Group Blog
 
All blogs
 

เค้กชาเขียวหน้านิ่ม กินกี่ชิ้นก็อร่อย



มาแล้วๆๆๆ หลังจากทิ้งครัวไปนาน ตอนนี้กลับมาแล้วค่า ต้องปัดๆฝุ่นครัวนิดนึงก่อนนะคะ เนื่องจากร้างมือไปนาน ฮี่ๆๆ





ปัดไปปัดมาไปเจอเจ้ากล่องนี้เข้าค่ะ นึกขึ้นได้ว่าซื้อมาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้ฤกษ์ใช้ซักที ตรวจดูวันที่ก็อีกตั้งนานกว่าจะหมดอายุ





ติ๊กต่อกๆ เอาไปทำอะไรดีน้อ เพื่อนเคยบอกว่าเอาไปทำพุดดิ้งก็อร่อย แต่ว่าที่บ้านก็ไม่ค่อยชอบกินพุดดิ้งกัน คิดไปคิดมาก็มาลงตัวที่เค้กชาเขียวหน้านิ่มค่ะ (เผื่อกินแล้วหน้าเราจะได้นุ่มๆนิ่มๆเหมือนเด็ก 18 ขวบมั่งงงง )


ไม่ได้ถ่ายขั้นตอนการทำตามเคย ด้วยเหตุผลเดิมๆ ---> ขี้เกียจ

วันนี้ได้สูตรอร่อยๆจาก blog คุณ aonjew ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ บีขอเพิ่มน้ำตาลจาก 1/4 ถต เป็น 1/3 และเพิ่มเกลือ 1/4 ชช ลงในตัวเค้กด้วยนะคะ ชอบสูตรนี้มากค่ะ เนื้อเค้กออกมานุ่มอร่อยแถมหน้าไม่แตก เค้กไม่ยุบตัวด้วยค่ะ





รูกลมๆตรงกลางเค้กนั่น ฝีมือบีเองค่ะ ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มโป๊ะเข้าไปกลายเป็นรูปูเลยน่ะ

ได้เค้กแล้ว slide เป็นสองชั้นแล้วทำหน้านิ่ม โปะๆๆ ประกอบเค้กแล้วราดหน้านิ่มต่อ ตึ้งโป๊ะราดไม่ทั่ว ขอบเค้กเลยเว้าๆแหว่งๆฉะนี้แล (บีใช้ spring form ค่ะเลยไม่เห็นว่ามันราดไปไม่ทั่ว)





ตักเสิร์ฟใส่จาน แหม๊ มันน่าจะมีน้ำชาร้อนๆซักถ้วย





ตบท้ายด้วยแฟนพันธุ์แท้ ขวัญใจอาบีเอง จุ๊บๆๆๆ ยืนยันว่าอร่อยจริงค่ะ เค้กหมดก้อนภายในวันเดียว





ต่อด้วยเค้กหน้านิ่มลิ้นจี่ เคยไปด้อมๆมองๆบ้านคุณอ๋อ little mouse in big apple มานานแล้ว (ถ้าจิ๊กมากินได้เค้าทำไปนานแล้ววววว) วันนี้เลยขอลองเลียนแบบหน่อยนะคะคุณอ๋อ

ตอนทำ batter ผสมสีชมพูลงไปนิดหน่อย แต่ไหงมันดูเป็นสีส้มๆได้ล่ะเนี่ย





อบเค้กด้วยสูตรเดิม เค้กออกมาสวยดังใจเป๊ะ แถมกลิ่นยังหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ยั่วน้ำลายชะมัด





เอาแปรงปัดๆ ตกแต่งหน้าตา





ใช้มีด slide หั่นดู เนื้อเค้กสวยนุ่มดีค่ะ เอ... ตกลงว่ามันเป้นสีชมพูหรือสีส้มกันแน่เนี่ย





