บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
All Blogs
 

ยังอยากจะทำงานที่เดิมอยู่หรือเปล่า...

มีน้องเขามาบ่นว่า เบื่องานที่ทำ เพราะไม่ก้าวหน้า ก็เลยลองคุย สรุปแล้ว เขาเองก็ยังอยากทำงานที่เดิม แต่ลักษณะและเพื่อนๆเขาได้ย้ายงานออกไป นั่นเป็นปัญหาทางด้านจิตใจ

แต่ถ้ายังอยากทำงานเดิมอยู่.. ก็ควรทำอย่างนี้...

1. เริ่มศึกษาความต้องการของเจ้านาย อาจจะถามถึงหน้าที่หลัก และ หน้าที่ๆต้องทำ กับหนัวหน้างานเลยก็ได้ครับ

2. ประเมินการทำงานของตนเอง และ ให้เจ้านาย หรือ เพื่อนร่วมงานประเมิน แล้วนำมาเปรียบเทียบกันว่า คุณอยู่ในระดับไหน อย่าใช้ความคิดเข้าข้างตัวเองมาบดบังความจริงนะครับ

3. จัดระบบการทำงานของตนเองเสียใหม่ โดยทำให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของงานที่รับมอบหมาย หรือ มากกว่าในสิ่งที่ควรทำ

4. สรุปการทำงานในแต่ละงานออกเป็นรายงาน หรือ เมล์ ส่งให้หัวหน้างานรับทราบว่า สิ่งที่เราทำไปแล้วนั้น มีผลดีกับบริษัทฯอย่างไร ป้องกันเรื่องใดได้บ้าง และให้ส่งเป็นประจำทุกครั้งในแต่ละ Project หรือ ทุกรอบเดือน เป็นต้น

5. คิดสร้างสรรงานใหม่เพิ่มมากขึ้น ทำในส่วนที่จะส่งผลทั้งระยะยาว และ ระยะสั้น..

6. สอนให้คนอื่นทำในหน้าที่ๆทำเป็นประจำ (Routine) แล้วสร้างงานใหม่ขึ้นมาทำเป็นประจำ

7. เรียนรู้งานของส่วนอื่นๆ เพื่อดูการเชื่อมโยงการทำงานของแต่ละส่วน

8. ปรับปรุงการเชื่อมโยงการทำงานของเรากับแผนกอื่นๆให้รวดเร็ว สดวกยิ่งขึ้น..

ผมว่าถ้าทำได้ลักษณะนี้ ไม่เกิน 1-2 ปีก็จะดีขึ้นมากแล้วครับ




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2548    
Last Update : 22 มิถุนายน 2548 11:18:22 น.
Counter : 1567 Pageviews.  

มีเจ้านายอย่างนี้ บริหารงานอย่างไรดี...

ทำงานบริษัทต่างชาติ ชาวเอเชีย มีทั้งเจ้านายคนไทย และต่างชาติสองคน มีลูกน้องอีก สิบคน

เจ้านายสามคน ต่างคนต่างสั่งลูกน้องเราทำโน่นทำนี่ จนลูกน้องเรามั่วไปหมด เราเองพยายามเข้าใจลูกน้องก็เลยไม่ออกคำสั่งใหม่ พยายามประคองลูกน้องให้ทำงานตามเจ้านายแต่ละคนสั่ง ผลที่เราได้รับคือ

1 ลูกน้องบางคนเข้าใจเรา เชื่อเรา บางคนเชื่อตามเจ้านายเราทุกอย่างไม่รับฟัง ที่เราให้เขาทำในแนวอื่นซี่งจะทำให้งานสบายกว่า ผลลัพท์เท่ากับที่นายต่างชาติสั่งแต่ไม่ใช่วิธีเดียวกันกับที่เขาให้ทำ เหมือนกับลำดับงานก่อนหลัง ทำนองนี้

2 กับนายคนไทยก็เข้าใจกันดี เพราะได้คุยกันบ้าง แต่นายต่างชาติกับเอาเราไปพูดว่าเราไม่บริหาร ทำตามเขาอย่างเดียว คอยตามน้ำ ทั้งที่ต่อหน้าเราไม่เคยบอกกล่าวเราว่าเขาเข้าใจว่าเราเป็นอย่างนั้น

มีครั้งหนึ่ง เรารับงานจากนายต่างชาติมา แล้วก็เอามาอธิบายให้ลูกน้องฟัง ตามที่เขาบอกมาว่าต้องการอะไรควรจะทำอย่างไร ขณะกำลังประชุม นายต่างชาติมายืนฟังอยู่ด้วย สักพัก เขาก็สั่งเปลี่ยนอีก บอกว่าเอาแบบนี้ดีกว่า มันยิ่งทำให้ลูกน้องเราไม่เชื่อถือเราเข้าไปใหญ่
เคยขอย้ายกับนายคนไทย นายต่างชาติรู้เข้าก็ไม่ให้ย้ายบอกว่าย้ายแล้วจะเอาไครทำงาน เพราะเรารู้งานดี

เราอึดอัดมาก อยากรู้ว่าถ้าเป็นคุณควรจะบริหารเจ้านายต่างชาติอย่างไรดี กับเจ้านายคนไทยเข้าใจกันดีให้โบนัสเราปีนี้เยอะมาก

แต่ในสายตาเจ้านายต่างชาติ มองเราว่ายังบริหารไม่เป็น เราว่าเปิดมาปีใหม่นี้ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ คงต้องเปิดฉากคุยกันแน่นอนว่า จะเอาอย่างไร คุณๆ ว่าดีใหม
เจ้านายต่างชาติคนนี้ บ้างานมาก ถึงขนาดไม่ไปงานปีใหม่บริษัท เพราะยังอยากทำงานอยู่ ทำงานเป็นชีวิตจิดใจ

