W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 

คนขายวิ่งตามลูกค้าจะเป็นจะตายเพื่อคืนเงินให้ เห็นจะๆกับตาใกล้ๆเลยวันนี้

เหตุการณ์วันนี้ที่เห็นมาประมาณไม่ถึงห้าชั่วโมงหมาดๆ เป็นแรงบันดาลใจให้มาสร้างกลุ่มบล็อคอันนี้เพื่อจะได้ไว้เขียนสะสมเรื่องราวต่างๆทั้งดีและไม่ดีที่วันนึงได้มีโอกาสไปพบไปเจอกับตัว ระหว่างที่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ ณ ประเทศนี้

ถ้าใครที่เคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น โดยเฉพาะการ์ตูนผู้หญิงด้วยแล้ว คงจะเคยผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อย ฉากที่พระเอกรูปหล่อไม่ว่าจะหนุ่มน้อยหรือหนุ่มใหญ่ที่ทำงานพิเศษอยู่ตามร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ ต้องวิ่งไล่กวดลูกค้าสาวที่เพิ่งเดินออกจากร้านอย่างเอาเป็นเอาตาย เพียงเพื่อจะเอาเงินทอนผิดแค่ไม่กี่ร้อยเยนไปคืนให้ (100yen ประมาณ 33 บาท แต่เทียบค่าครองชีพแล้ว 100 เยนที่นี่ซื้อน้ำเปล่าขวดละครึ่งลิตร ยังไม่ได้เลยเพราะมันขวดละ 110 yen -"- )

ตอนที่อ่านก็ไม่เคยคิดมาก คิดว่า แหม การ์ตูนน่ะนะก็เว่อร์อย่างนี้เองแหล่ะ ให้พระเอกนางเอกได้แรกพบประสบเจอกันด้วยวิธีนี้ ดูเป็นบุพเพอาละวาดดีแท้ๆไม่โรแมนติคไม่ซาบซึ้งกินใจแล้วคนอ่านจะอินได้ยังไงล่ะ ตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นมาก็เกือบสองปีได้แล้ว(เหลืออีกไม่กี่อาทิตย์ก็สองปีเต็มแล้ว) ไอ้เหตุการณ์ประเภทลืมของไว้ที่เคาเตอร์(ร่มนี่บ่อยที่สุด)แล้วพนักงานวิ่งตามเอามาคืนให้ หรือลืมขาตั้งกล้องไว้ที่ร้านฮอทด็อกกลับไปเอาวันรุ่งขึ้นเค้าก็ยังเก็บไว้ให้อย่างดี หรือแม้แต่เพื่อนลืม DS lite กับ electronic dictionary ทิ้งไว้ที่ร้านขายเสื้อผ้าคนเป็นล้านย่านฮาราจูกุ กลับไปเอาปรากฏมันยังวางหราอยู่ที่เดิมเป๊ะไม่มีใครสนใจจะหยิบไปเลย(สงสัยว่าเค้ามีกันหมดแล้ว 555) พวกนี้ก็ได้พบเจอมาหมดแล้ว หรือกรณีคนรู้จักทำกระเป๋าตังค์หายบนรถไฟแต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอไม่มีคนมาส่งคืน(หรือทำตกที่อื่นก็ไม่รู้)ก็มีบ้างเหมือนกัน เรียกว่าเป็นคราวซวยของเค้า เพราะปกติมักจะได้คืนกัน อาจต้องมีการให้ตอบแทนคนที่อุตส่าห์เก็บส่งคืนซะหน่อยกี่เปอร์เซนต์จำไม่ได้ เป็นการสนับสนุนให้คนทำดี อะไรก็ว่าไป

เหตุการณ์ที่เจอวันนี้จะเรียกว่า บุพเพอาละวาดคงไม่ใช่ เพราะรู้สึกว่าคนที่จะพูดถึงนี่จะไม่ได้ชอบผู้ชายไม้ป่าเดียวกัน :P เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนไปทานข้าวที่ร้านอาหารเกาหลีใกล้ๆบ้าน ชื่อว่า ビビンパハウス (Bibimba house)


เกริ่นสักหน่อยว่าสมัยแดจังกึมฉายที่ไทยครั้งแรก พอดูจบปุ๊บก็มาเรียนต่อญี่ปุ่นเลย ดังนั้นเทรนด์เกาหลีกะเราเนี่ยไม่ได้อยู่ในห้วงคำนึงเลย โดยเฉพาะเคยมีประสบการณ์รูมเมทสยองมาแล้ว(เกาหลีสี่คน)บอกได้คำเดียวว่าเข็ดขยาดมากๆเกาหลีเนี่ย ยอมรับตรงๆเลยว่านับแต่นั้นมาอคติกับอะไรๆที่เป็นเกาหลีไปเลย แค่เห็นก็หลอนแล้ว สมัยนั้นนี่ถึงกับเป็นโฮมซิค น้ำหนักลดฮวบๆ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เครียดจนอยากจะบ้า รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีที่อยู่ในประเทศนี้ กลับห้องไปก็ต้องไปเป็นเบี้ยล่างคนเกาหลีอีก (แต่พอย้ายออกมานี่หน้ามือเป็นหลังมือเลย แฮปปี้ดีกับการใช้ชีวิตที่นี่)