น้ำหน้านิ่มราดสูตรเดียวกับเค้กชาเขียว หน้าตาออกมาเป็นเยี่ยงเน้





ส่วนตัวเราว่าเป็นความผิดมหันต์เพราะรสชาติหน้านิ่มก็ใช้ได้อยู่หรอก แต่มันคล้ายๆยาคูลท์ผสมชีส ไม่ค่อยโปรดอ่ะ แต่พี่สะใภ้บอกว่ามันก็โอเคนะ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่บีว่า แค่ออกจะเลี่ยนๆไปนิด

========================================

แถมด้วยสูตรชิฟฟ่อนที่ถูกใจนักหนา
ส่วนผสม 1
1. แป้งเค้ก 100 g.
2. ผงฟู 1 1/4 ชช
3. เกลือ 1/4 ชช
4. น้ำตาล 1/3 ถต

ส่วนผสมที่ 2
1. น้ำมันรำข้าว 32 g. (บีใช้น้ำมันมะกอกแทน)
2. ไข่แดง 2 ฟอง
3. น้ำชาเขียว 1/3 ถต (ใช้ผงชาเขียว 2 1/2 ชช) -- หรือน้ำลิ้นจี่
4. วานิลา 1/2 ชช

ส่วนผสมที่ 3
1. ไข่ขาว 3 ฟอง (ตรงนี้ที่บีว่าเป็นจุดต่างจากสูตรอื่นๆที่ทำมา ส่วนใหญ่ใช้ไข่แดงและไข่ขาวในอัตราส่วนเท่าๆกัน อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ)
2. cream of tar tar 1/2 ชช
3. น้ำตาล 1/4 ถต

วิธีทำ
1. warm เตาที่ 175 องศาซี (เตาบ้านบีใช้ 155)
2. ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือ 2 รอบ เทน้ำตาลใส่คนให้เข้ากัน แล้วทำหลุมตรงกลาง
3. คนส่วนผสมที่ 2 ให้เข้ากันแล้วเทในหลุมกลางที่เตรียมไว้ ใช้ตะกร้อคนเบาๆให้เข้ากัน อย่าคนนาน
4. สำหรับส่วนผสมที่ 3 ตีไข่ขาวกับ cream of tar tar จนเป็นฟองหยาบด้วยความเร็วปานกลาง แล้วทยอยใส่น้ำตาล 2 ครั้ง ตีด้วยความเร็วสูงจนตั้งยอดอ่อน
5. ตีไข่ขาวด้วยความเร็วต่ำเพื่อตัดฟองอากาศ 1 นาที
6. นำส่วนผสมไข่ขาวลงในส่วนผสมของแป้ง
7. เทใส่พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ อบประมาณ 35 นาที

==========================================
วิธีทำหน้านิ่ม
ส่วนผสมที่ 1
1. ผงวุ้น 1/2 ชช
2. น้ำชาเขียว 100 g (ผงชาเขียว 2 ชช)
3. นมข้นจืด 150 g
3. น้ำตาล 50 g

นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากัน แล้วตั้งไฟให้เดือด

ส่วนผสมที่ 2
1. นมข้นจืด 75 g
2. แป้งข้าวโพด 22 g
3. เนย 50 g

เอานมข้นจืดและแป้งข้าวโพดใส่ถุง เขย่าให้เข้ากัน เทลงหม้อส่วนผสมที่ 1 คนให้เข้ากันจนเห็นรอยตะกร้อ ใส่เนยคนให้เข้ากัน ยกออกจากเตาคนเรื่อยๆแล้วราดบนเค้กได้เลย




 

Create Date : 10 มกราคม 2555    
Last Update : 10 มกราคม 2555 13:48:54 น.
Counter : 11440 Pageviews.  