-=-=-=-=-=-=-=-=-

เจ้านายกับลูกน้อง เป็นเรื่องปกติครับ เหมือนลิ้นกับฟัน ที่ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ยังมีหนทางมากมายในการแก้ปัญหา หรือ ลดความขัดแย้งลง ผมขอเสนอแนะเล็กๆ น้อยๆ ละกันครับ

เรื่องลูกน้อง


มีความเข้าใจขัดแย้งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม รวมทั้งปีนเกลียว ขนาดมีเพียง 10 คนยังเกิดอย่างนี้ ผมว่าเป็นปัญหาที่คุณต้องแก้ไขโดยด่วนที่สุด เพราะจะทำให้ระบบการควบคุมพนักงานของคุณเสียไป ซึ่งบางครั้งอาจจะถึงกับย่ำแย่เสียด้วยซ้ำ หากคุณต้องคุมคนหลักร้อย คุณคงกินยาแก้ปวดหัวทุกวันแน่ๆ คราวนี้อยากให้คุณลองเรื่องเหล่านี้ครับ

1. จัดประชุมทุกสัปดาห์ ถึงแม้นแต่ละคนจะมีงานล้นมือก็ตาม ให้หาข้อสรุปของทีมงาน สร้างทีมงานขึ้นมา พร้อมทั้งคุณจะต้องแนะแนว ความคิดอ่านที่เป็นระบบให้กับเพื่อนร่วมงานของคุณ และ การประชุมกันเพื่อหาหนทางการแก้ปัญหาร่วมกัน จะทำให้เพื่อนร่วมงานในกลุ่มมีความสามัคคีกันมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นทางการมากนักไปสักทุกครั้ง และ อย่าละเลย เพียงเพราะงานเยอะกันทุกคน เมื่อคุณเห็นว่า ทีมงานเริ่มดีขึ้น ก็ค่อยๆ ลดเวลาลง และ ให้ห่างขึ้นบ้าง น้อยที่สุดที่คุณจะเรียกประชุมน่าจะประมาณ เดือนละครั้ง หากมากกว่านี้ ทีมงานจะเริ่มแตกอีกครั้งหนึ่งครับ...

2. อธิบายเรื่องต่างๆ ให้กับทีมงานได้รับทราบ แจ้งข่าวสารของทางส่วนต่างๆ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือเป็นไปของทางแผนก เพื่อให้ทีมงานได้รับรู้ความเป็นไป จะทำให้ทีมงานเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ อยากช่วยเหลือบริษัทฯ และ เข้าใจเรื่องระบบงานต่างๆมากขึ้น การสั่งงานของหัวหน้างานคุณ คุณก็ต้องอธิบายเหตุและผลว่าทำไม่เจ้านายคุณถึงสั่งงานกับเขาโดยตรง.. แล้วกำชับให้ทุกคน หากงานต่างๆที่มาจากเจ้านายคุณ ต้องให้คุณรับทราบ มีวันเริ่ม เวลาสิ้นสุดการทำงาน ในทุกๆงาน ทุกครั้ง หรือหากลูกน้องคุณปฏิเสธว่าไม่สามารถกำหนดได้ ก็ให้เขาประเมิณเวลาที่ใช้มาให้ได้ครับ หากคุณพบว่างานนั้นทำลักษณะอื่นแล้วเร็วกว่า คุณเองก็ต้องอธิบายให้ลูกน้องคุณเข้าใจให้ถ่องแท้ ไม่ใช่ปล่อย และ ละเลยอย่างนี้....

3. สร้างบารมี และ บุญคุณ กับลูกน้อง เคยประชุมระหว่างอาหารกลางวันบ้างหรือไม่ ถ้าไม่เคยก็ลองทำดู หรือ เรียกคนไปตักเตือน แต่เลี้ยงข้าวกลางวัน เคยทำไม๊ ดูเหมือนให้กำลังใจ แต่ดุด่า ของขวัญปีใหม่ต้องรอให้น้องๆเอามาให้ หรือคุณให้ลูกน้องคุณก่อน เรื่องเล็กๆน้อยๆ มีผลกับบารมีของคุณ เท่าที่ดูบารมีที่จะคุมลูกน้องคุณยังไม่มากพอ จึงเกิดการปีนเกลียวเกิดขึ้น...

4. จัดกิจกรรม รวบรวมทีมงาน ทำทีมให้มีความเป็นหนึ่งเดียว คุณอาจจะต้องใช้กิจกรรม สันทนาการ หรือ นันทนาการ เพื่อสร้างทีมงานบ้าง เช่น การจับ Buddy ให้กับเพื่อนร่วมงาน การเอาเกมส์ต่างๆมาเล่นด้วยกัน การท่องเที่ยวที่ต่างๆร่วมกัน หรือ การนัดกินอาหารเย็น ร่วมกัน เป็นต้น กิจกรรมจะเป็นตัวสร้างให้ทีมงาน เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น หากบางคนไม่ยอมไปจำเป็นต้องใช้อำนาจบังคับบางครั้งก็ต้องทำ แต่ทำอย่างนุ่มนวลด้วย

