บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
All Blogs
 

คำถามชี้นำในการ จัดตั้งธุรกิจ หรือ ตรวจสอบธุรกิจ ของคุณ

คำถามชี้นำในการ จัดตั้งธุรกิจ
หรือตรวจสอบธุรกิจ ของคุณ
วิบูลย์ จุง // Wiboon Joong (wbj) // Jung

ข้อมูลทั้งหมดในนี้ เป็น ข้อมูลที่ผมรวบรวมขึ้นเพื่อใช้ในการตอบคำถามให้กับ ตัวเอง และ แนะนำให้เพื่อนที่เข้ามาปรึกษา ได้มีแนวทางไว้ในการคิดจะได้ไม่หลงประเด็น และ มีหลักยึดในการสร้าง หรือ ตรวจสอบธุรกิจของเพื่อนๆ.. อยากให้กับทุกๆคน เป็นวิทยาทาน

ข้อมูลเป็นคำถาม เพื่อให้ท่านหาคำตอบ อยากทำใหญ่ ทำเล็ก ก็เลือกเอานะครับ ว่าควรมีสิ่งใดเป็นจุดเด่น จุดด้อย การตอบคำถามควรตอบในกลุ่มผู้ร่วมธุรกิจ เพื่อมีแนวทางเหมือนๆกัน มีคนคอยกำกับเป็นคนรวบรวมความคิด และ ดึงความคิดของเพื่อนร่วมธุรกิจออกมานะครับ จะได้มีแนวทางเดียวกัน...

ข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนของบริษัทฯ ใหญ่ๆที่ต้องมีโครงร่างที่มั่นคง กับ ส่วนที่บริษัททั่วไปควรจะมอง...

มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้น อยากให้ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำ และ เพิ่มเติม เพื่อประโยชน์กับทุกคนนะครับ...


บริษัท
Company Name
- Logo / สัญลักษณ์
- ตราสัญญลักษณ์ในการจดทะเบียนบริษัทฯ
- สถานที่ติดต่อ
- เงินลงทุน / หุ้น


เป้าหมาย และ วัตถุประสงค์
- Vision
- Mission
- Core Value
- Core Purpose
- Services Profit Chain
- หลักการดำเนินการ และ ประกอบการ


แผนงาน และ การดำเนินงาน

แผนงาน เริ่มแรก
- แนวความคิด
- แนวทางปฏิบัติ
- การติดต่อสื่อสาร การโฆษณา และ ประชาสัมพันธ์

แผนงาน 1-5 ปี
- แนวความคิด
- แนวทางปฏิบัติ
- การติดต่อสื่อสาร การโฆษณา และ ประชาสัมพันธ์

แผนงาน 6-10 ปี
- แนวความคิด
- แนวทางปฏิบัติ
- การติดต่อสื่อสาร การโฆษณา และ ประชาสัมพันธ์

แผนงาน ระยะยาว 10+
- แนวความคิด
- แนวทางปฏิบัติ
- การติดต่อสื่อสาร การโฆษณา และ ประชาสัมพันธ์


ถาม/ตอบ
1. ชื่อบริษัทฯ มีความหมายอย่างไร
2. อะไรคือแรงจูงใจในการตั้งบริษัทฯ
3. เป้าหมายของบริษัทฯ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้จริงหรือไม่
4. เงินลงทุน และ หุ้นส่วนจะจัดสรรอย่างไร
5. จะเก็บเงินลงทุนในแต่ละหุ้นส่วน เท่าใดก่อน
6. จะเรียกเก็บเงินลงทุนในส่วนที่เหลืออย่างไร เมื่อใด
7. จะจ้างพนักงานกี่คน และ ค่าใช้จ่ายของพนักงาน เป็นเท่าใด
8. ค่าใช้จ่ายของผู้บริหารเป็นเท่าใด
9. จะสำรองเงินไว้เป็นเงินสดหมุนเวียนเท่าใด ถึงจะพอเพียงในการทำธุรกิจ
10. กลุ่มเป้าหมายลูกค้า เมื่อเริ่มก่อตั้ง
11. อะไรคือสิ่งที่จะเสนอให้กับกลุ่มเป้าหมายแรก เมื่อเริ่มก่อตั้งบริษัทฯ จะสามารถดำเนินธุรกิจไปได้นานเท่าใด
12. กลุ่มเป้าเหมาย ที่แท้จริง ของชั่วชีวิตของบริษัทฯ
13. ค่าใช้จ่ายของสถานที่ตั้งบริษัทฯ ต่อเดือน คุ้นกับค่าใช้จ่ายหรือไม่
14. รายได้ มากกว่ารายจ่ายของบริษัท หรือไม่...
15. ค่าตอบแทนของส่วนผู้ถือหุ้น จะได้เมื่อใด
16. จะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลประโยชน์เท่าใด ภายใน 1-5 ปี
17. จะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลประโยชน์เท่าใด ในระยะยาว
18. ระยะเวลาของหุ้นกู้ ควรเป็นเท่าใด และ ค่าตอบแทนเท่าใด
19. เมื่อใดที่ควรจะยกเลิกบริษัทฯ
20. เมื่อใดที่จะจ้างผู้จัดการทั่วไปที่เป็นบุคคลภายนอก
21. เมื่อใดจะเปลี่ยนเป็น บริษัทฯ มหาชน




โครงร่างบริษัทฯ...