Strawberry Panacotta แสนง๊ายย ง่าย





ตอนกลับจากบ้านสวนได้ strawberry ลูกแดงๆ (แต่แอบเล็กนิดนึง) กลับมาด้วยค่ะ ไม่ได้ปลูกเองนะคะ แต่ซื้อเอาจากตลาดค่ะ ลูกเล็กก็จริงแต่แดงได้ใจไปเล้ยยย





ได้กลับมาแล้วก็ต้องคิดๆๆค่ะว่าจะเอามาทำอะไรดีน้อ เค้กก็เพิ่งกินไปตอนวันเกิดน้องอวบ พายก็ไม่ค่อยมีคนกิน อืมมๆๆ search ในเว็บไปมาก็สนใจอยู่สองอย่างค่ะ

1. Strawberry Pudding
2. Strawberry Panacotta

อืมมๆ น่ากินทั้งสองอย่างเลย ลังเลอยู่นาน จริงๆใจก็อยากทำ Pudding แต่ Panacotta ก็น่าลองแฮะ

ถามพี่ N เค้าก็บอกว่าทำอันที่คุณชอบน่ะจ้ะ หรือทำมันทั้งสองอย่างเลยดีมั้ย (อืมมม ไม่ได้ช่วยน้องเลยนะเนี่ยยย) ขี้เกียจทำ 2 อย่างน่ะ เลือกเอาแค่อย่างเดียวละกัน สุดท้ายมาลงเอยที่ Panacotta ค่ะ ได้สูตรของแม่สลิ่มมา ขอบคุณนะคะ แม่สลิ่มทำซอสคาราเมลราด แต่เรามี strawberry หลายลูกเลยเอามาทำซอสด้วยค่ะ

ตอนทำง่ายมากๆๆค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะคะ (ข้ออ้างที่ดีของคนขี้เกียจ)

มาดูหน้าตาตอนสำเร็จแล้วเลยดีกว่าค่ะ วันนี้ใช้สองพิมพ์ แบบถ้วยกระเบื้องกับพิมพ์จีบค่ะ แม่สลิ่มบอกว่าให้แช่ไว้ซัก 3-4 ชั่วโมงหรือแช่ค้างคืนไปเลย แต่เราใจร้อน ชั่วโมงนึงก็ขอเอามาดูซักถ้วยละค่ะ

อันนี้แบบพิมพ์จีบ Strawberry แดงดีมั้ยคะ (แดงได้ใจบุ๊งศรีคนชอบสีแดงหรือเปล่าน้ออ)





จะเห็นว่าตรงฐาน panacotta เยิ้มๆนิดนึงนะคะ เพราะยังไม่เซ็ตตัวดี

แบบถ้วยก็เลยไม่อยากแคะออกมาค่ะ กะว่าพรุ่งนี้จะลองแคะออกมาดูนค่ะ





ชอบสี strawberry มากมาย แด๊ง แดง ห๊อมมม หอมมมม
เนื้อ panacotta เนียนนุ่มลิ้นมากเลยค่ะ ไม่หวานมากเกินไป กินพร้อมกับซอส strawberry หวานนิดๆพร้อมกลิ่นหอมๆของ strawberry และรสเปรี้ยวหน่อยๆจากตัว strawberry สด อืมมมม อร่อยมากกกกกกค่ะ กินด้วยกันซักถ้วยมั้ยคะ

=======================================
ส่วนผสม panacotta
1. Whip cream 1 ถต
2. นมสด UHT รสจืด 1 ถต
3. วานิลา 1 ชต (แม่สลิ่มใช้วานิลาฝักค่ะ)
4. น้ำตาล 4 ชต
5. เกลือนิดหน่อย
6. เจลาตินแผ่น 3 แผ่นเล็ก (ใช้แบบผงก็ได้ค่ะ 4 แผ่นเล็ก = 1 ชต ของแบบผง)
7. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ชต

ส่วนผสมซอส
1. Strawberry สด 10 ลูก
2. น้ำตาลทราย 5 ชต
3. น้ำเปล่า 1 ถต
4. แป้งข้าวโพด