5. ร่วมกันหาวิธีทำงาน มีการทบทวนเรื่องการทำงานกันใหม่ โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการหาวิธีการทำงานแนวทางใหม่ๆ โดยให้ทุกคนเสนอความคิดเห็น แล้วคุณก็ต้องพยายามโน้มน้าวเขาเหล่านั้น ให้เห็นหนทางที่คุณคืดว่าดีที่สุด ชมเชยกับความคิดเห็นทุกๆความคิดเห็นไม่ว่ามันจะทำได้หรือไม่ก็ตาม เพื่อสร้างและเปลี่ยนนิสัยคนไทย จากคนที่ไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ให้มาพูดให้มาแสดงความคิดเห็น มีเรื่องใดต้องพูด ต้องสื่อให้เรารับทราบ หรือ ทีมงานรับทราบ ตอนแรกๆคุณอาจใช้เศษกระดาษให้เขาทุกคนเขียนสิ่งต่างๆเข้าในกระดาษ เพื่อจะได้ลดความเขินอายในการแสดงความคิดเห็น แล้วรวบรวมความคิดเห็นเหล่านั้นออกมาเป็นกลุ่ม จัดกลุ่ม สร้างความสัมพันธ์ของแต่ละกลุ่มแล้ว สรุปสิ่งต่างๆที่เข้าเสนอแนะความคิดเห็นออกมา เป็นแนวทางก็ได้... เรื่องนี้อาจจะยาก แต่ถ้าคุณทำได้สักครั้ง คุณก็จะสามารถทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงานได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น...

6. ให้คุณให้โทษตามสถานะการณ์ ให้รางวัลกับคนที่ทำงานได้ดี นี่เป็นจุดที่ต้องทำไม่ว่าความผิดนั้นจะเบา หรือหนัก ก็ตาม ไม่สามารถละเลยเรื่องเหล่านี้ได้ หากเขาทำผิดก็แยกออกไปตำหนิ หากคุณทำให้การตำหนืกลายเป็นคำแนะนำส่วนบุคคลได้ก็จะดีไม่น้อย หรือหากใครก็ตามทำดี ก็ต้องชมเชย และ ต้องชมเชยเขาเหล่านั้นให้กับคนอืนๆได้รับรู้ บริษัทฯผมใช้การปิดประกาศ และ แจกโล่ประกาศเกรียติคุณ ครับ

7. กำหนดเวลาในการทำงานแต่ละชิ้น ไม่ว่างานนั้นจะมากจากเจ้านายคุณ หรือ ตัวคุณให้งานกับลูกน้องคุณเอง คุณก็ต้องกำหนดเวลาสิ้นสุดของงาน เพื่อใช้ในการอ้างอิงผลงานต่างๆของลูกน้องคุณ หากงานไม่เสร็จตามกำหนด ไม่ต้องฟังคำแก้ตัวว่า เจ้านายใหญ่ สั่งอย่างนี้ อย่างนั้น แต่มองที่เนื้องานว่า เสร็จหรือไม่เสร็จ ซึ่งถ้าเจ้านายใหญ่สั่ง ก็ต้องบอกว่า มันเป็น วิจารณญาณของคุณเองที่จะทำตามเขา หรือ ทำให้ดีกว่าที่เขาสั่ง แล้วลงโทษ หรือ แจ้งความบกพร่อง ให้ทราบครับ..

8. จัดหาระบบควบคุมการทำงานเช่น KPI เข้ามาควบคุมการทำงาน และ รายงานผลงานของลูกน้องแต่ละคนให้รับทราบบ่อยครั้ง การใช้ระบบควบคุมการทำงาน รวมทั้ง การกำหนดเป้าหมายการทำงานทั้งปี เป็นการสร้างเป้าหมายการทำงานให้กับลูกน้องของเรา แล้ว ต้องบอกถึงความสามารถของลูกน้องว่าทำได้ตามเป้าหมายบ่อยครั้ง อาจจะทุกๆเดือน หรือ ทุก 3 เดือน การบอกผลงานเมื่อสิ้นปี ทำให้ลูกน้องของคุณ ไม่สามารถ ปรับปรุงตัวเองเพื่อประสบความสำเร็จในชีวิตได้ และ ไม่มีเป้าหมายที่แน่นอนในการทำงาน ทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก คราวนี้ก็โยนความผิดทั้งหลายมาให้คุณอีกนั่นแหละ..

ต้องเข้าใจลูกน้องแต่ละคนนะครับว่า เขาต้องการอะไร อะไรที่มากไป หรือ อะไรที่น้อยไป ดังนั้น ทำความเข้าใจกับเขาเหล่านั้นให้มาก แล้ว ทำความเข้าใจตัวเองด้วย ปรับเปลี่ยนตัวเองและทีมงาน รวบรวมทีมงานของคุณกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ

เรื่องเจ้านาย


เจ้านาย 3 คน เหมือน 3 ก๊ก ถ้าทุกคนเข้ากันดีก็ไม่มีเรื่อง แต่หากเป็นลักษณะนี้ ผมว่าคงต้องตามน้ำและ สร้างกระแสน้ำไปในตัว เจ้านายไทยคุณก็รักกันไปครับ ส่วน เจ้านายต่างชาติ คุณก็ต้องแสดงการบริหารแบบต่างชาตืให้เขาเห็น ครับ แล้ว เจ้านายต่างชาติของคุณชาตืใดครับ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลย์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ หรือแม้นกระทั่งไทย ก็มีแนวทางการบริหารแตกต่างกันไป แต่สื่งที่เหมือนกันของแต่ละประเทศก็คือ ความต้องการผลงาน ถ้าได้ข้อมูลว่า เจ้านายต่างประเทศของคุณชาตืใดก็จะสามารถแนะนำได้ลึกซึ้งกว่านี้... ผมพบว่าคุณใช้คำว่า "เจ้านายต่างชาติคนนี้" แสดงว่าเพียงคนเดียว เท่านั้นที่มีปัญหากับคุณ หรือว่าผมเข้าใจผิดว่าเป็น ทั้ง 2 คนครับ ?

