ่งแล้ว


หามุมถ่ายรูปให้ได้บรรยากาศกิจกรรมการสัญจรในมหาลัยนิดนึง ทั้งแมวดำ ทั้ง sagawa ทั้ง post office ทั้ง DHL และ FedEx เห็นวิ่งไปวิ่งมาในมหาลัยเป็นประจำ กว่าจะได้รูปถ่ายวันที่แดดดีเนี่ยก็เกือบไม่ทันไปเหมือนกัน ฝนตกบ้าง ตื่นสายบ้าง ติดงานบ้าง


ชัดๆสักภาพ จุดที่ซากุระเยอะที่สุดของแคมปัสนี้อยู่ที่ตรงนี้แหล่ะ ตึกตรงข้ามคือโรงพยาบาล สังเกตง่ายๆเพราะมีจะคิวแท็กซี่จอดรออยู่ตลอดเวลาจนถึงดึกๆที่รถไฟหมดเลย


ช่วงที่ซากุระบานนั้นมันสั้นแถมอากาศก็ไม่ได้เป็นใจกันทุกวัน มีโอกาสแดดดีๆวันนั้นเลยขอถ่ายมาเยอะนิดนึง


ความอลังการของซากุระที่โตไดคงสู้ ต้นแปะก๊วยตอนใบไม้ร่วงไม่ได้ แต่ก็นะพยายามถ่ายให้ออกมาดูเยอะที่สุดแล้วเนี่ย เดินผ่านแถวนี้ถ้าเผลอเงยหน้าชื่นชมซากุระด้านบนเพลินเมื่อไหร่เป็นต้องส้นรองเท้าไปติดร่องแยกของพื้นทู๊กที เสียบุคลิกหมด เดินๆมาทีอยู่ๆก็จะหน้าทิ่มเอา



ถึงแม้ซากุระจะไม่เยอะนักแต่ก็พอให้มีที่ Hanami กันได้ในมหาลัยเหมือนกัน จาก Tatsuoka-mon ผ่านหน้าโรงพยาบาลมาเรื่อยๆ ขึ้นบันไดที่อยู่ข้างสนามฟุตบอลตรงนี้ก็จะเป็นลานเล็กๆสำหรับมาปูเสื่อ Hanami กันในมหาลัยแล้ว



นิดนึงกับบรรยากาศมองจากข้างบนนี้ไปทางถนน



ลานสำหรับ Hanami นี้ไม่กว้างเท่าไหร่ แต่ช่วงที่ Full bloom และอากาศดีๆก็เห็นมีนักเรียนจากแล็บต่างๆ(พร้อมด้วยอาจารย์)มาปูเสื่อสีฟ้าจองที่ปาร์ตี้กันใต้ต้นซากุระประจำกลางวันก็เยอะ ตกกลางคืนก็ยังมีอยู่บ้าง



นอกจากคนมา Hanami ช่วงนี้ก็จะเห็นเด็กๆตัวเล็กๆถูกพามาเล่นแถวๆนี้หนาตากว่าปกติด้วย บรรดาคุณแม่ก็ Hanami ไปคุยกันไป ลูกๆกินเสร็จก็มาวิ่งเล่นกันรอบๆ ผู้ใหญ่บางคนก็มานั่งอ่านหนังสือซึมซับบรรยากาศซากุระกันที่ตรงนี้



ซูมๆสักภาพกับดอกซากุระตรงนี้ที่อยู่ติดรั้วของสนามฟุตบอล(เพราะเป็นจุดที่กิ่งโน้มมาต่ำสุดถ่ายง่ายสุดแล้ว) คิดว่าน่าจะคนละพันธ์กับต้นข้างบนๆนะ เห็นเกสรไม่เป็นแฉกๆรูปดาว


แต่ก็นะถ้าได้แบ็คกราวด์ฟ้าใสๆซะหน่อยและเลนส์ซูมถึงก็ออกมาสวยดี ซากุระเนี่ยเป็นดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกน่ารักยังไงก็ไม่รู้


ช่วง Full bloom นี้ถ่ายง่ายหน่อยมีให้เลือกเล็งเยอะว่าจะเล็งช่อไหนดี ช่อสูงๆซูมไม่ถึงก็เอาช่อเตี้ยลงมาหน่อย เอากิ่งมาเป็นพร็อบเพื่อเพิ่มสีสันให้ภาพสักนิดจะได้ไม่ขาวจั๊วะ