วิธีทำ
1. ผสม Whip cream, นมสด, โยเกิร์ต, วานิลา, น้ำตาลและเกลือ เข้าด้วยกัน คนให้เข้ากัน
2. นำส่วนผสมตั้งไฟกลาง ไม่ต้องให้เดือด
3. ใส่เจลาติน (ถ้าใช้แบบแผ่น ให้แช่น้ำให้พอนิ่มก่อน)
4. คนให้เจลาตินละลาย
5. กรองเทใส่พิมพ์
6. แช่ตู้เย็น 3-4 ชั่วโมงหรือแช่ทิ้งไว้ทั้งคืน
7. ปั่น strawberry ให้ละเอียด ใส่น้ำตาล น้ำเปล่า ตั้งไฟให้เดือด
8. กรองเอาแต่น้ำขึ้นตั้งไฟใหม่ ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำนิดหน่อย แล้วเทใส่ซอสให้พอข้นนิดๆ แต่ไม่ต้องเหนียว พอเย็นตัวค่อยเอาราด panacotta




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2554 21:59:53 น.
Counter : 866 Pageviews.  

New York Cheese Cake ฉลองวันเกิดครบรอบ 8 ขวบของน้องอวบ



ปีนี้น้องอวบสุดที่รักขอให้อาทำเค้กวันเกิดให้ (ปีก่อนๆซื้อกินตลอด) ตอนแรกบอกว่าอยากได้เค้กส้ม แต่เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนวันเกิดน้องอวบมาบอกอาใหม่ว่าเปลี่ยนใจแล้วครับ อยากกินชีสเค้กนะครับ ทำให้โหน่ยยย นะครับ พร้อมจุ๊บๆ อ้อนอาอีกสองจุ๊บ จะใจร้ายไม่ทำให้ยังไงไหวน้อออออ

ไม่เคยลองทำชีสเ้ค้ก แต่ชอบกินค่ะ จำได้ว่าเคยไปทานจากโรงแรม Four Seasons เป็นครั้งแรก อูยยย น้ำตาแทบไหล มันอร่อยอย่างนี้เองเหรอคะ ปกติไม่ชอบกินอะไรที่มันเป็นของคาวรวมกับของหวาน (อย่างข้าวแช่นี่ กินไม่เป็นค่ะ แฮ่..) แล้วเคยคิดว่าชีสมันเป็นของคาวสินะ ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีชนิดที่ใช้ทำเบเกอรี่ค่ะ

น้องอวบขอมาดังนั้น อาเลยต้องทำการบ้านหาสูตรค่ะ เนื่องจากไม่เคยทำ อาขอแบบง่ายๆที่สุดก่อนเลยละกันนะคะ ไม่กล้าทำยาก กลัวเจ๊งค่ะ ส่วนผสมแพง ฮ่าๆๆๆ ไปๆมาๆเลยลงตัวที่ New York Cheese Cake ง่ายดีค่าาา

ส่วนผสมดังรูปนะคะ (สูตรที่ชัดเจนเดี๋ยวไว้มาลงใหม่ค่ะ) ใช้ Spring Form 3 ปอนด์ค่ะ เวลาถอดเค้กออกจะได้ถอดง่ายๆ ห่อฟอล์ยที่ก้นพิมพ์ และรอบๆพิมพ์เพราะจะอบแบบมีถาดรองน้ำ หน้าเค้กจะได้เนียนๆ และเนื้อเค้กไม่หยาบ

แครกเกอร์บดละเีอียด ผสมเนยละลาย คลุกให้เข้ากันแล้วกรุลงพิมพ์ อัดให้น่วม เอ๊ยย ให้แน่นๆ





เอาเข้าอบที่ 200 c ประมาณ 10 นาที ทิ้งไว้ให้เย็นตัวแล้วเอาเข้้าตู้เย็นให้แครกเกอร์แข็งตัว จากนั้นเริ่มทำตัวเค้กเลยค่ะ