บริษัทฯ
i. ชื่อบริษัทฯ
ii. ที่อยู่
iii. บุคลากร และ หุ้นส่วน
iv. จำนวนเงินทุน และ หุ้น


ธุรกิจ
i. ระยะสั้น
ii. ระยะยาว
iii. ธุรกิจที่ต่อเนื่องจากธุรกิจหลัก


ประเภทธุรกิจ
i. สินค้า
ii. บริการ
. . . . 1. ที่ปรึกษา
. . . . 2. การฝึกอบรม


การกำหนดคุณภาพของธุรกิจ
i. คุณภาพของสินค้า
ii. คุณภาพของบริการ
iii. คุณภาพของพนักงาน
iv. คุณภาพของลูกค้า


เป้าหมายลูกค้า
i. ลูกค้าชั่วคราว
ii. ลูกค้าประจำ
iii. ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ


การกำหนดราคา
i. ระบบการตั้งราคาสินค้า
ii. ระบบการตั้งราคาค่าบริการ
iii. ระบบการจัดเก็บประวัติการขายสินค้า / บริการ


วิธีการหาลูกค้า
i. หาลูกค้าจาก พนักงานขาย
ii. หาลูกค้าจาก การแนะนำของลูกค้า
iii. หาลูกค้าจาก ลูกค้าเดิม (การเสนอสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าเดิม)
iv. หาลูกค้าจาก แนวทางอื่นๆ


วิธีการดูแล และ การให้บริการ ลูกค้า
i. ช่วงระยะเวลา เพื่อการติดต่อ
ii. วิธีการส่งเอกสารต่างๆ
iii. วิธีการให้บริการ
iv. วิธีการติดต่อสื่อสาร การประสานงาน และ ติดตามงาน
v. อื่นๆ
. . . . 1. การ์ดอวยพร วันปีใหม่
. . . . 2. ของขัวญแสดงความยินดี ในเรื่องต่างๆ


ค่าใช้จ่าย
i. ค่าใช้จ่ายที่เป็นส่วน Fix Cost
. . . . 1. เครื่องใช้สำนักงาน
. . . . . . . . a. โต๊ะ
. . . . . . . . b. เก้าอี้
. . . . . . . . c. คอมพิวเตอร์
. . . . . . . . d. เครื่องพิมพ์
. . . . . . . . e. ...
. . . . 2. อื่นๆ
. . . . . . . . a. แอร์
. . . . . . . . b. ของใช้ในห้องครัว
. . . . . . . . c. ของใช้ในห้องประชุม
. . . . . . . . d. ...
ii. ค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ Runing Cost
. . . . 1. ค่าจัดตั้งบริษัทฯ , ค่าจดเอกสารสิทธิ์ และ อื่นๆ
. . . . 2. ค่าดอกเบี้ยเงินกู้
. . . . 3. ค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ
. . . . . . . . a. ค่าเช่าสถานที่
. . . . . . . . b. ค่าน้ำ ค่าไฟ
. . . . . . . . c. ค่าเดินทาง และ ระบบการเบิกค่าเดินทาง
. . . . . . . . d. ค่าจัดการประชุมนอกสถานที่
. . . . 4. ค่าเครื่องใช้สำนักงานต่างๆ และ ของใช้สิเปลือง
. . . . . . . . a. ค่ากระดาษ
. . . . . . . . b. ค่าหมึกพิมพ์
. . . . . . . . c. ค่าเครื่องเขียน
. . . . 5. ค่าใช้จ่ายของบุคคลากร
. . . . . . . . a. อัตราเงินเดือน, ค่าที่ปรึกษา
. . . . . . . . b. ค่าตอบแทนอื่นๆ เช่น Bonus, Performance Bonus, Fixed Bonus, Commission, ค่าบริหาร, ฯลฯ
. . . . . . . . c. สวัสดีการพนักงาน เช่น ท่องเที่ยวประจำปี ฯลฯ
. . . . . . . . d. ค่าใช้จ่ายแฝง เช่น กาแฟ ฯลฯ
. . . . 6. ค่าใช้จ่ายวัตถุดิบ ในการจัดทำสินค้า และ งานบริการ
. . . . 7. อื่นๆ
. . . . . . . . a. ค่าบัตรอวยพร
. . . . . . . . b. ค่ากระเช้าดอกไม้
. . . . . . . . c. ...


การสั่งซื้อวัตถุดิบ, อุปกรณ์ และ การใช้บริการต่างๆ
i. การสั่งซื้อวัตถุดิบ
ii. การสั่งศซื้อเครื่องมือ เครื่องใช้ สำนักงาน
iii. การจัดการประชุม นอกสถานที่


บุคลากร
i. พนักงาน ( ประจำ / ชั่วคราว รายวัน หรือ ต่อครั้ง / ชั่วคราว รายเดือน / ชั่วคราว เซ็นต์สัญญาต่อปี )
. . . . 1. ตำแหน่ง
. . . . 2. ลักษณะงาน และ ปริมาณงาน
. . . . 3. การตรวจวัด ประสิทธิภาพของการทำงาน
. . . . 4. การตรวจวัด ประสิทธิผลที่ได้รับ
. . . . 5. ความพึงพอใจในการทำงาน
ii. หัวหน้างาน ( Supervisor / Executive )
iii. ผู้บริหาร ( Manager / Director / Managing Director )
iv. ที่ปรึกษา
. . . . 1. ทนายความ...
. . . . 2. ผู้ตรวจบัญชี
. . . . 3. ที่ปรึกษาทางด้านอื่นๆ.. จำเป็นต้องมีหรือไม่...
v. ผู้ถือหุ้น
. . . . 1. เงินทุน / จำนวนหุ้น
. . . . 2. กำไร / ขาดทุน