เจ้านายบ้างานนะมีวิธีจัดการดังนี้ครับ
1. บ้างานตามเจ้านาย อาจจะมาทำงานเสาร์-อาทิตย์บ้าง ทำงานเลยเวลากลับบ้านบ้าง ทั้ง 2 อย่างต้องทำงานจริงๆนะครับ ไม่ใช่นั่งเล่น หรือ คุณอาจจะปรับตัวเองให้มาเช้ากว่าปกติมากๆ และ กลับเท่าเดิม ทำงานไม่ใช่เดินเล่นไปมา ติดตามงาน จัดระบบงานให้เข้าที่ และ รายงานให้เจ้านายรับทราบเป็นระยะๆ

2. ทำงานให้เสร็จก่อนวันกำหนด งานที่คุณได้รับมอบหมาย หากคุณสามารถทำให้มันเสร็จก่อนกำหนดได้ ก็ให้รีบทำ และ ส่งงานก่อนกำหนดเวลาบ่อยๆ ซึ่งเจ้านายที่บ้างานมันชอบคนลักษณะอย่างนี้

3. งานที่ได้รับต้องได้มากกว่าที่เจ้านายสั่ง และเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน ทำให้เจ้านายรู้สึกว่า เรามีความสามารถ มีความคิด มองการณ์ไกลกว่าด้วย...

4. เข้าไปหา และ ขอคำปรึกษาบ่อยๆ เอาข้อสรุปการทำงานของเรา ไปปรึกษา อย่าเอาปัญหาไปให้เจ้านายคิด แต่เอาความคิดของเราให้เจ้านายตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยมีวิธีแก้ปัญหาหลากหลายวิธีเสนอให้

ต้องทำทุกเรื่องเป็นประจำครับ และไม่ใช่เฉพาะเจ้านายคนไทย คุณต้องทำกับเจ้านายต่างชาติของคุณทั้ง 2 คนด้วย และทำจนคุณติดนิสัย แล้วเรื่องเจ้านายบ้างานจะหายไป แต่หากฝืนคุณมาก เกินไป คุณก็ต้องทำทีละข้อ โดยเฉพาะ ข้อ 4 เพราะมันจะทำให้ความรู้สึกของเจ้านายที่มีต่อคุณดีขึ้น ผมไม่แนะนำให้ประจบแต่ผมแนะนำให้คุณไปขอความคิดเห็นนะครับ.. 2 เรื่องนี้มันต่างกัน..

ระบบการทำงานของบริษัทฯ


จากที่อ่าน คิดว่าการทำงานเป็นก๊ก อย่างนี้ หรือ คุยเฉพาะหัว ตัวไม่ต้องรู้อย่างนี้ มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่การสื่อสารที่ดีควรจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยกันรับรู้โดยละเอียด ต้องให้แก้ต่าง หรือ รับทราบข้อผิดพลาด ทั้งหมด ดังนั้น จุดหนึ่งที่ผมมองคือ ระบบงานของบริษัทฯ คุณ ยังไม่เสถียร มากนัก คุณลองปรึกษากับเจ้านายคนไทยของคุณดูครับว่า ควรจัดระบบงานอย่างไร จัดระบบการติดต่อ และ การสั่งงานอย่างไร จะได้ลดข้อบกพร่องหลักๆ ไปได้ครับ..




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2548    
Last Update : 22 มิถุนายน 2548 11:12:01 น.
Counter : 1413 Pageviews.  

สร้างระบบทีมขาย...

การขายมีหลากหลายแบบ ซึ่งก็ขอแค่ขายสินค้าได้ก็พอ ดังนั้น...

ถ้าจะจัดหา Dealer ช่วยๆกันไป ธุรกิจไม่ต้องทำคนเดียวก็ได้ครับ ทำกันบริษัทฯ แบ่งๆกำไรกันไป โตไปด้วยกันครับ...

หรืออาจให้ TV Direct หรืออะไรทำนองนี้ ทำเป็น Deale ให้ ตรงถึงบ้านของแต่ละคนเลยครับ Condition ก็ไปตกลงกันเองครับ... แต่อย่าปิดช่องการขายของตัวเองหละครับ อาจจะทำเป็น Brand Name อื่นเป็นการเพิ่มช่องทางการขายจากการผลิดครับ..

จัดเปิดบุ๊ตขาย โดยจ้างพนักงนา PC มาขาย จัดอบรมสินค้า เลือกทำเลที่ตั้งที่ดีๆ ก็ขายได้เหมือนกัน..

แต่ถ้าจะทำระบบการขายเอง ร่วมด้วย ก็ต้องมาดูเรื่องเหล่านี้ครับ... เพิ่มช่องทางการขายจาก Dealer ก็ดีครับ.. ขอคิดเล่นๆนะครับ...

จัดระบบคอมมิชชั่น

เรื่องระบบนี้คงเห็นกันโดยทั่วไปแล้ว การจัดการแบบขั้นบันไดดูดึงดูดการขายได้มากกว่า จากตัวเลข น่าจะกำไรอยู่ที่ ประมาณ 10-12% ก็ตกราวๆ 3000 บาท ถ้าตัองตั้งยอดคอมก็อาจจะมองลักษณะนี้ครับ

ยอดต่อเดือน (ตัว) ค่าคอมตัวละ (บาท) ได้มากที่สุด
. .0-15 . . . . . . . . . . . . 300 . . . . . . . . 4,500
.16-20 . . . . . . . . . . . . 350 . . . . . . . . 7,000
.21-25 . . . . . . . . . . . . 400 . . . . . . . 10,000
.26-30 . . . . . . . . . . . . 450 . . . . . . . 13,500
.31-35 . . . . . . . . . . . . 500 . . . . . . . 17,500
.36-40 . . . . . . . . . . . . 550 . . . . . . . 22,000
.41+ . . . . . . . . . . . . . .600 . . . . . . . xx,xxx

แล้วให้เงินเดือนอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท ถ้าพนักงานขายสามารถทำได้เหมือนคุณ เฉลี่ยอยู่ที่ 25 เครื่อง ก็จะได้เงินประมาณ 15,000 บาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตั้งของคุณครับ แต่ผมว่าน่าจะให้มากกว่านี้สักหน่อยก็ดีครับ แค่ลองคิดดูเล่นๆเท่านั้นเอง..