ครีมชีสที่ตั้งให้อ่อนตัวแล้ว นำมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ตอนตีจะได้ตีง่ายๆตีจนฟูด้วยความเร็วปานกลาง ค่อยๆหยอดน้ำตาลทราย ตีจนฟูประมาณ 5 นาทีแล้วค่อยๆใส่ไข่ ตีด้วยความเร็วต่ำ เติมโยเกิร์ตหรือ sour cream วนิลา และน้ำมะนาว เมื่อส่วนผสมเข้ากันแล้วหยุดตี แล้วชิมมมม (อันนี้พฤติกรรมส่วนตัวค่ะ ชอบชิม batter) ถ้าอยากให้มีความหอมของมะนาว ให้ขูดเปลือก lemon ผสมลงไปด้วยนะคะ จากนั้นเทใส่พิมพ์ที่กรุแครกเกอร์ไว้ เอาเข้าเตาอบ โดยวางบนถาดที่หล่อน้ำไว้ค่ะ อบที่ 180 c ประมาณ 50 นาที

ช่วงนี้ก็ไปเล่น Hula Hoop รอค่า ส่ายเอวๆไว้เยอะๆก่อนจะกินเค้กนี้แล้วไปเพิ่มไขมันที่เอว ฮ่าาาาาา





อบเสร็จแล้วทิ้งไว้ในเตาให้เค้กเซ็ตตัวอีก 30 นาทีนะคะ ช่วงนี้ sit up ต่ออีก 50 ครั้งค่ะ ฮึบๆๆ

ท๊าแน..... อบเสร็จแล้วห้าตาเป็นแบบเน้ น้องอวบดูทรมานมากเลยค่ะ เพราะอยากกินทันทีที่อบเสร็จ เย้ยยยยย ต้องรอพรุ่งนี้นะจ๊ะ เป่าเทียนแล้วอธิษฐานก่อนซี่ (อืมมๆๆ อาก็อยากกินลูก อดทนๆๆ)





เอาเข้าตู้เย็น แช่ต่อ เราแช่ค้างคืนเลยค่ะ ถอดพิมพ์ออกเห็นเนื้อเค้กเป็นชีสแน่นๆแล้วน้ำลายสอแฮะ ต้องรอคืนนี้อีก อดทนๆๆๆ





และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงค่ะ ฉลองที่ MK เสร็จก็ดิ่งกลับบ้าน มาจัดการเจ้านี่กัน อาขี้โกงไม่ปักเทียน 8 เล่มค่ะ แอบห่วงสวยกลัวหน้าเค้กพรุน อีกอย่างน้องอวบไม่อยากเสียเวลาเป่าเทียนนานด้วยก็เลย win win กันปายยย อธิษฐานเสร็จน้องอวบก็รวบรวมพลังลมปราณ เป่าพรวดแบบนี้ (อาลุ้นแทบแย่ อย่าพ่นน้ำลายออกมานะเอ็งงงงง)





ไม่ได้ถ่ายตอนตัดเค้กตอนกลางคืนนะคะ แสงไม่สวย แต่เช้านี้ตัดมากินอีกชิ้นเป็นอาหารเช้า ก่อนกินมีโทรศัพท์เข้ามาเพียบ ชีสเลยเยิ้มนินุง แต่อร่อยนุ่มลิ้นจริงๆนะคะ





สรุปว่าวันนี้น้องอวบมีความสุขมากมาย ได้ของขวัญถูกใจจากพ่อแม่ แล้วก็อาๆ แถมได้ทำบัตรประชาชนตรงกับวันเกิด

ตอนกลางคืนอาบอกให้น้องอวบไปกราบขอพรจากย่า พ่อ แม่ น้องอวบก้มลงกราบตัวกลมดิ๊กๆ อาเห็นแล้วอดขำไม่ได้ คืนนั้นน้องอวบนอนกอดอาตัวกลมเชียว เล่นเอาอาร้อนไปเลยทั้งๆที่นอนเปิดแอร์ รักอามากใช่ม๊าาา อืมม อาก็รักน้องอวบมากๆเลยจ้าาา




 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2554 23:20:05 น.
Counter : 1335 Pageviews.  