ร้านอาหารนี้ เดินผ่านมาเป็นครึ่งปีเป็นปี แต่แค่เห็นว่าเป็นอาหารเกาหลีก็บายแล้ว ชาตินี้อย่าได้โคจรมาเจอกันอีกเลยคนเกาหลีเนี่ย
แต่นานวันไป ผ่านๆไปความอคติและเข็ดขยาดที่เคยมีก็เจือจางลง เห็นร้านนี้ก็อยู่ใกล้ๆบ้านเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงอีกต่างหาก ก็เลยเอ้าลองดูกันสักตั้ง จะอร่อยหรือเปล่า (ไม่เคยกินอาหารเกาหลีมาก่อนเลย แม้แต่หมูกะทะยังแทบไม่เคยกินด้วยซ้ำ) amazing มากๆว่ากินแล้วมันอร่อยอ่ะ ไม่น่าเชื่อ ถึงไม่เผ็ดสะใจเท่าอาหารไทย(ชอบกินเผ็ดเป็นชีวิตจิตใจ) แต่ก็ถูกปากรู้สึกรสเข้มข้นมากกว่าอาหารญี่ปุ่นเยอะ หนนี้เลยติดใจล่ะสิ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้อาทิตย์นึงปกติมักกินหนึ่งหน หรือบางทีอาทิตย์นึงก็ล่อไปซะสองสามวันติดกันเลย คนในร้านนี้กว่า 50% จำหน้าเราได้(เพราะกินบ่อย)จนมีการยิ้มทักทาย พยักหน้าให้กันบ้างอย่างคนคุ้นเคยเห็นหน้ากันบ่อยๆ

วันนี้ก็เช่นกันไปอุดหนุนร้านนี้ นั่งละเลียดกินอยู่จนคนอื่นที่มาทีหลังกินเสร็จไปสองคนแล้ว (ก็มันร้อนอ่ะ เดือดๆมาเลย แล้วร้านตอนนี้ก็ไม่เต็มก็ ゆっくりเรื่อยเปื่อยไปได้) แต่ตาคนที่สองที่กินเสร็จนี่ล่ะเป็นที่มาของเรื่องเล่าวันนี้ ผู้ก่อเหตุเป็น salary man ตัวอ้วนๆธรรมดาอายุก็ดูไม่น้อยแล้วจะเรียกว่าคุณลุงก็คงได้(แต่ก็ยังดูแข็งแรงดี) กินเสร็จตะโกนเสียงดัง ごちそうさま(ธรรมเนียมที่ญี่ปุ่นมักพูดกัน เป็นการขอบคุณสำหรับอาหารอะไรทำนองนี้ ต่อให้เราจ่ายเงินให้เค้าก็ตาม) จนคนทั้งร้านหันไปมอง ว่าลุงคนนี้ทำไมต้องพูดซะดังเชียวร้านก็ติ๋วเดียวแท้ๆ คราวนี้ตาลุงก็หันไปถามกับพี่ๆคนทำอาหารหลังเคาเตอร์ว่า いくら (เท่าไหร่) คราวนี้งงตาแตกกันทั้งร้าน ทั้งคนขายทั้งคนนั่งกินคนอื่นๆ(ร้านเล็กๆ ชั้นหนึ่งนั่งได้เต็มที่รอบเคาเตอร์ประมาณสิบคน) ก็ร้านนี้มันเป็นร้านแบบต้องซื้อคูปองอาหารก่อน ยืนให้พี่ๆคนทำหลังเคาเตอร์เค้าก็ทำให้