แบ่งสาย แบ่งโซน

จัดสายการวางจำหน่าย หาหัวหน้าทีม และ อาจให้ค่าคอมของหัวหน้าทีมเป็น อีก 2%,4%,6%,8%,10% ของยอดคอมมิชชั่นของทีมงาน ซึ่งก็จะเป็นแรงผลักให้เกิดการขายได้มากขึ้นครับ แบ่งสายอย่าให้ทับกัน และ ต้องชัดเจน เช่น กรุงเทพฯ, ภาคกลาง, ภาคใต้, อีสาน, และ ระบุจังหวัดด้วยจะดีมากเลยครับ..

การจัดแบ่งสายมี่มี Dealer ร่วมอยู่ด้วย ตามมารยาทก็ไม่ควรจัดทับ หรือ ไปแก่งแย่งกันเองครับ แต่ถ้า Dealer เป็นจังหัวดๆไป ก็ดีนะครับ...

จัดหาบุคคลากร

หาแค่หัวหน้าสายงานแล้วให้หัวหน้าสายเป็นคนหาลูกทีม กำหนดจำนวนคนของแต่ละทีมให้เหมาะสม เท่านั้นก็พอครับ แต่ถ้าต้องโฆษณาก็ให้โฆษณาทีเดียวร่วมกัน ประหยัดหน่อย (ยังมีความงกอยู่ในหัวผม..อิอิ)

อบรมพนักงาน

อาจจะอบรมการใช้ทั้งหมด จัดอบรมวิธีการขาย หรือให้หัวหน้าสายงาน เป็นคนรับผิดชอบก็ได้ครับ หรืออาจจะให้หัวหน้างาน จัดอบรมกับพนักงานทุกๆส่วน โดยสลับกันขึ้นมาเป็นวิทยากรก็ได้ มีหลายรูปแบบครับ.. แต่ต้องอบรมให้อยู่ในทิศทางเดิยวกัน โดยเฉพาะตัวสินค้า ให้เข้าใจให้ตรงกันครับ..
เอกสารการอบรมต่างๆ ก็ต้องเตรียมให้พร้อม

วัสดุช่วยในการขาย

อย่าลืมจัดทำโบร์วขั่วร์ หรือ วัสดุต่างๆที่ช่วยการขาย โดยเฉพาะ ถ้าต้องเบิกสินค้าเพื่อเป็นตัวอย่างก็ต้องทำระบบควบคุมโดยเฉพาะ มีเยอะที่พนักงานขาย เอาของตัวอย่างมาขายนอกระบบแบบ ถูกๆ เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

อุปกรณ์ช่วยขายเป็นสิ่งจำเป็น เหมือนกับคุณให้อาวุธกับทหารที่ไปรบ อาวุธดีเช่นปีน รถถัง เครื่องบิน ระเบิด โอกาสที่จะชนะช้าศึกก็มีมาก อาวุธไม่ดีเช่นเอาพรั่ว เอาจอบไปรบ.. คงสนุกดีนะครับ...

ควบคุมยอดขาย

เมื่อจัดตั้งทีม ต้องตั้งเป้าในการทำ อาจจะต้องตั้งเป้าใหญ่ทุกๆ 3 เดือน ตั้งเป้าทีมหรือสายงาน ตั้งเป้าแต่ละคน ทุกๆเดือน และ ต้องตรวจสอบ มีคนเก็บข้อมูลกลาง หรือ ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้าช่วย และ คุณต้องเข้ามาดูยอดทุกครั้งเพราะนี่คือหัวใจที่คุณจ่ายให้ไป... (งานทั้งหมดของคุณก็แค่ทำส่วนนี้สำคัญที่สุด เวลาที่เหลือไปทำทางด้านอื่นๆเล็กน้อย)

ให้รางวัลพนักงาน หรือ จัดโปรโมชั่นให้พนักงานเป็นระยะ
ควรจะจัดตั้งรางวัลพนักงานขายดีเด่นทุกเดือน หากคนที่ทำได้ติดต่อกัน ก็จัดประชุม ให้พนักงานขายคนนั้นมาคุยวิธีการให้ฟังว่า สามารถทำได้อย่างไร แล้วนำวิธีการของพนักงานขายนั้น มาปรับเพื่อให้องค์กรสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น บางครั้งทำโปรโมชั่นสินค้า ก็อย่าลืมทำโปรโมช้นให้พนักงานด้วย เพราะจะเป็นการส่งเสริมการขายส่วนหนึ่งทีเดียว... (ให้เงินคนของเราดีกว่าให้คนอื่นๆ)

อย่าลืมเรื่องระบบจัดเก็บเงิน

ขายได้ก็อย่าลืมเรื่องระบบตรวจสอบเงินด้วยว่ายอดเงินที่ได้กับยอดขายสัมพันธ์กันอย่างไร บางที่ต้องได้เงินก่อนถึงจะจ่ายค่าคอมมิชชั่น ซึ่งทำให้พนักงานขายติดตามหนี้จากลูกค้าของบริษัทฯอีกทางหนึ่ง เพราะพนักงานขายก็ต้องการเงินเพื่อใช้จ่ายเหมือนกัน...




