Episode 1 และ Episode 2 จบไป แต่เรื่องราวของ White Sakura ยังเหลือบทสรุปสุดท้ายอีกนิดนึงค่ะ สัญญาด้วยเกียรติของเนตรนารีสามัญว่าบล็อคนี้สุดท้ายแล้วจริงๆสำหรับ The WHITE of Spring 2011
สำหรับลิงค์รวมทุก Episode ของ The Colors of Spring in Japan 2011 จะอยู่ที่ด้านล่างสุดของหน้านี้นะคะ
ใกล้ๆ(ภาพแขวน)ศาลเจ้าเจอนี่ค่ะ เค้าบอกว่าเป็น The Flame of Hiroshima and Nagasaki เรื่องก็มีอยู่ว่าหลังเหตุระเบิดนิวเคลียร์ Tatsuo Kamamoto ได้ไปตามหาคุณลุงของเค้าที่ฮิโรชิม่าแล้วก็เจอไฟนี่กำลังไหม้อยู่ตรงซากบ้านคุณลุงของเค้า ทีแรกเค้าก็เก็บมันไว้เพื่อเป็นสิ่งระลึกถึงคุณลุงของเค้า แต่ต่อมานานไปมันก็ขยายสเกลกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์และรำลึกถึงความสงบสุขแทนค่ะ
สำหรับ The WHITE of Spring in Japan 2011 ก็จบเพียงเท่านี้นะคะ สำหรับสีอื่นๆที่เหลือในแบนเนอร์ตรงหัวบล็อคคงไม่ยาวเท่านี้แล้ว(หวังว่างั้นนะคะ คนเขียนก็เหนื่อยเหมือนกัน) เพราะเป็นทริปหนึ่งวันแบบไปเช้าเย็นกลับหมดเลยค่ะ ซากุระนี่คือแบบว่าเป็นเหตุการณ์ลากยาวประมาณ 2 อาทิตย์เลยมีเรื่องโน้นนี้เกิดเยอะหน่อย ประกอบกับเราเป็นพวกชอบเขียนเก็บรายละเอียดทุกเม็ดซะด้วย (ติดนิสัยมาตั้งแต่ปริญญาตรีที่เป็นมือเลคเชอร์มาจนถึงปัจจุบันที่เขียนเปเปอร์และทีสิสเลยค่ะ...เขียนได้เขียนดีจนใครๆก็ทักเอา )
ภาพดอกไม้และซากุระถ่ายด้วย Sony Alpha NEX-5 + Sony Alpha E 18-55mm OSS ค่ะ ภาพแพนด้าทั้งหลายก็ปนๆกันหลายกล้องหน่อยทั้ง Canon Kiss X3 และ Sony NEX-5 เลนส์ก็แล้วแต่ว่าวันนั้นเอาอันไหนติดตัวไปนะคะ ภาพทั้งหมดก็ปรับแสง แก้สีเพี้ยน แล้วย่อ usm ปกติค่ะ
ได้เวลาออกรถ คนลากก็หันมาบอกให้พวกเราเตรียมตัว แล้วค่อยๆยกรถขึ้นอย่างนิ่มนวลสุดๆเลยค่ะ นิ่มกว่าเวลาเครื่องบิน take off หรือ landing แบบเทียบไม่ติด (ก็แล้วมันเทียบกันได้ซะที่ไหนล่ะเนอะ ) เห็นคนลากตัวเล็กๆอย่างนี้แต่ลากเราสองคนพร้อมรถไหวสบายๆ(รึเปล่า?)เลยค่ะ เค้าบอกว่าคนลากรถนี่คือถ้าใครทำไหว จะหญิงหรือชายก็ทำได้หมด ไม่ต้องสอบใบอนุญาตอะไรด้วย
ที่เส้นทางเลียบแม่น้ำ Sumida มองไปเห็น Tokyo Sky Tree อยู่ในหมอกด้านหลังแบบนี้ด้วยค่ะ เอาหัวเป็นประกันเลยว่าแถวนี้อนาคตจุดชมวิวยอดนิยมแน่นอน เล่นเห็นทั้งซากุระ ทั้งแม่น้ำ ทั้ง Sky Tree พร้อมกันซะขนาดนี้ แต่เนื่องด้วยวันนั้นอากาศไม่เป็นใจเราเลยได้ภาพ(ถ่ายจากบนรถลาก)มาแค่ประมาณนี้เองค่ะ แถมไม่ได้ลองล่องเรือตามแม่น้ำชมดอกซากุระด้วย (แต่วันรุ่งขึ้นที่เป็นวันอาทิตย์ที่อากาศดี เห็นจาก FB เพื่อนในญี่ปุ่นมุมบันไดนี้เลยค่ะ คนอย่างเพียบ)
อันนี้ไม่เกี่ยวกับทริปแต่พูดถึง Sky Tree แล้วก็นึกถึงเรื่องนี้ได้ค่ะ เราเพิ่งรู้เมื่อเดือนก่อนนี้เองว่าจริงๆ Tokyo Tower นี่ไม่ได้ชื่อว่า Tokyo Tower มาแต่แรก ชื่อจริงๆแต่เดิมคือ Nippon-denpato 日本電波塔 หรือแปลกันตรงๆประมาณว่าว่าหอส่งสัญญาณของญี่ปุ่นค่ะ