การบริหารงาน บุคคลากร
i. ตำแหน่ง
ii. ลักษณะงาน และ ปริมาณงาน
iii. คู่มือการทำงานแต่ละตำแหน่ง และ Contigency Plan
iv. กฎ และ ข้อบังคับ ในการทำงาน
. . . . 1. การเข้างาน
v. การประเมิณผลงาน
. . . . 1. ระบบการประเมิณผล ประจำปี
. . . . 2. การตรวจวัด ประสิทธิภาพของการทำงาน
. . . . 3. การตรวจวัด ประสิทธิผลที่ได้รับ
. . . . 4. ความพึงพอใจในการทำงาน


เงินทุน
i. เงินจากส่วนผู้ถือหุ้น
ii. หุ้นกู้
iii. เงินกู้ยืม

ส่วนของผู้ถือหุ้น
i. ความเสี่ยงจากการลงทุน
ii. การขาย หรือ โอนหุ้น
iii. ค่าตอบแทนที่จะได้รับ

การเปลี่ยนรูปแบบ ของ บริษัทฯ
i. เปลี่ยนเป็น บริษัทฯมหาชน
ii. การขายให้บริษัทฯอื่นๆ
iii. การปิดบริษัทฯ

ข้อคิดต่างๆ ในแต่ละระบบงาน
i. ระบบสั่งซื้ออุปกรณ์ วัตถุดิบ
ii. ระบบการผลิต
iii. ระบบการตรวจเช็คคุณภาพ สินค้า
iv. ระบบการตรวจเช็คการให้บริการลูกค้า
v. ระบบการติดตามงาน และ วัดผลการดำเนินงาน
vi. ระบบบุคคลากร
vii. ระบบควบคุม รายรับ/รายจ่าย และ กระแสเงินสด
viii. ระบบบัญชี และ การเงิน

ข้อดี...
i. ...

ข้อเสีย...
i. ...

ข้อควรระวัง หรือ หลีกเลี่ยง และ สิ่งที่ต้องกระทำ
i. ข้อตกลงของผู้ถือหุ้น เรื่องการปันผลประโยชน์
ii. ลิขสิทธิ์ ทางปัญญา
iii. สัญญา เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ ลิขสิทธิทางปัญญา
iv. สัญญา ว่าจ้างพนักงาน
v. สัญญา ข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น
vi. สัญญา ข้อตกลงการทำงานของฝ่ายบริหารองค์กร
vii. ใบหุ้น และ การควบคุมหุ้นบริษัทฯ
viii. การควบคุมหนี้สิน และ ทรัพย์สิน
ix. หลีกเลี่ยง การขัดสนทางด้านกระแสเงินสด
x. กฎ และ ข้อบังคับของบริษัท
xi. เป้าหมาย, แผนงาน , วิธีการบริหารงาน และ วิธีการดำเนินงาน
xii. ผังตารางตำแหน่ง และ ขั้นเงินเดือน
xiii. วิธีการประเมิณผลพนักงาน
xiv. คู่มือการทำงาน และ ควบคุมคุณภาพ
xv. แผนสำรอง การทำงาน (ในกรณีเกิดเหตุฉุหกเฉิน)
xvi. แผนต่อเนื่องธุรกิจ


วิบูลย์ จุง // Wiboon Joong (wbj) // Jung
DIP Consultant Award 2013
ที่ปรึกษาธุรกิจ วิทยากรกระบวนการเชิงกิจกรรม โค้ชผู้บริหารการจัดการ นักวิจัยการตลาด
Business Consult, Facilitator Trainer, Executive Management Coach, Marketing Survey




 

Create Date : 14 มกราคม 2548    
Last Update : 24 ธันวาคม 2558 22:26:16 น.
Counter : 1832 Pageviews.  

ธุรกิจ : ซัก อบ รีด




ธุรกิจ นี้ เป็นธุรกิจ ที่ต้องใช้การจัดการบางส่วน เพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างไม่บกพร่อง เป็นธุรกิจตัวอย่างที่ดี ในการจัดการ และ เป็นพื้นฐานทางด้านความคิด...

การ ซัก อบ รีด เป็นธุรกิจที่ต้องมองทั้ง ลูกค้า และ การจัดการภายในไปพร้อมๆกัน ซึ่งผมจะเสนอ แนวความคิด ในการจัดการภายใน ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

คราวนี้มามองในเรื่องของการตลาด และ ลักษณะโดยรวมๆ ของลูกค้าละกันว่า เป็นอย่างไร...
  • ลูกค้าที่เป็นห้องพัก ห้องเช่า บ้าน คนในกลุ่มนี้ชอบความสดวกสบาย หรือ อาจจะไม่มีเครื่องซักผ้าใช้งาน หรือ ไม่สดวกในการซื้อเครื่องซักผ้ามาใช้ หรือ อาจจะไม่ชอบการรีดเสื้อผ้า สิ่งเหล่านี้ทำให้คนกลุ่มนี้ หันมาหาการใช้บริการในส่วนนี้ ถ้าตอบสนองความต้องการของเขา หรือ ความจำเป็นของเขาได้ ก็เป็นอันว่า สามารถจับคนกลุ่มนี้ได้แน่ๆ

  • กิจการที่ต้องใช้ผ้า หรือ เสื้อผ้า มากๆ ก็เป็นอีกกลุ่มที่จะใช้บริการ การจัดทำเองยุ่งยาก และ ต้องควบคุมให้เป็นระบบ บางคนไม่ถนัด ดังนั้น การให้คนอื่นที่ถนัดกว่าไปทำ จึงเกิดขึ้น อย่างเช่น ธุรกิจด้านรีสอร์ท Guesthouse หรือ แม้นแต่ โรงแรม โรงงาน เป็นต้น


คู่แข่งของธุรกิจ จะมีตั้งแต่ เครื่องซักผ้าที่ทางบ้านซื้อไว้ใช้เอง รวมไปจนถึง เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซึ่งกำลังฮิต ณ ตอนนี้... แต่นั่น ถ้าคุณตอบโจทย์เสนอบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าคุณ และ เข้าใจธรรมชาติของลูกค้าและ ก็จะหาลูกค้าไม่ยาก ที่ยากน่าจะเป็นการรักษาลูกค้าให้อยู่กับเรานานที่สุดเท่าที่จะนานได้มากกว่า....