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2548    
Last Update : 22 มิถุนายน 2548 9:44:03 น.
Counter : 2953 Pageviews.  

ลาออก... ง่ายจะตาย... แต่...

การทำงานก็มีทั้งการสมัครงาน ทำงานไป เลื่อนขั้น ไม่ก้าวหน้า ลาออก เป็นวัฐจักร แล้วทำไมการลาออกถึงจะยากจังเลย...

จริงๆแล้วการลาออกไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็นอะไร ก็แค่เข้าไปบอกกับเจ้านาย บอกว่า ต้องการลาออก เจ้านายบางคนก็ก็เทศน์ให้ฟังสักชั่วโมง 2 ชั่วโมง บางรายก็ไปเซ็นต์ในลาออกมาสิ.. เข้าเป้าเลยอย่างนี้ บางรายก็คุยเล็กน้อยเป็นพิธีเด๊ยวจะหาว่าไม่ใส่ใจ บางรายก็โวยวายไม่ได้ไม่ให้ออกเธอกุมความลับของบริษัทฯเยอะแยะออกไม่ได้ บางรายก็ให้เซ็นต์หนังสือ แล้ว ให้เงินปิดปาก.. บางรายก็เอาเงิน เอาตำแหน่งมาล่อให้อยู่ในกรงต่อไปเถอะ.. เป็นต้น เห็นไม๊ง่ายจะตายการลาออก เดาได้เลยว่าเจ้านายจะมีอาการอย่างไร...

ขอใบลาออกกับ HR หรือ เขียนใบลาออกเองก็มีผลตั้งแต่ยื่นแล้ว เจ้านายจะเซ็นต์หรือไม่กฎหมายก็ให้สิทธิพนักงานเต็มที่อยู่แล้ว ไม่ให้เงินเดือนก็แจ้งกรมแรงงาน ทำผิดกับพนักงานก็ฟ้องกรมแรงงานซะเลย เอาให้เข็ด.. จะกลัวไม๊... เห็นไม๊ง่ายจะตาย

แล้วก็ให้เวลาในการเครียร์งานให้เสร็จ ตามกฎหมายก็ 15 วัน ให้ดูดีก็ 1 เดือน มีงานรับผิดชอบมาก ก็อาจจะต้องเป็น 2-3 เดือน บางคนก็บ้า คิดไปเองว่าต้อง 6 เดือน ยังกลัวบริษัทฯจะเจ๊ง แต่ที่เจ๊งจริงๆนะ ไอ้ตัวคนที่ให้เวลายาวๆเองแหละ.. 555

เหตุผลการลาออก ก็ง่ายจะตาย ตอบไปตรงๆเลยว่าเพราะอะไร เหม็นขี้หน้าเจ้านาย เจ้านายไม่เจ๋งพอ เจ้านายบ้าอำนาจ ลูกน้องไม่เคารพ ลูกน้องพยายามปีนเก้าอี้ ไม่ก้าวหน้าในสายงาน ถูกแช่แข็งมานานเลยอยากออกจากตู้เย็นบ้าง.. เจ้านายหลอกใช้งานหนัก ให้ทำงานหนักแต่ไม่ให้เงินให้กล่อง.. เป็นต้น... ถ้าไม่อยากให้เหตุผล ก็อ้างได้ร้อยแปดพันประการ พ่อแม่ป่วยต้องออกไปดูแล สุขภาพไม่ดี เรียนต่อ ทำงานส่วนตัว แล้วก็ออกไปทำงานที่อื่นๆ มีเยอะไป...อิอิ

บางคนออกไปแล้วก็หวนกลับไปทำงานที่เดิม ได้ตำแหน่งที่ดีกว่า ได้โอกาสที่ดีกว่า ก็มีเยอะ กลายเป็นหมาข้างถนนก็มี สุภาษิตจีนว่าไว้ "ม้าดีไม่กินหญ้าเดิม" แล้วกลับไปทำงานที่เดิมนี่ไม่ใช่ม้าครับ เป็นคน.. อิอิ...

คนไทยมักสอนว่า "อยู่ก็ทำให้เขารัก จากไปก็ทำให้เขาคิดถึง..." ช่างอะรุ่มอะร่วย ดีจริงๆ

พนักงานทีอยู่กับเราดูแลเขาให้ดีๆกว่าดีไม๊ครับ ให้ความรัก ความอบอุ่น เพราะที่ทำงานเป็นที่ๆพนักงานใช้ชีวิตมากกว่าชีวิตส่วนตัวเสียอีกบางคน ให้ในสิ่งที่เขาควรได้.. และรับในสิ่งที่เราควรรับ.. ปรานีปรานอมซึ่งกันและกัน จะได้อยู่กันไปนานๆ ... เพราะ ลาออก ง่ายนิดเดียว แต่การรักษาพนักงานให้อยุ่กับเรานานๆ และมีความซื่อสัตย์ สิ ทำยากกว่ามาก...




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2548    
Last Update : 22 มิถุนายน 2548 9:32:07 น.
Counter : 2226 Pageviews.  

แนวทางของหัวหน้างานและการทำงาน

เรื่องการวางแผนงานนั้น เท่าที่สัมผัสกับหลายๆบริษัทฯ ส่วนใหญ่ ไม่สื่อสารหรือไม่มีจุดเป้าหมายขององค์กรเด่นชัด ดังนั้น การที่จะให้พนักงานยอมรับในแผนงานที่ออกมานั้น หัวหน้างานส่วนใหญ่ก็สื่อสารแบบมั่วๆ หรือ แค่สั่งให้พนักงานทำงานตามแผนงานเท่านั้น อีกอย่าง ในเมื่อพนักงานไม่ใช่คนวางแผน ไม่มีส่วนร่วมกับแผนงาน แล้ว เขาจะยอมทุ่มเททำงานที่ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด หรือ ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะทำหรือ... นั่นเป็นปัญหาขององค์กรที่ขาดการสื่อสารที่ดีครับ...