Aunt Marie's Dinner Rolls ส่งการบ้านบุ๊งศรี



วันก่อนเราทำขนมปังนิ่มออกมาได้ดั่งใจแล้วมากรี๊ดกร๊าดที่หน้าบ้าน บุ๊งศรีใจดีแวะมาเยี่ยมแถมแชร์สูตรพร้อมเชียร์ให้ทำขนมปัง Aunt Marie's Dinner Rolls พร้อมการันตีความอร่อย

บุ๊งศรีว่าดังนั้นแล้วก็เชื่อบุ๊งศรีอ่ะนะ ช่วงนี้เครียดเรื่องน้ำท่วมกันเราก็เลยคลายเครียดด้วยการทำขนมปังแทนซะเลย ทำเสร็จแล้วอยากจะกระโดดจุ๊บบุ๊งศรี ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา

ขนมปังออกมานุ่มและอร่อยมากเลยค่ะ ทำไม่ยากด้วย (แค่ทำตามที่บุ๊งศรีบอก) แต่วันนี้เราลองทำแค่ครึ่งสูตรก่อนนะคะ click ดูสูตรต้นฉบับบ้านบุ๊งศรี ได้ที่นี่ค่ะ

ก่อนเอาเข้าอบค่ะ ได้ถาดเล็กๆหนึ่งถาดมี 9 ลูก เหลืออบในพิมพ์อีก 2





ขอเอาเนยทาถูๆ อีกซักสองสามทีนะคะ อยากให้ออกมาหน้าสวยๆค่ะ





จากนั้นเอาเข้าเตาอบ ติ๊กๆๆๆ... หอมจังงงงง ติ๊กๆๆ ผ่านไป 25 (อบนานกว่าสูตรนิดหน่อยชอบหน้าเกรียมๆนิดนึงน่ะ) นาทีแล้ววว ออกมาหน้าตาเป็นเยี่ยงนี้





และเยี่ยงนี้





ลองบิดู ทดสอบความนิ่ม ---- ก่อนบีบ





บีบบบบ ฮึบบบบ เห็นความนุ่มมมม ไหมคะ





ดูด้านข้างกันนิดนึงค่ะ





ผู้ช่วยตัวกลมเดินตามกลิ่นมา แล้วจิ๊กไป 1 ลูก





ได้ไปแล้วยิ้มกริ่มอย่างเน้ บาดหัวใจอาจริงๆ





ขอบคุณบุ๊งศรีอีกครั้งนะจ๊ะ สำหรับสูตรอร่อยๆ




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2554    
Last Update : 25 ตุลาคม 2554 22:51:02 น.
Counter : 915 Pageviews.  

ทำได้กะเค้าบ้างแล้ว ขนมปังนุ่มนิ่ม



ฮิๆฮ่าๆ วันนี้ up blog ด้วยความดีใจค่ะคุณขา ตั้งแต่เริ่มเข้าครัวมาเนี่ย ไม่เค๊ย ไม่เคยทำขนมปังออกมาอร่อยอย่างใครเขาเลย

แวะไปบ้านนู้น บ้านนี้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านเจ้าแม่ขนมปังเมพขิงๆ อย่างบุ๊งศรี ) ทำออกมาทีไรหน้าตาน่ากิน ยั่วน้ำลายคนดูตลอดๆ

เมื่อวันก่อนลองทำไปหนึ่งเซ็ต ปรากฏว่าตอนพักแป้ง แป้งมันไม่ค่อยขึ้น อบเสร็จออกมาก็พอกินได้ แต่ไม่ติดใจค่ะ วันนี้ขอลองอีกซักที สูตรนี้เป็นสูตรไม่ใส่นม แต่ใช้น้ำเปล่าแทน