ความต้องการขั้นพื้นฐานของลูกค้าที่ใช้บริการซักอบรีด
  • ต้องการความสดวกสบาย ทั้งการส่งซัก การไปรับ ต้องการมีเวลาเป็นเวลาส่วนตัว โดยไม่ต้องการใช้เวลาของตนในการซักผ้า เหล่านี้เป็นต้น...

  • ต้องการเสื้อผ้าที่สะอาดในทุกๆสัมผัส ไม่เฉพาะการมองเห็นว่า ผ้าสะอาดเท่านั้น แต่ต้องรวมถึง ได้สัมผัสว่าผ้านุ่ม ไม่สากมือ กลิ่นหอมสดชื่น ผ้าขาวต้องขาว ผ้าสีสีต้องสด ไม่เห็มนอับ และ มีการรับรองความสะอาดต่างๆ เป็นต้น

  • ต้องการเสื้อผ้ากลับมาจำนวนครบตามที่ส่ง ไม่ขาด ไม่หาย ไม่เกิน ไม่สลับกับคนอื่น

  • ต้องการบริการที่ดี ทันเวลา ตรงเวลา ทันใจ มีการรับรองหรือ รับประกันความเสียหายอันเกิดจากการบริการ และ รับส่งเสื้อผ้า ในเวลาที่ลูกค้าสดวก เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

  • ค่าใช้จ่ายพอประมาณ ต้องไม่แพงเกินไป หรือ ถูกจนคุณภาพไม่มี บางทีจะเกิดการเปรียบเทียบจาก คู่แข่งรายอื่นด้วยเช่นกัน....


เราจะทำอย่างไรเพื่อสนองความต้องการพื้นฐานของลูกค้าหละ... มันต้องจัดการทั้ง ภายในและภายนอก ไปเป็นขั้นตอน เพื่อสร้างให้ระบบงานโดยรวม สามารถเกื้อประโยชน์ และ สนับสนุนซึ่งกันและกัน...

การตลาด และ ปัจจัยภายนอกธุรกิจ...

  • สำรวจความต้องการใช้บริการ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุกๆธุรกิจใหม่ ควรจะทำก่อนการเริ่มกิจการจริงๆ เพื่อลดปัญหาในภายหลัง การสำรวจความต้องการทางด้านนี้ สามารถทำได้โดยสังเกตุ ร้าน ซัก อบ รีดแถวนั้นว่ามีมากเพียงใด ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญมีมากเพียงใด หรือ เดินสำรวจดูว่า ในระแวกนั้นตากผ้ากันเองมากน้อยเพียงใด อีกส่วนหนึ่งคือ คนระแวกนั้นเป็นคนที่ออกแต่เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน วันหยุดออกไปเที่ยวหาความสุขใส่ตัวหรือเปล่า เป็นคนในคอนโด หรือ ที่พักที่ไม่เอื้ออำนวยในการซักผ้าเองหรือเปล่า... คนเหล่านี้ เป็นกลุ่มคนที่น่าจะใช้บริการมากที่สุด ยิ่งมีมากเท่าใด นั่นก็หมายถึงจำนวนลูกค้าที่อาจจะมาใช้บริการมากขึ้นเท่านั้น...

    และ แน่นอนหากมีสถานที่ลักษณะนี้ ย่อมมีคู่แข่งโดยตรง เขาทำกิจการเป็นอย่างไร งานเยอะน้อยเพียงใด ถ้าเราต้องมาแบ่งส่วนแบ่งตลาด เราสามารถทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด จุดเด่นของบริการของเราคืออะไร นั่นเป็นสิ่งที่ต้องคิดตามมาอีกที....

    หรือบางที สถานที่นั้น มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอยู่จำนวนมาก คุณก็ต้องคอยสังเกตุถึงจำนวนคนใช้บริการด้วยว่า มากน้อยเพียงใด และ ยังต้องระวังเกี่ยวกับการเหยียบเท้าของเจ้าถิ่นด้วย..

  • สถานที่ประกอบการ ซัก อบ รีด สถานที่ประกอบการเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เนื่องจาก ลักษณะนิสัยของผู้ใช้บริการนั้น ยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับความสดวกสบาย สถานที่ตั้งของธุรกิจที่เอื้อต่อคนกลุ่มนี้ จึงควรเป็นสถานที่ๆ เขาผ่าน อย่างเช่น ชั้นล่างของห้องพัก คอนโด หรือ บ้านที่อยู่ระหว่างทางเข้าออกของหมู่บ้าน ถ้าเลือกได้ก็ควรเลือกสถานที่เหล่านี้ แต่บางครั้ง สถานที่มีอยู่แล้ว แต่ไม่เอื้อเท่าที่ควร จึงต้องมีบริการเสิรม ทางด้าน รับ/ส่ง เสื้อผ้าให้ถึงบ้าน เป็นต้น ซึ่งก็พอช่วยได้บ้างเพื่อเปลี่ยนจากการที่ลุกค้าจะเอาผ้ามาส่งให้ เป็น การที่เราไปรับผ้ามาจากลูกค้าเลย นั่นต้องขึ้นกับความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเรากับลูกค้าเป็นอย่างมากด้วย...