หัวหน้าองค์กรที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะสามารถชักจูงทีมงานให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามแผน แต่หัวหน้าองค์กรต้องมีลักษณะที่สื่อสารได้ดี อีกทั้งต้องมีวิสัยทัศน์ และ เข้ากับคนได้ง่าย แต่ถ้าไม่ใช่หัวหน้าองค์กรแล้ว การทำให้ทีมงานเพียงบางส่วน ทำงานตามแผนงานได้นั้น ต้องสร้างความเข้าใจให้กับทีมงาน โดยเฉพาะหัวหน้างาน พยายามเน้นเรื่องจุดประสงค์และเป้าหมายขององค์กร และ เป้าหมายของแต่ละบุคคลว่า มันสอดคล้องกันมากน้อยเพียงใด ก่อน...

หันหน้างานหลายๆคนคิดว่า การเป็นหัวหน้างานก็เพื่อแก้ไขปัญหาในปัจจุบันเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว องค์กรที่จะก้าวหน้าจะต้องมีหัวหน้างานที่เอาประสบการณ์ในอดีตผสมกับมุมมองในอนาคต แล้วสร้างแผนงาน และ แนวทางการทำงานที่สามารถทำงานได้จริงเพื่อมาพัฒนาองค์กร แต่องค์กรที่คงที่ มักแก้ไขปัญหาเฉพาะปัจจุบันโดยไม่ได้มองทั้งอดีตและอนาคต ส่วนองค์กรที่มองแต่อดีตก็จะกลายเป็นองค์กรที่หลงทางไป... ดังนั้น วิสัยทัศน์ของหัวหน้างานจึงมีผลอย่างมากกับความเสื่อม หรือ ความเจริญขององค์กร... และ การสื่อสารวิสัยทัศน์ที่ได้ผล กลับไม่ได้อยุ่ในการประชุม แต่กลับไปอยู่ที่หัวหน้างานบอกให้ลูกน้องเข้าใจ และ มีความถี่ในการบอกมากน้อยเท่าใด...

การประชุมเป็นสถานที่ๆจะสื่อสารที่ดีระหว่างหัวหน้างานกับพนักงาน และ เป็นที่ๆจะสร้างแนวความคิดใหม่ๆ การประชุมบ่อยเกินไปยอมรับครับว่า มันส่งผลให้เกิดการเสียเวลาในการทำงาน ดังนั้น หากหัวหน้างานคุมเกมส์ในการประชุมได้ดี ก็จะไม่มีปัญหาในการประชุมครับ และ การประชุมที่ดี ก็ต้องทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม แต่หากมีคนต้องการสร้างสีสรรให้กับการประชุมมากเกินไป ก็ต้องลดสีสรรเหล่านั้นด้วยเช่นกัน ดังนั้น คนคุมการประชุมต้องมีศิลป์ให้การควบคุมการประชุมให้อยู่ในประเด็น และครอบคลุมในเนื้องานทีเดียวกัน...

การสร้างให้คนเข้าร่วมประชุมสามารถออกความคิดสร้างสรรหรือ แนวทางปฎิบัติได้นั้น การถกถึงปัญหาเพียงอย่างเดียวจะทำให้การประชุมน่าเบื่อ ดังนั้น หากต้องการเริ่มรวบรวมความคิด ควรจะเปลี่ยนแนวทางจากการถามซัก และ ให้เสนอข้อคิด อาจจะต้องมาเป็นการเขียน หรือ ให้การบ้านไปทำ แล้วมารวบรวมกันในที่ประชุม ซึ่งจะทำให้ใช้เวลาการประชุมน้อยลง ได้เนื้อหาสรุปมากขึ้น

เมื่อเนื้อหาสรุปได้แล้ว การกระจายความคิด โดยการแตกเนื้อหาสรุปไปเป็นหัวข้อในการปฏิบัตินั้น หัวหน้างานไม่ใช่ว่า สั่งงานอย่างเดียวให้กับลูกน้องแล้วให้เขาไปจัดการ หัวหน้างานส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ ดังนั้นการทำงานจึงไม่ค่อยได้ผลมากนัก การบอก การอธิบาย การให้พนักงานทวนสิ่งที่รับไป รวมถึง การทำตัวอย่างให้ดูนั้น จะทำให้ระบบการทำงานของพนักงานที่ต้องการให้ทำ หรือ ปฏิบัติการนั้น จะสามารถเข้าใจว่าเขาต้องทำอะไร การฟังความคิดเห็นจากเขานั้น จะสร้างให้เขารู้สึกเป็นส่วนร่วมของแผนงาน การให้เขาปรับปรุงรูปแบบการทำงาน หรือ ใส่แนวความคิดของเขาเข้าไปแต่เนื้อหายังอยู่ในกรอบ จะทำให้พวกเขาสามารถสร้างแนวความคิดที่ดี และ กล้าที่จะแสดงแนวความคิดเหล่านั้น หัวหน้างานที่เก่งๆ มันทราบดีว่าควรทำเช่นนี้ ไม่ใช่ทำแต่ตามใจตนเอง ฉันต้องการอะไรต้องได้อย่างนั้น คนกลุ่มนี้ ก็จะได้ลุกน้องที่ทำตามกรอบ รอทำงานตามคำสั่งครับ... พนักงานจะทำงานได้ดี ตรงตามตารางเวลาหรือไม่อยู่ที่หัวหน้า ไม่ใช่อยู่ที่ลูกน้อง...