สำหรับ The WHITE of Spring in Japan 2011 ยังเหลือบทสรุปอีกหน่อยนึงขอยกยอดไปบล็อคหน้าแทนหน้านี้จะได้ไม่ยาวยืดยาดไปยิ่งกว่านี้นะคะ (มีวี่แววว่ากว่าจะเขียนครบทุกสีของใบไม้ผลิ คงเกือบหมดหน้าร้อนแล้ว เผลอๆจะน็อครอบไปใบไม้ร่วงที่รูปจากปีก่อนยังดองอยู่ใน HDD นี่ยังไม่พูดถึงทริปหน้าร้อนปีก่อนที่ยังเขียนบล็อคค้างๆคาๆไว้ที่โกเบอีกนะคะเนี่ย )
ถึงวันขึ้นเครื่องเคาเตอร์เช็คอิน ANA ที่สุวรรณภูมินี่โล่งเชียวค่ะ แต่มีข่าวดีมากๆจาก ANA (เห็นว่า JAL ก็ด้วยนะคะ) คือ เค้าเปลี่ยนกฏเรื่องน้ำหนักกระเป๋าแล้ว สำหรับ economy จำกัดว่าใบนึงหนักได้ไม่เกิน 23kg แต่หนึ่งคนให้โหลดได้สองใบเลยถ้าเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ ยิ่งถ้านั่ง business หรือ first class นี่ขนกันไปได้ 60-90 กิโล ไม่ต้องพึ่งบริการส่งของทางเรือกันก็คราวนี้ล่ะค่ะ (เค้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวนะคะ แต่มีแพลนจะเปลี่ยนเพื่อให้เหมือนๆกับสายการบินทาง US อยู่แล้ว)
เที่ยวบินนั้นตอนต้นเมษาของ ANA ขนาดว่ารวม UA และ TG มาเป็นสามไฟลท์ในเที่ยวบินเดียวกันแล้วที่นั่งก็ยังว่างค่ะ แต่ก็ไม่ได้ว่างขนาดว่าโล่งโจ้ง แต่ว่างประมาณว่าทุกคนสามารถเลือกนั่งริมทางเดินได้โดยไม่มีใครคนอื่นมาขนาบข้างๆน่ะค่ะ (แต่ทุกแถวก็มีคนนั่งกันหมดนะคะ)
มาปีนี้....กลับคำแทบไม่ทันเลยค่ะ เพิ่งจะซึ้งว่าฤดูใบไม้ผลิญี่ปุ่นมีอะไรมากกว่าซากุระจริงๆเอาปี(ที่น่าจะเป็นปี)สุดท้ายนี่เอง ปีนี้เรายอมแพ้ไปเรียบร้อยแล้วว่าไม่สามารถตามไปเก็บได้หมดจริงๆค่ะ...แบบว่ามันเยอะมากกกแถมตัวเองก็กำลังยุ่งมากกกกกด้วย แต่ขนาดว่าเก็บไม่หมดนี่ก็ได้วิวสวยๆสีสันสดใสมาเพียบแล้วล่ะค่ะ เลยเป็นที่มาของชื่อ The Colors of Spring in Japan นี้
สำหรับใบไม้ผลิปีนี้ The white of spring ของเราจริงๆเริ่มมาก่อนหน้าตั้งแต่ ต้นเดือนมีนา กับดอกบ๊วย (Ume) ในกระทู้รีวิวที่ blueplanet ก่อนหน้านี้แล้วล่ะค่ะ
เริ่มต้นเส้นทางสู่ The White of Sakura White Sakura แรกของเราในปีนี้จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากที่สวนอุเอโนะค่ะ เห็นทีแรกก็ตอนลากกระเป๋าไปสนามบินนาริตะเมื่อตอนมีนานั่นเอง เคยบรรยายไปแล้วว่าความรู้สึกตอนที่ลากกระเป๋าไปนาริตะเมื่อตอนมีนานั่น เป็นอะไรที่ลืมไม่ลงเลย เดินผ่านซากุระสองต้นหน้าสวนอุเอโนะที่กำลังบานสวยอยู่(ตั้งแต่กลางมีนา)ก็ยิ่งหดหู่บอกไม่ถูกว่าช่วงเวลานี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังรอคอยจะได้สนุกสนานกับดอกไม้ที่กำลังทยอยกันบานแท้ๆ
บริการ Shower room นี้หรูกว่าที่คิดไว้ซะอีกคล้าย business hotel ย่อมๆเลย สวยและสะอาดมากๆ
Day room แบบ Single เข้าไปจะมีเตียงเล็กๆแบบมีนาฬิกาปลุกฝังอยู่หัวเตียง ข้างเตียงมีตะกร้าใส่ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และเล็กอย่างละผืน (สลิปเปอร์ใส่ในห้องก็มีให้)
ทั้ง หมดถ่ายด้วย Sony NEX-5 + Sony Alpha E 18-55 OSS โหมด P โลด ค่า ISO, WB ทุกอย่างจัด auto ไปให้หมด ถือกล้องมือเดียวแล้วกดทุกภาพ (รู้สึกว่ามือไม่นิ่งเอาซะเลย ภาพหาความคมแทบไม่ได้) ย่อเอาง่ายๆด้วย photoscape