อันนี้เป็นตอนเอาใส่พิมพ์เตรียมเข้าอบแล้วค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปขั้นตอนนะคะ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะออกมาดีหรือเปล่า แต่ครั้งนี้ใช้เครื่องทำขนมปัง (ตัวที่เคย review ไปใน blog ก่อนๆ) นวดแป้งนานเกือบๆจบ program (Program 9 ใช้เวลานวดปกติประมาณ 1.30 ชั่วโมง แต่เรานวดแค่ชั่วโมงนิดๆ)

นวดเสร็จทดลอง ขึงบางๆมันก็ดูเป็นฟิลม์หน่อยๆค่ะ (เห็นเพื่อนๆบอกว่าต้องนวดให้ได้เป็นฟิลม์บางๆจึงจะอร่อย)

อบออกมาแล้วหน้าตาเป็นอย่างนี้ หน้าจะมันๆนิดๆ เพราะทาไข่ผสมน้ำไว้ จะได้ดูน่ากิน วันนี้ำทำแบบมีไส้ (กรอก) กับแบบไม่มีไส้นะ ลูกไหนลุ้นเอาเองคร่า





ซูมชัดๆค่ะ กลมเกลี้ยงน่ากินดีมั้ย แค่เห็นหน้าตาแบบนี้ถึงยังไม่ได้ชิม คนทำก็ปลื้มใจแย่แล้ว





ขออีกที ลูกเดิมนั่นแหละ ฮี่ๆๆ เห่อจริงๆ






บิดูข้างใน อูยยยย มันนุ่มๆนิ่มๆจริงๆค่ะคุณขา แจ๊คพ็อตจับได้ลูกไม่มีไส้ซะด้วย หันไปดูผู้ช่วยตัวกลม อร๊ายยยยย ทำไมแกได้ลูกที่มีไส้กรอกฟระ





สูตรตามด้านล่างเลยค่ะ รับรองว่าต้องได้ทำอีกครั้งเร็วๆนี้แน่ๆเลย สูตรนี้ทำได้ 12 ลูกค่ะ

ส่วนผสม A
1. แป้งขนมปัง 210 กรัม
2. แป้งเค้ก 90 กรัม
3. น้ำตาล 55 กรัม
4. นมผง 10 กรัม
5. ยีสต์ 2 ชช (ให้ยีสต์อยู่บนน้ำตาล)

ส่วนผสม B
1. ไข่ 1/2 ฟอง
2. น้ำเย็น 160 cc

ส่วนผสม C
1. เนย 60 กรัม (ทิ้งให้นิ่ม ไม่ต้องละลาย)
2. เกลือ 1/4 ชช


วิธีทำ
1. คนส่วนผสม A ให้เข้ากัน พักไว้
2. คนส่วนผสม B ให้เข้ากัน เทใส่ส่วนผสม A
3. เอาใส่เครื่องนวด ใช้ program 9 พอส่วนผสม A & B เริ่มเข้ากันให้ใส่ส่วนผสม C เรานวดทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แป้งควรพองขึ้นมาเป็น 2 เท่า
4. ส่วนผสม จะโตขึ้นเป็นสองเท่า ชกไล่ลม แล้วปั้นเป็นก้อนๆละ 50 กรัม
5. ใส่ไส้ตามใจชอบ วันนี้ไส้กรอกง่ายสุดฮ่าๆๆ
6. พักไว้อีก 1 ชั่วโมงให้แป้งขึ้น
7. เอาไข่ครึ่งฟองที่เหลือ (จริงๆใช้ประมาณ 1 ชต) ผสมน้ำแล้วทาหน้า
8. อบไฟ 180 c ไฟบนล่าง ประมาณ 13 นาที




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2554    
Last Update : 23 ตุลาคม 2554 17:29:15 น.
Counter : 2106 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

Born to Bee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add Born to Bee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.