มีโอกาสได้เห็นซากุระเต็มต้นวันฟ้าใสๆอยู่ไม่กี่วัน นอกนั้นก็เมฆครึ้มบ้างล่ะ ฝนตกเอาตกเอาบ้างล่ะ กว่าจะแดดออกอีกทีซากุระก็ร่วงไปเยอะลงไปกองๆที่พื้นกันซะมากแล้ว รวดเร็วกันจริงๆปุ๊บปั๊บบานอีกเดี๋ยวก็ร่วงจนหมด



ในฐานะคนชอบทำงานตอนดึกๆเลยขอเก็บภาพบรรยากาศช่วงกลางคืนที่เราคุ้นตาไว้สักหน่อย วันที่ถ่ายฟ้าแดงๆฝนจะตกแต่ซากุระก็ยังเต็มต้นอยู่ยังพอได้ ถ่ายที่เดิมที่ด้านหลังมหาลัยแต่ตกกลางคืนมาบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ล่ะ


ป้ายรถบัสหน้าโรงพยาบาลที่ช่วงกลางวันผู้คนขวักไขว่ ทั้งนั่งรอรถ ทั้งเดินผ่านไปมา พอตกกลางคืนมาก็ดูเงียบเหงาฉะนี้แล


บรรยากาศซากุระกลางคืนที่โตไดภาพสุดท้าย แท็กซี่คันนี้โชคดีได้ผู้โดยสารคนสุดท้ายช่วยปิดรอบการทำงานวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยมาต่อคิวหน้าโรงพยาบาลรับผู้โดยสารที่มีมาไม่ขาดสายกันใหม่นะค้า


บรรยากาศในโตไดฤดูใบไม้ผลิก็คงจบลงเพียงเท่านี้ ภาพในบล็อคนี้เริ่มถ่ายตั้งแต่ต้นมีนาจนถึงต้นเมษาเลยค่อยๆเก็บถ่ายมาเรื่อยๆ บรรยากาศหน้าใบไม้ร่วงก็ทำไปแล้ว (ที่นี่) หน้าหนาวก็ทำไปแล้ว (ที่นี่) ตอนนี้ก็ขาดแต่หน้าร้อนเท่านั้นเองก็จะครบทุกฤดูของที่มหาลัยแล้ว เวลาเหลือไม่นานนักก็จะพยายามเก็บทุกภาพความทรงจำชีวิตที่นี่ไว้ให้ได้ชัดเจนที่สุด เพื่อวันนึงกลับไทยไปจะได้มีอะไรให้ย้อนคิดถึงบ้างเพราะมันเป็นอะไรที่ครั้งเดียวในชีวิตจริงๆ

ถ่ายดอกไม้เนี่ยทำให้ความอยากได้เลนส์มาโครพุ่งกระฉูดเลย เหตุเพราะซูมไม่ค่อยถึง ใช้ซูมสุดที่ 85mm ความคมก็ดร็อปลงแล้วก็ยังต้องมาคร๊อปภาพอีกรายละเอียดดอกไม้เลยได้มาไม่ชัด ไม่ได้ภาพครบกริ๊บๆอย่างที่เคยเห็นจากในเว็บเลย ตอนนี้ตงิดๆอยากลองอยู่เนี่ยว่าถ้าเป็นเลนส์มาโครโดยเฉพาะจะได้ภาพดอกไม้คมกริ๊บๆเหมือนที่เคยเห็นน้าๆห้องกล้องถ่ายกันมั๊ย (คิดนานจนโตเกียวหมดหน้าซากุระไปแล้วเนี่ย)

ต่อไปยังเหลือบล็อคของดองจากซากุระที่สวนอุเอโนะ กับภาพ Snow Sakura ที่ Kawaguchi-ko แพลนไปเที่ยวที่อื่นก็ยังมีอีก แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะทำเสร็จล่ะเนี่ย

--------------------------------------------------------------------------------

ภาพในบล็อคนี้มาจาก Canon Kiss X3 ส่วนเลนส์นั้นใช้หลายตัวเพราะเป็นภาพจากหลายๆวันแล้วแต่วันไหนพกตัวไหนไป มีทั้ง EF-S 18-55mm F/3.5-5.6 IS, EF-S 15-85mm F/3.5-5.6 IS USM และ EF 50mm F/1.4 USM จำได้อย่างเดียวคือภาพกลางคืนมาจาก 50mm F/1.4 ภาพทั้งหมดถูก คร็อป/ปรับแสง/ย่อUSM/ใส่โลโก้ ด้วย PS

>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 25 เมษายน 2553 11:08:42 น.
Counter : 4652 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.