หะแรกเราก็นึกว่า อ๋อ สงสัยตาลุงเป็นประเภทไม่ซื้อตั๋วเดินมาสั่งเลย เพราะบางทีก็เห็นมีแบบนี้เหมือนกัน (แต่เอ๊ะ ตอนเค้าเข้ามาก็เห็นอยู่แว้บๆว่ายื่นตั๋วนี่หน่า) แต่พอเห็นท่าทางคนขายงงเป็นไก่ตาแตกอย่างนั้นแล้วสงสัยจะไม่ใช่ ทั้งคนขายทั้งคนกินที่นั่งข้างๆก็พยายามบอกว่าก็เค้าจ่ายซื้อตั๋วไปแล้ว เนี่ยเครื่องขายตั๋วอยู่ข้างหลังนี่เอง หันไปมองสิเผื่อจะระลึกชาติได้(อันนี้เติมเอาเองนะ) แต่ตาลุงก็ท่าทางเหมือนฟังไม่รู้เรื่อง สงสัยว่าจะเมาหรือเปล่าเนี่ย (แต่ท่าทางก็ไม่เหมือนเมาเลย สงสัยจะแค่กรึ่มๆพอสติสตังไม่ค่อยอยู่ติดตัวล่ะมั้ง) เอาแต่ถามว่าเท่าไหร่ๆ ใครพูดก็ยังถามคำเดิม สุดท้ายตาลุงก็ควักออกมากี่เยนก็ไม่รู้มองไม่ทัน แต่คร่าวๆว่าคงสัก 7-900 yen มั้งเพราะราคาอาหารที่นี่อยู่ประมาณนี้ แล้วก็ยัดเยียดให้คนขายรับไปให้ได้ คนขายก็ท่าทางกระอักกระอ่วนน่าดูชม ปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกว่าเค้าจ่ายมาแล้ว จ่ายมาแล้ว แต่นาทีนี้ตาลุงไม่ฟังอะไรแล้วยัดเงินลงมือคนขาย แล้วยิ้มพร้อมโบกมือบ๊ายบายผู้ชมทุกคน เดินออกจากร้านไป ปล่อยคนอื่นในร้านยืน(นั่ง)งงๆกันไปว่าตาลุงนี่มันอะไรของเค้าแฮะ

คนขายผู้โชคร้าย อยู่ดีๆมาเจอตาลุง(สงสัยจะ)เมาใจป้ำ ยัดเยียดเงินมาให้เป็นค่าทิป (ที่ญี่ปุ่นไม่มีระบบการให้ทิปนะคะ) มีเวลายืนตะลึงอยู่สามวิ แล้วรีบวิ่งตาลีตาเหลือกออกจากเตาหลังเคาเตอร์ไล่ตามไปคืนเงินตาลุงที่นอกร้านทันที จริงๆก็อยากตามไปดูเหมือนกันนะว่าทำอีท่าไหนตาลุงถึงยอมรับเงินคืน แต่งานนี้จะวิ่งตามไปดูก็ดูจะสอดรู้สอดเห็นเกินงามไปไม่น้อย ก็เลยกินรอในร้าน ไม่กี่วิคนขายผู้โชคร้ายก็กลับมา ท่าทางว่าคงจัดการคืนไปได้แล้ว แต่ทำหน้าเหมือนตัวเองซวยนิดๆที่อยู่ๆมาเจอลูกค้าใจป้ำให้ทิปเข้า ^o^

เรื่องก็จบลงฉะนี้แล งานนี้ไม่มีบุพเพอาละวาด ไม่มีพระเอกนางเอกมาปิ๊งกัน มีเพียงคนขายอาหารดวงไม่ดี ที่มาเจอกับตาลุงใจป้ำสปอร์ตผิดที่ผิดทางผิดประเทศ สงสัยจะเมาเลยลืมตัวไปว่าตอนนี้อยู่ญี่ปุ่น และอยู่ร้านอาหารไม่ใช่พวกร้านโฮสเตส (เราไม่เคยไปพวกบาร์ คลับ หรือพวกร้านโฮส หรือโฮสเตสเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีการให้ทิปกันไหม แต่คิดว่าน่าจะมี ถ้าร้านปกติทั่วไปธรรมดาไม่มีแน่นอนระบบทิป) ไทยมุงอย่างเราก็พลอยอดคิดถึงฉากที่เคยเห็นบ่อยๆในการ์ตูนไม่ได้ ขนาดตาลุงนี่ไม่มีอะไรให้น่าวิ่งตามเหมือนนางเอกในการ์ตูนเลยสักนิด เงินเค้าก็เต็มใจให้แท้ๆ โหย ทั้งใจดีทั้งใจป้ำอย่างนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นเรื่องน่าลำบากใจสำหรับคนญี่ปุ่นไปซะได้

เพิ่งซึ้งจริงๆวันนี้เองว่าไอ้คำว่าทิปกับสินน้ำใจหรือราคาค่าถูกใจเนี่ย คนที่นี่(โดยทั่วไป)เค้ารับกันไม่ได้จริงจริ๊ง
เพื่อมาเขียนเรื่องวันนี้เลยหยิบโบชัวร์ที่ร้านมาโปรโมทด้วยเลย เมนูเล็กๆด้านซ้ายเป็นเมนูโปรดสั่งกินวนอยู่แค่นี้แหล่ะทั้งปี ส่วนด้านขวา ไก่อบหรือต้มหรือตุ๋นโสมนี่แหล่ะ เล็งมานานไม่ได้กินสักทีแพงกว่าอันอื่นแล้วกลัวจะกินไม่หมด ที่สำคัญคือกลัวไปโชว์โง่ ด้วยการแทะแกะกัดไม่เป็น เลยไม่ได้ลองกินของแพงกะเค้าสักกะที




 

Create Date : 01 กันยายน 2551    
Last Update : 1 กันยายน 2551 23:57:28 น.
Counter : 1129 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.