แม่….ผู้หญิงมหัศจรรย์

แม่….ผู้หญิงมหัศจรรย์

ข้าพเจ้านั่งมองหญิงสูงวัยคนหนึ่งเงื้อง่าจอบขึ้นเหนือไหล่และฟาดฟันลงผืนดินทำกินที่ร้อนระอุอย่างเหนื่อยล้าเธอทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนแสงแดดนั้นลับขอบฟ้าไป เพื่อแลกกับเศษเงินเล็กน้อยมาประทังชีวิตครอบครัวของเธอมือที่แห้งกร้านจากการทำกิน จูงมือน้อยๆของข้าพเจ้าอย่างอ่อนโยน ประหนึ่งว่า สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมือของเธอขณะนั้นคือสิ่งที่มีค่ายิ่งนักกับชีวิตหญิงสูงวัยใกล้ฝั่งอย่างเธอข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงความแห้งกรานจากการตรากตรำงานหนักมานับไม่ถ้วนแต่ขณะเดียวกันไออุ่นในมือนั้นก็มีมากยิ่งกว่า มือเดียวกันนี่สินะที่ทำหน้าที่พ่อให้ข้าพเจ้าได้ในเวลาเดียวกันโดยไม่มีขาดตกบกพร่องเลยมือเดียวกันนี้สินะที่ปกป้องข้าพเจ้าจากภยันตรายทุกสิ่งถึงแม้จะหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม

พ่อของเราจากไปตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเล็กนักแต่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกว่าตนเองขาดอะไรเลยแม่ให้ความรักและดูแลเอาใจใส่ข้าพเจ้าอย่างใกล้ชิดเหมือนเป็นเพื่อน พี่สาวและพ่อในเวลาเดียวกัน แม่ทำทุกอย่างที่พ่อทุกคนทำได้น่าแปลกที่ผู้หญิงคนนี้ได้เรียนแค่ ป.สองเธออ่านออกเขียนได้นิดหน่อย แต่เธอรู้ทุกอย่างที่ในหนังสือเรียนไม่มีสอนเธอทำกับข้าวอร่อยมาก ถึงแม้เธอจะไม่มีเงินซื้อชุดนักเรียนแพงๆให้ข้าพเจ้าใส่แต่เธอก็ตัดกระโปรง เสื้อนักเรียน ให้ข้าพเจ้าใส่ได้ทุกตัว เธอต่อไฟในบ้านเองเธอจำวันเกิดลูกทุกคนได้โดยไม่ต้องสนว่าอักษรบนปฏิทินอ่านว่าอย่างไร เธอทำนาได้ดียิ่งกว่าผู้ชาย เธอปลูกผักงามจนได้เป็นเกษตรกรตัวอย่างเธอทำบัญชีเป็นทั้งๆที่ไม่ได้เรียนบัญชี เธอจำยาทุกตัวที่ต้องซื้อให้ข้าพเจ้าทานเป็นประจำได้สำหรับข้าพเจ้าแล้วแม่เป็นผู้หญิงที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก

ข้าพเจ้าสุขภาพไม่แข็งแรงมากนักมาตั้งแต่เด็กแต่อาการก็ไม่ได้หนักมากนัก จนกระทั่งเมื่อปี2552 ข้าพเจ้าต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอาการหนักมากจนต้องเข้ารับการผ่าตัดปัญหาใหญ่คือข้าพเจ้าเลือดจางไม่สามารถผ่าตัดได้พยาบาลต้องขอบริจาคเลือดซึ่งอาจใช้เวลานานในขณะเดียวกันอาการของข้าพเจ้าก็ทรุดลงเรื่อยๆแม่ยอมบริจาคเลือดให้ข้าพเจ้าโดยไม่ลังเล แต่เลือดยังไม่พอ จนแม่ต้องเดินไหว้คนทั้งโรงพยาบาลเพื่อขอรับบริจาคเลือดให้ข้าพเจ้าจนเลือดพอที่จะผ่าตัดภาพตอนนั้นยังสะเทือนใจข้าพเจ้าจนถึงตอนนี้ ถึงแม้ข้าพเจ้าจะไม่รู้สึกตัวเลยตั้งแต่ออกจากห้องผ่าตัดแต่คนแรกที่ข้าพเจ้าเห็นตอนที่ลืมตาขึ้น ก็คือแม่ แม่บีบมือข้าพเจ้าไว้แน่นน้ำตาซึมทั้งสองข้างถึงแม่จะไม่ได้พูดอะไรแต่สายตาของแม่ฟ้องว่าถ้าเป็นไปได้แม่อยากเจ็บแทนข้าพเจ้าเสียด้วยซ้ำข้าพเจ้าได้แต่กระพริบตาช้าๆตอบกลับไปถึงแม้จะเจ็บไปทั้งตัวในห้องไอซียูข้าพเจ้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจถึงแม้แม่จะไม่มีเงินจ้างพยาบาลให้มาดูแล แต่แม่ก็ดูแลข้าพเจ้าอย่างใกล้ชิดด้วยตนเองเช็ดตัว เปลี่ยนผ้าอ้อม เช็ดน้ำลาย ป้อนยา ป้อนน้ำ สระผม หรือแม้แต่เทของเสีย พูดคุยเรื่องราวต่างๆให้ฟังถึงแม้ข้าพเจ้าจะพูดไม่ได้ คอยอยู่ข้างๆเวลาที่ทรมานแทบตายตอนพยาบาลมาดูดเสลด คอยทายาหม่องให้เมื่อต้องโดนฉีดยาครั้งแล้วครั้งเล่าจนช้ำหาที่เจาะไม่ได้ถ้าวันนั้นไม่มีแม่ข้าพเจ้าคงตายไปแล้ว

การเข้าโรงพยาบาลครั้งนั้นทำให้แม่ต้องกู้เงินจากที่ต่างๆมารักษาข้าพเจ้าการเรียนต่อมหาวิทยาลัยจึงกลายเป็นเพียงความฝันริบหรี่ ข้าพเจ้าต้องหยุดเรียนไปหนึ่งปีแต่ช่วงเวลาที่พักการเรียนไปข้าพเจ้าก็ได้เรียนรู้วิชาชีวิตต่างๆจากแม่จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าเข้าศึกษาต่อปริญญาตรีด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง

ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนในคราบนักศึกษาตั้งแต่ปีแรกของการเป็นนิสิตเงินเดือนที่ได้จากการทำงาน ถูกปันไปเป็นธนาณัติถึงแม่ทุกเดือนถึงตัวเลขจะไม่มากแต่ข้าพเจ้าก็ภูมิใจและรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่ข้าพเจ้าควรจะทำการทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยทำให้เหนื่อยเป็นสองเท่าแต่เมื่อข้าพเจ้าคิดถึงแม่ก็ทำให้ข้าพเจ้ากลับมามีกำลังใจต่อสู้ชีวิตต่อไป ข้าพเจ้าไม่เคยแม้แต่จะโทษแม่ที่ทำให้ข้าพเจ้าลำบากไม่เรียกร้องชีวิตวัยรุ่นเหมือนที่เด็กรุ่นเดียวกันมีข้าพเจ้ากลับภูมิใจเสียด้วยซ้ำที่แม่ของข้าพเจ้าเลี้ยงดูข้าพเจ้าให้เติบโตมาได้ถึงเพียงนี้ความลำบากที่ต้องเผชิญในทุกวันนี้ไม่ได้ครึ่งกับที่แม่เคยเจอ ข้าพเจ้าภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ถ้าไม่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ก็คงไม่ได้เลือดนักสู้ของชาวนา ที่ทำให้อดทนและผลักดันให้ยืนหยัดด้วยตนเองมาได้จนถึงทุกวันนี้ข้าพเจ้าอยากจะบอกแม่ว่า “ถึงแม้แม่จะเป็นแค่ชาวนาแต่สำหรับหนูแม่เป็นแม่พระที่หนูบูชาไว้สูงสุดเสมอ หากชาติหน้ามีจริงหนูก็จะขอเกิดมาเป็นลูกของแม่….เสมอไป“




Create Date : 18 กรกฎาคม 2555
Last Update : 18 กรกฎาคม 2555 19:51:25 น.
Counter : 2848 Pageviews.

0 comment

mameawkapmax
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]