Group Blog All Blog
|
intersection...จุดตัด
หาก เส้น คือ ร่องรอยที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของจุด หรือหากเรานำจุดมาวางเรียงต่อกันไปก็เกิดเป็นเส้นที่เราเห็นเป็นขีดยาว ชีวิต ก็เปรียบเหมือนจุดที่เคลื่อนไป หรือจุดที่เรียงต่อกัน เส้นของคนๆหนึ่ง ก็มีหลายจุดที่เรียงต่อกันมา ณ จุดๆหนึ่งของชีวิต ณ จุดๆหนึ่งบนเส้น เราเจอจุดตัด ที่มาจากเส้นอีกเส้นหนึ่ง ก็เหมือนเราเจอใครอีกคน เดินผ่านเข้ามาในชีวิต บางครั้ง จุดตัดนี้เกิดขึ้นที่หัวใจพอดิบพอดี เลยเกิดเรื่องราวหลายๆอย่าง เกิดเป็น "จุดร่วม" ระหว่างสองเส้น เปรียบเหมือนคนสองคน ที่ไม่เคยเจอกัน เมื่อได้มารู้จัก พูดคุย กลับรู้สึกว่า เหมือนกับเราได้เจอคนคนนี้มาก่อน เรารู้จักกันมานาน มันถูกตาต้องใจอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันและเธอ ผูกสมัครรักใคร่ จนเกิดเป็นคำว่า เรา มองไปบนจุดอื่นในชีวิต ณ จุดนั้น เราไม่เห็นจุดตัดบนเส้นหรอก แต่เราเห็นอีกจุดที่อยู่ข้างๆ เป็น อีกจุดที่อยู่บนอีกเส้นหนึ่ง ที่ขนานกับเส้นของเรา จุดที่เห็นไม่ได้ตัดกัน แต่ก็อยู่คู่กับจุดในชีวิตของเราไปตลอด เปรียบเหมือนเรามีเพื่อนที่ดี เพื่อนที่คอยปรึกษา พูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็รักษามิตรภาพนั้นไว้ตลอดกาล จุดบางจุดบนเส้นชีวิต มันเกือบจะเลือนหาย แต่ก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้ เอายางลบ ลบเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหมด เหลือไว้แค่รอยจางๆ มันมีเส้นที่เคยวิ่งมาตัดตรงจุดนั้น วันหนึ่งเราอยากจะลบให้มันหายไป แต่ก็ยากเหลือเกิน เปรียบเหมือน ความผิดพลาดที่เกิดในชีวิต เราไม่จำเป็นต้องลบ แต่เราทิ้งรอยจางๆไว้ตรงนั้นได้ เมื่อมองไป จุดจางๆนั้น จะคอยเตือนใจเราเสมอ ไม่ให้เราประมาท คนสองคนรักกัน ก็เหมือน เส้นสองเส้นที่วิ่งมาตัดกัน ถ้ามันใช่ มันก็สร้างรูปหลายเหลี่ยม จากจุดตัดนั้นได้ไม่ยาก แต่ถ้ามันไม่ใช่ เราก็แค่ลบ ทำให้มันจางลง เราอาจจะเพ่งตาไปที่จุดนี้สักระยะ แต่ไม่นาน เราจะทิ้งจุดนี้เป็นแค่จุดๆหนึ่ง ที่แทบจะจำไม่ได้ ชีวิตเรา ยังสามารถต่อจุด เติมเส้นไปข้างหน้าได้ไม่รู้จบ ยิ้ม และเติมจุดของเราต่อไปสิ  ที่เกิดขึ้นกับเรา...มันดีเสมอ
เคยไหม เดินทอดน่อง ปล่อยใจตามลำพัง ก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจ
ทำไม สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดกับเรานะ ทำไม เราไม่ได้เรียนคณะที่เราอยากเรียนนะ ทำไม แฟนเราถึงไม่โรแมนติกเหมือนแฟนเพื่อนคนนั้นนะ ทำไม ชีวิตของเราถึงดูมีทางเดินน้อยกว่าชีวิตของคนอื่นนะ ก้มมองตัวเอง แล้วถามตัวเองเสมอว่า ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ขาดอะไรงั้นหรือ "ก็ไม่เลวนะ" คำตอบหนึ่งที่ดังขึ้นมา ฉันก็มีความสุขในแบบของฉัน ฉันยิ้มได้ หัวเราะเป็น ร้องไห้ในบางขณะ ฉันต้องการอะไรอีก... "บางครั้ง บางที สิ่งที่เราเลือก หรือได้รับมา มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดหรอก แต่มันอาจจะเหมาะกับเรามากที่สุด" สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา มันดีเสมอนะ เราพอใจกับมันหรือยัง ถ้ายัง เรามีกำลังกายและกำลังใจทำต่อหรือไม่ เติมไฟแห่งความฝันและความหวังให้กับตัวเอง เดินหน้าต่อไปสิ เธอทำได้...ฉันคอย คำว่า เรา