    สถานที่ประกอบการต้องมีระบบน้ำสะอาดเอื้ออำนวยด้วย และ ต้องสร้างระบบสำรองน้ำไว้ใช้ให้เพียงพอ อย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อป้องกันการเสียโอกาศทางธุรกิจด้วย

  • การตลาดก่อนการเปิดตัว หากธุรกิจยังไม่เริ่มดำเนินการ การตลาดก่อนการเปิดตัวเป็นเรื่องสำคัญ มันเปรียบเสมือนการแนะนำตัวให้กับว่าที่ลูกค้า หรือ กลุ่มเป้าหมายให้รู้จัก การทำให้เขารู้จักและประทับใจในครั้งแรกๆ นั้น จะส่งผลทางความรู้สึกว่าดี ประทับในใจ ดังนั้น จึงควรเน้นเรื่องการตลาดก่อนเปิดตัวเช่นกัน...

    การศึกษาคู่แข่ง เพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งว่า มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร เพื่อเอาไว้ใช้ในการกำหนดขอบเขต และ สร้างจุดเด่นของบริการให้ดีกว่าคู่แข่ง อีกทั้ง เพื่อจะได้ตอบคำถามที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกค้าก็ได้...

    การทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักก่อนการเปิดตัวนั้น อาจจะสามารถทำได้หลายๆลักษณะ อย่างเช่น การโปรโมชั่นพิเศษ ในช่วงเวลาจำกัด การเข้าไปเสนอตัว แนะนำตัวโดยตรง การบอกรับสมาชิก การแจกใบปลิว เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งจะต้องทำให้กลุ่มเป้าหมาย ได้รับรู้ และ รู้จักตัวตนของธุรกิจให้มากที่สุด

    เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แต่ไม่ฟู่ฟ่า การเปิดตัวธุรกิจนั้น ก็สำคัญมาก เป็นการแจ้งเกิดกันเลยทีเดียว การหากิจกรรม หรือ หาคนร่วมแสดงความยินดี จะเป็นการโน้มน้าวจิตใจกลุ่มเป้าหมายได้ดีด้วยเช่นกัน การแจ้งข่าวการเปิดตัว จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ PR อย่างมาก หรือ การประชาสัมพันธ์ ตัวเองในวันนั้น ก็อาจจะทำให้เกิดลูกค้าประจำขึ้นมาเลยก็ได้ การเปิดตัวที่เงียบๆ จะไม่ได้ใช้โอกาศที่มีให้เป็นประโยชน์ การเปิดตัวที่โด่งดังเกินไป ก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า การบริการของเราจะราคาสูงจนไม่สามารถมาใช้บริการเช่นกัน จึงควรทำให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของธุรกิจด้วยเช่นกัน


  • การตลาดระหว่างการดำเนินการ เป็นการทำเพื่อให้ลูกค้าจดจำ และ ระลึกถึงการใช้บริการให้มากที่สุด เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ และ ภาพลักษณ์ที่ดี ต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าเพื่อต้องการลูกค้าที่ถาวร หรือ ลูกค้าเพิ่ม หรือ ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการใหม่นั้น ก็ต้องใช้ การตลาดระหว่างการดำเนินการด้วยกันทั้งสิ้น...

    โปรโมชั่นเป็นช่วงๆ ธุรกิจในแนวนี้ จะมีคนใช้บริการเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูฝน เพราะ เขาจะไม่สามารถตากผ้าได้แห้งตามต้องการ แต่ไม่ใช่ว่าทุกที่จะเป็นเช่นนี้เสมอไป ดังนั้น หากทำกิจกรรมทางการตลาดแบบช่วงสภาวะไม่ได้ ก็สามารถทำกิจกรรมทางการตลาดในเชิงสร้างเหตุการณ์ขึ้นมาเอง อย่างเช่น วันครบรอบกิจการ ลดพิเศษ หรือ อาจจะใช้เทศกาลหนึ่งเทศกาลใด มาเป็นตัวขับกิจการก็ได้ อย่างเช่น ปีใหม่ หรือ ช่วงที่มีวันหยุดยาวๆ ก็แจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการมีตัวตนของเรา เพื่อให้เขาละลึกได้... จะทำให้เขาอาจจะใช้บริการของเราในช่วงเวลาเหล่านี้ หากเขาต้องพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวๆเหล่านี้

    การสร้างให้ลูกค้าจดจำเราได้ หรือให้เขาเห็นเราบ่อยๆ เป็นการสร้างหรือ กระตุ้นเตือนความจำของเขาเมื่อเขาต้องการใช้บริการ ก็สามารถใช้บริการเราได้ในทันที วิธีการง่ายๆในการเตือนความจำ และ สร้างความแตกต่างของลูกค้าเราก็คือ การใช้สติ๊กเกอร์ ที่เป็น Logo ของธุรกิจ รวมทั้ง เบอร์โทรติดต่อ เป็นตัวกระจาย... วิธีการคือ ใช้สติ๊กเกอร์นี้ ติดที่หน้าบ้าน หรือ หน้าห้อง ที่เขารับบริการ... จะทำให้บ้าน หรือ ห้องพักเหล่านี้ เกิดความแตกต่างซึ่งบางคนชอบ บางคนไม่ชอบ แต่ต้องอธิบายเหตุผลให้กับลูกค้าเข้าใจในเชิงที่ว่า เพื่อจะได้ให้ทางผู้จัดส่งเสื้อผ้ากลับไม่หลงห้อง ทำให้เขาได้เสื้อผ้าที่ถูกต้องและไม่หาย ในเชิงคนอื่นที่ไม่ได้ใช้บริการ จะทำให้เขาเห็นความแตกต่าง อาจจะอยากใช้บริการเรา เขาก็อาจจะโทรติดต่อตามเบอร์โทรที่ติดไว้ หรือ หากเขาต้องการใช้บริการเพียงครั้งคราว ก็อาจจะโทรติดต่อเรากลับมาด้วยเช่นกัน เพียงสติ๊กเกอร์เพียงอันเดียว มีประโยชน์กันทุกฝ่ายเลยทีเดียว