งานทุกงานที่สั่งไป ใช่ว่าสั่งแล้วคิดว่าน้องๆจะทำให้เสร็จและรายงานกลับมา... คนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนี้ ดังนั้น หัวหน้างานที่ดีก็ต้องติดตามงานเป็นระยะๆ ความห่างของการตามงานขึ้นกับ ความสำคัญ และ ความเร่งด่วนของงาน หากหัวหน้างานตามงานในช่วงจังหวะที่ดี และ เหมาะสม จะทำให้งานเดินได้เร็วมากขึ้น และ เป็นการชี้จุดให้น้องๆเห็นว่า จุดนี้เป็นจุดที่ควรใส่ใจในการทำงานก่อน หากเสร็จส่วนนี้ไปแล้ว ก็ควรจัดการเรื่องอะไรเป็นต้น หัวหน้างานเขาจ้างมาเพื่อควบคุมงาน ไม่ใช่เดินไปเดินมาครับ...

หากพนักงานทุกคนมีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน การจัดเก็บข้อมุลของการทำงานของพนักงานก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ ระบบการจัดเก็บควรจะมาจากมันสมองของนักพัฒนา ไม่ใช่มันสมองของนักปฏิบัติ การจัดเก็บข้อมูลของพนักงานเพื่อนำมาอ้างอิงในการวิเคราะห์ หรือ ปรับฐานเงินเดือน หรือ ผลงานของแต่ละบุคคลนั้น สามารถทำได้ หากมีการตามงาน และ ใส่ใจในฐานข้อมูลอย่างจริงๆ จังๆ ส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็เกิดจากหัวหน้างานที่ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้จริงจัง มัวแต่ห่วงผลงานของตัวเองว่าจะมีหรือไม่ แต่ไม่ได้ห่วงผลงานของลูกน้องเลย...

ผลงานของพนักงานมักสื่อถึง คุณภาพของสินค้าและบริการ เพราะ หากผลงานของพนักงานดี จะส่งผลให้ปริมาณของสินค้ามีมาก หากระบบมีการควบคุมที่ดี มีขึ้นตอน จะส่งผลให้กับคุณภาพของสินค้าและบริการ มันเป็นผลต่อเนื่องซึ่งกันและกัน มันเป็นหลักการง่ายๆ ที่คนส่วนใหญ่ลืม... และ แน่นอน หากคุณภาพและปริมาณของสินค้า ทำได้ดีมากๆ ก็ต้องมาดูเรื่องการขายสินค้าและบริการ หากสามารถทำได้ดีด้วย ก็จะส่งผลให้หุ้นขององค์กรดีขึ้น และ จะทำให้มีคนอยากซื้อหุ้นมากขึ้น (สรุปหลัก BSC เรียบร้อยเลย...)

ดังนั้น การจะโทษว่า เด็กจบใหม่ไม่เก่ง อาจารย์สอนมาห่วยแตก พวกเด็กไร้สมองคิดไม่เป็นนั้น บางทีคำเหล่านี้กลับมาจากคนที่ไม่เข้าใจเรื่องระบบการทำงานอย่างแท้จริง ผมคิดว่าทุกคนต้องเคยเป็นเด็กจบใหม่ทั้งสิ้น และ ต้องเริ่มต้นทำงานทั้งสิ้น ถ้าย้อนกลับไปวันที่เราเริ่มต้น เราก็ไม่แตกต่างจากน้องๆในปัจจุบันสักเท่าไหร่ ยังโง่งี่เง้า อยู่เช่นกัน เพียงแต่ประสบการณ์ที่สั่งสม รวมทั้งโอกาสที่ได้รับมันทำให้เราได้แข็แกร่งขึ้น และ สามารถคิด สามารถทำได้ดีกว่าเท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ต้องโทษในการทำงานของพนักงานใหม่ คือ ต้องโทษหัวหน้างานก่อนว่า สามารถขับให้พวกเขา แสดงความสามารถและเข้าใจตัวเองได้มากน้องเพียงใด...

แผนงาน การกระจายงาน และ การทำงาน มันเป็นศิลปะที่บางคนสามารถทำได้ดี บางคนทำได้ไม่ดี แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ดี ดังนั้นเราจะเห็นคนมากมายที่มักโทษคนอื่นก่อน ก่อนที่จะโทษตัวเอง ด่าคนอื่นก่อนก่อนที่จะด่าตัวเอง ทำให้เขาต่ำต้อยเข้าไว้ เพื่อจะได้เชิดตัวเองขึ้นสูงขึ้น มองแต่สิ่งที่เป็นปัญหาแต่ไม่ได้แก้ปัญหา.. สิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมทางลบที่มักจะเห็นบ่อยๆในสังคม ในเมื่อสังคมเป็นอย่างนี้ ก็น่าจะปรับเปลี่ยนตัวเราให้ดีก่อนที่จะเปลี่ยนสังคม ในเมื่อสังคมยังยอมรับคนกลุ่มเหล่านี้ว่าเลิศเลอ ก็ต้องปรับตัวเราให้เข้ากับสังคม แต่อย่าให้สังคมสิ่งแวดล้อมชักจูงเราไปในทางที่สังคมเป็น ถ้าทำได้เช่นนี้ ย่อมจะทำให้ตัวเองก้าวข้ามขีดแบ่งได้ดีกว่า...




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2548    
Last Update : 13 สิงหาคม 2548 0:07:25 น.
Counter : 4299 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.