เรามีอะไรต้องคุยกันสักหน่อยนะ ฉันมีอะไรต้องจะคุยกับคุณสักหน่อยนะ เราไปกินข้าวกันก่อนดีไหม ฉันจะไปกินข้าวก่อน คุณจะไปกับฉันไหม เราไปแวะไปทำธุระของฉันก่อนแล้วค่อยไปงานเลี้ยงดีไหม คุณช่วยแวะไปทำธุระกับฉันก่อน แล้วค่อยไปงานเลี้ยงได้ไหม เหตุการณ์และความหมาย ดูแล้วไม่แตกต่าง แต่สังเกตสิ คำว่า "เรา" ทำให้อะไรหลายๆอย่าง ดูอ่อนโยน น่าทะนุถนอม คำว่า "เรา" ทำให้ ฉันและเธอ ไม่ใช่คนอื่นคนไกล คำว่า "เรา" ทำให้ ฉันและเธอ เดินไปทางเดียวกัน คำว่า "เรา" ทำให้ ฉันและเธอ ฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน คำว่า "เรา" ทำให้ ฉันและเธอ เดินร่วมทางสายใหม่ด้วยกัน "เรา...มีกันและกัน บนถนนสายความรัก" ฉันขาดเธอไม่ได้ เพราะ จะไม่มีคำว่า "เรา" "เธอได้ฟัง ฟังฉันรำพันกล่าวขานจงได้สงสาร เห็นใจในรักที่ภักดี" I have got butterflies in my stomach
ใครที่เคยอ่านนิยายรัก โดยเฉพาะนิยายฝรั่ง น่าจะเคยได้ยินประโยคนี้บ่อยๆ " I have got butterflies in my stomach " แปลตรงตัว ก็คือ รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินๆ อยู่ในท้อง (มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับ adrenaline แต่ตรงนี้ขออธิบายด้วยความรู้สึก) แน่นอนมันต้องเกี่ยวข้องกับ ความรัก และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า คนที่เคยมีความรักทุกคนต้องเคยสัมผัส ถ้าคุณแอบชอบใครสักคนหนึ่ง...เวลาที่เค้าเข้ามาใกล้ๆ คุณรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นระรัวบอกไม่ถูก ถ้าคุณแอบปลื้มใครสักคนหนึ่ง...เขาเข้ามาทักทายและยิ้มให้คุณ คุณรู้สึกชื่นใจ หัวใจมันพองโต ถ้าคุณกำลังคุยกับใครสักคนหนึ่ง...คนที่คุณรู้สึกว่า คนนี้แหละใช่เลย มันตรงไปทุกอย่าง คุณรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหรือไม่ เวลาที่สายตาเขามองมาที่คุณ ถ้าคุณกำลังคบใครสักคนหนึ่ง ช่วงแรกๆ คุณจะมีแรงผลักดันอะไรบางอย่าง ทำให้คุณนอนดึกได้ ทำให้คุณมีแรงประหลาด อยากตื่นขึ้นมาดูโลกใบนี้เหลือเกิน โลกที่มีเขาอยู่ ความรู้สึกนี้บางทีเราอาจจะไม่เคยรู้ตัว นั่นแน่!!! ถ้าอยากรู้ "ลองมีความรักดูสิ" Every time you turn and look at me, I get butterflies in my stomach. อธิบายไม่ถูกเหมือนกันนะ แต่ มันรู้สึกดี  'Like dissolves Like...Love dissolves Love'
Like dissolves Like "ตัวถูกละลายที่มีขั้วจะละลายในตัวทำละลายที่มีขั้วและ ตัวถูกละลายที่มีไม่มีขั้วจะละลายในตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว" ว่ากันง่ายๆ สมบัติเหมือนกันก็จะละลายเป็นเนื้อเดียวกันได้ คนสองคน ต่างพ่อ ต่างแม่ โชคชักนำหรือกรรมบันดาลให้สองคนมาพบกัน บางครั้ง... ฉันเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา เธอพูดจาถนอมน้ำใจคน ฉันชอบกินอาหารฝรั่ง เธอชอบกินอาหารไทย ฉันจะดูหนัง เธอจะฟังเพลง ฉันชอบไปเที่ยวน้ำตก เธอชอบไปทะเล ฉันชอบกินทุเรียน แต่เธอแค่ได้กลิ่นก็จะเป็นลม อะไรทำให้คนสองคนที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน อยู่ด้วยกันได้ หลายครั้งคนสองคนพบกัน เหมือนตัวถูกละลายและตัวทำละลายที่มีขั้วเหมือนกัน เราละลายเป็นเนื้อเดียวกันได้ เป็นสารเนื้อเดียวได้อย่างง่ายดาย หลายครั้งคนสองคนพบกัน เหมือนตัวถูกละลายและตัวทำละลายที่มีขั้วและไม่มีขั้ว รวมกันแล้วแยกชั้นชัดเจน เทรวมกัน เขย่าแล้วก็ยังแยกชั้นเหมือนเดิม จำเป็นต้องเติมอิมัลซิไฟเออร์เป็นตัวประสาน ความรัก เป็นเหมือน อิมัลซิฟายเออร์ ที่ช่วยให้ตัวทำละลายและตัวถูกละลายประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้คนสองคนที่ต่างกันคนละขั้ว มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ ชีวิตคู่ที่คอยเติมเต็มสิ่งเล็กๆน้อยๆให้กันและกันอยู่ตลอด ก็เหมือนเพิ่มความสามารถในการละลาย เป็นเนื้อเดียวเพิ่มขึ้นตลอดเวลาเช่นกัน เพราะ... Love dissolves Love "ความรักก็เป็นตัวทำละลายความรักเช่นเดียวกัน"  |
สุวรรณอัมพร
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] คนแสนธรรมดา มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ Link |