    ป้ายโฆษณาก็มีผลกับการรับรู้ แต่ก็ต้องเลือกติด อย่างเช่น ติดต่อกับทางตึก เพื่อใช้ส่วนโฆษณาในลิฟท์ เป็นการโฆษณาก็ได้ ทำเป็นช่วงๆ เพื่อจะได้ให้เขารับรู้ ไม่จำเป็นต้องติดไว้ตลอด เพราะจะทำให้เขาไม่ใส่ใจกับสิ่งแปลกใหม่ อาจจะติดไว้ เดือน เว้น 2 เดือน หรือ เดือน เว้น เดือน ก็แล้วแต่ แต่ต้องเปลี่ยนหน้าตา ไปทุกครั้งที่ติด เพื่อทำให้คนที่พบเห็นเกิดความรู้สึกถึงสิ่งใหม่ๆ ลักษณะนี้เป็นต้น...


ยังมีวิธีการทางการตลาดอีกมากมายหลายทาง เพื่อจะทำให้ลูกค้ารู้จัก หรือ ลูกค้าเห็นภาพ ติดตา ซึ่งก็ขอยกเอามาเป็นแนวทางให้แค่นี้ คราวนี้จากปัจจัยภายนอก หรือเน้นลูกค้าแล้ว ก็ต้องเน้นเรื่องภายในด้วยเช่นกัน....

ระบบการจัดการทั้งหมด ปัจจัยภายในของธุรกิจ...

  • การรับเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นการรับจากหน้าร้าน หรือ ไปรับเองที่บ้าน การรับเสื้อผ้านั้น ต้องแยกเสื้อผ้าของลูกค้าอย่างดี ไม่อย่างนั้นแล้วจะเกิดการปะปนกัน หรือ จำไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้น ในธุรกิจนี้ จึงมีผ้าขาวผืนใหญ่ (สาเหตุที่เป็นผ้าขาว เพื่อสื่อถึงความสะอาด ของธุรกิจเรา) ผ้าขาวนี้มีไว้เพื่อห่อเสื้อผ้าที่ยังไม่ซัก เพื่อแยกออกมาอย่างเด่นชัด

    การรับเสื้อผ้ามานั้น สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือ ใบรับเสื้อผ้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของเราว่า มีการรับเสื้อผ้าเพื่อไปซัก เสือ้ กางเกง กระโปรง แต่ละประเภท จำนวนเท่าใด รวมแล้วกี๋ชิ้น กี่ตัว ถ้าคิดราคาเป็นชิ้น ก็ควรจะคำนวนให้เขาเลย แต่หากคิดเป็นกิโลฯ ก็ควรจะชั่ง ณ ตอนนั้นเลย หรือ คิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนก็เพียงจดจำนวนชิ้น ให้เรียบร้อย สิ่งนี้เพื่อทำให้เรารู้ว่า เป็นของใคร จำนวนเท่าใด และ การส่งคืนจะได้มีข้อมูลอ้างอิง เพื่อจัดส่งคืนให้ถูกต้องครบจำนวน ใบรับเสื้อ ต้องให้ลูกค้าเก็บ 1 ใบ เอามาแปะติดที่ห่อผ้า 1 ใบ และ เก็บไว้เป็นหลักฐานของธุรกิจอีก 1-2 ใบ การติดที่ห่อผ้าก็เพื่อบอกว่า ห่อผ้านี้เป็นของใคร ส่วนใบที่เป็นหลักฐาน ก็เพื่อไว้ตรวจสอบ และ จัดของคืนให้กับลูกค้า...

    การรับมา นั้น หากคุณซักเจ้าต่อเจ้าแล้ว ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการจัดส่งคืน จะสลับเสือ้ เสือ้หายมากนัก แต่จะทำให้สิ้นเปลีองทั้งน้ำ ไฟ รวมทั้ง ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มต่างๆ ดังนั้น การแยกซักเป็นรายๆ จึงไม่ได้รับความนิยม

    แต่ส่วนใหญ่ จะซักรวม แต่จะแยกประเภทของผ้า การซักรวมต้องออกแบบระบบเพื่อแยกผ้าแต่ละลูกค้าในการซัก คุณต้องมีระบบให้รหัส หรือ ชื่อของลูกค้าเอาไว้ ทุกๆตัว เพื่อการแยกจัดส่งในขั้นตอนสุดท้าย จะแนะนำให้ 2 วิธีข้างล่าง ที่เป็นวิธีที่ง่ายสามารถทำได้เลย และ เป็นที่นิยม คือ... ใช้ผ้ากาวเขียนชื่อ หรือ รหัส ไว้ แล้ว ติดกับเสื้อผ้า ในส่วนที่สกปรกน้อยที่สุด อย่างเช่น หลังปกคอเสื้อด้านพับเข้า สาปเสื้อ เป็นต้น เพื่อใช้ในการแยกหลังจากซักอีกครั้งหนึ่ง หรือ คุณอาจจะใช้ ถุงใส่ แยกเป็นเจ้าๆ ไปก็ได้ แต่ละถุงในการซักแต่ละครั้ง ก็ต้องมีรหัส ลักษณะนี้เช่นกัน....

    การรับเสื้อผ้า ควรจะใส่ถุงมือยาง ตลอดเวลา และ ไม่ควรเอามือมาป้ายตา หรือ ถูกอวัยวะที่ละเอียดอ่อน หรือ ถูกตัว สาเหตุอันเนื่องมาจาก เสื้อผ้า เป็นสิ่งที่รองรับความสกปรก เขาเป็นโรคอะไร ที่เห็นหรือไม่เห็นหรือไม่ เชื้อโรคก็ติดอยุ่ที่เสื้อผ้า เคยมีคนทำธุรกิจนี้ ตาบอด มาแล้ว อันเนื่องจากเอามือมาขยี้ตา เชื้อโรคเข้าตา ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ตาก็บอดสนิทรักษาไม่ได้อีกเลย... เป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างมากสำหรับธุรกิจนี้...

  • การคัดเลือกเสื้อ เพื่อแยกประเภทของการซักออกโดยชัดเจน เพื่อให้คุณภาพของการซักดีขึ้น ควรจะแยกผ้าต่างๆดังนี้ ออกมาเป็นกลุ่มๆ

    แยกตามประเภท หากคุณเน้นเรื่องคุณภาพการซักมากๆ จะต้องแยก ประเภทของการใช้งานโดยปกติออก เช่น แยกเสื้อ แยกกางเกงชาย แยกกางเกงผู้หญิง และ กระโปรง ซักแยกกัน คนจีนจะให้ความสำคัญกับเรื่องการซักผ้าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ ต้องแยกซัก กระโปรงและกางเกงผู้หญิงออกมาซักต่างหาก เพื่อเขาจะถือเกี่ยวกับคนใส่เสื้อผ้าที่ซักรวมจะโชคไม่ดี เป็นต้น.. หากคุณต้องการสร้างความแตกต่าง จุดนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่สามารถทำให้แตกต่างขึ้น...

    แต่ที่แน่ๆ กางเกง จะสกปรกมากกว่าเสื้อผ้า การซักรวมกัน จะทำให้ความสกปรกจากกางเกง ย้อนกลับมาติดที่เสื้อผ้า ทำให้ผ้าหมอง ซึ่งจะทำให้คุณภาพการบริการของคุณด้อยลงไปด้วย...

    ผ้านวม เป็นผ้าที่ควรแยกซัก เนื่องจากเป็นผ้าทีอมน้ำมาก และเครื่องที่จะรองรับในการซัก ต้องมีขนาดใหญ่ ซึ่งโดยปกติแล้ว การซักผ้านวม จะคิดราคาต่างหากจากการบริการปกติ

    ผ้าขาว การแยกผ้าขาวออกมาซักต่างหาก เป็นการแยกเพื่อซักแต่ผ้าขาว ใช้น้ำยาซักผ้าขาวได้เลย เพื่อให้ผ้าขาว ขาวสดใสจริงๆ แต่ผ้าขาวก็ต้องแยกผ้าที่สกปรกมากน้อยด้วย เพื่อจะได้ไม่ให้สิ่งสกปรกไปติดกลับไปยังเสื้อผ้าที่สะอาดตัวอื่นๆ... อีกทั้ง อาจจะต้องใช้น้ำยาป้ายเพื่อกำจัดความสกปรกแต่ละจุด ออกก่อนด้วย

    ผ้าสีสดใส การซักผ้าสีสดใส จะใช้เวลาน้อยๆ เพื่อรักษาความสดใสของสีผ้า

    ผ้าสีคล้ำ ผ้าสีคล้ำส่วนใหญ่จะเป็นกางเกง หรือ กระโปรง เพราะต้องการปกปิดความสกปรกไว้ได้ อีกทั้ง บางที ผ้าสีคล้ำใหม่ๆ จะตกสี การแยกซักต่างหากก็เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกย้อนกลับไปยังผ้าขาว หรือ ผ้าสีสด และ การซักผ้าสีคล้ำก็ควรจะซักนานกว่าผ้าสีขาวและสีสดใสเล็กน้อย เพื่อกำจัดความสกปรกให้ออกให้มากที่สุด

    คัดแยกผ้าที่สีตก เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างมาก เนื่องจาก ผ้าสีตก จะทำให้ผ้าอื่นๆที่ซักรวมกัน เกิดการติดสีขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องระวังผ้าลักษณะนี้อย่างมาก

    ผ้าที่สกปรกมาก ต้องแยกซักต่างหาก และ ต้องซักนานสักหน่อย เพื่อให้สิ่งสกปรกออกมามากที่สุดด้วย บางทีอาจจะต้องซักด้วยผงซักฟอกถึง 2 รอบ ซึ่งต้องขึ้นกับวิจารณญาณของแต่ละเจ้าของธุรกิจ กับ ความต้องการของเจ้าของผ้านั้นๆ

  • การซัก และ การใช้น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม การซักปัจจุบันจะซักด้วยเครื่องซักผ้า ดังนั้น ต้องคำนึงถึงจำนวนน้ำหนักที่เครื่องซักผ้า สามารถรองรับได้ อย่าใส่เกิดน้ำหนักที่กำหนด เพราะจะทำให้เครื่องซักผ้า เสียง่าย ระดับน้ำที่กำหนดในการซัก ก็ควรจะพอดี หรือ มากกว่าระดับเล็กน้อย รวมทั้ง เวลาที่ใช้ในแต่ละเนื้อผ้าก็ควรใช้เวลาที่ไม่มากเกินด้วย เพื่อใช้น้ำและไฟฟ้าให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

    น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาขจัดคราบ สิ่งเหล่านี้ ควรจะซื้อในปริมาณมากๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง ไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าที่มียี่ห้อ แต่ต้องซื้อสินค้าที่มีคุณภาพดี บางที่จัดทำเองก็มี โดยปรับปรุงสุตรจากเดิมบ้างบางส่วน ซึ่งหาซื้อสารเคมีเพื่อทำน้ำยาต่างๆนี้ได้ง่ายในกรุงเทพฯ และ มีที่สอนหลายที่มากๆ สิ่งหนึ่งที่เน้น คือ กลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ควรจะมีกลิ่นที่หอม แต่ไม่ฉุน และ ควรให้กลิ่นอยู่ทนติดเสื้อผ้า เพราะกลิ่นนี่เองที่เป็นตัวบ่งบอกถึง ความเป็นธุรกิจของคุณ กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ จะสื่อถึงงานบริการของคุณได้มากเช่นกัน ดังนั้น หลายๆที่ที่ทำน้ำยาปรับผ้านุ่มเอง จึงพยายามใช้กลิ่นที่แตกต่างจากน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ขายตามท้องตลาด หรือ ใช้กลิ่นที่เหมือนกับน้ำยาปรับผ้านุ่มราคาแพง ก็มี....

    แต่ถึงอย่างไร น้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็ควรจะทำให้ผ้านุ่มค่อนข้างดี ถ้ามีสารป้องกันกลิ่นอับของผ้าด้วยแล้ว จะยิ่งดีใหญ่ คุณภาพและราคาจึงต้องเป็นที่ยอมรับได้ ถ้าทำให้ผ้านุ่มน้อยเกินไป จนทำให้ลูกค้าสัมผัสและรับรู้ได้ หรือ ผ้าเหม็นอับ จะทำให้เกิดความไม่พอใจลึกๆ ได้เช่นกัน เสี่ยงต่อการสูญเสียลูกค้าไปง่ายๆ เช่นกัน ดังนั้น น้ำยาต่างๆ จึงควรถูกเลือกสรรอย่างดี ให้เหมาะกับราคา และ คุณภาพที่จะได้รับ

  • การทำให้แห้ง และ การรีดเรียบ ดูเหมือนง่าย แค่ ตาก และ รีด แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ...เมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้น ดังนั้น ผ้าที่ตากบางทีก็ไม่ยอมแห้ง หรือ ฝนตกไม่มีแดด ดังนั้น จึงควรต้องมีตู้อบผ้า เพื่อป้องกันปัญหาการตากผ้าไม่ได้ด้วยเช่นกัน

    การรีดก็ต้องการใช้เวลาให้น้อยที่สุดเพื่อประหยัดไฟฟ้ามากที่สุด เตารีดที่เลือกใช้ก็ควรใช้เตารีดไอน้ำ ลงทุนมากหน่อย แต่ประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่า ไม่แนะนำเตารีดแบบทับ เพราะ ต้องใช้ประสบการณ์ และ เสียเวลาในการจับผ้ามาก

    ช่วงการรีดผ้า ควรเป็นช่วงที่แยกเสื้อผ้าของแต่ลูกค้าออกกลับมาเป็นแต่ละลูกค้า


  • การเตรียมการจัดส่งคืน เมื่อรีดเสร็จ ก็จะมี การใช้ไม้แขวนเสื้อเพื่อให้เสื้อผ้าเรียบ มีคุณภาพ ก็ต้องมีใช้บ้าง บางที่คิดค่าไม้แขวนเสื้อด้วย... ซึ่งก็แล้วแต่กรณีไป... หรือบางที่ใช้ถุงพลาสติก เพื่อบ่งบอกว่า เสื้อผ้าได้ทำการซักอบรีด เรียบร้อยแล้ว หรือ บางที่ ใช้ แถบกระดาษ ที่มี Logo ของธุรกิจ เพื่อบ่งบอกว่า นี่คือเสื้อผ้าคุณภาพที่คุณได้รับ.... เป็นการสร้างงานบริการให้เป็นตัวตนเกิดขึ้น... เหมาะวิธีเหล่านี้เหมาะสำหรับ ธุรกิจที่สร้างงานบริการให้เป็นเลิศ ในราคาที่ค่อนข้างสูง แต่หากเป็น ธุรกิจที่บริการไม่ได้เน้นคุณภาพสูง ก็ลดหลั่นกันไป

    เมื่อแยกเสื้อผ้าตามลูกค้าแล้ว ก็ต้องตรวจนับเสื้อผ้าให้ตรงกับใบรับเสื้อ และ จะต้องแยกสายการส่งคืนเพื่อประหยัดในการหา และ จัดลำดับการให้บริการ การส่งคืน ก็ควรให้ลูกค้าเซ้นต์รับ ว่าได้รับเสือ้ผ้าครบถ้วน หากต้องเก็บเงินก็ต้องมีใบเสร็จ หรือ เก็บเงินมาให้ได้เลยในคราวเดียว...

    บางทีไปไม่เจอ ก็จะต้องจัดตารางการส่งใหม่อีกรอบ หรือ เอาเสื้อที่ยังส่งไม่ได้มารวมกับการจัดส่งในวันรุ่งขึ้นต่อไป




 

Create Date : 11 มกราคม 2548    
Last Update : 28 ธันวาคม 2549 14:32:05 น.
Counter : 23558 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.